ตอนที่ 1 รูทลูเมีย
「ดูนั่นสิๆ รุ่นพี่ลูเมียนี่นา!」
「โอ้โห วันนี้ก็ยังงดงามเหมือนเคย」
ณ ใจกลางจักรวรรดิอัลซาโน—ภายในกระทรวงเวทมนตร์แห่งอาณาจักร เมืองออร์ลันโดเสียงชื่นชมดังขึ้นทั่วโถงทางเดินของกระทรวง เมื่อร่างของลูเมียก้าวเดินอย่างสง่างามในชุดเครื่องแบบข้าราชการเวทมนตร์ เหล่าเพื่อนร่วมงานและรุ่นน้องต่างส่งสายตาชื่นชม
「รุ่นพี่ลูเมียเนี่ย สุดยอดจริงๆ เนอะ」
「ใช่ๆ! หลังจากจบจากสถาบันเวทมนตร์อัลซาร์โนอันเลื่องลื่อไปทั่วโลก เธอยังสามารถสอบผ่าน ‘การสอบข้าราชการพิเศษระดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิ’ ที่ขึ้นชื่อว่ายากที่สุดในโลกด้วยคะแนนสูงสุด แถมยังเป็นผู้สอบผ่านที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย」
「ไม่ใช่แค่นั้นนะ! ตั้งแต่รุ่นพี่ถูกแต่งตั้งเป็นข้าราชการกระทรวงเวทมนตร์ เธอได้สร้างผลงานอันน่าทึ่งอย่างต่อเนื่องเลยล่ะ ไม่ว่าจะ ปรับกฎหมายเวทมนตร์ ปฏิรูปสภาพแวดล้อมการศึกษาเวทมนตร์ และผลักดันนโยบายคุ้มครองผู้มีพลังพิเศษ!」
「ว่ากันว่าผลงานของรุ่นพี่ ทำให้ความก้าวหน้าเวทมนตร์ทั่วโลกเร่งขึ้นไปอีกครึ่งศตวรรษเลยล่ะ」
「สุดยอดจริงๆ」
「หึ พวกเธอคิดว่านั่นสุดยอดแล้วเหรอ พวกเธอลืมไปแล้วเหรอยังมีเรื่องสุดยอดกว่านั้นอีกนะ ที่ว่าเธอเป็นหนึ่งในวีรสตรีที่ช่วยโลกนี้ไว้ในสงครามครั้งใหญ่น่ะ!」
「ห๊ะ!?」
「จ จริงด้วย… นึกออกแล้ว」
「คุณลูเมียเป็นหนึ่งในวีรสตรีที่เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ปราสาทลอยฟ้าเมื่อห้าปีก่อน」
「สุดไปแล้ว」
「แถมยังสวยสุดๆ อีกต่างหาก แต่เธอกลับไม่เคยหยิ่งยโสในผลงานหรือความสามารถของตัวเองเลย ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่ต่างอะไรจากนักบุญเลยล่ะ! 」
「นั่นสินะ ถ้าถูกยกย่องเป็นนักบุญก็คงจะไม่แปลก」
「แถมยังมีข่าวลือว่าเธอมาจากสายตระกูลราชวงศ์อัลซาโนอันห่างไกลด้วยนะ」
「เห งั้นเหรอ ก็ว่าทำไมถึงมีกลิ่นอายราชวงศ์」
「อ๊าย อยากเข้าใกล้เธอในฐานะผู้ชายจัง แต่เธอสูงส่งเกินไปคงเอื้อมมือไปไม่ถึง…อั๊ก」
「ยัยบ้า นี่เธอไม่รู้หรอว่ารุ่นพี่มีคนในใจแล้วสัญญาจะใช้ชีวิตด้วยกันในอนาคตแล้วน่ะ」
「ใช่ๆ เหมือนจะได้ว่าชื่อเกลน เรดัส เป็นจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แล้วยังเป็นวีรบุรุษจากสงครามครั้งนั้นเหมือนกัน เธอไม่มีโอกาสไปแตะต้องหรอก」
「ว่ากันตามตรง ผู้ชายที่คู่ควรกับรุ่นพี่ก็น่าจะมีแค่ท่านเกลนเท่านั้นแหละ」
「ฮึกก!」
「อย่าร้องไห้สิ ฉันเองก็อยากร้องเหมือนกัน การได้ทำงานในที่เดียวกับคนที่เหมือนเทพธิดาแบบนั้น สำหรับผู้ชายแล้วมันเหมือนการทรมานอย่างหนึ่งเลยนะ」
「เฮ้อ~ ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมด แต่ดูโรแมนติกดีนะ ความรักก่อตัวผ่านการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของโลก เหมือนกับมหากาพย์วีรบุรุษเลย! ฉันนี่หลงใหลเลยล่ะ~」
「เหมือนอะไรกันล่ะ ทั้งสองคนนี้เป็นมหากาพย์แห่งยุคสมัยนี้จริงๆ นั่นแหละ 」
「ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นการกำเนิดของตำนานด้วยตาตัวเอง」
「เพราะแบบนี้ไง ถึงได้มีนิยายที่ใช้เซ็ตติ้งนี้วางขายเต็มตลาดไปหมดเลย」
「ส่วนใหญ่เหมือนจะตั้งให้ทั้งคู่มีความสัมพันธ์แบบอาจารย์กับลูกศิษย์นี่เนอะ」
「สมกับเป็นนิยายจริงๆ อะไรจะเกินจริงขนาดนั้น!」
「นั่นสิ… แต่มันก็ทำให้เรื่องดูโรแมนติกขึ้นนะ」
「เรื่องนั้นค่อยว่ากัน ว่าแต่ ทั้งสองคนจะจัดพิธีแต่งงานกันเมื่อไหร่นะ? ฉันอยากเห็นรุ่นพี่ตอนนั้นจัง」
ท่ามกลางเสียงพูดคุยอันคึกคักของเพื่อนร่วมงานและรุ่นน้อง
(อ๊า อายจัง…)
ลูเมียที่เดินผ่านทางเดินของกระทรวงพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นด้วยใบหน้าสีแดงเรื่อ
────
「ช่วงนี้พยายามมากเลยนะ เอลเมียน่า」
「ใช่ๆ! ในฐานะพี่สาวรู้สึกภูมิใจมากเลยล่ะ!」
「แหะๆ」
ณ พระราชวังในจักรวรรดิอัลซาโน เมืองหลวงออร์ลันโด
ภายในสวนของพระราชวัง ซึ่งเป็นที่พำนักของเหล่าราชวงศ์แห่งจักรวรรดิ หญิงสาวสามคนกำลังนั่งล้อมโต๊ะจิบชาและพูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย
จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิอัลซาโน-เลซาเรีย—อลิเซียที่ 7
เจ้าหญิงเรนีเลีย—รัชทายาทแห่งบัลลังก์และเป็นพี่สาวแท้ๆ ของลูเมีย
และตัวลูเมียเอง
แม่และลูกสาวแห่งราชวงศ์ได้นั่งร่วมวงพูดคุยกันอย่างสงบ ในมือแต่ละคนถือถ้วยชาอุ่นๆ ไว้
「น้องสาวของฉันทั้งเก่งทั้งขยันขนาดนี้ แต่ตัวฉันกลับยังไปไม่ถึงไหนเลย… เฮ้อ ฉันจะรับช่วงต่อจากท่านแม่ได้จริงๆ หรือเปล่านะ…」
เรนีเลียถอนใจเบาๆ
