ตอนที่15 : ไม้ vs น้ำ
“ไม่เป็นไรใช่ไหม? หรือว่าอยู่ดีๆก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมารึเปล่า?”
ดูเหมือนว่าอิจิรุซังจะเป็นห่วงที่ไทจูซังยังไม่ยอมเข้ามาสักที เธอเลยเดินเข้ามาใกล้ๆ
“ไม่นะ!! ไม่เป็นไรเลย!! ไม่มีปัญหาครับ!!”
“งะ-งั้นเหรอ…… ถ้างั้นก็ดีแล้ว…… เชิญนั่งตามสบายเลยนะ”
“ครับ!! ขออนุญาตครับ!!”
ไทจูซังเดินไปนั่งที่ที่นั่งด้านในด้วยท่าทางเกร็งๆราวกับเครื่องจักรที่น้ำมันแห้ง
อาซาฮิซังเองก็เหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของพี่ชายเธอเลยทำหน้าลำบากใจ
“ให้ตายสิ พี่นี่นะ…… อายเขาจังเลย ทำตัวปกติเถอะ”
“มะ-มันก็ปกติอยู่แล้วนะ!!”
มันดูแปลกมาก……
“ว่าแต่ เรย์ยะคุงก็ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงใช่มั้ย? งั้นกินด้วยกันไหมล่ะ?”
อิจิรุซังแนะนำพร้อมส่งสายตาให้เห็นอย่างชัดเจนว่าให้ทำตาม
ผมไม่รู้หรอกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่การปฏิเสธตอนนี้ก็คงแปลกไปหน่อย……
“อืม…… ถ้าไม่รบกวนสองคนนี้ก็ได้แหละ……”
“ไม่รบกวนเลย ทานด้วยกันเถอะ! นั่งเลยๆ”
ได้รับการยอมรับทันที ทำให้เราต้องกินข้าวด้วยกันสามคน
อิจิรุซังส่งสายตาบอกให้ผมไปนั่งข้างๆ แต่ผมเลือกที่จะนั่งข้างไทจูซังแทน
“อืม…… จะกินอะไรดีนะ…… งงจัง……”
อาซาฮิซังกำลังจ้องมองอย่างตั้งใจไปที่เมนูซึ่งเขียนด้วยฟอนต์ที่ดูเหมือนการเขียนด้วยพู่กันเก่าๆ
การที่เราทั้งสองคนเล่นเกมด้วยกันยังถือว่าเป็นเหตุการณ์แปลกมาก แต่ตอนนี้เรายังก็กินข้าวด้วยกันอีก
ในช่วงไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ผมไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้เลย
“นี่ เรย์ยะคุง แนะนำหน่อยสิ อะไรอร่อยบ้างหรอ?”
“อืม…… ถ้าถามแบบนั้น……”
ถ้ามองจากมุมมองของคนในครอบครัว อาหารของอิจิรุซังทุกอย่างก็อร่อยหมดนั่นแหละ
การเลือกเมนูหนึ่งในหลายๆอย่างนี้มันยากเหมือนกับการเลือกเกมที่ดีที่สุดจากคลังเกม
“คาโบนารา…… เอ๊ะ หรือจะเป็นสตูว์เนื้อดีนะ…… ไม่สิ เป็นข้าวห่อไข่แล้วกัน”
“ข้าวห่อไข่! ดูน่ากินจริงๆด้วย! งั้นฉันขออันนั้นละกัน!”
“โอเคจ๊ะ ฮิคารุจังเลือกข้าวห่อไข่นะ…… แล้วก็……”
อิจิรุซังที่รับออเดอร์ของอาซาฮิซังเสร็จแล้ว หันไปมองทางไทจูซังต่อ
“พี่ล่ะ เอาอะไรดี?”
“งั้น ผมก็ขอเป็นข้าวห่อไข่เหมือนกันครับ!”
ไทจูซังตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและชัดเจน ราวกับเป็นคำแถลงนโยบายของนักการเมือง
“ค่า~ คุณพี่ชายก็ข้าวห่อไข่เหมือนกันเนอะ… เรย์ยะคุงเอาเหมือนกันดีไหม?”
“อื้อ ทำพร้อมกันไปเลยน่าจะง่ายกว่า”
“โอเค ข้าวห่อไข่สามที่นะ เดี๋ยวทำให้เลย รอสักครู่ คุยกันไปพลางๆน้า~”
เหมือนเธอจะดีใจที่ผมพาเพื่อนร่วมชั้นมา… แถมเป็นผู้หญิงซะด้วย ท่วงท่าของเธอตอนเดินกลับเข้าครัวไปดูร่าเริงกระดี๊กระด๊าเชี่ยว
ผมอดห่วงไม่ได้ว่าเธอจะสะดุดล้มเข้าให้ซะก่อน…
“ลูกพี่ลูกน้องของนายทั้งสวยทั้งใจดีเลยนะ เปลี่ยนตัวกับพี่ชายฉันได้ไหมเนี่ย”
“ฮะๆ…”
เจอกับมุกที่ตอบยากเข้าไป ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
แต่ถึงจะโดนพูดแบบนั้น ไทจูซังกลับไม่โต้แย้งอะไรเลย ต่างจากเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง
เขาเพียงแค่มองไปทางครัวที่มีเสียงทำอาหารแว่วๆออกมาอยู่เท่านั้น
แล้วหลังจากพวกเราคุยกันอยู่สักพัก อาหารที่สั่งก็เสร็จเรียบร้อย
“เรย์ยะคูง เสร็จแล้ว มารับตามลำดับด้วยนะ!”
ผมหยิบจานที่วางเรียงอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวแล้วค่อยๆถือไปที่โต๊ะ
ข้าวห่อไข่ที่ราดซอสเดมิกลาสแบบจัดเต็มสามจานถูกนำมาวางเรียงกันบนโต๊ะ แล้วทุกคนก็พร้อมสำหรับมื้ออาหาร
“ว้าว~… น่ากินสุดๆเลย…! งั้นก็ ขอทานละนะคะ~!”
อาซาฮิซังหยิบช้อน ตักข้าวห่อไข่คำหนึ่งเข้าปาก
“~~~~~~อื้อ!”
เธอแสดงความประทับใจออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูด
“อ-อร่อยยยยย~!!”
ดวงตาของเธอเป็นประกายราวกับดวงดาว เป็นคำชมที่แสนเรียบง่ายแต่สมบูรณ์
“ถูกปากสินะ?”
“ค่ะ! มันนุ่มละมุนจนเหมือนอยู่บนสวรรค์เลย… อร่อยมากจริงๆค่ะ!”
คำชมที่ไม่มีการปรุงแต่งใดๆทำให้คนทำอาหารที่เดินออกมาจากครัวยิ้มอย่างพึงพอใจ
พอได้เห็นแบบนั้น ผมก็รู้สึกเหมือนได้รับคำชมไปด้วยเลยแฮะ
“เนอะ? พี่ก็คิดแบบนั้นใช่ไหม? พี่ชาย…?”
อาซาฮิซังหันไปขอความเห็นจากไทจูซัง แต่เขากลับนิ่งค้างไปพร้อมกับช้อนที่ค้างอยู่ในปาก
หรือว่าเขาจะไม่ชอบ…? ผมเลยลองชะโงกหน้าไปดู
“อร่อย…!!”
—แต่นแต๊น!
น่าจะมีเสียงประกอบแบบนั้นดังขึ้นได้เลย เพราะน้ำเสียงสั่นเครือของไทจูซังนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกปลื้มปิ่มและดวงตาของเขาก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
“ข้าวห่อไข่อร่อยขนาดนี้ ผมไม่เคยกินมาก่อนเลย…!! นี่คือจานที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลย ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน หรือในอนาคตก็ตาม!!”
