ตอนที่ 3 รูทรีเอล
ความเงียบอันหนักอึ้งปกคลุมทั่วห้อง
สถานที่แห่งนี้คือห้องประชุมยุทธการของกองกำลังใต้แห่งจักรวรรดิใหญ่อัลซาโน่-เลซาเรีย ซึ่งตั้งอยู่ที่ลากัส ในดินแดนนันบาระของอัลเดีย
เหล่าผู้บัญชาการผู้เคยผ่านศึกและนายทหารระดับสูงต่างนั่งล้อมโต๊ะกลม จับจ้องไปยังแผนที่สงครามที่ฉายขึ้นด้วยเวทมนตร์บนโต๊ะเบื้องหน้า พวกเขากลั้นลมหายใจอย่างเคร่งเครียดเฝ้ามองอย่างไม่ละสายตา
ราวกับกำลังสวดภาวนา ขอความช่วยเหลืออย่างหมดหนทาง
“…เราจะชนะได้ไหม?”
“ไม่รู้สิ…ตอนนี้ได้แต่เชื่อมั่นเท่านั้นแหละ”
คำพูดเหล่านั้นของนายทหารถูกกลืนหายไปในความเงียบ
ในขณะนั้น ณ พื้นที่ยุทธการ XR7 ซึ่งฉายอยู่บนโต๊ะ —บริเวณเทือกเขาคาร์ดัส หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ดินแดนแห่งสายลม’ —การต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
นีลวา จอมเวทนอกรีตที่เป็นอดีตสมาชิกกลุ่มวิจัยปัญญาแห่งสวรรค์ ได้อัญเชิญเทพอสูรจากต่างจักรวาล ‘ราชินีแห่งสายลม’ หรือ ‘เทพลมอีทาคา’ เข้าประทับร่างตนเอง ณ ดินแดนแห่งนี้
เหตุจูงใจของเขาคือการแก้แค้นจักรวรรดิอัลซาโน่ที่ทำลายกลุ่มวิจัยลง เขาต้องการครอบครองพลังของเทพอสูรและใช้มันทำลายจักรวรรดิ
แต่แน่นอนว่า ร่างของนิลวาไม่สามารถรองรับเทพอสูรได้ เขาจึงถูกกลืนหายโดยเทพอสูรทันที ‘เทพลมอีทาคา’ สูญเสียการควบคุมและเริ่มอาละวาด
หากปล่อยไว้อย่างนี้ นันบาระแห่งนี้ ซึ่งเพิ่งเริ่มฟื้นตัวจากการถูกล้างเผ่าพันธุ์โดยราชอาณาจักรเลซาเรียในอดีต จะถูกทำลายจนไม่เหลือซากโดยเทพอสูรเป็นแน่
เพื่อรับมือกับวิกฤตนั้นแล้ว ศูนย์กลางจักรวรรดิก็ส่งคนมาช่วย—
“เกลน เรย์ดัส และ รีเอล เรย์ดัส “
“วีรบุรุษวีรสตรีในศึกปราสาทท้องฟ้าในสงครามใหญ่ครั้งก่อน… ปัจจุบันคือยอดฝีมือของหน่วยพิเศษในกลุ่มจอมเวทแห่งราชสำนัก…”
“หากเป็นพวกเขา… หากเป็นพวกเขาล่ะก็ ต้องชนะได้แน่นอน…!”
เหล่านายทหารกำมือแน่น เหงื่อเย็นผุดขึ้นขณะเฝ้าดูแผนที่สงครามที่เปลี่ยนแปลงทุกขณะ
บนโต๊ะ แสงสว่างเล็กๆ ที่กระพริบบ่งบอกการต่อสู้อันรุนแรงในมิติระดับสูง ที่มีเพียงสองวีรชนเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่สมรภูมินั้นได้
“…………”
เวลาผ่านไปเท่าไรแล้วก็มิอาจทราบ
แล้วเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน
อยู่ดีๆ สัญญาณของเทพอสูรบนแผนที่สงครามก็หายไป
นายทหารเริ่มส่งเสียงอื้ออึง
หายไป?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงกันแน่?
ขณะที่ทุกคนยังคงงุนงงและตั้งคำถามในใจนั้นเอง—
“สารวัตรครับ! ขออนุญาติรายงานจาก XR7 ครับ!”
เจ้าหน้าที่สารวัตรที่กำลังควบคุมเครื่องคำนวณเวทมนตร์แบบโมโนลิธ ได้อ่านข้อความที่ส่งเข้ามาจากภายนอกอย่างงงๆ พร้อมรายงานต่อหน้าทุกคน
“ศัตรูถูกกำจัด! ทั้งสองกำจัด ‘ราชินี’ สำเร็จ! ที่สำคัญทั้งคู่ปลอดภัยดี!”
“”””โอ้ววววววววววว””””
ในทันที เหล่านายทหารต่างร้องโห่ลั่น ลุกจากเก้าอี้ กอดกัน ร้องไห้ และแสดงความยินดีสุดขีด
“สำเร็จแล้ว! รอดแล้ว!”
“อัลเดียของเรารอดแล้ว!”
“สมกับเป็นวีรชน! วีรชนของพวกเรา!”
บรรยากาศในห้องประชุมที่ควรเคร่งขรึมกลับกลายเป็นความโกลาหลราวกับยกก้นหม้อขึ้นมาทั้งใบ
“สำเร็จแล้วนะครับ ท่านแม่ทัพ…”
“อืม… ข้ารู้อยู่แล้วว่าสองคนนั้นต้องทำได้แน่…!”
แม่ทัพใหญ่ของกองกำลังส่วนใต้ ตบไหล่เจ้าหน้าที่สารวัตรที่น้ำตาคลอ
แล้วแม่ทัพก็ยิ้มกว้าง มองรอบห้องและกล่าวนำว่า
“งั้นพวกเราเตรียมการต้อนรับวีรชนทั้งสองอย่างสมเกียรติโดยใช้พลังของกองทัพทั้งหมด!”
“”””ครับ!!!!!””””
ทุกคนเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรีบร้อน
แต่ท่ามกลางความสุขแห่งชัยชนะ เจ้าหน้าที่สารวัตรก็สังเกตเห็นข้อความเพิ่มเติม
“…หือ? ข้อความจาก ‘ผู้โง่เขลา’ อีกฉบับ… เอ่อ อะไรนะ?”
<ภรรยากำลังงอแงสุดๆ บอกจะไม่กลับไปที่นั่น เลยขอกลับเมืองหลวงเลย โทษทีนะ>
“…หะ? เอ๋?”
เจ้าหน้าที่สารวัตรมองรอบห้องซึ่งเหล่าทหารกำลังเตรียมต้อนรับสองวีรบุรุษอย่างยิ่งใหญ่
จากนั้นก็ยืนอึ้งอยู่เกือบสิบวินาที ก่อนจะร้องลั่น
“เอ๋——!?”
────
…และแล้ว ก็มีระลอกคลื่นประหลาดเคลื่อนผ่านมิติอันบิดเบี้ยว
วงเวทเปิดขึ้น และ ‘ประตู’ ก็ปรากฏ
เมื่อผ่านประตูนั้นไป ที่นั่นคือเมืองหลวงออร์ลันโด
เมืองที่ฟื้นตัวอย่างงดงามจากสงครามเมื่อสิบกว่าปีก่อน ต้อนรับเกลนและรีเอลด้วยความคึกคักและแข็งแกร่ง
“ให้ตายสิ… แบบนี้ก็โอเคแล้วใช่มั้ย?”
“อืม”
เกลนมองรีเอลที่อยู่ข้างๆ
รีเอลที่หน้าตายังดูเด็กแทบไม่เปลี่ยนจากสิบกว่าปีก่อน ยืนอย่างไร้อารมณ์เหมือนเดิม
(เอาเถอะ… ถึงหน้าตาจะไม่เปลี่ยน แต่ตอนนี้แสดงอารมณ์ได้มากขึ้นกว่าสมัยก่อนเยอะ)
เกลนถอนหายใจพลางคิด
แต่ก็ต้องพูดในสิ่งที่ควรพูด
“จู่ๆ เธอเล่นเทกลับมาแบบนี้ ไม่รู้สึกผิดกับพวกทหารเขาบ้างเลยรึไง?”