「ฟุฟุ ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เรนีเลีย ลูกเองก็ทำได้ดีมากแล้ว แน่นอนว่า ในเรื่องการเมืองและการทูต ลูกยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่ว่าความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์ที่ลูกร่ำเรียนจากมหาลัยนั้น—มันยอดเยี่ยมกว่าแม่อีก เมื่อเวลานั้นมาถึง ลูกจะต้องเป็นผู้นำที่ดีได้แน่นอน」
อลิเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
「จริงเหรอคะ…?」
「อื้ม พี่ทำได้แน่ ในอนาคต ฉันเองก็จะเป็นข้าราชการของจักรวรรดิและคอยช่วยพี่ด้วยนะคะ」
「ขอบคุณนะ เอลเมียน่า」
เรนีเลียหัวเราะเบาๆ
ขณะสองพี่น้องกำลังหยอกเย้ากันอยู่นั้น
「เหมือนฝันเลย」
อลิเซียพึมพำออกมาอย่างเงียบๆ ดวงตาทอดมองบรรยากาศอันแสนอบอุ่น
「ที่เราได้กลับมาใช้เวลาร่วมกันเป็นครอบครัวแบบนี้อีกครั้ง」
「นั่นสินะคะท่านแม่ ปาฏิหาริย์นี้เราคงทำได้เพียงกล่าวขอบคุณ」
เรนีเลียเห็นพ้องกับผู้เป็นแม่
「พวกเราผ่านอะไรมามากจริงๆ มากเหลือเกิน」
「…………」
ลูเมียก้มมองใบหน้าของตนที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำชา
เดิมที เธอคือเจ้าหญิงอันดับสองแห่งราชวงศ์อัลซาโน—เอลเมียน่า เอล เคล อัลซาโน
ทว่า เธอเกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษ
ซึ่งในอาณาจักรแห่งนี้ การมีพลังเช่นนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้าม
มันเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคร้าย เป็นสิ่งต้องห้ามที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงถูกประกาศว่า ‘เสียชีวิตด้วยโรคภัย’ และถูกขับออกจากราชวงศ์ เพียงเพื่อรักษาอำนาจและเกียรติของราชบัลลังก์เอาไว้
แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงอดีตที่ผ่านไปแล้ว
อลิเซียทุ่มเทเวลาหลายปีในการปฏิรูปกฎหมายและระบบการศึกษา เพื่อบรรเทาความเกลียดชังและการเลือกปฏิบัติต่อผู้มีพลังพิเศษ
และตอนนี้ ลูเมียไม่ใช่แค่ ‘ผู้มีพลังพิเศษ’ อีกต่อไป
เธอเป็นหนึ่งในวีรสตรีที่ช่วยกอบกู้โลกเอาไว้
ดังนั้น เธอจึงสามารถกลับมาพบกับแม่และพี่สาวได้อีกครั้ง แม้จะต้องแบ่งเวลาให้กับงานราชการก็ตาม
「ขอโทษนะ เรื่องการคืนสถานะในราชวงศ์ของลูก ยังคงเป็นเรื่องยากอยู่」
「แม้ว่าความขัดแย้งเรื่องผู้มีพลังพิเศษจะคลี่คลายลงไปมาก แต่ความคิดเดิมๆ ก็ยังฝังรากลึกอยู่ อีกอย่าง ช่วงฟื้นฟูจากสงครามก็ทำให้เรามีงานล้นมือ」
「ฮะๆ ไม่เป็นไรค่ะๆ หนูไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น!」
ลูเมียหัวเราะพลางโบกมือ
「เพราะแค่ได้มาพบกับท่านแม่และพี่สาวเป็นครั้งคราวแบบนี้ หนูก็พอใจแล้วมากค่ะ! แล้วฉันเองก็ชอบนามสกุล ‘ทินเจล’ มากเลย เพราะงั้น ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ」
「…ถ้าพูดแบบนั้น ค่อยเบาใจขึ้นหน่อย」
อลิเซียยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
ทว่าทันใดนั้น
เรนีเลียก็กล่าวแซวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
「อะแฮ่ม~ แต่เสียดายจังเลยนะ เอลเมียน่า เธอบอกว่าชอบใช้นามสกุล ‘ทินเจล’ ใช่ไหม~? แต่ก็คงใช้ได้อีกไม่นานแล้วนะ~ เพราะอีกไม่นานเธอก็จะกลายเป็น ‘เรดัส’ แล้วนี่นา~?」
「——หะ!?」
เพียงพริบตาเดียว ใบหน้าของลูเมียก็แดงก่ำขึ้นทันที
「อืมม อดีตเจ้าหญิงผู้ถูกขับไล่กับวีรบุรุษผู้กอบกู้โลก โรแมนติกสุดๆ ไปเลย!」
「ฟุๆ ถ้ากลับมาในฐานะภรรยาของวีรบุรุษ ‘การคืนสถานะในราชวงศ์’ ก็คงไม่มีใครกล้าคัดค้านอีกแล้วล่ะ」
「แล้วถ้าเลือดของวีรบุรุษถูกหลอมรวมเข้ากับสายเลือดของราชวงศ์ จักรวรรดิอัลซาโนจะมั่นคงไปอีกหลายร้อยปี ดีมาก น้องสาว! ทำดีมาก!」
「ยังไงก็เถอะ ถ้าเธอมีความสุข จะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอกนะ ว่าแต่วางแผนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่เหรอ? แม่อยากอุ้มหลานเร็วๆ แล้ว」
「แปลว่าฉันเองก็จะได้เป็นคุณป้าแล้วสินะ~」
สองแม่ลูกพากันแซวลูเมียด้วยท่าทางขี้เล่น
ทว่า…
「แฮะๆ…」
รอยยิ้มของลูเมียดูแฝงไปด้วยความลังเลเล็กน้อย
แน่นอนว่าอลิเซียและเรนีเลียไม่พลาดที่จะสังเกตเห็นสิ่งนั้น
「มีอะไรหรือเปล่าคะ? มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับคุณเกลนที่ทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า?」
「มะ ไม่ค่ะ ไม่มี」
「โกหก ฉันรู้นะ ทุกครั้งที่เธอก้มหน้าแล้วหัวเราะแบบนั้น เธอจะต้องกำลังปิดบังอะไรอยู่แน่ๆ」
「นะ นั่นมัน…」
ลูเมียพยายามบ่ายเบี่ยง
ทว่า อลิเซียและเรนีเลียก็ยังคงมองตรงมาที่เธออย่างไม่ละสายตา ราวกับกำลังอ่านใจเธออยู่…
สุดท้าย ลูเมียก็ยอมจำนน
「คือว่า ที่จริงแล้ว…」
เธอเริ่มเปิดปากเล่าเรื่องที่กำลังค้างคาใจมาตลอด—
────
「เรื่องเป็นมาแบบนี้แหละค่ะ」
「──ห่างเหินกันไปอย่างนั้นเหรอ!?」
เรนีเลียและเรนีเลียพูดขึ้นอย่างตกตะลึง ขณะที่ลูเมียยังคงยิ้มแห้งๆ พยายามกลบเกลื่อน
