ตอนที่12 : แสงสว่าง vs ความมืดมิด
“…เอ๊ะ?”
อาซาฮิซังทำหน้าตาคล้ายกับถูกลูกกระสุนปืนกระดาษยิงใส่หน้าจนสะดุ้ง
ผมรู้สึกถึงผลของการโจมตีครั้งแรกจากการเห็นท่าทางที่งงงวยของเธอ
“ไม่สิ… จริงๆแล้วฉันว่าจะไปซื้อเมาส์ใหม่… แล้วก็คิดว่าอาจจะมีอาซาฮิซังสนใจอุปกรณ์เกมมิ่งอะไรบ้างไหม… เอ่อ ช่างเถอะ! ลืมมันไปเถอะ――”
“วันมะรืนนี้ฉันว่างนะ”
“…เอ๊ะ?”
คราวนี้เป็นผมที่ทำหน้าตาเหมือนโดนลูกกระสุนปืนกระดาษยิงใส่
“วันพรุ่งนี้มีนัดแล้วเลยไม่ว่าง แต่วันมะรืนตอนกลางวันฉันว่างนะ”
“กระทันหันแบบนี้โอเคหรอ…?”
“ก็นะ จริงๆแล้วสนใจมากเลย ฉันเป็นคนที่เลือกทุกอย่างละเอียดเหมือนกัน อย่างเช่นแร็กเกตหรือพวกเชือกก็เลือกเยอะเลยล่ะ”
เธอพูดออกมาอย่างจริงจังจนหายใจถี่เล็กน้อย
“งะ… งั้นเหรอ…”
“แล้วไปซื้อที่ไหนเหรอ? พวกห้างใหญ่ๆคงไม่มีขายหรอกนะ”
“เอ่อ… มีร้านเฉพาะอยู่ที่ห้างที่อยู่ห่างไปประมาณห้าสถานี…”
เดี๋ยวนะๆ ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย
ผมคิดว่าควรจะหยุดเรื่องแบบนี้ได้แล้ว แต่…
ไม่สิ ตอนนี้ยังทันอยู่…
“ร้านเฉพาะ!?!”
เธอตื่นเต้นขึ้นทันทีด้วยการที่ดวงตาของเธอเป็นประกาย
ตอนนี้ผมคงไม่สามารถพูดว่า ‘ไม่ไปแล้ว’ ได้หรอก
“แบบว่า… มันมีเมาส์หรือคีย์บอร์ดเรียงกันยาวๆ แบบนั้นเลยเหรอ!?”
“ใช่แล้ว ร้านนี้สั่งสินค้าจากแบรนด์ต่างประเทศเลย ของมันเลยจะหลากหลายมากเลยล่ะ…”
แม้จะยังคิดว่าผมกับเธออยู่ในโลกที่ต่างกันมาก แต่ตอนนี้ผมคงต้องพาเธอไปตามที่พูดไว้แล้ว
“เอ๋~… ถ้ามีอะไรดีๆฉันก็น่าซื้อเหมือนกันนะ”
“ไม่ใช่ว่าตอนนี้อาซาฮิซังยังไม่มีคอมพิวเตอร์หรอกเหรอ?”
“แน่ล่ะสิ จะซื้อในอนาคตตอนที่มีคอมพิวเตอร์ของตัวเอง! จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็ฝากไว้ที่ของนายก่อนก็แล้วกัน”
พอพูดแบบนั้น เธอก็ยิ้มออกมาราวกับเด็กๆ
“อ่า… ถ้าวางไว้ตรงนั้นก็ได้แหละ…”
ถึงแม้มันจะทำให้ผมคิดถึงภาพของผู้หญิงที่ค่อยๆวางของส่วนตัวที่บ้านของผู้ชายที่สนใจทีละชิ้นอย่างรอบคอบ แต่ก็คิดว่าเธอไม่น่าจะมีความคิดแบบนั้นหรอก
“อืมมม… ถ้าเสร็จจากการซ้อมแล้ว… ก็อาจจะไปได้ประมาณบ่ายสามโมงนะ แล้วถ้าเป็นแบบนั้น คงได้กินข้าวเย็นที่นั่นเลย”
อาซาฮิซังกำลังเช็คตารางเวลาบนโทรศัพท์ของตัวเอง
พอได้สติขึ้นมาแล้ว ผมก็เริ่มเข้าใจผลลัพธ์ที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง
…นี่อาจจะเป็นเดตรึเปล่าหว่า?
การนัดล่วงหน้าแล้วสองคนต่างเพศออกไปข้างนอกด้วยกันแบบนี้
ถ้าผมไม่ได้คิดมากเกินไป น่าจะเป็นการกระทำที่เรียกว่าเดตประมาณ 70%
แต่เธอที่เคยปฏิเสธผู้ชายหลายคน อย่างเช่นเจ้านักเบสบอลหรือผู้ชายอื่นๆก็ไม่น่าจะยอมรับการเดตได้ง่ายๆหรอก
แล้วมันก็ทำให้ผมนึกถึงบทสนทนาของสาวๆที่ได้ยินเมื่อวันก่อนในห้องเรียน
“ฮะ… การ์ดหนาจังนะ…”
“พอรู้ว่ามีผู้ชายไปด้วยก็จะไม่มาเลย”
ผมเริ่มสงสัยแล้วว่า… ผมอาจจะไม่ถูกมองเป็นผู้ชายใช่ป้ะ?