“ก็รู้สึกอยู่บ้าง… แต่ฉันอยากกลับบ้านเร็วๆ นี่นา”
รีเอลพองแก้มใส่เกลน
“ฉันเข้าใจนะ แต่เธอไม่เห็นต้องขู่ฉันด้วย ‘ดาบแสง’ ให้เปิดประตูเลย อันนั้นยังดูน่ากลัวกว่าอีก”
“ก็เกลนไม่ยอมเปิดเองนี่นา”
“ก็คนที่ดื้อคือเธอเองนะ!?”
เกลนตะโกนใส่รีเอลที่หันหน้าหนี
“รู้มั้ยว่าพอพวกเราที่เป็นคนดังเคลื่อนไหวแล้วเนี่ย มันจะมีเรื่องตามมาเยอะนะ! อย่างจัดงานหลังสงครามนู้นนี่นั่น! ถึงจะเป็น ‘วีรชน’ หรืออะไรก็เถอะ ถ้าไม่ทำให้เรียบร้อย วันหนึ่ง—”
“…ไม่รู้ๆๆๆๆๆๆ ไม่อยากฟังเกลนตอนเทศเลยยย”
“เฮ้อ… สุดท้ายต้องโดนอีฟเทศใส่แหงๆ…”
เกลนถอนใจเฮือกยาวกับท่าทางของรีเอล
“ยังไงก็เถอะ กลับบ้านกันเถอะ เกลน”
รีเอลจับมือเกลนแล้วเดินไปข้างหน้า แม้จะเดินธรรมดาแต่พลังดึงนั้นรุนแรงจนเกลนขัดขืนไม่ได้
“…อย่างน้อย ขอฉันกลับไปรายงานคนเดียวได้มั้ย?”
“ไม่ได้ ต้องกลับด้วยกัน”
รีเอลไม่ยอมฟัง
คู่กรณีคือหนึ่งในวีรชนผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก หากดื้อดึงอาจกลายเป็นศึกผัวเมียทำลายเมืองได้ ทางที่ดีควรตามน้ำไปก่อน
(เอาเถอะ คงเป็นอิเรียที่จัดการเรื่องหลังสงครามให้แทน…สงสัยต้องเอาขนมไปฝากสักหน่อยละ…ว่าแต่)
เกลนมองรีเอลที่จูงมือเขาเดิน
(ทำไมเราถึงมาอยู่กับคนๆ นี้ได้นะ…)
นี่เป็นปริศนาใหญ่ในชีวิตของเกลน
จากที่เคยเป็นแค่น้องสาวคนสนิท ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่กลายเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเกลน
หลังรีเอลเรียนจบจากโรงเรียนเวทมนตร์ในจักรวรรดิอัลซาโน่ เกลนก็กลับเข้าสู่หน่วยพิเศษพร้อมกับเธอ
ในช่วงวุ่นวายหลังสงคราม ทั้งคู่ร่วมมือกันแก้ปัญหาทั่วโลก แล้วก็ไม่รู้เมื่อไหร่ที่กลายเป็นความสัมพันธ์แบบนี้ จดทะเบียนสมรส แล้วก็แต่งงาน… จนมาถึงตอนนี้
(ไม่สิ! แบบนี้ดีแล้วเหรอ!? เรารักเธอก็จริง…แต่ดีจริงๆ เหรอ!? ก็เธอคือรีเอลคนนั้นนะ!?)
เกลนหันไปมองรีเอลอีกครั้ง
ไม่ว่าจะมองกี่ครั้ง รีเอลก็ดูยังเด็ก
รูปร่างของเธอแทบไม่เปลี่ยนเลยตั้งแต่ตอนนั้น เพราะเป็นมนุษย์เทียมที่หยุดการเติบโต
เกลนเองก็ยังดูอ่อนกว่าวัย แต่ไม่มีใครเดาออกว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน
ส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็นพ่อลูกกัน
(แบบนี้มันไม่ผิดมหันต์เหรอ!? อย่างน้อยถ้าเป็นสิบกว่าปีก่อน…ไม่ ไม่ได้อยู่ดี!?)
เกลนมองแผ่นหลังเล็กๆ ของรีเอลที่ดึงเขาไป พลางเหงื่อเย็นไหลอาบ
ระหว่างที่เขากำลังคิดถึงชีวิตตัวเองอย่างเคย
รีเอลก็หันกลับมายิ้มแล้วพูดว่า
“เกลน… กลับบ้านกันเนอะ ไม่ได้กลับมาด้วยกันนานแล้ว…พักผ่อนกันเถอะ”
รอยยิ้มของรีเอลในตอนนั้น เปล่งประกายราวดอกไม้บาน แตกต่างจากสีหน้าไร้อารมณ์ปกติของเธอโดยสิ้นเชิง
ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้เล่นงานจิตใจเกลนอย่างรุนแรง
และเกลนก็มักจะลงเอยด้วยข้อสรุปนี้เสมอ—
(เอาเถอะ…เป็นโxลิค่อนก็ได้ว่ะ…เป็นไงเป็นกันเว้ย)
มันคือรอยยิ้มแจ่มใสราวนักปราชญ์ที่เข้าใจสัจธรรมของโลกอย่างถ่องแท้
────
“จริงสิ… นี่ก็ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้วเนอะ”
“ก็จริง ช่วงนี้ยุ่งมากเลย”
ตรงหน้าของเกลนกับรีเอล คือคฤหาสน์หลังใหญ่
ที่นี่คือที่พักของทั้งสองคน ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยระดับสูงของเมืองหลวง
พวกเขาเดินเคียงข้างกันผ่านสวนหน้าบ้านที่ได้รับการดูแลอย่างดี
อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูหน้าคฤหาสน์… แล้วตอนนั้นเอง
“…!”
“…”
ทั้งสองหยุดเดินทันที
สัมผัสของนักสู้ผู้ผ่านศึกมานานปลุกสัญชาตญาณการต่อสู้ให้ตื่นขึ้น
จากตรงนี้ไปคือแดนแห่งความตาย—
“ย๊าาาาา!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงตะโกนกึกก้อง พร้อมกับจิตสังหารที่พุ่งมาจากด้านบนศีรษะของทั้งสอง
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป ก็เห็นผู้จู่โจมโผล่ลงมาจากท้องฟ้า พร้อมกับดาบในมือ ราวกับสายฟ้าฟาดลงมา
“ชิ──!?”
“…!”
ทันทีที่เกลนและรีเอลแยกออกไปทางซ้ายและขวา ดาบของผู้จู่โจมก็ฟาดลงสู่พื้นในเวลาแทบจะพร้อมกัน
เสียงกระแทกรุนแรงฉีกอากาศออกเป็นสองส่วน และพื้นดินแตกร้าวด้วยพลังโจมตีอันมหาศาล
“อึก──!?”
ในช่วงเวลานั้น รีเอลตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวทแปรสภาพอาวุธเร็วขั้นสุดของเธอ—กรงเล็บเร้น—เพื่อเรียกดาบใหญ่ขึ้นมาในมือ
แต่แทบจะในวินาทีเดียวกันนั้นเอง ผู้จู่โจมก็พุ่งเข้ามาในระยะประชิดของรีเอลแล้ว
“ย๊าาาาาา!!”
“……!”
รีเอลและผู้จู่โจมฟาดดาบใส่กันพร้อมกัน
ที่ปลายดาบของรีเอลส่องแสงสีเงิน—รุ่งอรุณแห่งสายสัมพันธ์
เป็นท่าไม้ตายที่ไม่ว่าศัตรูจะอยู่ในระยะใดหรือมีการป้องกันแบบไหนก็หลบไม่พ้น ต้องโดนแน่นอน—
และล้ว เสียงกระแทกก็ดังขึ้น
ผู้จู่โจมกลับป้องกันไว้ได้—ด้วยแสงดาบสีเงินแบบเดียวกันกับรีเอล
“ชิ!”
ทันใดนั้น ผู้จู่โจมก็สวนกลับ
ดาบของทั้งคู่ปะทะกันโดยตรง เกิดประกายไฟสาดกระเซ็น สั่นสะเทือนอากาศรอบข้าง
แรงกระแทกที่เกิดขึ้นราวกับพายุพัดกระหน่ำบริเวณนั้น
ผลการดวลของรีเอลกับผู้จู่โจมคือ…เสมอ
—ไม่สิ
ท่าทีของรีเอลดูเหมือนเสียหลักเล็กน้อย ร่างกายเอนถอยหลังเล็กน้อย แสดงว่าผู้จู่โจมเป็นฝ่ายได้เปรียบ
แม้จะเป็นการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว แต่กลับสามารถกดดันรีเอลได้—เธอที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกปัจจุบัน”
“…!?”
