ตอนที่62 : ความรัก ตัณหา และความต้องการ
วันจันทร์ถัดมาในช่วงพักกลางวัน
“…โอกาตะซัง เป็นอะไรไปเหรอ?”
ตอนที่เดินเข้าไปในห้องเรียนตามปกติเพื่อกินข้าวกลางวัน ผมก็เห็นโอกาตะซังฟุบหน้ากับโต๊ะราวกับคนที่ตายไปแล้ว
“เห็นว่าช่วงเสาร์อาทิตย์โดนเคี่ยวหนักตอนซ้อมละครเวทีที่ตัวเองเป็นนักแสดงนำล่ะ”
ยูมะเป็นคนตอบแทนโอกาตะซังที่ยังคงนอนตายอยู่
“อ้อ… งี้นี่เอง ขอโทษทีนะที่อยู่ๆก็ทักไปตอนที่เธอกำลังยุ่งขนาดนั้น”
“ก็ไม่เป็นไรหรอก… ฉันเป็นคนเสนอตัวช่วยเองนี่นา…”
โอ๊ะ ยังมีชีวิตอยู่แฮะ
“คุยเรื่องอะไรกันเหรอ?”
ยูมะถามขึ้นมาในตอนที่ผมนั่งลงแล้วหยิบข้าวกลางวันออกมา
“วันเสาร์ฉันไปเที่ยวกับฮิคารุแบบกะทันหัน ก็เลยขอให้โอกาตะซังแนะนำสถานที่ให้น่ะ”
“หืม~… หมายความว่าไปเดตกันสินะ ไปที่ไหนมาบ้างล่ะ?”
“ไปช้อปปิ้งที่ ◯✕ มอลล์ แวะร้านดูดวง… แล้วก็กินโดนัท”
“ระหว่างที่พวกเราต้องใช้เวลาวันหยุดอย่างโดดเดี่ยว ก็มีคนไปสวีทกันมาเนี่ยนะ อิจฉาชะมัด…”
ฮายาโตะที่มาก่อนแล้วพูดแทรกเข้ามาด้วยน้ำเสียงเหมือนเคืองๆ
ผมคิดจะเถียงกลับไป แต่พอคิดดูแล้วไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็คงกลายเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจทั้งนั้นเลยเลือกที่จะเงียบแทน
“แล้วเดตเป็นไงบ้าง? ประสบความสำเร็จมั้ย?”
“ก็ถือว่าไปได้ดีเลยล่ะ ขอบคุณมาก”
“หืมม~… ดูจากหน้าแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆนั่นแหละ ดูเป็นผู้ชายขึ้นเยอะเลยนะ รู้สึกเหมือนมั่นใจขึ้นมากกว่าเดิมอีกนะเนี่ย?”
“เหรอ? ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน…”
“เดี๋ยวนะ… หรือว่าแก… ทำครั้งแรกไปแล้ว!?”
ระหว่างที่ผมกำลังเอียงคอสงสัยกับคำพูดของโอกาตะซัง ฮายาโตะก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ครั้งแรก…? ไม่ๆๆ ไม่มีทาง…”
“โกหก! ผู้ชายที่พึ่งเจอหน้ากันไม่กี่วันแล้วดูมั่นใจขึ้นอย่างผิดหูผิดตาเนี่ย มีแค่การ ‘เสียซิง’ เท่านั้นแหละที่อธิบายได้! ยอมรับมาซะ! แกกับอาซาฮิ ฮิคารุได้กันแล้วใช่มั้ย!? ไอศัตรูของผู้ชายครึ่งโลกเอ้ย!!”
“เรย์ยะคุง! รู้สึกยังไงบ้าง!? เป็นไง!?”
ฮายาโตะที่ดูตื่นเต้นเกินเหตุพูดไม่หยุด แถมยูมะยังดันไปเข้าข้างอีก
“…ไม่ใช่จริงๆ…”
ผมตอบกลับไปอย่างเหนื่อยใจ
…ถึงแม้ว่าจะเกือบไปอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นจริงๆ
“แล้วไอ้พลาสเตอร์แปะแผลตรงคอของแกมันอะไรล่ะ?”
“ก็…แค่แผลถลอกเฉยๆ…”
พอเป็นเรื่องนั้นขึ้นมาก็เล่นเอาผมสะดุ้งไปนิดนึงเพราะมันไม่มีอะไรจะแก้ตัวได้เลย
“ว่าแต่ อย่าพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผู้หญิงสิ…”
“ฉันไม่เห็นจะสนเลยนะ ถ้าจะพูดกันจริงๆล่ะก็ ผู้หญิงเองยังเมาท์เรื่องแรงๆกว่านี้อีกเยอะเลยล่ะ”
นึกว่าจะเกรงใจกันบ้าง แต่กลับพูดออกมาแบบหน้าตาเฉยเลยแฮะ
เรื่องแรงๆกว่านี้ของผู้หญิงเนี่ยนะ…
บอกตามตรงว่าก็อยากรู้เหมือนกัน แต่น่ากลัวเกินไปเลยไม่ฟังดีกว่า
แต่ฮิคารุเองก็พูดเรื่องแบบนั้นกับเพื่อนเหมือนกันรึเปล่านะ…?
