ตอนที่39 : เดทหลังเลิกเรียน
พอหมดคาบโฮมรูมและถึงเวลาหลังเลิกเรียน อาซาฮิซังก็ตรงมาหาผมทันที แน่นอนว่าเป้าหมายตามที่สัญญากันไว้ตอนเช้า—เดินกลับบ้านพร้อมกัน
“งั้น ไปกันเถอะ”
“อืม”
ผมคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องเรียนพร้อมกัน พวกเราเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดิน แน่นอนว่าย่อมตกเป็นเป้าสายตาโดยไม่อาจเลี่ยงได้
“เฮ้ย…แบบนี้แสดงว่ามันเป็นเรื่องจริงสินะ…”
“ไอ้เนิร์ดนี่…จะมาอวดพวกเราเหรอ?”
“รสนิยมแย่ชะมัด…”
เสียงกระซิบกระซาบเหล่านั้นลอดเข้าหูโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เราเดินผ่านสายตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและเลี้ยวตรงหัวมุมทางเดิน
ในตอนที่กำลังจะลงบันได อาซาฮิซังก็หยุดเดินก่อนจะพูดขึ้น
“แบบว่า…รู้สึกแย่เหรอ?”
“เอ๊ะ? อะ…อะไรเหรอ?”
ผมงุนงงกับคำถามที่ถูกโยนมาอย่างกระทันหัน
“คือว่า…อยู่กับฉันแล้วถูกคนอื่นมองแปลกๆหรือพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเรา มันทำให้รู้สึกแย่รึเปล่า?”
“เรื่องนั้น…เอ่อ…”
“อายากะบอกว่าถึงฉันจะไม่แคร์ แต่คาเงยามะคุงอาจจะรู้สึกไม่ดี…ถ้ามันเป็นปัญหามากจริงๆล่ะก็ อย่างน้อยตอนอยู่ที่โรงเรียน—”
“มะ…ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้!”
ผมรีบพูดออกไปเมื่อเห็นสีหน้าของเธอที่ดูเศร้าและรู้สึกผิด
“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย…ก็มีบ้างแหละ…”
“งั้นก็แปลว่า…”
“แต่ถึงอย่างงั้น ฉันก็อยากใช้เวลาอยู่กับเธอให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้…”
“อื้อ ฉันก็เหมือนกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม เธอก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิดก่อนที่เราจะเริ่มเดินต่อ ลงบันได ผ่านประตูทางออก และเดินออกจากโรงเรียน
เมื่อออกมาด้านนอกแล้วนักเรียนก็เริ่มน้อยลง สายตาจับจ้องที่อึดอัดก็ลดลงไปด้วย ผมเลยรู้สึกโล่งขึ้นบ้าง
แต่พอเริ่มสบายใจขึ้น ผมกลับเริ่มสนใจคนข้างๆแทน อาซาฮิซังที่อยู่ในชุดนักเรียนกำลังเดินอยู่ข้างผม
ถึงจะเป็นภาพที่เห็นจนชินตา แต่ก็ให้ความรู้สึกแปลกไปเพราะครั้งนึงเธอเคยเป็นคนที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
ถึงชุดลำลองของเธอก็ดูดี แต่ชุดนักเรียนก็ยังคงน่ารักมากอยู่ดี
“หืม? มีอะไรเหรอ?”
คงเป็นเพราะผมแอบมองเธออยู่เลยโดนจับได้ เจ้าตัวเอียงคออย่างสงสัย
แค่ท่าทางแบบนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกว่ามันน่ารักเกินไปจนหน้าเริ่มร้อนขึ้นมา
“ปะ…เปล่าหรอก แค่คิดว่าเราจะไปที่ห้องของฉันเลยรึเปล่า…”
“อืม ถ้าจะเอาแบบนั้นแล้วก็รู้สึกว่าน่าเสียดายนิดหน่อยแฮะ ก็เป็นเดทนี่นา”
“เดท…?”
“อื้อ เดทไง? เดตหลังเลิกเรียนในชุดนักเรียนน่ะ”
เธอพูดออกมาอย่างมั่นใจราวกับเป็นเรื่องปกติ
“จริงๆฉันก็แอบอยากลองอยู่เหมือนกันนะ เวลาฟังพวกเพื่อนที่มีแฟนคุยกันแล้วก็รู้สึกอิจฉานิดๆ”
“อะ…เอ๋ นั่นสินะ…”
“ใช่ๆ เพราะงั้นฉันเลยอยากจะแวะที่ไหนสักที่น่ะ…อ๊ะ จริงสิ! มีร้านที่อยากไปอยู่พอดีเลย! ถ้าจำไม่ผิดมันอยู่แถวนี้แหละ…เจอแล้ว! ทางนี้ๆ!”