“ฟู่ว”
รีเอลเริ่มถอยแต่ผู้จู่โจมไม่ยอมปล่อยโอกาสนี่ทิ้ง ตัดสินใจใช้กระบวนท่าอันสละสลวย ไล่ตามด้วยความดุดัน
เขาโจมตีด้วยคมดาบที่เฉียบคมและหนักหน่วงแบบไม่ให้ตั้งตัวด้วยฝีมือที่ล้ำเลิศ และกำลังไล่ต้อนรีเอลอย่างรวดเร็ว
รีเอลจึงอยู่ในสถานะที่ตั้งรับเต็มที่
“ชิ รีเอล!”
เกลนพยายามเข้าไปช่วย โดยเรียกเวทมนตร์ดำใส่
──
สายฟ้าที่พุ่งออกจากปลายนิ้วของเกลนตรงไปยังผู้จู่โจม แต่ทันใดนั้นก็ถูกหยุดโดยช่องว่างของอากาศที่บิดเบี้ยว
(นี่มัน ถึงจะเป็นเวอร์ชันง่ายๆ แต่ก็คือ ‘ระยะอนันต์’ ตั้งใจจะปัดการโจมตีให้กลายเป็นนอกระยะโจมตีงั้นเหรอ!?)
ในขณะที่เกลนกำลังตกใจอยู่นั้น
“ไม่ยอมให้ทำหรอก”
ลูกไฟที่ลุกโชนพุ่งมาใส่เกลนจากทางด้านหลัง ซึ่งผู้จู่โจมคนที่สองเป็นคนโจมตี
“──อึก!?”
เกลนกระโดดหลบไปด้านข้าง ทิ้งการระเบิดขนาดใหญ่ไว้ข้างหลัง
ทันใดนั้น—
“เจอตัวแล้ว~”
ผู้จู่โจมคนที่สามก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเกลน—พร้อมกับสายฟ้าที่เปล่งประกายจากมือซ้าย ฟาดลงมาอย่างไร้ความปรานี
การเคลื่อนไหวของเขาเร็วผิดปกติ
ไม่ใช่แค่พลังร่างกาย แต่เป็นเพราะเวทมนตร์ที่เร่งเวลาให้เร็วขึ้นอย่างบิดเบี้ยว
“ชิ”
เกลนรีบสลายผลของเวทเวลาเพื่อลดความเร็วของอีกฝ่ายลง แม้จะยังเร็วมากอยู่ดี แต่ก็หลบสายฟ้านั้นได้
“……สมแล้ว”
“อึ๊ก……”
แม้จะไม่สำเร็จ ผู้จู่โจมคนที่สองและสามก็ยังไม่หยุดไล่ต้อนเกลนอย่างเป็นระบบ
ลูกไฟนับไม่ถ้วนจากผู้จู่โจมคนที่สองพุ่งใส่เกลนอย่างไม่ปรานี และในช่องว่างนั้น ผู้จู่โจมคนที่สามก็เข้าประชิดตัวพร้อมกับสายฟ้ารุนแรง
“ย๊าาาาาาา!”
“……!”
ด้านรีเอลก็ยังต้องตั้งรับการโจมตีจากผู้จู่โจมคนแรกเต็มที่
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เกลนและรีเอลจะถูกผู้จู่โจมลึกลับเหล่านี้เล่นงานจนแพ้……และในตอนนั้นเอง
เกลนที่แม้จะกำลังรับมืออยู่ก็เริ่มแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง แล้วตะโกนออกมา
“เล่นพอได้แล้ววววววววววววว! พวกเธอเนี่ยยยยยยยยยยยยยย!”
แกร๊ก!
เสียงเหมือนกดปุ่มบนเม็ดมะยมของนาฬิกาดังขึ้น ก้องไปรอบๆ และในวินาทีนั้น
“ว๊ากกก!”
“กรี๊ดดด!”
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ผู้จู่โจมคนที่สองและสามก็ถูกดีดออกไปกลิ้งบนพื้น
และในเวลาเดียวกัน
“ย๊าาาาาาาาาา!”
“──เอะ!?”
รีเอลที่ฉวยโอกาสในชั่วพริบตา รุ่งอรุณแห่งสายสัมพันธ์ อย่างเต็มที่ ฟันดาบของผู้จู่โจมคนแรกจนปลายดาบขาดกระเด็น
ปลายดาบที่ถูกฟันขาดหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ ก่อนจะปักลงที่มุมหนึ่งของสวน
สถานการณ์ที่เคยเป็นฝ่ายได้เปรียบ กลับพลิกกลับอย่างสิ้นเชิงในพริบตา ผู้จู่โจมคนแรกถึงกับยืนอึ้ง
แล้วเกลนก็หันไปตวาดใส่เหล่าผู้จู่โจมอย่างโกรธจัด
“พอเดี๋ยวนี้เลย! เอลี่! ชิออน! อิลเซีย! หยุดเล่นซนเดี๋ยวนี้เลย! พ่อกับแม่เหนื่อยแทบตายอยู่แล้วนะ! ถ้าจะเล่นไว้ทีหลัง! เข้าใจมั้ย!?”
แล้วผู้จู่โจมทั้งสามคนก็ยิ้มแฉ่ง พร้อมพูดว่า
“”””ยินดีต้อนรับกลับนะคะ/ครับ คุณพ่อ คุณแม่!””””
“เฮ้อ…บอกกี่ครั้งแล้วว่าเลิกพุ่งเข้ามาโจมตีพ่อสักทีเถอะ…”
ณ ห้องนั่งเล่นภายในคฤหาสน์
เกลนบ่นพึมพำพลางเอนกายลงบนโซฟาอย่างหมดแรง
“แต่ว่า…ทุกคนแข็งแกร่งขึ้นมากเลยนะ”
รีเอลกล่าว ขณะเรียงถ้วยน้ำชาของทุกคนในครอบครัวลงบนโต๊ะ
ใบหน้าไร้อารมณ์ของเธอก็เผยให้เห็นความรู้สึกยินดีอยู่นิดๆ
“แฮะๆ แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับดาบของคุณแม่หรือคุณป้าเอลซ่าเลยนะคะ”
หญิงสาวที่หน้าตาเหมือนรีเอลราวกับฝาแฝด กล่าวพลางยิ้มอ่อนโยนพร้อมรินชาใส่ถ้วย
เธอคือลูกสาวคนโตของตระกูลเรดัส—เอลี่ เรดัส ปีนี้ อายุสิบห้า มีรูปร่างสูงเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกันและหุ่นดีถึงขนาดเป็นนางแบบได้
“แถมยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงถึงจะไปถึง ‘แสงดาบสว่าง’ เหมือนแม่ได้… เลยได้แต่ลองผิดลองถูก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เอลี่ ลูกต้องแซงหน้าแม่ในสักวันแน่ๆ”
“ก็แหม… เอลี่ตอนเกิดมาก็มองเห็น ‘แสง’ ที่ปลายดาบอยู่แล้ว มันโกงชัดๆ…”
เกลนพูดพลางจิบชาจากถ้วยอย่างระแวงพรสวรรค์อันน่ากลัวของลูกสาวตัวเอง
“นี่ๆ พ่อ! พวกเราล่ะ!? พวกเราแข็งแกร่งขึ้นใช่มั้ย!?”