“เฮ้อ~… แต่นายก็ดูไปได้สวยดีนะ คางายามะคุง… อิจฉาจังเลย”
โอกาตะซังพูดแบบนั้นก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะอีกครั้ง
“แล้วเธอล่ะ? ดูเหมือนจะเจอปัญหาเยอะเลยนี่?”
“อื้ม… เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาฉันพึ่งได้ซ้อมกับนักแสดงคนอื่นเป็นครั้งแรก แต่โดนผู้กำกับกับทีมงานคอมเมนต์เยอะมากๆจนหมดความมั่นใจไปเลย…”
ดูหมดแรงขนาดที่เหมือนจะละลายไปกับแสงแดดในฤดูร้อนได้ทุกเมื่อ
เธอเป็นคนที่สดใสเป็นจุดเด่นมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอหมดสภาพขนาดนี้
“ฉันเป็นนักแสดงนำ ถ้าฉันพลาด ทุกคนก็ต้องหยุดรอ แถมยังเป็นภาระให้ทุกคนอีก…รู้สึกผิดมากจริงๆ…”
“ฟังดูหนักเอาเรื่องเลยนะ…”
“อ๊ากกก!! ความรักบ้าอะไรวะ! ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดอ่าาา!!”
เมื่อกี้ยังหมดอาลัยตายอยู่อยู่เลย แต่ตอนนี้กลับหัวร้อนซะแล้ว
…ดูท่าจะเครียดมากจริงๆแฮะ
“นี่ คางายามะคุง… ในเมื่อนายไปได้สวยขนาดนั้น ช่วยสอนฉันเรื่องความรักหน่อยสิ…”
“อย่าพูดจาให้ชวนเข้าใจผิดแบบนั้นได้มั้ย ถ้ามีใครได้ยินเข้าคงแย่แน่ๆ…”
“ก็ฉันไม่เข้าใจจริงๆนี่! ‘ความรัก’ นี่มันคืออะไรกันแน่? มันต่างจากแรงขับเคลื่อนทางเพศยังไง?”
ดูเหมือนเธอจะหมดความอดทนจนไม่สนใจเลือกคำพูดแล้ว
“แรงขับเคลื่อนทางเพศ…?”
“อ๊ะ แต่ก็มีนักเขียนชื่อดังเคยพูดไว้ว่าความรักก็เป็นแค่แรงขับเคลื่อนทางเพศโดยใช้คำพูดที่ดูดีเฉยๆใช่มั้ยล่ะ?”
พอผมอึกอักว่าจะตอบยังไง ยูมะก็พูดแทรกขึ้นมา
“โอ้ว~… งั้นเหรอ… แล้วนายล่ะ คางายามะคุง คิดยังไงกับเรื่องนี้?”
“ทำไมต้องเป็นฉัน… แล้วคำถามนี้มันเซนซิทีฟเกินไปหรือเปล่า…?”
“เอาน่า สอนฉันหน่อยสิ ฉันก็ช่วยนายไปแล้วไม่ใช่รึไง?”
“อึก…ก็จริง…”
พอพูดแบบนั้น ผมก็เถียงไม่ออก
เพราะสุดท้ายแล้ว คำแนะนำของโอกาตะซังก็ช่วยให้ผมกับฮิคารุใกล้ชิดกันขึ้นจริงๆ
“ฉันต้องไขความลับของ ‘ความรัก’ ให้ได้!”
“ไขความลับนามธรรมหรอ…? แต่มันก็ใช่ว่าจะได้ผลไม่ใช่เหรอ…”
“ช่างเถอะ! ขอแค่นายเล่าตามความคิดของตัวเองก็พอ! ความรักกับแรงขับเคลื่อนทางเพศต่างกันยังไงกันแน่!?”
โอกาตะซังทุบโต๊ะปังใหญ่ก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง
“งั้น…เล่าในมุมมองของฉันนะ…”
พอเห็นเธอจริงจังขนาดนั้น ผมก็เลยยอมพูดออกมา…
“…โนคอมเมนต์”
“เอ๋!? ทำไมล่ะ! ไหนๆก็มาขนาดนี้แล้ว บอกหน่อยก็ได้มั้ง!”