「อะแฮะๆ มะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นหรอกค่ะ」
「จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ได้ยังไง!?」
「นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายเลยนะ! เทียบเท่ากับวิกฤติของชาติ… ไม่สิ ของโลกเลยต่างหาก!」
「ขนาดนั้นเลยเหรอคะ!?」
ลูเมียมองแม่กับพี่สาวที่มีท่าทีเอาจริงเอาจังเกินไปจนรู้สึกถอยหลังหน่อยๆ
「กะ…ก็ช่วยไม่ได้นี่คะ ฉันเป็นข้าราชการด้านเวทมนตร์ที่ต้องรับใช้ประเทศ งานก็หลั่งไหลเข้ามาทุกวัน…」
「เวลานี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องรับใช้ประเทศแล้ว! ในฐานะข้าราชการ ลูกคิดว่าอะไรสำคัญกว่ากันระหว่างประเทศกับคนรัก!?」
「ลาออกเลย! ข้าราชการน่ะ!」
「ส่วนอาจารย์เองก็คงยุ่งอยู่กับงานสอนที่เฟจิเต้เหมือนกัน…」
「ในฐานะอาจารย์ที่ต้องอบรมสั่งสอนเด็กๆ ระหว่างลูกศิษย์กับคนรัก อะไรสำคัญกว่ากัน!?」
「ลาออกไปเลย! อาจารย์น่ะ!」
「ขอร้องล่ะค่ะ ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ ท่านแม่ ท่านพี่ พวกท่านพูดจาไม่เป็นเหตุเป็นผลเลยนะ…」
เห็นท่าทางตื่นเต้นผิดปกติของแม่และพี่สาว ลูเมียก็ได้แต่ทำหน้าตาตกตะลึง
「กะ ก็เพราะเป็นแบบนี้ พวกเราก็เลยไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน พอฉันพยายามจะติดต่อผ่านเครื่องสื่อสารเวทมนตร์ เขาก็มักจะยุ่งเสมอ ช่วงนี้เลยแทบไม่ได้คุยกันเลย พูดแค่สองสามคำ แล้วเขาก็วางสายไป…」
「เอลเมียน่า…」
「…………」
ลูเมียวางถ้วยชาลงบนจานเบาๆ
「เพราะอย่างนั้น ช่วงนี้ฉันเลยรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเลยค่ะ กลัวว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันกับอาจารย์อาจจะห่างเหินกันไปเรื่อยๆ สุดท้ายความสัมพันธ์นี้อาจจะจางหายไปเหมือนไม่เคยมีอยู่เลยก็ได้ ทั้งๆ ที่เราต้องฝ่าฟันมามากมายจนได้เป็นคนรักกันแล้วแท้ๆ」
ขณะที่ลูเมียก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
「…เรนีเลีย」
「ค่ะ ท่านแม่ ตกลงกันแล้วนะคะ」
“”กึก!」」
จู่ๆ เรนีเลียกับเรนีเลียก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
「เอ๋…? ตกลงอะไรเหรอคะ?」
「ก็ตกลงแล้วไงคะ! พวกเราจะไปที่เฟจิเต้้กันเดี๋ยวนี้เลย!」
「ถึงจะมีงานรออยู่ก็เถอะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องนั้นแล้ว!」
「ใช่! นี่เป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินของชาติ! เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด อำนาจสูงสุดของจักรพรรดินีเรนีเลียที่เจ็ดขอสั่งให้ดำเนินการทันที ไปกันเถอะ! เอลเมียน่า!」
「อะ เอ๋ เอ๋―!?」
ลูเมียร้องลั่นขณะถูกเรนีเลียจับแขนขวา เรนีเลียจับแขนซ้าย แล้วลากตัวออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว
────
「…สรุปว่า วันนี้จักรพรรดินีกับองค์หญิงก็หายตัวไปอย่างกะทันหันเลยสินะ」
อีฟ อิกไนท์ จอมพลสูงสุดแห่งกองทัพจักรวรรดิอัลซาโน-เรซาเรีย และหัวหน้าหน่วยพิเศษของกองเวทมนตร์ราชสำนัก กุมขมับอยู่ในห้องทำงาน
「มีจดหมายทิ้งไว้ที่ห้องทรงงานของฝ่าบาทด้วยครับ เขียนไว้ว่า องค์หญิงเรนีเลียกับคุณลูเมียจะเดินทางไปเฟจิเต้ เพื่อตรวจสอบความจริงรุ่นพี่เกลน…」
คริสท็อฟ จ้าหน้าที่ในหน่วยพิเศษพูดพลางยิ้มแห้ง แต่ใบหน้าก็มีร่องรอยของความเคร่งเครียด
「…แล้วพวกทหารรักษาการณ์กับราชองครักษ์ไปทำอะไรกันอยู่!?」
「คือว่าฝ่าบาทกับองค์หญิงก็เป็นจอมเวทระดับสุดยอดทั้งคู่ แถมคุณลูเมียเองยังมีพลังควบคุมกาลเวลาและมิติอีกด้วย ถ้าสามคนนั้นตั้งใจจะหลบหนีจริงๆ ต่อให้เป็นอัลเบิร์ตมาเองก็คงหยุดไม่ได้หรอกครับ…」
「…………」
「อะ ฮะๆๆ ฝ่าบาทกับองค์หญิงก็มีมุมแบบนี้อยู่เสมอแหละครับ…」
ขณะที่คริสท็อฟยังหัวเราะฝืดๆ อยู่
「อย่ามาเพิ่มงานให้ฉ้านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน—!」
อีฟระเบิดอารมณ์ฉีกเอกสารกองพะเนินตรงหน้า แล้วร้องโวยวายออกมา
───
「และด้วยเหตุนี้ เราสามแม่ลูกก็เดินทางมาถึงเฟจิเต้แล้วค่ะ」
「อะฮะๆ คิดแล้วทำเลย แบบนี้จะดีเหรอ」
กลางเมืองเฟจิเต้ อลิเซีย เรนีเลีย และลูเมีย กำลังยืนกันอยู่
อลิเซียและเรนีเลียสลัดคราบความสง่างาม เปลี่ยนจากชุดเดรสของเชื้อพระวงศ์มาเป็นสูทสีดำดั่งสายลับ พร้อมกับใส่แว่นกันแดดปกปิดตัวตน ซึ่งทำให้ทั้งคู่ดูน่าสงสัยสุดๆ
(ให้ตายสิ… น่าอายเป็นบ้า…)
ลูเมียที่ยังสวมสูททางการตามปกติ รู้สึกอึดอัดอย่างมากเมื่อเดินข้างสองคนนี้
「ว่าแต่ เอลเมียน่า ตอนนี้อาจารย์เกลนอยู่ที่ไหน?」
「เอ่อ… ถ้าเป็นเวลานี้ก็น่าจะสอนอยู่ที่โรงเรียนนะ」
ลูเมียตอบเรนีเลียหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
「ดังนั้นเราก็ไม่ควรรบกวนเขากระทันหัน ควรรอให้หมดคาบเรียนก่อน—」
「อ่อนหัดเสียจริง เอลเมียน่า」
อลิเซียพูดสวนขึ้นมา
「ลืมจุดประสงค์ไปแล้วหรอ ว่าพวกเราถ่อมาถึงเฟจิเต้เพื่ออะไรกัน?」