เด็กชายและเด็กหญิงที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับส่องกระจก ซึ่งมีผมสีฟ้าเหมือนแม่ ต่างพุ่งมาจากทั้งสองข้างของโซฟาเข้าหาเกลน
เขาคือลูกชายคนโตและลูกคนเล็กของบ้านเรดัส—ชิออน เรดัส และอิลเซีย เรดัส เป็นพี่น้องฝาแฝดปีนี้อายุสิบสาม
อนึ่ง ทั้งสามพี่น้องได้รับการตั้งชื่อตามบุคคลสำคัญในชีวิตของรีเอลตามความต้องการอย่างแรงกล้าของเธอ
“อื้ม แข็งแกร่งขึ้นมากเลยล่ะ ก็อย่างที่คิดแหละ ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเซริก้ากับอัลเบิร์ตจริงๆ”
“แฮะๆ พูดเหมือนคุณยายเซริก้ากับคุณอาอัลเบิร์ตเลย”
“ว่า ‘หนูเรียนรู้ได้ไวกว่าคุณพ่อตั้งเยอะ’ แหน่ะ”
“บ้าเอ๊ย… พวกนั้นพูดอะไรก็ไม่เข้าหูเลยจริงๆ…”
แต่ก็เป็นความจริง เกลนทำได้แค่ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง
“แต่ว่าเราก็ยังชนะพ่อไม่ได้เลยนะ…”
“อือ หยุดเวลาอย่างสมบูรณ์แบบได้ มันโกงเกินไปแล้วนะ…”
“บางทีก็ย้อนเวลาด้วย…”
“บางทีก็เลื่อนมิติตัวเอง… ขี้โกงชะมัด”
“เงียบไปเลย! พ่อที่ไหนจะสู้ตรงๆกับเด็กที่เริ่มใช้เวทควบคุมมิติและกาลเวลาได้ตอนอายุแค่นี้ได้!?”
เกลนกวาดตามองใบหน้าของลูกๆ ทีละคน
ทุกคนล้วนหน้าตาสวยงามราวกับถอดแบบจากรีเอล แค่หน้าตาก็กินได้ทั้งชีวิตแล้ว
แต่คำว่า “ฟ้ายุติธรรม” เหมือนจะไม่มีผลกับครอบครัวนี้เลย
เอลี่คืออัจฉริยะด้านการใช้ดาบ เธอมีสัญชาตญาณที่เกือบจะเป็นญาณทิพย์ในการต่อสู้ ได้ความสามารถทางร่างกายและพลังเวทจากรีเอล อีกทั้งยังได้รับมันสมองและความขยันจากเกลน จนสามารถพัฒนาทักษะดาบทั้งรุนแรงและอ่อนช้อยจนถึงระดับสูงได้ มิหนำซ้ำยังพัฒนาได้อีก แถมเกิดมาก็ใช้ ‘แสงดาบสว่าง’ ได้แล้ว… นี่มันโกงเกินไปแล้ว
(โกงชัดๆ…)
ส่วนชิออนกับอิลเซียเป็นอัจฉริยะด้านเวทมนตร์ ทั้งคู่ได้รับมันสมองจากเกลน และพลังเวทกับการควบคุมพลังเวทอันมหาศาลจากรีเอลอย่างไม่ไว้หน้าใคร
ชิออนมีพรสวรรค์ด้านเวทมิติ ส่วนอิลเซียมีพรสวรรค์ด้านเวลากับคุณสมบัติเวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าทั้งสองคือเวอร์ชันอัปเกรดของเกลน ที่แต่ก่อนต้องใช้ไหวพริบและการประยุกต์เพราะไม่มีพลังเวทหรือคุณสมบัติพิเศษ แต่ตอนนี้พวกเขามีทุกอย่างนั้นโดยธรรมชาติ แถมทั้งสามยังมีพรสวรรค์ด้านเล่นแร่แปรธาตุจากรีเอลติดตัวมาตั้งแต่เกิดอีก
(โกงไปแล้ว…)
ลูกๆ ของเกลนกับรีเอลนั้นถือได้ว่าเกิดมาพร้อมพรสวรรค์อย่างเหลือเฟืออยู่แล้ว แต่ไม่จบแค่นั้น
พวกเขายังมีครูระดับสุดยอดอย่างเซริก้า, อัลเบิร์ต, เอลซ่า, อีฟ และเบอร์นาร์ดอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย
(นี่มันอะไรกันเนี่ย…อาณาจักรผลิตวีรบุรุษในอนาคตงั้นเรอะ…)
ทั้งสามมีความใฝ่รู้และความมุมานะอย่างกับเกลนไม่มีผิด เรียนรู้ทุกอย่างอย่างไม่รู้จักพอ และเติบโตขึ้นเป็นเด็กที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
(…ว่าแต่ ถ้าเข้าช่วงวัยต่อต้านแบบจริงจัง ไอเราจะสู้ได้ไหมเนี่ย?)
ตอนนี้ลูกๆ ยังน่ารักและเชื่อฟังอยู่ แต่ด้วยวัย ก็ไม่น่าแปลกใจถ้าอีกไม่นานจะเริ่มมีอาการต่อต้าน
เกลนได้แต่นึกภาพการโดนใช้ ‘แสงดาบสว่าง’ หรือ ‘Extinction Ray’ ใส่ตอนทะเลาะกับลูก หรือโดนเวทมิติซ่อนไปเฉพาะกางเกงในระหว่างซักผ้าแล้วก็ได้แต่ตัวสั่น
…เอาเถอะ ไว้เรื่องนั้นก่อน
“ว่าแต่เอลี่ ตอนนี้ลูกกลับมาจากเมืองหลวงช่วงปิดเทอมฤดูร้อนใช่มั้ย? ชีวิตที่สถาบันเวทมนตร์ในเฟจิเต้เป็นไงบ้างล่ะ?”
“ค่ะ สนุกมากเลยค่ะ ทั้งที่บ้านพักของคุณยายเซริก้าก็ดูแลดีมาก แล้วเพื่อนๆ ที่สถาบันก็เป็นคนดีมากเลยค่ะ”
เอลี่ยิ้มขำเบาๆ
“อย่างที่พ่อกับแม่เคยบอกไว้เลยค่ะ ที่นั่นทั้งครึกครื้นและน่าสนุกจริงๆ”
“ดีจังน้า”
“อิลเซียก็อยากไปเรียนแล้วเหมือนกัน!”
“คนที่พอจะสอนเวทพวกเธอได้ตอนนี้ ก็เหลือแค่พี่ฮานั่นแหละ…หรือไม่ก็ซิสติน่า… เอาเถอะ ตามสบายละกัน”
เกลนได้แต่ยิ้มฝืน
“ว่าแต่ พ่อคะ แม่คะ คราวนี้จะอยู่บ้านได้นานแค่ไหนเหรอคะ?”
“อืม… ก็ยังมีงานที่ต้องทำอยู่อีกเยอะเลย… คงอยู่พักยาวไม่ได้หรอก…”
เมื่อเอลี่ถาม เกลนก็มองเพดานแล้วตอบกลับอย่างเหนื่อยล้า
และทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ชิออนกับอิลเซียก็โน้มตัวมาพร้อมเสนอทันที
“งั้นพ่อ! พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันเถอะ ทุกคนเลย!”
“ทะเล! อยากไปเล่นทะเล!”
“หะ!?”
เกลนถึงกับอุทานตกใจจากคำชวนกะทันหันของลูกๆ
“ก็ดีนะคะ นี่ก็ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนทั้งที… อยากใช้เวลาทำอะไรเป็นความทรงจำกับครอบครัวบ้าง”
“เอลี่ก็ด้วยเหรอ…”
เกลนเริ่มรู้สึกหมดแรง
“แต่นะ… พ่อก็เหนื่อยกับงานติดๆ กันมานานแล้วอะ… เลยอยากพักอยู่บ้านเฉยๆ น่ะ… รีเอล เธอก็อยากพักใช่มั้ย?”
เกลนหันไปหารีเอล หวังให้เห็นด้วย
“ไปกันเถอะ เกลน ไปเล่นทะเลกับทุกคนกันเถอะ”
รีเอลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตามปกติ พลางชักดาบใหญ่ขึ้นมาอย่างเงียบๆ
“อา…แบบนี้ไม่รอดแน่”
เกลนได้แต่ยอมรับชะตา และดื่มชาที่เหลือในถ้วยจนหมดในที่สุด
────。
──และแล้ว…
“ทาเลลลลลล”
ครอบครัวเรดัสก็มาถึงทะเลจนได้
ที่นี่คือเกาะไซเนเรีย สถานที่ที่ครั้งหนึ่ง เคยเป็นจุดหมายของการเรียนภาคสนามในสมัยที่เกลนเป็นอาจารย์ และรีเอลยังเป็นนักเรียน
สายลมทะเลที่พัดเอื่อยอย่างสบายใจ เสียงคลื่นที่มากับลมทะเล ท้องฟ้าสีครามที่ดูเหมือนจะทะลุออกไปได้ ชายหาดที่ร้อนพร้อมกับเม็ดทรายขาวโพลน และทะเลที่กว้างใหญ่ สะท้อนแสงแดดที่สาดส่องลงมาอย่างเจิดจ้า ส่วนชายหาดรีสอร์ตแห่งนั้นยังคงเหมือนเดิมกับเมื่อก่อน──
“พี่! อิลเซีย! ไปว่ายน้ำกันเถอะ!”