“ม-มันจะไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอ…? ถึงจะดีใจที่ถูกชมก็เถอะ…”
อิจิรุซังถึงกับแสดงท่าทีงุนงงออกมาอย่างชัดเจนกับปฏิกิริยาที่เกินคาดของเขา
“ไม่เลย! ก่อนอื่นคือซอสเดมิกลาสที่มีทั้งรสเปรี้ยวและหวานผสมกันอย่างลงตัว แล้วยังมีครีมสดช่วยเพิ่มความกลมกล่อมทำให้เข้ากับไข่ที่ทอดมาได้พอดีเป๊ะ! ส่วนข้าวผัดด้านในก็ดีเยี่ยม! เครื่องปรุงต่างๆถูกปรุงรสอย่างพิถีพิถัน และการที่ใช้ซอสมะเขือเทศแค่พอประมาณทำให้รสชาติของเครื่องแต่ละอย่างโดดเด่นขึ้นมาได้! ทุกองค์ประกอบผสานกันอย่างแนบแน่น ก่อให้เกิดศิลปะแห่งข้าวห่อไข่ที่มาอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้… นี่มันเป็นปาฏิหาริย์ของพระเจ้าแท้ๆ…!”
คำบรรยายที่แม้แต่พิธีกรรายการรีวิวอาหารยังต้องอาย ไหลออกจากปากเขาอย่างลื่นไหล…
…คนๆนี้ อาจจะเป็นคนที่แปลกกว่าที่ผมคิดซะอีก…
“พี่ชายของฉันแสดงปฏิกิริยากับอาหารแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยอ่ะ… แสดงว่าต้องอร่อยมากจริงๆ ปกติจะพูดแค่ ‘อร่อย’ ‘ไม่อร่อย’ หรือ ‘ธรรมดา’ เท่านั้นเอง…”
อาซาฮิซังพยายามแก้สถานการณ์แทนพี่ชายที่กำลังโดนมองอย่างงงงวย
“จ-จริงเหรอ? ถ้างั้นก็ดีใจมากเลยล่ะ เอ่อ…”
“ไทจู! อาซาฮิ ไทจู! ปีสองมหาวิทยาลัยโทได! งานอดิเรกคือเล่นเกมกับเขียนโปรแกรม! คำพูดติดปากคือ ‘FUS RO DAH!’! วันหยุดก็ยังอุตส่าห์พาน้องสาวไปซื้อของ! อายุยี่สิบ! ยินดีที่ได้รู้จัก!”
(TL : คำพูดติดปากเฮียแกไม่ใช่คำว่า FUS RO DAH หรอก แต่เป็นคำใน Skyrim นั่นแหละ ผมแค่กลัวจะไม่เก็ตกัน)
“ไ-ไทจูคุงสินะ… เรียนอยู่ที่โทได… ส-สุดยอดไปเลย… ช่วยสอนหนังสือให้เรย์ยะคุงหน่อยได้มั้ย—”
“ได้เลยครับ! ผมรับรองเลยว่าไอคิวเจ้านี่จะเพิ่มขึ้น 20 แต้มแน่นอน!!”