「เอลเมียน่า! พวกเราต้องสืบเรื่องของอาจารย์เกลนอย่างละเอียด! สืบให้ถึงที่สุด!」
「เอ๋!? เอ๋~!?」
ลูเมียร้องเสียงหลงกับแผนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
「ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นคะ!?」
「ลองคิดดูสิ ทำไมเกลนถึงละเลยไม่ติดต่อผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกใบนี้ ทั้งที่เป็นคนรักกันแล้วกันล่ะ?」
「ท่านแม่ ได้โปรดหยุดพูดอะไรน่าอายแบบนั้นเถอะค่ะ」
「คำตอบก็คือ—นอกใจ! เขาอาจจะมีผู้หญิงคนใหม่แล้ว ยังไงล่ะ!」
อลิเซียประกาศกร้าวขณะที่ลูเมียหน้าแดงจัด
「ใช่แล้ว! ลูกสาวของแม่เป็นหญิงที่งดงามที่สุดในจักรวาล! ชายทุกคนต้องหมอบกราบและอุทิศทั้งชีวิตจิตใจให้กับลูก! เหมือนม้าใช้งานที่ทำงานจนตาย!」
「ได้โปรดหยุดเถอะค่ะ」
「แล้วถ้าเขาไม่ได้ทำแบบนั้น หมายความว่าอะไรกันนะ? เรนีเลีย」
「ค่ะ นั่นหมายความว่า อาจารย์เกลนมีหญิงอื่นแล้ว! ท่านแม่ช่างเฉียบแหลมสมกับเป็นมหาจักรพรรดินีที่ปกครองมายาวนานจริงๆ!」
「…จักรวรรดิของเรารอดมาได้หวุดหวิดเลยสินะ」
「ในฐานะราชินีองค์ต่อไป ข้าก็ต้องเรียนรู้จากท่านแม่」
「จักรวรรดิของเราคงถึงจุดจบแล้วสินะ」
ลูเมียมองสองแม่ลูกที่ดูเหมือนหลุดไปอีกโลกด้วยความอึ้ง
「ท…ทั้งสองคนพูดเวอร์ไปแล้วค่ะ อาจารย์ไม่มีทาง—」
「แน่ใจได้อย่างนั้นเหรอ?」
「ใช่ ลูกน่ะยังอ่อนหัด」
อลิเซียกับเรนีเลียก้าวเข้ามาประชิด
「มีคำกล่าวว่า ‘วีรบุรุษย่อมบ้าxี」
「ใช่! ไม่แปลกเลยหากอาจารย์เกลนจะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตา แม้จะมีลูกอยู่แล้วก็ตาม!」
「ท่านแม่กับท่านพี่คิดว่าอาจารย์เป็นคนยังไงกันแน่คะ!?」
「แม้จะไม่นับเรื่องนั้น แต่อาจารย์เกลนก็เป็นชายที่มีเสน่ห์มาก มีหญิงสาวมากมายที่คงไม่ปล่อยเขาไปแน่」
「มะ…มันก็…อาจจะมีอยู่บ้าง」
「บอกตามตรง ถ้าแม่เด็กกว่านี้สักยี่สิบปี แม่ก็คงอ่อยเกลนเหมือนกัน」
「ถ้าแม่ได้พบกับอาจารย์เกลนก่อนเอลเมียน่าล่ะก็…อึก!」
「อะไรคือการสารภาพกะทันหันกันคะ!? แบบนี้ถึงแต่งงานกับอาจารย์ได้ ฉันก็ต้องวิตกตลอดชีวิตเลยนะ!」
ลูเมียกุมหัวร้องลั่นกับสิ่งที่ได้ยิน
「เอาล่ะ พูดเล่นพอแล้ว」
「สถาบันแห่งนั้นมีหญิงสาวมากมาย อาจารย์อาจเผลอไผลไปบ้างก็ไม่แปลก」
「ในฐานะอาจารย์ที่ล่วงเกินลูกศิษย์—ต้องถูกลงโทษอย่างหนัก!」
「ใช่! เราจะไม่ยอมให้เอลเมียน่าของเราไปอยู่กับชายพรรคนั้น!」
「อะ…เอ่อ ฉันเองก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เกลนนะคะ」
แน่นอนว่าไม่มีใครสนใจคำค้านของลูเมีย
「เอาล่ะ! ไปกันเถอะ เอลเมียน่า!」
「วันนี้เราจะเปิดโปงตัวตนของอาจารย์เกลนให้ได้!」
「เฮ้อ…ช่วยไม่ได้จริงๆ สินะ…」
สุดท้าย ลูเมียก็ถูกอลิเซียจับแขนขวา เรนีเลียจับแขนซ้าย แล้วลากออกไปโดยมิอาจขัดขืน
────
ทั้งสามคนได้แอบลอบเข้าไปในสถาบันเวทมนตร์แห่งจักรวรรดิอัลซาโน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เลนทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนเวทมนตร์อยู่
(น่าคิดถึงจังเลย……)
ลูเมียมองไปรอบๆ อาคารเรียนและบริเวณสถานบันด้วยความรู้สึกอันน่าคิดถึง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมแทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อหลายปีก่อนที่เธอเรียนจบที่นี่
แต่แม้ว่าสถานที่จะเหมือนเดิม ใบหน้าของนักเรียนรอบตัวกลับไม่มีใครที่เธอคุ้นเคยเลย ทุกคนที่เดินผ่านล้วนเป็นนักเรียนรุ่นใหม่ที่เธอไม่รู้จัก
แม้จะเข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ลึกๆ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหงาและว่างเปล่าอยู่เล็กน้อย
(แหงสิ ทุกคนจบไปนานแล้ว ต่างคนต่างก็มีเส้นทางของตัวเอง…)
หลังจากจบการศึกษา ลีเอล กลับเข้ากองทัพ ซิสติน่า แม้จะยังอยู่ที่สถาบันในฐานะนักวิจัยอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ตอนนี้เธอได้กลายเป็นนักโบราณคดีเวทมนตร์รุ่นใหม่ที่เดินทางไปทั่วโลกเพื่อตามหาโบราณสถาน
แน่นอนว่าเหล่าอาจารย์และคณาจารย์คงจะยังมีหลายคนที่อยู่เหมือนเดิม แต่เพราะมี อลิเซีย และ เรนีเรีย อยู่ด้วย เธอจึงไม่สามารถเดินไปทักทายพวกเขาได้
ที่สำคัญยิ่งกว่า ถ้าพวกอาจารย์พบพวกเธอเข้า ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
「ท่านแม่คะ พบเกลนแล้วค่ะ」
เรนีเรีย ที่ใช้เวทมนตร์มองระยะไกลตรวจพบตำแหน่งของ เกลน เขากำลังสอนอยู่ในห้องเรียนแห่งหนึ่งของอาคารเรียน
ทั้งสามคนจึงใช้เวทมนตร์ส่องดูจากภายนอกโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น
「เยี่ยมมาก! แจ้งพิกัดมา และวันนี้เราจะเฝ้าสังเกต เกลน อย่างละเอียด!」
「อืม… ทำแบบนี้จะดีจริงเหรอ?」
แม้จะลังเล ลูเมีย ก็อดไม่ได้ที่จะสนใจและคิดถึง เกลน เหมือนกัน เธอเองก็อยากเห็นหน้าเขาอีกครั้งหลังจากไม่ได้พบกันมานาน