“อยากเล่นวอลเลย์บอลชายหาด! อยากตีแตงโมด้วย!”
“เฮ้ย! ต้องวอร์มอัพก่อนสิ!”
เด็กทั้งสามที่เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำและกำลังตื่นเต้นสุดขีด วิ่งเหยียบทรายตรงไปยังทะเล
ขณะมองดูเด็กๆ เหล่านั้นจากระยะไกล เกลนก็เดินตามไปช้าๆ
“ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ยพวกนี้…”
เกลนเองก็เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำ พร้อมกับสวมเสื้อเชิ้ตแบบเรียบง่าย
แม้ว่าเขาจะเป็นจอมเวทผู้มีประสบการณ์โชกโชนในสนามรบ แต่ร่างกายของเขาก็ยังคงเพรียวและแข็งแรง ไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย ร่องรอยแผลเป็นตามร่างกายสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตการต่อสู้อันดุเดือดที่ผ่านมา
“เด็กๆ ก็ต้องแข็งแรงไว้ก่อนนั่นแหละ”
รีเอลที่เดินตามมาติดๆ ข้างๆ เขา กางร่มกันแดดก็อยู่ในชุดว่ายน้ำเช่นกัน
“เธอใส่อะไรน่ะ…?”
ชุดว่ายน้ำของรีเอลเป็นแบบวันพีซสีน้ำเงินเข้ม เรียบๆ และเชยๆ—ซึ่งเป็นชุดที่ใช้ในการฝึกว่ายน้ำของสถาบันเวทมนตร์
พูดอีกอย่างก็คือ เป็นชุดเดียวกับที่รีเอลเคยใส่ตอนออกเรียนภาคสนามในสมัยนักเรียนนั่นเอง
“……น่าคิดถึงไหม? เป็นไงบ้าง”
“น่าคิดถึงสิ เหมาะเจาะเลยล่ะ…แต่…”
ชุดนั้น ด้วยดีไซน์และโครงสร้างของมัน พอมาอยู่บนร่างของรีเอลซึ่งมีรูปร่างแบนราบ ยิ่งขับเน้นความเป็นเด็กออกมาอย่างชัดเจน
ผิวที่เผยออกมาก็เนียนนุ่มราวกับผ้าไหม ขาวใสไร้รอยด่างหรือแผลใดๆ พอมองดูอีกครั้ง แม้อายุจริงจะไม่ใช่ แต่รีเอลก็ยังคงมีรูปร่างหน้าตาแบบเด็กหญิงตัวเล็กๆ อยู่ดี
เพราะเธอเป็นมนุษย์เทียมจะบอกว่า “ช่วยไม่ได้” ก็ใช่ แต่พอคิดว่าสาวน้อยคนนี้เป็นภรรยาของตนเองแล้ว…ก็รู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล
แล้วจู่ๆ… ก็มีคู่สามีภรรยานักท่องเที่ยวสูงวัยคู่หนึ่งเดินผ่านใกล้ๆ ทั้งคู่ยิ้มอย่างสุภาพแล้วทักทายขึ้นมา
“โอ้… มากันเป็นครอบครัวเหรอครับ?”
“ตายจริง ลูกสาวน่ารักจังเลยนะคะ…”
“เอ่อ…”
เกลนที่กำลังสับสนกับความเข้าใจผิดอันแสนคาดเดาได้ ก็ยังไม่ทันตอบอะไร รีเอลก็คว้าแขนเขาแล้วตอบเสียงใสทันที
“ไม่ใช่ลูกสาวค่ะ ฉันเป็นภรรยาเขา”
“”…””
คู่สามีภรรยาอ้าปากค้าง
ทั้งสองค่อยๆ หันไปมองเกลนอย่างช้าๆ ราวกับจะขอคำอธิบาย
แต่เกลนก็ตัดสินใจแน่วแน่
สำหรับเรื่องนี้ ต่อให้ต้องเสียภาพลักษณ์ต่อสาธารณชน เขาก็ไม่มีทางพูดโกหกเพื่อปิดบัง——มันขัดกับศักดิ์ศรีในฐานะลูกผู้ชายเกินไป
“ใช่แล้วครับ เธอคือภรรยาของผมเอง! ปีนี้ก็แต่งงานกันมา 17 ปีแล้ว! เรายังรักกันหวานชื่นอยู่เลยครับ!”
เกลนพูดพลางยกนิ้วโป้ง ยืดอกด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างภาคภูมิใจ
แต่พอรู้สึกตัวอีกที…
คู่สามีภรรยานั้นก็หายไปจากตรงหน้าแล้ว
ไกลออกไปยังมีเสียงโหวกเหวก เช่น “เจ้าหน้าที่ครับ ทางนี้!” ดังแว่วมาด้วย
เกลนจึงได้แต่ถอนหายใจใส่ความวุ่นวายที่กำลังใกล้เข้ามา
“สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด…ก็คือการถูกคนที่ไม่รู้เรื่องมองด้วยสายตาแบบนั้นนั่นแหละ”
“…เกลน?”
รีเอลก็ได้แต่เงยหน้ามองเกลนด้วยแววตาใสซื่อ
ชายหาดระดับไฮเอนด์ที่จองไว้ล่วงหน้าโดยโรงแรม จึงมีผู้คนอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แออัดแต่อย่างใด
ณ มุมหนึ่งของชายหาดที่กว้างขวางและโปร่งโล่งนั้น กลุ่มของเกลนก็ได้ปูผ้าปิกนิก กางร่ม และตั้งฐานทัพเล็กๆ วางสัมภาระเรียบร้อย
“ว้าววววววว!”
“ว้าว! สมกับเป็นพี่สาว! ทั้งที่ซ่อนแตงโมไว้ในช่องว่างของมิติเวลาแท้ ๆ แต่กลับฟาดโดนในทีเดียว!”
“สุดยอดเลย! แตงโมที่แช่แข็งเวลาไว้จนควรจะพังไม่ได้ กลับกลายเป็นผงซะงั้น!”
“ฮิฮิฮิ…พวกเธอยังยังอีกไกลนะ…ต้องฝึกอีกเยอะ”
เด็กๆ ต่างพากันเล่นกันอย่างร่าเริง ขณะที่เกลนนอนเอกเขนกอยู่บนผ้าปูพื้น มองดูพวกเขาอยู่ไกลๆ และข้างๆ เขา รีเอลนั่งตัวเล็กๆ โดยกอดเข่าทั้งสองเข้าหากันอย่างเรียบร้อย
“ว่าแต่…นั่นมันอะไรฟะ? เล่นทุบแตงโมเหรอ? สมัยนี้เด็กๆ เขาเล่นทุบแตงโมแบบมิติเวลาแล้วเหรอ…”
แม้จะพูดแบบนั้นในใจ แต่ก็รู้ดีว่า เด็กพวกนั้นน่ะแหละที่ไม่ธรรมดา
ทันใดนั้น รีเอลก็พูดขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่คนสนิทเท่านั้นจะจับความแตกต่างได้
“…เกลน”
“หืม?”
“…น่าคิดถึงจังเนอะ”
“…นั่นสินะ”
ในหัวของทั้งคู่ ผุดขึ้นมาเป็นภาพความทรงจำสมัยยังหนุ่มสาว
เมื่อครั้นยังเป็นนักเรียน ที่ได้เดินทางมายังเกาะไซเนเรียแห่งนี้กับเพื่อนร่วมชั้น เรียกได้ว่าเป็นความทรงจำแสนสดใสและสนุกสนาน แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ความทรงจำนั้นก็ไม่เลือนหาย
“…อืมมม พอนึกดูแล้ว ที่นี่แหละที่เกลนช่วยฉันไว้…แล้วก็รู้สึกเหมือน ‘ตัวฉัน’ ได้เริ่มต้นขึ้นที่นี่…รู้สึกแบบนั้นล่ะ”
“5555 อะไรของเธอล่ะนั่น”
“ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน ฮิๆ”
ทั้งสองหัวเราะเบาๆ ร่วมกันอย่างอบอุ่น
จากนั้น รีเอลก็ถามขึ้น
“…แล้วรู้สึกยังไงบ้าง ที่แต่งงานกับฉัน?”