“เรื่องนี้มันเซนซิทีฟเกินไป บอกไม่ได้หรอก”
ถึงจะเป็นหนี้บุญคุณ แต่ก็มีขอบเขตของเรื่องที่บอกได้กับเรื่องที่บอกไม่ได้อยู่เหมือนกัน
“หรือว่า…ที่ถึงจะดูผอม แต่จริงๆแล้วหน้าอกค่อนข้างใหญ่?”
“โนคอมเมนต์”
“งั้นเป็นเอวที่กระชับเข้ารูป? หรือไม่ก็ก้นใหญ่?”
“…โนคอมเมนต์”
“อ๊ะ! รู้ละ! ต้องเป็นท้ายทอยสีขาวเนียนที่แอบโผล่มาให้เห็นเป็นครั้งคราวแน่ๆ!”
“บอกแล้วไงว่าไม่พูด…”
ผมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรักษาสิทธิ์ในเสรีภาพทางความคิดที่ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญจากการสอบสวนอย่างไม่ลดละของโอกาตะซัง
“ขี้เหนียวจริงๆ…”
เธอทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ แต่จะให้พูดได้ไงกันล่ะ ก็เล่นเดาถูกเกือบหมดเลยนี่หว่า
“ว่าแต่ เรื่องแบบนี้…ไปถามคนที่เล่นละครเวทีด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอ?”
พวกนักแสดงน่าจะมีประสบการณ์มากกว่าคนไร้ประสบการณ์เรื่องความรักแบบผมแน่ๆ
จริงๆน่าจะไปพึ่งพาคนกลุ่มนั้นตั้งแต่แรกแล้วรึเปล่านะ?
พอคิดแบบนั้นแล้วถามไป ก็ได้รับคำตอบว่า—
“ความสัมพันธ์ชายหญิงในวงการละครเวทีมันยุ่งเหยิงสุดๆเลยน่ะสิ แล้วก็ซับซ้อนจนถึงขั้นจบไม่สวยกันไปเลยน่ะ…”
โอกาตะซังพูดอย่างเศร้าสร้อยพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
*****
แล้วในที่สุด สัปดาห์ที่ยาวนานก็สิ้นสุดลงและเข้าสู่วันเสาร์ของสุดสัปดาห์
เวลาผ่านพ้นจุดสูงสุดของดวงอาทิตย์ไปนิดหน่อย เป็นช่วงบ่ายแก่ๆ
ปกติแล้วเวลานี้ผมจะรอให้ฮิคารุมาหาที่บ้าน แต่วันนี้กลับกัน
วันนี้เป็นวันแรกที่ผมจะไปบ้านของเธอเพื่อประกอบคอมพิวเตอร์ที่ซื้อมาเมื่อสัปดาห์ก่อน
ผมนั่งรถไฟไปยังสถานีที่ไม่เคยไปมาก่อน จากนั้นเปิดแผนที่ในมือถือเพื่อนำทางไปยังจุดหมาย
หลังจากเดินจากสถานีมาราวสิบกว่านาทีก็เข้าสู่ย่านที่อยู่อาศัยอันเงียบสงบ
“น่าจะตรงนี้แหละ…บ้านเลขที่สาม งั้นฝั่งนั้นก็คือสี่…”
ระหว่างเดินผ่านเขตที่จัดแบ่งอย่างเป็นระเบียบ ผมก็พบกับ—
“เจอแล้ว…!”
บ้านที่มีป้ายชื่อ “อาซาฮิ” ติดอยู่ตรงทางเข้า
เป็นบ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์นที่ดูหรูหรา ด้านหน้ามีโรงจอดรถขนาดใหญ่ที่สามารถจอดรถได้ถึงสองคัน
แตกต่างจากบ้านของผมตรงที่ให้ความรู้สึกถึงการอยู่อาศัยของครอบครัว แต่ผมได้ยินมาว่าวันนี้พ่อแม่ของเธอไม่อยู่บ้าน
ทำให้หมดห่วงไปได้หน่อยว่าคงไม่ต้องเจอเหตุการณ์ทำพลาดตอนทักทาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ดี
ผมเปิดประตูรั้ว เดินไปกดกริ่งตรงข้างประตูบ้าน
ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งดังตึงตังจากด้านใน
ฝีเท้านั้นเข้ามาใกล้เรื่อยๆก่อนจะหยุดลงตรงอีกฝั่งของประตู
เสียงปลดล็อกกุญแจดังขึ้น—
“ยินดีต้อนรับจ้า!”
ฮิคารุเปิดประตูออกมาพร้อมรอยยิ้มสดใสเหมือนเช่นเคย
เธอสวมเสื้อกล้ามตัวบางกับกางเกงขาสั้นที่เผยให้เห็นต้นขาขาวเนียน
เป็นการต้อนรับที่ดูเป็นธรรมชาติตามสไตล์เธอ…แต่วันนี้กลับดูไร้การป้องกันกว่าปกติไปหน่อย…
MANGA DISCUSSION