แม้ว่าการกระทำนี้จะเหมือนเป็นการแอบส่องก็ตาม…
——
เพียงแค่เฝ้าดู เกลน สอนอยู่ครู่เดียว ทั้งสามคนก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้ทันที
「เกลนยังเป็นอาจารย์ที่จริงจังและทุ่มเทเหมือนเดิมเลยนะ…」
「ข้าก็อยากให้ เกลน เป็นอาจารย์สอนข้าบ้างเหมือนกันจัง」
แม้แต่ อลิเซีย และ เรนีเรีย ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชื่นชม
เกลน อธิบายเนื้อหาที่ยากและซับซ้อนเกี่ยวกับศาสตร์เวทมนตร์ออกมาเป็นภาษาที่เข้าใจได้ง่าย ชัดเจน และสมบูรณ์แบบ
ทุกคำถามของนักเรียน เขาจะอธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าจะมั่นใจว่าผู้เรียนเข้าใจ
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังและความมุ่งมั่น
เมื่อได้เห็นเขาในบทบาทอาจารย์อีกครั้ง ลูเมียก็รู้สึกหลงใหลขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
(อาจารย์เท่จัง…)
เธอเผลอจ้องมองด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
แต่ขณะที่เธอเคลิ้มไปนั้น…
「ว่าแต่…น้ำยาคืนความหนุ่มสาวทำยังไงเหรอ?」
「หรือไม่ก็มีเครื่องย้อนเวลาไหม?」
เสียงกระซิบของ อลิเซีย และ เรนีเรีย ดังขึ้นมา ลูเมีย จึงเลือกที่จะเมินไปอย่างเต็มกำลัง
(อย่างที่คิด…ฉันชอบอาจารย์จริงๆ)
เธอตระหนักได้อีกครั้งว่า ความรู้สึกของเธอที่มีต่อ เกลน ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
(อาจารย์ทำงานหนักขนาดนี้ ถ้าเขาไม่มีเวลาให้ฉันหรือไม่ค่อยได้ติดต่อฉัน ก็เป็นเรื่องปกติใช่ไหมล่ะ ฉันไม่ควรไปรบกวนเขา…)
(รอให้เขาทำงานเสร็จก่อน แล้วสักวันหนึ่ง…)
เธอพยายามกลั้นความรู้สึกโดดเดี่ยวไว้ และตั้งใจจะอดทนต่อไป
แต่ในขณะเดียวกัน…
เธอเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลกไป
(แต่ ทำไมกันนะ…? อาจารย์ดูตั้งใจมากก็จริง แต่ก็ดูเหมือนว่ากำลังเร่งรีบอะไรบางอย่าง)
ด้วยความที่อยู่กับ เกลน มานานเธอจึงพอจะจับความรู้สึกของเขาได้
ไม่ใช่แค่งานยุ่งธรรมดา แต่เหมือนเขากำลังขาดแคลนเวลา…
เหมือนคนที่กำลังพยายามทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายในเวลาที่มีอยู่น้อยนิด…
(เราคิดมากไปเองรึเปล่านะ)
เธอสลัดความคิดออกไป แต่มันก็ยังติดอยู่ในใจราวกับหนามเล็กๆ ที่ทิ่มแทงหัวใจเธอเบาๆ
——
ในที่สุดเสียงระฆังบอกหมดชั่วโมงเรียนก็ดังขึ้น พร้อมกับที่การสอนของเกลนสิ้นสุดลง
เกลนก้าวออกจากห้องเรียนด้วยท่าทีราวกับกำลังถูกเร่งเร้าโดยบางสิ่ง
「อาจานขาาาาา~~!」
เพียงเสี้ยววินาที กลุ่มนักเรียนหญิงนับไม่ถ้วนก็พากันวิ่งกรูเข้ามาล้อมรอบตัวเขา
「อาจารย์คะะะ นี่เวลาเข้าพักแล้วนี่เนอะ?」
「มาใช้เวลาว่างไปกับพวกเราในงานน้ำชาเถอะนะคะะะะ~♥」
「ไม่สิ หนูอยากเรียนพิเศษกับอาจารย์จังน้าาา~♥」
「เฮ้ย! น่ารำคาญชะมัด! พวกเธอช่วยถอยไปหน่อยได้ไหม!」
เกลนพยายามสะบัดตัวออกจากวงล้อมของพวกเด็กสาวด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ทว่าพวกเธอกลับยิ่งส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดแล้วเกาะติดเขาหนักขึ้นไปอีก
ทั้งคล้องแขนซ้าย เกาะแขนขวา โผเข้ากอดจากด้านหลัง และสวมกอดตรง ๆ จากด้านหน้า—ใบหน้าของพวกเธอล้วนแดงระเรื่อขณะมองเขาด้วยแววตาหลงใหล
ระหว่างที่สามสาวใช้เวทมองระยะไกลเฝ้าสังเกตเหตุการณ์อยู่ภายนอกตึกเรียน อลิเซียกับเรนีเลียก็เอ่ยขึ้น
「…ดูเหมือนว่าจะเนื้อหอมสุด ๆ เลยนะคะ」
「ค่ะ เนื้อหอมมาก มากจนเลือกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ ฮาเร็มโดยสมบูรณ์แบบเลย」
「……」
ลูเมียยังคงรักษารอยยิ้มไว้ แต่กลับไม่มีถ้อยคำใดเล็ดลอดออกจากปาก
เธอเพียงยิ้ม—แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่มีแววแห่งความยินดีแม้แต่น้อย
อลิเซียและเรนีเลียที่เมื่อครู่ยังล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานก็เริ่มรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาจับใจ
(ก็รู้อยู่ว่าอาจารย์เป็นคนมีเสน่ห์ คงจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกสาวๆ อยู่แล้ว แต่ แต่ว่า!)
แม้จะพยายามปลอบใจตัวเอง แต่ภายในใจของลูเมียก็มีเหงื่อเย็นไหลริน
(ปะ เป็นไปได้ไหมว่า อาจารย์แอบคบกับเด็กสาวในกลุ่มนี้? เป็นเพราะอย่างนั้นฉันถึงถูกเมินมาตลอด?)
แม้จะพยายามไม่คิดมาก แต่ความเป็นจริงที่ว่าเขากำลังถูกห้อมล้อมด้วยเหล่านักเรียนหญิง ก็ทำให้เธออดกังวลไม่ได้
และราวกับเสียงในใจของลูเมียได้ส่งผ่านไปถึงวงสนทนานั้น นักเรียนหญิงคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นมาอย่างตรงประเด็น
「อาจารย์ขา~ เรื่องนั้นที่หนูเคยพูดไว้ อาจารย์คิดดูบ้างรึยังคะ? ว่าอยากจะคบกับหนูเป็นแฟนรึเปล่า~?」
กร๊อก!!