“หะ?”
“เกลน…ไม่เสียใจเหรอที่แต่งงานกับฉัน? ไม่รู้สึกแย่เหรอ?”
“จู่ๆ ถามอะไรแบบนั้นล่ะ?”
“ก็…ฉันไม่ใช่คนธรรมดานี่นา แล้วก็คงจะไม่เปลี่ยนไปตลอดชีวิต อาจทำให้เกลนต้องเจอเรื่องลำบากอีกเยอะเลย”
รีเอลพูดพร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อย
“แล้วก็…มีเด็กผู้หญิงมากมายที่ชอบเกลน แต่ฉันกลับ…แย่งเกลนมาไว้คนเดียว บางที…อาจจะมีคนที่เหมาะสมกว่าฉันอยู่ก็ได้…”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เกลนก็ลูบศีรษะของเธอเบาๆ อย่างอ่อนโยน
“บ้ารึเปล่า ฉันไม่เคยเสียใจที่เลือกเธอเลยซักนิด แต่…เอ่อ…ก็ยอมรับนะ ว่าตอนนั้นมันเหมือนโดนสถานการณ์พาไปหน่อย แต่การที่ตัดสินใจจะใช้ชีวิตกับเธอ มันเป็นความตั้งใจของฉันเองโดยไม่มีข้อสงสัยเลย แล้วก็──”
เกลนมองไปยังลูกๆ ที่กำลังเล่นกันอยู่ไกลๆ อย่างสนุกสนาน
คราวนี้พวกเขาใช้เวทมนตร์ควบคุมทราย สร้างปราสาทขนาดมหึมา—หรือจะเรียกว่าปราสาทจริงๆ ก็ยังได้
เขาที่กำลังจะบ่นว่า “อย่าใช้เวทเล่นแบบนั้นสิ” ก็ได้กลืนคำพูดนั้นลงคอไป แล้วก็พูดต่ออย่างขำขัน
“ครอบครัวนี่มันดีจริงๆ นะ เพราะเธอ ฉันถึงได้มีครอบครัวที่ไม่มีใครแทนได้ เป็นสมบัติล้ำค่าตลอดชีวิตของฉันเลยล่ะ ฉันรู้สึกอยากปกป้องพวกเธอด้วยชีวิตตัวเอง และอยากทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกน่ะ ไร้สาระ ใครจะพูดอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ ขอบใจนะ รีเอล ที่แต่งงานกับฉัน ที่ทำให้ฉันได้พบกับครอบครัวแบบนี้ ฉันดีใจมากจริงๆ ที่ได้พบเธอ”
อาจเป็นเพราะฟ้าใสและเสียงคลื่นในวันนี้ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
คำพูดที่เกลนมักไม่กล้าพูดออกมาด้วยความเขินหรือความดื้อดึง กลับหลุดออกมาอย่างธรรมชาติในวันนี้
แล้วก็──
รีเอลที่จ้องมองเกลนมาตลอด เผยยิ้มอ่อนโยนขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
เกลนถึงกับใจเต้นโครมใหญ่โดยไม่รู้ตัว
“ฉัน…มีความสุขมากเลย”
“รีเอล?”
รีเอลยิ้มอย่างอบอุ่น พิงศีรษะลงบนไหล่ของเกลน และเอนตัวพิงเขา
“เกลน…ฉันรักเธอที่สุดในโลกเลย รักที่สุดเลย…ส่วนเด็กๆ ก็รักเท่าๆ กันนั่นแหละ แต่ว่า ฉันก็…ดีใจมากเหมือนกันที่ได้พบกับเกลน”
ดูเหมือนว่า รีเอลเองก็ได้รับอิทธิพลจากฟ้าใสและเสียงคลื่นเช่นกัน
คำพูดที่ปกติไม่มีวันหลุดออกจากปากของเธอ ค่อยๆ เอ่ยออกมาทีละคำอย่างอ่อนโยน
ทั้งสองคนจึงนั่งแนบชิดกัน มองดูเหล่าเด็กๆ ที่เล่นกันอย่างสนุกสนาน
และเกลนก็คิดขึ้นมาในใจ พลางรู้สึกถึงไออุ่นของรีเอลที่อยู่ข้างๆ…
(…เอาวะ ยอมเป็นโxลิค่อนก็ได้)
“พ่อขาแม่ขา จะทุบแตงโมแล้วมันแหลกเป็นผงไปเลย ก็เลยใช้เวทแปรธาตุสร้างขึ้นมาใหม่แล้ว!”
“พวกเราสร้างปราสาททรายแบบเรียลๆ เสร็จแล้วด้วย ไปกินกันตรงนั้นเถอะน้าาา!”
“เฮ้อ…ชิออน อิลเซีย…ชู่~~~”
เอลี่กล่าวห้ามชิออนกับอิลเซียที่กำลังวิ่งมาหาพ่อแม่อย่างคึกคัก โดยมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้า
“มีอะไรเหรอคะ พี่เอลี่?”
ว่าแล้วเอลี่ก็หันไปมองใต้ร่มชายหาดที่พ่อแม่ของเธอนั่งอยู่
ที่นั่นคือ──
“zzz…”
เกลนกับรีเอลกำลังหลับกลางวันอย่างสงบ
เกลนนอนกางแขนขาเหมือนรูปตัวใหญ่ ส่วนรีเอลขดตัวเหมือนกระรอก นอนเบียดอยู่ข้างๆ
ทั้งสองคงเหนื่อยล้ากันมาก พื้นที่ตรงนั้นจึงดูเงียบสงบ ราวกับกาลเวลาได้หยุดหมุน เป็นดั่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง
“…แผนการสำเร็จแล้วล่ะค่ะ”
เอลี่เอ่ยพลางยิ้มกว้าง ขณะมองดูพ่อแม่ที่นอนหลับอย่างไม่ระวังตัว
“อยู่ในเมืองหลวงทีไร ก็มีคนมาขอความช่วยเหลือจากสองคนนั้นตลอดเลย… พอได้มาพักผ่อนแบบนี้ก็รู้สึกดีจริงๆ นะคะ”
“นั่นสินะ~”
“แต่ว่า…อิลเซียก็อยากเล่นกับพ่อกับแม่ด้วยอ่าาาา”
อิลเซียทำหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย เอลี่จึงยิ้มปลอบ
“ถ้าพ่อกับแม่ได้พักเต็มที่ในวันนี้ พรุ่งนี้พวกเขาจะมาเล่นด้วยแน่นอน”
“จริงด้วย! งั้นเราต้องปล่อยให้พ่อกับแม่พักให้เต็มที่เลย!”
“อื้ม! เวลาสงบสุขของพ่อกับแม่ เดี๋ยวพวกเราจะปกป้องไว้เอง!”
“เอ้า! สู้ๆ เย้!”
เด็กทั้งสามคนตกลงกันแน่วแน่ จับมือร่วมแรงเพื่อปกป้องช่วงเวลาพักผ่อนของพ่อแม่
───
“…อยู่ดีๆ จะพูดก็ยังไงอยู่…แต่ฉันน่ะ เป็นนักฆ่า…แถมยังเป็นระดับมืออาชีพตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ”
ที่มุมหนึ่งของชายหาดรีสอร์ต ใต้ต้นปาล์ม ชายผู้หนึ่งในชุดดำทั้งตัว ยืนหลบอยู่โดยใช้เวทปิดบังตัวตนอย่างสมบูรณ์
นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปผ่านมา ไม่มีใครสังเกตเห็นชายคนนี้เลย
ด้วยเวทมนตร์การควบคุมการรับรู้ขั้นสูงสุด ทำให้เขากลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นหรือรับรู้ได้
แม้แต่เหยื่อเองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกฆ่า…นั่นแหละคือสไตล์การลอบสังหารอันน่าสะพรึงของเขา
“อย่าโกรธกันเลยนะ? เกลน เรดัส…รีเอล เรดัส…ยังมีองค์กรอีกมากที่ไม่พอใจการมีอยู่ของพวกแก… และถ้าฉันจัดการสองคนนั้นได้ล่ะก็…ชื่อเสียงของฉันในโลกใต้ดินจะพุ่งทะลุเพดานอย่างแน่นอน…! จงเป็นบันไดสู่เกียรติยศของข้าเถอะ…ฮีโร่เอ๋ย!”
เขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
ในที่สุด…ชายคนนั้นก็เริ่มขยับตัว เดินอย่างเงียบกริบเข้าหาเป้าหมาย──
ทันใดนั้น ก็มีมือหนึ่งแตะลงบนบ่าเขาอย่างกะทันหัน ทำให้ชายคนนั้นรีบหันกลับไป เจ้าของมือก็คือเอลี่ในชุดว่ายน้ำ ยืนยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส
“…ห๊ะ? ดะ…เดี๋ยวสิ? ทำไมเธอถึงรับรู้การมีอยู่ของฉันได้…?”
ชายคนนั้นอึ้งค้าง ในขณะที่เอลี่หยิบดาบขึ้นมาพลางท่าทางพร้อมสู้──
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
───
“ให้ตายสิ พวกขยะพรรค์นี่น่ะ ถึงจะห่วยแตก แต่ดันไวเรื่องข่าวกรองกับการเคลื่อนไหวซะด้วยสิ”
เอลี่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ขณะโยนร่างของนักฆ่าชุดดำที่เธอซัดจนเละแล้วมัดแน่นอย่างกับห่อซูชิ ลงในมุมทิ้งขยะของชายหาดรีสอร์ต
“อะ เฮือก…”
“อึ่ก…แอ่…อื๊อ…”
“อ๊าก…”
ที่นั่นมีร่างของนักฆ่าคนอื่นๆ ที่โดนเอลี่เล่นงานมาแล้วอีกประมาณสี่คน นอนทิ้งไว้ไม่ต่างจากเศษขยะ
“ถึงจะเก่งเรื่องสะกดรอยยังไง แต่ดันไม่รู้ความต่างของฝีมือระหว่างตัวเองกับศัตรูเลยเนี่ย…น่าปวดหัวจริง ๆ”
ในขณะที่เอลี่บ่นอยู่นั้นเอง ประตูมิติหนึ่งก็เปิดขึ้นกลางอากาศ และชิออนกับอิลเซียก็พุ่งออกมา
“กลับมาแล้ว! พี่เอลี่!”
“ยินดีต้อนรับกลับ ชิออน อิลเซีย ภารกิจเป็นไงบ้าง?”
“เป็นไปได้ด้วยดี ไปไล่จัดการพวกขุนนางกับองค์กรที่ส่งพวกนี้มาให้หมดแล้ว!”
“เราทิ้งหลักฐานไว้เต็มไปหมด แล้วก็แจ้งทหารกับเจ้าหน้าที่ไว้แล้วด้วย ต่อไปพวกนั้นคงไม่กล้าโผล่มาอีก!”
“หึๆ สมกับเป็นน้องชายกับน้องสาวของฉัน เก่งรอบด้าน แถมจัดการอะไรก็รวดเร็ว คล่องแคล่ว…น่าอิจฉาจริงๆ ฉันน่ะ เวทมนตร์ไม่เก่งเหมือนพวกเธอสักหน่อย”
“แต่พี่เอลี่น่ะ แข็งแกร่งที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ?”
“แถมแสงสีเงินนั่น โกงสุดๆ เลยอะ…เวทมนตร์ใช้ไม่ได้กับพี่เลยซักนิด”
“ก็ถือว่าเป็นผลจากประสบการณ์ล่ะนะ”
อนึ่ง คำว่า “เวทมนตร์ไม่เก่ง” ของเอลี่นั้น เมื่อเทียบกับชิออนและอิลเซียถึงจะจริง แต่ในสายตาคนทั่วไป เอลี่ถือว่าเป็นจอมเวทระดับแนวหน้าคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ว่าแต่…พ่อกับแม่เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ต้องห่วง ยังหลับสนิทอยู่เลย แม้แต่เสียงดังขนาดนี้ก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ”
“งั้นก็ดีแล้ว…”
“พวกเราต้องปกป้องช่วงเวลาแห่งความสงบสุขของพ่อกับแม่ไว้ให้ได้!”
“นั่นสินะ! ต้องเป็นแบบนั้นแหละ!”
ในขณะที่เหล่าเด็ก ๆ กำลังฮึกเหิม ตั้งใจจะปกป้องพ่อแม่อยู่นั่น──
“แย่แล้วววววววว! ฉลามมมมมมม!”
เสียงโหวกเหวกดังมาจากทางชายหาด
“ฝูงฉลามกำลังเข้าฝั่งงงงงงง!”
“แถมเกิดพายุขึ้นมาพอดี แล้วพวกฉลามก็ดันลอยมากับลม! มันกำลังบินเข้าโจมตี!!!”
“อ๊ากกกกก! ไม่นะ! ถ้าเป็นแบบนี้เกาะไซเนเรียต้องล่มแน่ๆๆๆๆๆ!”
“อะไรละนั่น?”
“ฝูงฉลามบินได้…?”
“เหวอ…”
ชิออน เอลี่ และอิลเซีย ต่างจ้องมองภาพประหลาดราวกับฝันร้ายตรงหน้าอย่างอึ้งๆ
“ทำไมต้องมาเกิดเรื่องตอนนี้ด้วยนะ…”
“ก็…พ่อกับแม่น่ะ เป็นพวกที่ดึงดูดปัญหาเข้าหาตัวเองอยู่แล้วนี่นา”
“นี่มันออร่า ‘วีรชนดวงซวย’ ชัดๆ…”
“พูดเป็นเล่นอยู่ได้! ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ พ่อกับแม่จะตื่นขึ้นมานะ! พวกท่านไม่ได้พักกันพอดี!”
“ไม่เป็นไร ฉันลงเขตป้องกันเสียงไว้รอบๆ พวกท่านแล้ว ถ้าเราจัดการเรื่องให้จบก่อน ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยค่ะ”
“งั้นก็ไปกันเถอะ! พี่เอลี่! ชิออน!”
เพื่อมอบความสงบสุขให้พ่อแม่ แม้เพียงชั่วขณะ เด็กทั้งสามก็เริ่มออกปฏิบัติการ──
───
นั่นคือชะตากรรม หรือเป็นเพราะ “ออร่าวีรชน” กันแน่…
ในขณะที่เกลนและรีเอลยังคงหลับใหลอย่างสงบ
เหตุวุ่นวายกลับถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน
ไม่รู้เพราะอะไร ร้านอาหารชายหาดถูกกลุ่มก่อการร้ายชื่อดังระดับโลกบุกยึด เพื่อใช้เป็นฐานเจรจาทางการเมืองกับรัฐบาลจักรวรรดิ
ไม่รู้เพราะอะไร เรือผีสิงโผล่มา แล้วผีโจรสลัดก็เริ่มปล้นสะดมทั่วเมือง
ไม่รู้เพราะอะไร ห้องทดลองเวทมนตร์ชั้นสูงที่ควรถูกปิดตายไปนานแล้วบนเกาะแห่งนี้ดันเปิดออก แล้วฝูงสัตว์ประหลาดลูกผสมต้องห้าม (คิเมร่า) ก็พากันหลุดออกมา เผยแผนล้มล้างชาติของจอมเวทอำมหิตคนหนึ่ง
ไม่รู้เพราะอะไร──
──แต่ทว่า
“รุ่งอรุณแห่งสายสัมพันธ์! ย๊าาาาาาาาาาาาาาาา!”
“ไปเลย อิลเซีย!”
“อื้ม! หนึ่ง สอง…ซั่ม ปลิวไปให้หมดเลย เจ้าพวกขยะ!”
“”เวทมืดปรับแต่งพิเศษ Extinction Ray!!””
เอลี่ ชิออน และอิลเซีย ทั้งสามคน ได้จัดการทุกปัญหานั้นอย่างราบคาบ
ผลงานของพวกเขาในการรับมือภัยพิบัติระดับโลกด้วยความกล้าหาญชนิดสุดขั้ว ทำให้ทุกคนต่างเห็นภาพของ “ฮีโร่แห่งอนาคต” อย่างชัดเจน
“เด็กพวกนั้น…เป็นใครกันแน่นะ…”
“สะ…สุดยอดเกินไปแล้ว…”
นักท่องเที่ยวและชาวเกาะที่อยู่ในเหตุการณ์ ทำได้แค่ยืนอ้าปากค้าง มองดูความสามารถเหนือมนุษย์ของเด็กทั้งสาม
แต่แล้ว…
ภัยคุกคามที่แม้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรับมือได้ ก็เริ่มปรากฏตัว…
“มะ…ไม่อยากจะเชื่อเลย…”
“ไม่คิดเลยว่า พวกมนุษย์ครึ่งปลายุคโบราณจะทำพิธีปลุกพลังเทพเจ้าแห่งท้องทะเลให้คืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง…!”