อาจจะเหมือนกับศัตรูที่เลเวลห่างเกินไปจนไม่สามารถรับประสบการณ์ได้เลย…?
เพราะแบบนี้ถึงไม่เคยมีอะไรต้องกังวลเวลาที่เข้าห้อง แถมบางทีอาจจะถูกมองว่าเป็น “ช้อยกเว้น” ไปด้วยซ้ำ
จากสถานการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมา ผมเริ่มมีความคิดแบบนี้แล้วล่ะ
“ว่าแต่ เรานัดเจอกันที่ไหนดี?”
“เอ๊ะ? อ่อ… เอ่อ… งั้นที่หน้าสถานีล่ะ?”
“อืม พอซ้อมเสร็จตรงนั้นก็น่าจะสะดวกกว่าแหละเนอะ เอาเป็นว่านัดเจอกันที่นั่นวันมะรืนนี้ตอนบ่ายสาม! ตกลงนะ!”
กาที่เธอรตัดสินใจเรื่องนี้อย่างง่ายดายทำให้ความสงสัยที่ผมมีเริ่มกลายเป็นความมั่นใจ
เพราะไม่ได้มองผมเป็นผู้ชาย ความสัมพันธ์ระหว่างเราถึงได้ยังคงอยู่ในระยะนี้
ถ้าเป็นแบบนั้น… ถ้าแค่ผมเริ่มถูกมองว่าเป็นผู้ชายบ้าง เธอก็น่าจะถอยห่างเอง
การเจอกันแบบนี้คงจะจบลงไปโดยธรรมชาติและไม่มีใครต้องเจอกับผลลัพธ์ที่ไม่ดี
แม้จะในตอนแรกผมจะคิดไม่ค่อยออก แต่ตอนนี้ผมได้วิธีจัดการปัญหามาแล้ว
“เอ่อ… พูดๆไปแล้ว ก็เวลาผ่านไปขนาดนี้แล้ว! ต้องรีบกลับแล้วล่ะ! งั้นเจอกันวันมะรืนนี้นะ!”
“อ๊ะ… รอเดี๋ยว!”
ผมหยุดเธอที่กำลังเก็บของเพื่อกลับบ้าน
“เอ่อ… ให้ฉันไปส่งที่สถานีเถอะ…”
ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว ตอนนี้มันเป็นเวลาที่อันตรายสำหรับผู้หญิงที่จะเดินคนเดียว
ถ้าเป็นผู้ชายที่ดูเป็นผู้ชายจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องปกติที่จะไปส่งถึงสถานี
อาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้คะแนนติดลบไปแล้ว เพราะครั้งก่อนๆผมแค่ปล่อยเธอไปโดยไม่ทำอะไรเลย
“อา… จริงๆก็ไม่ต้องหรอกนะ ไม่ต้องไปส่งหรอก ฉันเดินคนเดียวได้”
“แต่ข้างนอกมันมืดแล้ว…”
แน่นอนว่าเธอปฏิเสธ แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ตอนนี้
ผมต้องทำตัวให้ดูเป็นผู้ชาย เพื่อที่จะถูกมองว่าเป็นผู้ชาย
“แค่เดินไปหน่อยก็ถึงถนนใหญ่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น… ก็แบบ… เอ่อนั่นน่ะ…”
“แล้วมันคืออะไรล่ะ?”
“ก็แบบนั้นไง… พวกเอ่อ แบบว่า…”
“อะฮ่าฮ่า! อะไรล่ะนั่น~!”
เธอหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่เข้าใจ
“อะ… เอาเป็นว่าเดินคนเดียวมันอันตรายไง!”
“เอาเถอะ… ถ้าพูดขนาดนั้นก็ไปส่งฉันหน่อยแล้วกัน”
“ระ… รับทราบ! อืม… งั้นก็แค่กระเป๋ากับมือถือ… อ๊ะ! เดี๋ยวนะ! เอาไปวางไว้ไหนกันนะ…?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนจะมีเรื่องยุ่งยากอีกแล้วนะเนี่ย”
เธอยังหัวเราะอยู่ในขณะที่ผมหาโทรศัพท์อย่างสุดชีวิต
ผมไม่กล้าพูดว่าไม่อยากให้เธอกลับคนเดียว แต่กลับแสดงความอ่อนแอในเวลาที่มีความมั่นใจแบบนี้
หลังจากใช้เวลาไปนานพอสมควรในการหามือถือ ในที่สุดก็พาเธอไปส่งที่สถานี
การเดินทางที่เหมือนกับบทสอนเล่น พวกเราแทบไม่พูดอะไรกันเลยจนถึงสถานี
หลังจากส่งเธอไปแล้ว ผมกลับบ้านและเปิดแอป “Thiscord” ขึ้นมา ส่งข้อความไปหาคุณต้นไม้เพื่อนสนิท
『คุณต้นไม้คิดว่าอะไรคือความเป็นผู้ชายครับ?』
『เรื่องแบบนั้นต้องถามคนอื่นด้วยหรอ?』
ก็จริงของเขาล่ะนะ
MANGA DISCUSSION