「เอ๊ะ? เอลเมียน่าแก่นต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ เธอมันแตกเป็นเสี่ยงๆ เลยนะ!?」
「มะ…เมื่อกี้เธอใช้มือเปล่าบีบมันจนแตกเลยเหรอ!? เธอมีพลังขนาดนี้ทั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?」
ขณะที่อลิเซียกับเรนีเลียหน้าซีดเผือดมองต้นไม้ที่ถูกบีบจนแตกร้าว ลูเมียกลับยังคงจ้องภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเฉียบ
「ก็แหม…อาจารย์กำลังจะออกจากสถาบันแล้วไม่ใช่เหรอคะ? หนู…ชอบอาจารย์จริงๆ นะคะ เพราะงั้น ก่อนที่จะสายเกินไป อาจารย์ช่วยลองคิดดูอีกทีได้ไหมคะ?」
นักเรียนหญิงคนนั้นกล่าวด้วยท่าทีเย้ายวน ขยับเข้าไปใกล้เกลนทีละนิด ๆ
แต่—
「หึ! ไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ไอเด็กแก่แดดเอ๊ย! ระหว่างฉันกับเธอ เราเป็นแค่อาจารย์กับลูกศิษย์! ถึงแม้จะไม่ใช่แบบนั้น ฉันก็มีคนในใจแล้ว! เพราะฉะนั้นตัดใจซะ! ฉันซาบซึ้งที่เธอชื่นชมฉันนะ แต่ช่วยพอแค่นี้เถอะ!」
เกลนป่าวประกาศออกมาด้วยความหนักแน่น ก่อนจะสะบัดตัวออกจากวงล้อมแล้วก้าวเดินจากไปด้วยจังหวะรวดเร็ว
(อะ..อาจารย์…)
ดวงตาของลูเมียสั่นไหวจากความตื้นตัน
(ดีใจจังอาจารย์ยังจำเราได้ แม้ช่วงนี้เราจะห่างเหินกันไป แต่ทั้งหมดนั่นก็แค่เพราะฉันวิตกไปเอง…)
เธอพยายามซับน้ำตาที่คลอหน่วยออกจากหางตา
「ฉันเชื่อมั่นในตัวเกลนอยู่แล้วค่ะ」
「แน่นอนค่ะ ฉันเองก็มั่นใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเกลนสมควรคู่กับลูเมียที่สุด」
「…เมื่อกี้ใครพูดอะไรนะคะ? ท่านแม่? ท่านพี่?」
ลูเมียจ้องพวกเธอด้วยสายตาเฉียบคมราวกับจะเจาะทะลุเข้าไปถึงจิตใจ ทำให้อลิเซียและเรนีเลียที่เมื่อครู่ยังทำเป็นรู้ดีอยู่เต็มอก ต้องหลบสายตาแทบไม่ทัน
และในขณะที่ทั้งสามกำลังสนทนากันอยู่นั้น เหล่านักเรียนสาวที่อกหักก็ยังคงพูดคุยกันต่อไป
「ฮือ สุดท้ายก็โดนปฏิเสธอยู่ดี ฮึก…อาจารย์…อาจารย์ขา~~!」
「อย่าร้องไห้เลยนะ ชาร์ล」
「ถึงเธอจะทำเป็นคนเจ้าชู้ก็เถอะ แต่จริงๆ แล้วเธอจริงจังกับอาจารย์มากเลยสินะ…」
「แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นา อาจารย์เขามีคนในใจไว้แล้วตั้งนานแล้ว」
「ฮึก…ฮึก…อีกไม่นานก็จะแต่งงานแล้วใช่ไหม…ขอให้มีความสุขนะคะ อาจารย์~~!」
นักเรียนหญิงที่ถูกปฏิเสธสะอื้นไห้ ทว่าก็ยังคงอวยพรให้เกลนมีความสุข
ลูเมียที่เฝ้ามองภาพนั้นก็อดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้
แต่แล้ว—
「ผู้หญิงผมดำคนนั้นที่อาจารย์ไปเจอด้วยทุกเย็น…」
「สวยมากเลยนะ…สมแล้วที่เป็นคนที่คู่ควรกับอาจารย์…」
สิ้นเสียงสนทนาของพวกเธอ—
ลูเมียชะงักราวกับถูกตรึงไว้กับที่
「「…ผู้หญิงผมดำ? ไปเจอกันทุกเย็น?」」
อลิเซียกับเรนีเลียก็พลันหยุดนิ่งไปเช่นกัน
「.…」
เป็นเวลาครู่หนึ่ง บรรยากาศระหว่างทั้งสามคนเต็มไปด้วยความเงียบงันที่แฝงไปด้วยความตึงเครียดแปลกประหลาด
และแล้ว—
「หึ… ในที่สุดก็เป็นจริงสินะ ‘วีรบุรุษย่อมบ้าxี’ คำทำนายของฉันไม่ผิดเลยจริงๆ 」
「เห็นด้วยทุกประการค่ะท่านแม่ เกลนไม่คู่ควรกับเอลเมียน่าเลยแม้แต่น้อย!」
「เดี๋ยวก่อน! เลิกกลับลำกันแบบสายฟ้าแลบสักทีได้ไหม!? นะ?」
เสียงของลูเมียที่ยังคงมีสติที่สุดดังขึ้นเพื่อขัดจังหวะออร่าคุกคามของอลิเชียและเรนีเลียที่เริ่มก่อตัวขึ้น
「ทั้งที่มีเอลเมียน่าอยู่ทั้งคน แม้จะเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้ แต่แบบนี้ก็มีความผิดเต็มประตูแล้วค่ะ」
「ข้าคิดว่าโทษฐานกบฏต่อชาติ ดูหมิ่นราชวงศ์ ฉ้อโกงการแต่งงาน และอีกสารพัดข้อหา สมควรแก่การลงโทษประหารสถานเดียว」
「เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ」
「เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนนะ!? ต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ๆ! เป็นไปไม่ได้ที่อาจารย์จะทำแบบนั้น! อย่างน้อยเรามาตรวจสอบความจริงกันก่อนดีไหม!?」
ขณะที่ลูเมียพยายามระงับอารมณ์ร้อนของอลิเชียและเรนีเลีย เธอก็ได้แต่กล้ำกลืนความกังวลในใจ
(อาจารย์ พวกเราจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? หนูยังสามารถเชื่อใจท่านได้ใช่ไหมคะ?)
────
หลังจากการเรียนการสอนของวันนี้สิ้นสุดลงในช่วงเวลาเย็น เกลนก็ออกจากสถาบันแล้วมุ่งหน้าไปในเมือง ลูเมียและคนอื่นๆ จึงแอบสะกดรอยตาม
「เท่าที่ได้ยินมา ดูเหมือนว่าเขามักจะแอบไปพบหญิงสาวผมดำอยู่เสมอหลังเลิกเรียน…」
อลิเชียพูดขึ้นพลางแอบมองเกลนจากมุมอาคาร
「ถ้าข่าวลือนี้เป็นจริง วันนี้เกลนก็คงกำลังจะไปพบเธออีกครั้ง」
「ค่ะ… สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือพิสูจน์ความจริงของข่าวลือนี้」
อลิเชียและเรนีเลียหันกลับไปมองลูเมียที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างกังวลใจ
(อาจารย์…)
ความไม่สบายใจเริ่มก่อตัวภายในใจของลูเมียขึ้นเรื่อยๆ
แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เกลนไม่ได้เดินทางกลับบ้านโดยตรง จุดหมายปลายทางของเขาไม่ใช่คฤหาสน์อัลโฟเนียที่เขาอาศัยอยู่
ลูเมียหลับตาแน่น กำมือแน่นราวกับพยายามยึดมั่นในความเชื่อมั่นที่เหลืออยู่
และในตอนนั้นเอง—
「รอนานไหม?」
「ไม่เลยค่ะ เช่นเคยทุกครั้ง」
หญิงสาวผมดำผู้เลอโฉมปรากฏตัวต่อหน้าเกลน
—เปรี๊ยะ!