เบื้องหน้าของทั้งสามคน คือร่างอันมหึมาของสัตว์ประหลาดตนหนึ่ง
มันโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา มีขนาดใหญ่เท่ากับเนินเขา แขนขาเต็มไปด้วยเกล็ดและพังผืด ใบหน้าเหมือนปลาที่เต็มไปด้วยหนวดจำนวนมาก—รูปลักษณ์อันน่าสยดสยอง ราวกับเป็นการดูหมิ่นเทพเจ้าโดยสิ้นเชิง
มันคือพลังแห่งเทพเจ้าท้องทะเล ที่ได้รวมร่างกับพวกมนุษย์ครึ่งปลายุคโบราณทั้งหมด และอวตารมายังโลกมนุษย์ต่อหน้าพลังเวท ความบ้าคลั่ง และพลังศักดิ์สิทธิ์ของมัน แม้แต่ทั้งสามก็ไม่สามารถต่อกรได้ จึงได้แต่เป็นฝ่ายรับเพียงอย่างเดียว
ทั้งสามคนเริ่มเหน็ดเหนื่อยจนแทบหมดลม พลังเวทก็ร่อยหรอ
“แม้แต่เด็กพวกนั้นก็สู้ไม่ไหว…!?”
“เกาะไซเนเรียกำลังจะล่มสลายแล้วเหรอ…!?”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!? ทำไมวันนี้ถึงมีเรื่องวุ่นวายเยอะขนาดนี้!?”
นักท่องเที่ยวและชาวเกาะที่ยืนดูอยู่ห่างๆ ต่างสั่นเทิ้มไปตามกัน
“จะทำไงดีล่ะ พี่เอลี่ พี่อิลเซีย! พวกเรา…ต้องเรียกพ่อกับแม่มั้ย!?”
“ไม่ได้นะ! วันนี้เราต้องให้พ่อกับแม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่!”
“ใช่…เพราะอย่างนั้น พวกเราต้องจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ด้วยตัวเองให้ได้!”
ถึงแม้จะยากลำบาก แต่ทั้งสามก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังคงสู้ต่อ
“งั้นเราจะทุ่มพลังเฮือกสุดท้ายแล้วโจมตีพร้อมกันเถอะ!”
“อื้ม!”
“หนทางสุดท้ายแล้วล่ะนะ!”
『dfopideheuifghei;foewrgweurg;weolhifdghsgu!』
เจ้าสัตว์ประหลาดส่งเสียงประหลาดน่าขนลุกราวกับจะทำให้คนเสียสติ
ทั้งสามจึงรวมพลังโจมตีครั้งสุดท้ายเข้าใส่มัน
“””ย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก!”””
แสงดาบสีเงิน
แสงพลังจากพลังงานเสมือนที่สามารถย่อยสลายทุกสิ่งจนถึงระดับต้นกำเนิด
ถูกกระแทกใส่มันอย่างไม่ปรานี
──ผลลัพธ์คือการโจมตีนั้นไม่สามารถทำลายเทพเจ้าทะเลได้โดยสมบูรณ์ แม้จะรุนแรงถึงขั้นลบล้างสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่ยังไม่พอจะสังหารเทพจากนอกจักรวาลได้
──แต่ว่า ท่ามกลางการโจมตีของทั้งสาม กลับมี กระสุนปืนหนึ่งนัด และ แสงดาบสีเงินอีกหนึ่งเส้น แทรกเข้ามาอย่างลับๆ โดยไม่มีใครทันสังเกต
และเพียงแค่นั้น เทพเจ้าทะเลก็เริ่มแตกสลาย ร่างกายพังทลาย ส่งเสียงโหยหวน ก่อนจะสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“มะ…ไม่จริง…เราชนะแล้วเหรอ…?”
“สำเร็จแล้ว! สำเร็จแล้วนะ พี่เอลี่! พี่อิลเซีย!”
“ดีจัง! แบบนี้พ่อกับแม่ก็ได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว!”
พวกเด็ก ๆ กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
ผู้คนทั้งเกาะ นักท่องเที่ยวและชาวเมือง ต่างลุกขึ้นปรบมือชื่นชมพวกเขาทั้งน้ำตา
“สุดยอด!”
“เก่งมาก!”
“พวกเธอคือผู้มีพระคุณของเกาะนี้!”
“พวกเธอคือฮีโร่!”
ทั้งเกาะเต็มไปด้วยความขอบคุณและความยินดี กลายเป็นเทศกาลนอกฤดูเพื่อยกย่องเหล่าวีรชนตัวน้อย
────
“เกลน เด็กๆ เป็นยังไงบ้าง?”
“หลับกันหมดแล้ว หลับลึกเลยล่ะ”
──สามวันต่อมา
ช่วงเวลาแห่งการท่องเที่ยวผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ครอบครัวกำลังอยู่บนเรือโดยสารขากลับ
บนม้านั่งพักผ่อนบนดาดฟ้าเรือที่ถูกอาบแสงอาทิตย์ยามเย็น
เอลี่ยังหลับอยู่ โดยมีชิออนและอิลเซียซบอยู่ข้างๆ
สายลมทะเลอ่อน ๆ พัดไล้เส้นผมและเสื้อผ้าของทั้งสามอย่างอ่อนโยน
ผู้เป็นพ่อแม่—เกลนกับรีเอล ยืนพิงราวเรือมองดูพวกเขาอย่างอบอุ่น
“เด็กพวกนี้นี่นะ ดันทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัยซะอีก…”
“แต่…เกลน ก็ดูดีใจไม่ใช่เหรอ?”
“…ก็นะ”
เขาหลบสายตาไปอีกทาง
ดวงตาเห็นเพียงผืนทะเลที่กว้างใหญ่สุดสายตา
เส้นขอบฟ้าที่เปล่งประกายในสีทองของยามเย็น ช่างงดงามยิ่งกว่าสมบัติใดๆ ในโลกนี้
“ถึงแม้พวกมันจะมีพรสวรรค์ที่เกินตัว แต่ก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี…พวกเราต้องดูแลพวกเขาให้ดี”
“อืม ทั้งเรื่องของโลกใบนี้ แล้วก็เรื่องของเด็กๆ ด้วย น่าจะลำบากน่าดูเลยล่ะ”
“อาจจะมีทั้งเรื่องสนุก เรื่องน่ายินดี แล้วก็เรื่องยากลำบากมากมายรออยู่…”
นั่นแหละ…สิ่งที่เรียกว่าการสร้างครอบครัว
“แต่ไม่เป็นไรหรอก เพื่อพวกเขาแล้ว พวกเราจะพยายามให้ถึงที่สุด เดินไปข้างหน้าต่อไป…ใช่มั้ย?”
“อื้ม แน่นอน”
รีเอลพยักหน้าเบาๆ
“เกลน…ฉันจะพยายาม…ไปด้วยกันกับเกลน เพราะนี่คือเส้นทางที่ฉันเลือกเอง—เส้นทางของ ‘มนุษย์’ ที่ฉันจะใช้ชีวิตเดินไปต่อ”
“อืม”
“จากนี้ไป…ขอฝากตัวด้วยนะ เกลน”
ว่าแล้ว รีเอลก็หันมายิ้มให้เกลนด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นและจริงใจที่สุด
ภาพของเด็กสาวที่เคยถูกช่วงชิงความเป็นมนุษย์ไป ถูกเลี้ยงมาให้เป็นแค่ดาบเล่มหนึ่ง—ไม่มีอยู่อีกแล้ว
IF รีเอล จบ
ติดตามได้ที่ FB Mxgic
Chapters
Comments
- ตอนที่ 3 รูทรีเอล 1 วัน ago
- ตอนที่ 2 รูทอีฟ 1 วัน ago
- ตอนที่ 1 รูทลูเมีย 1 วัน ago
MANGA DISCUSSION