เธอวิ่งนำไปเล็กน้อยก่อนหันกลับมาพร้อมกับโบกมืออย่างร่าเริง
เดท…งั้นเหรอ…นี่คือเดตสินะ…
ไม่ใช่แค่การไปซื้อของด้วยกันแบบตอนนั้น แต่เป็นเดทอย่างเป็นทางการที่เธอเองก็ยอมรับ
ผมไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้สัมผัสอีเวนต์แบบนี้
เธอพาผมมาที่ร้านสมูทตี้เปิดใหม่หน้าสถานี ร้านที่ผมไม่น่าจะเข้ามาคนเดียวแน่ๆ
ดูเหมือนร้านจะค่อนข้างได้รับความนิยมเพราะถึงจะเป็นวันธรรมดาก็ยังมีคิวยาวพอสมควร
หลังจากยืนคุยกันไปสักพักก็ถึงคิวของเรา
“เอาสตอเบอรี่บานาน่าหนึ่งแก้วค่ะ!”
“งั้นฉันเอาโทปิคอลแมงโก้หนึ่งแก้ว”
เราสั่งเมนูที่เลือกไว้ล่วงหน้าแล้วรับมาเป็นแบบเทคเอาท์
ดูเหมือนร้านจะไม่มีที่ให้นั่งกินเลยต้องเดินถือ แต่ก็มีม้านั่งอยู่ใกล้ๆพวกเราเลยไปนั่งพักกัน
“อื้ม…อร่อยจัง…”
“อือ อร่อยดีแฮะ รสหวานจากผลไม้ชัดดีเพราะใส่น้ำตาลน้อย”
“สมกับที่เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ร้านอาหารเลยนะ~ วิเคราะห์รสชาติได้เป๊ะมาก”
เราคุยเล่นกันไปพลางจิบสมูทตี้ราคา 700 เยนต่อแก้ว
ถ้าเป็นตัวผมเมื่อก่อน—
‘สมูทตี้ก็แค่น้ำผลไม้ปั่น ขายตั้ง 700 เยน แพงเกินไปปะ? เอาไปซื้อเกมลดราคาบน Steam เล่นได้เป็นเดือนเลยนะ’
…แม้แต่ตอนนี้ก็ยังคิดแบบนั้นอยู่นิดหน่อยก็เถอะ
แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นราคาที่รวมประสบการณ์นี้ไปด้วย กลับรู้สึกว่ามันคุ้มสุดๆ
“หืม? มีอะไรเหรอ?”
ในตอนที่กำลังดื่มด่ำกับความสุขที่คาดไม่ถึง ผมก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังจ้องมือผมอยู่
“ของคาเงยามะก็ดูอร่อยดีนะ…จริงๆฉันก็ลังเลระหว่างสองเมนูนี้จนถึงตอนสุดท้ายเลยล่ะ”
ตัวเลือกพวกนี้ลอยขึ้นมาในหัวผม และแน่นอนว่าถ้าเป็นนางเอกสายหวานแบบเธอ ต้องเลือกข้อ 3 อยู่แล้ว…
“ขอลองชิมหน่อยได้ไหม?”
แต่ก่อนที่ผมจะตอบ เธอก็ถามขึ้นมาก่อน
“อ๊ะ-อืม เอาสิ…”
“งั้น เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ลองของฉันด้วยนะ!”
เธอยื่นแก้วของตัวเองมาให้ ผมก็เลยยื่นของตัวเองไปเหมือนกัน
อาซาฮิซังใช้หลอดเดียวกับที่ผมพึ่งดูดไปเมื่อกี้โดยไม่ลังเล
เธอกลืนสมูทตี้ลงคอเบาๆ
“ไม่กินหรอ? หรือว่าจะไม่ชอบสตรอเบอรี่กับกล้วย?”
“เปล่า…ไม่ใช่แบบนั้น…”
“งั้นก็ เอ้า”
เธอยื่นมันเข้ามาใกล้กว่าเดิม
แต่สายตาของผมกลับไปหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอแทน
หรือว่าสายคนเฟรนด์ลี่แบบเธอจะไม่ได้คิดอะไรมากกับการดื่มหลอดเดียวกัน?
ถ้างั้นผมก็ต้องทำบ้างแล้วล่ะ…
ผมตัดสินใจดูดหลอดที่เธอยื่นให้
ราวกับเป็นช่วงเวลาที่ยืดยาวที่สุดในชีวิต หัวใจของผมเต้นแรงจนเสียงดังก้องอยู่ในหู
“เป็นไง? อร่อยไหม?”
“อะ-อืม อร่อยดี…รสเปรี้ยวของสตรอเบอรี่กับความกลมกล่อมของกล้วยเข้ากันสุดๆ…”
ผมพยายามตอบให้ดูมีสาระ แต่ความจริงแล้วผมไม่ได้รับรู้รสอะไรเลย เพราะมีรสหวานเปรี้ยวอีกอย่างติดอยู่ในใจ
“ใช่ม้าา~? ทางนั้นก็อร่อยเหมือนกัน งั้นครั้งหน้าฉันจะสั่งเมนูนั้นบ้างดีกว่า~”
เธอกำลังจะดูดหลอดตัวเองอีกครั้ง แต่แล้วก็ชะงักไป—
“…อ๊ะ”
เหมือนเธอจะพึ่งนึกอะไรขึ้นได้ เจ้าหยุดแล้วพูดขึ้นว่า—
“ถ้าคิดดูดีๆ…เราพึ่งจูบทางอ้อมไปแล้วสินะ”
เธอเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บางๆพร้อมกับใบหน้าที่แดงเรื่อ
‘FATALITY’
ท่าไม้ตายที่เธอปล่อยออกมา ทำให้ผมทำได้แค่ดิ้นพล่านอยู่กับที่เท่านั้น…
****
“ขอรบกวนหน่อยนะคะ~!”