ลูเมียชะงักค้างตัวแข็งทื่ออีกครั้ง
「เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เกลนเป็นพวกเจ้าชู้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว」
「ใช่ไหมล่ะคะ? ฉันเตือนแล้วว่าอย่าไปเชื่อผู้ชายแบบนั้น」
「เลิกเปลี่ยนท่าทีแบบหน้ามือเป็นหลังมือกันสักทีเถอะ!? ถ้าขืนทำแบบนี้ต่อไป ข้อมือพวกเธอจะหลุดออกจากเบ้าแล้วนะ!?」
ลูเมียร้องเตือนเมื่อเห็นออร่าคุกคามของอลิเชียและเรนีเลียทวีความรุนแรงขึ้น
ในขณะเดียวกัน—
「ในเมื่อไม่มีเวลาให้เสียเปล่า เรารีบไปที่เดิมกันเลยดีไหม?」
「อา ฝากตัวด้วยนะ」
「ฟุฟุ… คืนนี้ฉันไม่ปล่อยให้คุณนอนแน่ค่ะ เตรียมใจไว้เลยนะ?」
「ฮะๆๆ ขอให้ออมมือให้ผมหน่อยนะครับ คุณโครเอะ」
หญิงสาวปริศนาหัวเราะร่า ขณะที่ทั้งสองเดินเคียงข้างกันเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่ง
「…ท่านแม่ ได้เวลาชำระล้างค่ะ」
「อื้ม ขอออกคำสั่งพิเศษถึงกองกำลังพิเศษแห่งราชสำนักในนามของราชินี ‘กำจัดกบฏแห่งรัฐ เกลน เรดัส และยัยหญิงแพศยานั่น’ 」
「ข้าจะสั่งให้ราชองครักษ์ดำเนินการทำลายหลักฐานหลังภารกิจเสร็จสิ้น—」
「หยุดก่อนค่ะ! ทั้งสอง หยุดก่อน! หยุดเดี๋ยวนี้!!」
ลูเมียรีบขวางทั้งสองที่กำลังจะก่อเรื่องใหญ่
「มันยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเป็นการนอกใจจริงๆ นะ! ใช่ไหม!? ใช่ไหม!?」
ถึงแม้เธอจะพูดแบบนั้น—
แต่เมื่อพิจารณาจากคำพูดที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้ว ลูเมียก็เริ่มรู้สึกว่านี่มันแทบจะเป็นเรื่องจริงแน่ๆ…
(อาจารย์ จริงๆ แล้ว…)
เธอเริ่มรู้สึกอยากจะร้องไห้
ทั้งที่ได้รับความไว้วางใจจากซิสติน่าให้ดูแลเกลน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นแบบนี้ เธอช่างอ่อนแอและไร้ความสามารถเสียจริงๆ
(อาจารย์…)
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังมีความหวังเล็กๆ หลงเหลืออยู่
ดังนั้นลูเมียและคนอื่นๆ จึงแอบตามเกลนไป จนกระทั่งถึงหน้าอาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งเกลนและหญิงสาวคนนั้นเข้าไปข้างใน
「…ชัดเจนแล้วค่ะ」
「ใช่ น่าเสียดายจริงๆ」
อลิเชียและเรนีเลียกล่าวสรุปด้วยสายตาเย็นชา
ลูเมียรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นสีขาวโพลนไปหมด
「ที่นี่คือรังของนังผู้หญิงแพศยานั่นสินะ ไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย」
「จริงด้วยค่ะ แล้วท่านแม่ จะเอายังไงต่อดีคะ?」
「หึหึ แน่นอน…」
อลิเชียแสยะยิ้ม
「ทะลวงเข้าไปสิค่ะะะะ!!!」
มหาศาลพลังเวทพุ่งทะยานออกจากร่างของอลิเชีย
「รอคำนี้มานานแล้ว!」
เรนีเลียเองก็ระเบิดพลังเวทของเธอออกมาเช่นกัน
「ข้าจะเป็นคนตัดสินโทษให้กับไอ้ชาติชั่วที่บังอาจมาทำร้ายจิตใจเอลเมียน่าของข้าด้วยตัวเอง! และนังแพศยานั่นก็ต้องถูกประหารเช่นกัน!!!」
ทั้งสองพุ่งตรงไปที่ประตูอาคารนั้น—
「หยุดค่ะ!!」
ลูเมียชักกุญแจเงินออกมา ใช้พลังหยุดเวลาในบริเวณที่อลิเชียและเรนีเลียยืนอยู่
จากนั้นเธอก็วิ่งตรงไปที่อาคารแห่งนั้น
(อาจารย์ อาจารย์!)
ไม่ว่าเธอกำลังจะได้เห็นภาพที่ไม่น่าดูแค่ไหนก็ตาม
เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะหนีจากมัน
ลูเมียมุ่งหน้าสู่ห้องต้นเสียง—และเปิดประตูออกไป
「อาจารย์! ขอร้องล่ะ ฟังฉันก่อน!」
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าลูเมียคือ—
「เอ๊ะ?」
มันช่างเป็นภาพที่ต่างจากสิ่งที่เธอจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง…
────
「เอ๋!? ที่นี่คือโรงเรียนสอนพิเศษของคุณโคลเอ้หรอคะ!? แล้วอาจารย์เกลนเป็นนักเรียนที่นี่!? คืนนี้มีเรียนข้ามคืนอีกเหรอคะ!?」
ณ ห้องรับรองภายในคฤหาสน์
ลูเมียที่เพิ่งได้รับคำอธิบายทั้งหมดจากหญิงสาวผมดำ—โคลเอ้ เผลอร้องเสียงดังออกมาอย่างตกใจ
「ใช่ค่ะ! ถึงจะเพิ่งเริ่มต้นและมีนักเรียนไม่มากนัก แต่ฉันมั่นใจในฝีมือการสอนของตัวเองนะ! อีกอย่าง ฉันแต่งงานแล้วค่ะ! ฉันรักสามีของฉันมาก จะไม่มีทางนอกใจแน่นอน! ไม่ต้องห่วงเลย!」
「อะ…ค่ะ…」
จากนั้น เกลนที่นั่งอยู่บนโซฟาห่างออกไปเล็กน้อยก็พูดแทรกขึ้นมา
「คุณโคลเอ้เป็นเพื่อนเก่าของเซลิก้า แล้วเธอก็เป็นคนแนะนำให้ฉันมาที่นี่」
เกลนพูดพร้อมกับเกาหลังหัวอย่างรู้สึกกระอักกระอ่วน
「ช่วงนี้ฉันยุ่งกับการเรียนที่นี่มาก… เลยละเลยเธอไปหน่อย เลยทำให้เธอเป็นกังวลไปด้วยเลย ฉันขอโทษจริงๆ นะ」
「อะ อาจารย์」
「ฉันคงเผลอพึ่งพาเธอมากเกินไป คิดว่าถึงแม้ฉันจะห่างออกไปสักพัก เธอก็คงเข้าใจฉัน… ฉันมั่นใจในสายสัมพันธ์ระหว่างเรา ว่ามันจะไม่มีวันสั่นคลอน…แต่สุดท้ายฉันก็ทำให้เธอเป็นกังวลจริงๆ… ฉันนี่มันเป็นแฟนที่แย่ที่สุดเลยใช่ไหม…」
เกลนก้มศีรษะลงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด
「มะ…ไม่ค่ะ! ฉันสิต้องขอโทษ! ฉันเอาแต่กังวลไปเอง เอาแต่คิดเองเออเอง ฉันเองก็เป็นแฟนที่แย่เหมือนกัน「
ลูเมียพูดพลางน้ำตาคลอ ก่อนจะก้มศีรษะขอโทษเกลน
ณ มุมหนึ่งของห้องรับรอง อลิเซียกับเรนีเลีย ที่กำลังยืนกอดอกมองสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ กล่าวขึ้น
「เห็นไหมล่ะ? เอลเมียน่า ฉันบอกแล้วให้เชื่อใจเกลน」
「ฟุฟุ ฉันเชื่อใจคุณเกลนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะคะ?」
「…แม่คะ พี่คะ ช่วยเงียบหน่อยได้ไหม?」
ลูเมียพูดด้วยสีหน้าว่างเปล่า
「เอ่อ อาจารย์ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ」
「อะไรเหรอ?」
「ที่นี่เป็นโรงเรียนสอนพิเศษ แล้วมันสอนวิชาอะไรเหรอคะ? ขนาดอาจารย์ยังต้องมาเรียน มันคือวิชาอะไรกันแน่?」
เมื่อได้ยินคำถามที่แสนสมเหตุสมผลของลูเมีย เกลนก็ยื่นหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ข้างตัวให้เธอด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
「นี่ไง」
「เอ๊ะ? นี่มัน」
หนังสือเล่มนี้ลูเมียคุ้นเคยเป็นอย่างดี คุ้นเคยเกินไปด้วยซ้ำ
หนังสือเล่มนั้นคือ—
「หนังสือรวมข้อสอบเก่าของ ‘การสอบข้าราชการพิเศษระดับหนึ่งของจักรวรรดิ’ 」
สำหรับลูเมียที่สอบผ่านการคัดเลือกอันเข้มงวดและกลายเป็นข้าราชการมาแล้ว
เธอรู้เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ขึ้นใจ เพราะเคยอ่านมันจนช้ำไปหมดแล้ว
「เรื่องเวทมนตร์ฉันพอเข้าใจ แต่เรื่องกฎหมายจักรวรรดิ ฉันไม่มีพื้นฐานเลยเลยต้องมีคนสอนให้ตั้งแต่ต้น」
「แต่…ทำไมอาจารย์ถึง」
ลูเมียมองเกลนอย่างงุนงง
เกลนจึงกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น
「ฉันจะลาออกจากการเป็นอาจารย์ในปีนี้ แล้วจะไปเป็นข้าราชการเวทมนตร์เหมือนเธอ」
「อะ เอ๊ะ…? เอ๋——!?」
ลูเมียเบิกตากว้าง ร้องออกมาสุดเสียง
「ทำไมกันคะ!? ก็อาจารย์ชอบงานสอนหนังสือไม่ใช่เหรอคะ!?」
「ใช่ ฉันก็ชอบอยู่นะ แต่พอพวกเธอจบเรียนจบกันไปและกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองเดินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วล่ะ ฉันทำมันจนสุดทางแล้ว สิ่งที่ฉันทำตามเซลิก้าบอกมาตลอด ก็ถึงเวลาต้องจบลง แล้วฉันก็คิดว่า ตัวฉันตอนนี้ อยากทำอะไรกันแน่? และนี่คือคำตอบของฉัน」
เกลนยืนขึ้น และเดินเข้าไปหาลูเมีย
「ฉัน อยากช่วยเธอ อยากซัพพอร์ตเธอที่พยายามทำเพื่อประเทศนี้อย่างสุดความสามารถ ฉันเลยตัดสินใจจะเป็นข้าราชการ ‘แค่ก้าวเดินต่อไป’ รูปแบบของความฝันมันเปลี่ยนไปก็ไม่เป็นไร นี่คือเส้นทางใหม่ของฉัน ฉันไม่รู้สึกเสียใจเลย」
「อะ อาจารย์…」
ลูเมียตัวสั่นเพราะความรู้สึกอันเอ่อล้น
เธอไม่อาจกลั้นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งและดีใจได้
「แล้วก็ อีกอย่าง」
เกลนพูดพร้อมหน้าแดง หันไปอีกทาง และเกาหัวด้วยความเขินอาย
「ถ้าฉันสอบผ่าน และได้เป็นข้าราชการเวทมนตร์แล้วล่ะก็ ถึงตอนนั้น อะ เอ่อ…ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาจะพูดเรื่องแบบนี้หรอกนะ…แต่…เราแต่งงานกันไหม?」
ทันทีที่สิ้นคำพูดนั้น
ลูเมียก็พุ่งเข้ากอดเกลนแน่นทันที
「ลูเมีย…?」
「ค่ะ…ค่ะ! ดีใจที่สุดเลย…! ขอบคุณค่ะ! ฉันรักอาจารย์มากค่ะ! ฉันรักคุณจากหัวใจ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ตลอดไปนะคะ!」
เธอกอดเกลนแน่นพร้อมน้ำตาไหลไม่หยุด
เกลนเองก็ตกใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลูบศีรษะของลูเมียอย่างอ่อนโยน
และแล้วกาลเวลาก็ผ่านไป ———
ภายในกระทรวงเวทมนตร์ จักรวรรดิอัลซาโน-เรซาเรีย เมืองหลวงจักรพรรดิ 「ออร์ลันโด」
「ที่รักคะ เอกสารที่ฉันให้จัดการไปเป็นยังไงบ้าง?」
「ไม่มีปัญหา สมบูรณ์แบบเลยล่ะ」
「ฟุฟุ ขอบคุณนะที่รัก งั้นการประชุมครั้งหน้าก็ไม่มีปัญหาแล้วสินะ」
ลูเมียในชุดข้าราชการระดับสูง และเกลนที่เป็นผู้ช่วยของเธอ เดินเคียงข้างกัน
ทั้งสองสวมแหวนคู่เดียวกันที่นิ้วนางซ้าย
「เสร็จงานนี้ เราไปเที่ยวกันไหม?」
「ดีค่ะ! ไปกันเถอะ! ฮุๆ อยากไปเที่ยวกับที่รักจัง!」
「งั้นก็ลุยงานนี้ให้เต็มที่ ฉันจะช่วยเต็มที่เลย」
「ค่ะ ที่รัก」
เธอยิ้ม กุมมือของเกลนแน่น
「ที่รักคะ ฉันมีความสุขจัง」
「ฉันก็เหมือนกัน」
「เราจะเดินเคียงไปด้วยกันตลอดไปใช่ไหมคะ?」
「แน่นอน ต่อให้เธอจะไล่ฉัน ฉันก็จะตามเธอไป」
ลูเมียเขย่งปลายเท้า หอมแก้มเกลนเบาๆ ก่อนกระซิบด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข
「ขอบคุณนะคะอาจารย์ รักนะคะ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และจากนี้ไปชั่วนิรันดร์」
— รูทลูเมีย จบ—
ชื่อตัวละคร สถานที่อาจไม่ตรงตามเล่มไทย เนื่องจากไม่ได้เช็ค
Chapters
Comments
- ตอนที่ 3 รูทรีเอล 3 วัน ago
- ตอนที่ 2 รูทอีฟ 3 วัน ago
- ตอนที่ 1 รูทลูเมีย 3 วัน ago
MANGA DISCUSSION