ไทจูซังลุกพรวดจากที่นั่งอย่างรวดเร็วจนอิจิรุซังถึงกับถอยไปเล็กน้อย
ถึงผมจะไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้มากนัก แต่สถานการณ์ตรงหน้าก็ทำให้เข้าใจได้ทันที…
ดูเหมือนร้านนี้จะได้ลูกค้าประจำเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วล่ะ…
*****
หลังจากจบมื้ออาหารที่กลายเป็นเวทีโชว์เดี่ยวของไทจูซัง ทั้งสองคนก็กลับไปก่อนที่จะเปิดร้านช่วงเย็น
ทั้งคู่พูดว่า “แล้วจะมาอีกนะ” แต่ความหมายของไทจูซังนั่นออกจะน่ากลัวอยู่หน่อยๆ
ดูจากท่าทางแล้ว มีโอกาสสูงที่จะมาสัปดาห์ละครั้ง…ไม่สิ บางทีอาจจะมาทุกสองหรือสามวันเลยก็ได้
แล้วหลังจากที่เวลาทำงานเย็นจบลง ผมก็กลับถึงบ้านตอนสี่ทุ่มกว่าๆเข้าไปแล้ว
“เฮ้อ… ช่วงวันหยุดยาวมันยุ่งสุดๆเลย แค่ก็ตามนั้นล่ะนะ…”
ผมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เกมมิ่งอย่างอ่อนล้า ขยับแค่มือขวาเพื่อเลื่อนเมาส์ไปมา
ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ค่าแรงวันนี้ก็น่าจะได้เป็นจำนวนไม่น้อย
ด้วยเงินที่มีอยู่ตอนนี้ ผมสามารถซื้อเกมอะไรก็ได้ที่อยากได้เลยทีเดียว—ผมคิดพลางเลื่อนดูอันดับเกมใน Stream ด้วยความรู้สึกเหมือนเป็นพระเจ้า
“อ๊ะ… คุณต้นไม้ส่งข้อความมาแฮะ…”
ผมที่กำลังเอนหลังจนแทบจะร่วงไปอยู่ใต้โต๊ะรีบยืดตัวขึ้นแล้วเปิดดูข้อความ
『นูรุยะ อยู่ไหม?』
การเรียกที่สั้นและตรงไปตรงมาจนผมแปลกใจ
อ้อ—คือว่า นูรุยะเป็นเกมเมอร์แท็กของผมเอง
『พึ่งกลับมาจากงานพาร์ทไทม์ครับ』
『งั้นเหรอ』
หลังจากตอบไป บทสนทนาก็หยุดลงแค่นั้น
ทั้งที่เป็นฝ่ายทักมาก่อนแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ได้มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษจะคุยด้วย
ผมคิดแบบนั้นอยู่ แล้วก็เห็นสถานะ “กำลังพิมพ์ข้อความ…” ปรากฏขึ้นมา
เหมือนกับคนที่เขียนจดหมายแล้วไม่ถูกใจเนื้อหา เลยฉีกทิ้งแล้วเริ่มเขียนใหม่ซ้ำไปซ้ำมา
ข้อความขึ้นแล้วหายไป… ขึ้นแล้วหายไปอีก
“วันนี้ดูแปลกกว่าปกตินะ…”
ผมคิดพลางเฝ้าดูอยู่
และในที่สุด เนื้อหาหลักก็ถูกส่งมา
『นายเคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกถึงโชคชะตาไหม…?』
อะไรฟะ… อยู่ดีๆก็พูดเหมือนสาวน้อยเลยแฮะ
『หมายถึงแนวคิดแบบกำหนดลิขิตชะตากรรมตายตัวเหรอครับ?』
『เปล่า หมายถึงการพบเจอระหว่างคนกับคนต่างหาก』
ผมพยายามเฉไฉไปเรื่องอื่นแล้วนะ แต่กลับถูกลากกลับมาเข้าเรื่องอีกจนได้
ดูเหมือนครั้งนี้จะเป็นเรื่องจริงจังแฮะ
『งั้นก็คงไม่มีนะครับ ผมไม่ได้มีโหมดสาวน้อยติดตัวมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว』