เมื่อไขกุญแจเปิดประตูบ้านของตัวเอง อาซาฮิซังก็พุ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่ผมยังยืนถอดรองเท้าอยู่ เธอก็กระโดดขึ้นเตียง ไม่สิ แทบจะเป็นการพุ่งดิ่งใส่มันด้วยซ้ำ
“อื้ม~… ไม่ได้มานานเลย แต่พอมาถึงแล้วก็รู้สึกสบายใจสุดๆ~…”
เธอทิ้งตัวลงบนเตียง พลิกตัวกลิ้งไปมาอย่างไร้การป้องกันมากกว่าครั้งไหนๆซะอีก
เธอทำตัวเหมือนที่นี่เป็นห้องของตัวเองจริงๆ
พอเห็นแบบนี้ผมก็รู้สึกดีใจที่เธอรู้สึกว่าสถานที่นี้เป็นเหมือนเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของเธอ
“วันเสาร์ที่แล้วเธอมีแข่งเลยมาไม่ได้… งั้นก็สิบวันพอดีสินะ?”
“อื้ม ก่อนหน้านี้ก็มาทุกอาทิตย์เลยนี่นะ พอห่างไปสามวันก็รู้สึกเหมือนนานสุดๆเลย~ นายสบายดีมั้ย? อื้มๆ ดีมากๆ~”
เธอพูดอย่างร่าเริง พลางเล่นกับตุ๊กตาจากตู้คับที่อยู่ข้างเตียง
“เอาล่ะ วันนี้จะทำอะไรดี? เล่นต่อจากคราวที่แล้วมั้ย?”
ผมนั่งลงที่เก้าอี้แล้วปลุกคอมพิวเตอร์จากโหมดสลีป
“อืม~… เอาไงดีน้า~…”
อาซาฮิซังยังคงนอนอยู่บนเตียง ในมือเธอถือคอนโทรลเลอร์ไถหน้าจอเกมในคลังรีบนทีวี
เกมสุดงี่เง่าครั้งที่แล้วก็ยังเล่นไม่จบเลย
ผมคิดว่าวันนี้ก็คงเล่นต่อนั่นแหละ—
“อ๊ะ! นึกอะไรดีๆออกแล้ว!”
อาซาฮิซังเด้งตัวขึ้นมาพร้อมเสียงตื่นเต้น
“อะไรเหรอ? หรือว่าเจอเกมที่อยากเล่นแล้ว?”
“อื้อ… เปล่าหรอก ไม่ใช่แบบนั้น… ฉันว่าเรามาแข่งกันดีมั้ย?”
“แข่ง… หมายถึงเกม?”
“ใช่! ก็นะ เราเล่นโหมด Co-op กันมาเยอะแล้วแต่ไม่เคยแข่งกันจริงๆเลยนี่นา?”
“พอเธอพูดแบบนั้นก็จริงแฮะ”
ตอนเล่นเกมผลไม้กับเกมคีบตุ๊กตา ตอนแรกเราก็แข่งกัน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นช่วยกันเล่นซะงั้น
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นผมนั่งดูเธอเล่นเกมโซโล่หรือไม่ก็เล่นโหมด Co-op ด้วยกัน
เกมเดียวที่พอจะนับเป็นการแข่งขันได้ก็คือแอร์ฮอกกี้ในเกมเซ็นเตอร์
แต่… นั่นเป็นการแพ้แบบหมดรูปของผม
“ก็ได้! รับคำท้าเลย! งั้นจะเล่นเกมไหนล่ะ?”
ไฟแห่งจิตวิญญาณเกมเมอร์ของผมลุกโชนขึ้นมาเพราะโอกาสล้างแค้นที่ไม่คาดคิด
“อื้ม… งั้นเราเลือกเกมสลับกันดีมั้ย?”
“ก็โอนะ เพื่อให้แฟร์ เราเลือกเฉพาะเกมที่เคยเล่นทั้งคู่ หรือไม่ก็เกมที่ไม่เคยเล่นกันมาก่อนกันเถอะ”
“โอเค แล้วก็อีกอย่าง… ไหนๆก็แข่งกันแล้ว มาเพิ่มความตื่นเต้นให้มากขึ้นกันเถอะ~”
อาซาฮิซังชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์—
“คนแพ้ต้องทำตามคำขอของคนชนะหนึ่งอย่าง ว่าไง?”
เธอยิ้มกว้างแบบจงใจ ราวกับนี่คือแผนหลักที่คิดไว้ตั้งแต่แรก…
MANGA DISCUSSION