『งั้นเหรอ… ฉันเองก็เคยคิดแบบนั้นนะ แต่วันนี้ ฉันได้เจอกับผู้หญิงที่ฉันต้องเรียกได้ว่าเป็น “โชคชะตา” ของตัวเองแล้วล่ะ…』
ความรู้สึกปนเประหว่างความยินดีและความเจ็บปวดมันแผ่ซ่านออกมาผ่านตัวอักษรเลย
ดูเหมือนว่าหมอนี่จะตกหลุมรักเข้าเต็มเปาแล้วแฮะ
『เห~ แล้วเป็นตัวละครไหนจากเกมอะไรเหรอครับ?』
『ไม่ใช่เกมโว้ย!』
『งั้นเป็น Vtuber สินะ? ผมไม่อยากเห็นข่าวเพื่อนที่รู้จักกันหมดตัวเพราะเปย์ V หรอกนะ ช่วยยั้งๆหน่อยแล้วกัน』
『ไม่ใช่โว้ย! คนจริง! ผู้หญิงในโลกสามมิติเลยนะ!!』
『อ้อ อย่างนี้นี่เอง』
ผมนึกว่าหมอนี่สนใจแค่สองมิติซะอีก แปลกแฮะ
แต่การที่เขาเรียกเธอว่า “ผู้หญิงสามมิติ” นี่ก็รู้สึกเหมือนเจ้าตัวจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแล้วนะ
『แล้วฉันควรทำยังไงดี?』
『ทำยังไงเหรอ… ทำไมถึงมาถามผมล่ะครับ』
『ก็ฉันไม่เคยเจอความรักที่ไม่มีตัวเลือกให้กดมาก่อนเลยนี่หว่า…』
เฮ้อ… คนอะไรช่างน่าสงสาร…
ไม่สิ ผมเองก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่จะพูดจาหยามหมอนี่ได้หรอก
『ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้หรอกครับ แต่สิ่งที่แน่ๆ ก็คือ… นี่ไม่ใช่ ‘ต้นไม้’ ที่ผมรู้จักเลยนะ』
『…หมายความว่าไง?』
『หมายความว่า คนที่ผมรู้จักเป็นพวกที่เล่น Yasuo แล้ว 0/8/0 แต่ก็ยังเล่นสไตล์ดุดันหวังจะ outplay อยู่เสมอไม่ใช่เหรอครับ?』(TL : เห้ยๆ! ไอมะเร็งเอ๊ย! ยี๊!!!)
『…ก็จริง』
『คนที่คิดลบน่ะ ไม่มีทางชนะได้แม้แต่เกมที่ควรชนะนะครับ』
『พอฟังแบบนั้นก็เริ่มคิดได้แล้วแฮะ』
『เกมกับชีวิตจริงก็เหมือนกันนั่นแหละครับ ลุยเลย! รุกให้เต็มที่!』
นิ้วที่เคาะคีย์บอร์ดเริ่มเบาขึ้นเรื่อยๆ
ผมเริ่มรู้สึกถึงความเพลิดเพลินของการยุให้คนอื่นทำอะไรแบบไม่มีความรับผิดชอบแล้วแฮะ
『จริงด้วย! เอาล่ะ! งั้นเริ่มแผนการบุกหนักทันทีหลังวันหยุดยาวไปเลย!!』
『นั่นแหละ! ผมจะเอาใจช่วยครับ!!』
ขณะเดียวกัน ผมเองก็ต้องเตรียมตัวสำหรับอีเวนต์ช้อปปิ้งที่รออยู่ในวันพรุ่งนี้เหมือนกัน
ไม่ใช่แค่เตรียมแผนการเดินทางเท่านั้น เสื้อผ้ากับรูปลักษณ์ก็ต้องจัดให้ดูดีด้วย
แต่แน่นอนว่าผมไม่เคยมีประสบการณ์ไปช้อปปิ้งกับผู้หญิงมาก่อนเลย
มันจะเป็นศึกที่หนักหนาสาหัสกว่าการเล่นเกมแล้วตายรัวๆแน่นอน
บางทีที่ผมไปยุให้หมอนั่นบุกหนัก อาจจะเป็นแค่การพยายามหนีจากสถานการณ์ของตัวเองก็ได้
และผลที่ตามมาจากการกระทำนั้น… คือตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นยังไง…
MANGA DISCUSSION