หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 424 ไยต้องกล่าวอ้างหาเหตุผล ?
ตอนที่ 424 ไยต้องกล่าวอ้างหาเหตุผล ?
เกอซีรับฟังความเคียดแค้นชิงที่สั่งสมอยู่ภายในใจของกู้หลิวเพิ่งด้วยอาการนิ่งสงบ
นางไม่แสดงออกถึงความสงสารเห็นอกเห็นใจ เนื่องเพราะเกอซีย่อมตระหนักดีว่าบุรุษเยี่ยงกู้หลิวเพิ่งผู้นี้หาได้ต้องการสิ่งเหล่านั้นไม่ !
กระทั่งชายหนุ่มระบายเรื่องราวทั้งหมดสิ้นสุดลง เกอซีจึงกล่าวด้วยน้ําเสียงเบาบาง “เจ้าอยากจัดการพวกมู่หรงเช่นไร ข้าขอร่วม ! ข้าจะช่วยเจ้าจัดการกับพวกมัน !”
ชายหนุ่มหันมามองอีกฝ่ายพลางส่งเสียงด้วยอาการเงอะงะ “ซีเยว่ เหตุใด…สิ่งติดค้างระหว่างเรา เจ้าชดใช้จบสิ้นแล้ว ยามนี้ ข้าต่างหากที่กลับเป็นฝ่ายติดค้างเจ้า เหตุใดเจ้ายังคิดจะ…ช่วยข้า ?”
“ข้าเองก็ไม่รู้” เกอซีหัวเราะเบา ๆ ทว่านัยน์ตากลับแววาว ประกายตาสีม่วงพลันกระเพื่อมวูบวาบ “อาจเนื่องเพราะเจ้าเดรัจฉานมู่หรงพวกนั้นมันระคายนัยน์ตาข้า หรืออาจเนื่องเพราะช่วงนี้ข้ารู้สึกเบื่อ ๆ ขึ้นมา หรืออาจเนื่องเพราะ…เพราะ เจ้าเป็นคนแรกที่เอ่ยปากว่าข้าคือสหาย”
“จะเหตุผลใดก็แล้วอย่างไร ข้า- ซีเยว่ สิ่งใดที่ข้าอยากทํา ข้าย่อมกระทํา สิ่งใดที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไขว่คว้า ข้าเพียงกระทําตามใจปรารถนา จักต้องอ้างหาเหตุใดเล่า ?”
ดวงตาของชายหนุ่มพลันทอประกาย ความมืดมัวสิ้นหวังพลันถูกแปรเปลี่ยนเป็นความสดใสราวดวงดารา
ความเคียดแค้น ชิงชัง การถูกหมิ่นหยาม เหยียบย่ําศักดิ์ศรีที่เขาต้องประสบพบตลอดหลายปีที่ผ่านมาพลันกลับกลายเป็นเรื่องเล็ก
โลกที่มีเพียงความสิ้นหวังของเขา อาจกําลังรอคอยช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่แสงสว่างแห่งความหวังสาดทอแสง
เกอซีเตะใส่มู่หรงหลินฟงผู้หมดสติคราหนึ่ง ก่อนหันมาไถ่ถาม “เจ้าคิดทําอย่างไรกับมัน ?”
กู้หลิวเพิ่งพยายามข่มห้ามอารมณ์เกรี้ยวกราดที่คุกรุ่นภายในใจ ชายหนุ่มหรี่ตาเดินตรงเข้าคว้าแผ่นเหล็กที่นาบอังกับเปลวเพลิงกระทั่งร้อนแดงฉาน
เกอซียืนกอดอกชมทุกความเคลื่อนไหวของกู้เหลิวเพิ่งอยู่ด้านข้างด้วยท่าที่สบายอารมณ์ เถาวัลย์สีม่วงในมือพลันพุ่งออกหุ้มห่อปกคลุมแยกคุกใต้ดินแห่งนี้ให้ปลีกห่างจากโลกภายนอกอย่างไร้สุ้มเสียง
กู้หลิวเพิ่งสืบฝ่าเท้าตรงเข้าหยุดยืนเบื้องหน้า มู่หรงหลินฟง ด้วยสองตาที่ท่วมท้นไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ ความเคียดแค้นดูแคลน พร้อมพิฆาตสังหาร !
เขายกแผ่นเหล็กร้อนกระแทกใส่เป้าที่กลาง หว่างขาของมู่หรงหลินฟงผู้ยังคงสลบไสลอย่างไร้ความปรานี
เสียงดัง ซี่ ซี่ ซ่า ซ่า” ของโลหิต และเนื้อผิวที่ถูกเผาไหม้ดังก้องทั่วห้องคุมขัง
ติดตามมาด้วยสีหน้าตื่นผวาหวาดกลัวสุดเปรียบปานของมู่หรงหลินฟง มันพลันรู้สึกตัวคืนสติทันที พร้อมเสียงแผดร้องโหยหวนคราแล้วคราเล่า ร่างสูงโปร่งยามนี้กลับขดแน่นเกลือกกลิ้งไปมากับพื้นราวกุ้งถูกองไฟ
ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ และครา บน้ําตา เพียงเปิดเปลือกตา มันก็ได้พบกับใบหน้า หล่อเหลางดงามประดับด้วยรอยยิ้มที่เย็นยะเยียบ ของกู้หลิวเพิ่ง
รอยแผลเป็นทางยาวคล้ายตะขาบสีแดงที่ขวางกลางดวงหน้ายิ่งดูคล้ายคมกระบี่กระหายเลือดที่กําลังตวัดตัดเกี่ยววิญญาณของเขา
มู่หรงหลินฟงยกมือชี้หน้ากู้หลิวเฟิง มันพ่นเสียงสั่นเครือ “เจ้า….หลุดรอดออกมาได้อย่างไร ?”
ยิ่งเมื่อเห็นแผ่นเหล็กร้อนที่อยู่ในมือผู้กําลังก้าวสามขุมตรงเข้ามา ร่างของมันก็ยิ่งสั่นเทาหดกลับด้วยความหวาดกลัว
“เจ้า….อย่าเข้ามา ! เจ้าจะทําอะไร ? เจ้า…หากเจ้าสังหารข้า ท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่ มีวันละเว้นเจ้าสกุลมู่หรงย่อมไม่มีวันละเว้น เจ้า….”
“มู่หรงหลิวเฟิง ข้าขอตักเตือนด้วยความหวังดี เจ้ามันก็แค่บุตรนอกคอกของสกุลมู่หรง จงอยู่ในโอวาทของข้า แล้วข้าจะช่วยส่งเสริมให้เจ้าได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาสุดยอดของตระกูลมู่หรง ข้า อึก อ๊าก อ๊าก…..”
อีกคราที่แท่งเหล็กร้อนถูกกดขี้ใส่เป้าหว่างขาของมัน มู่หรงหลินฟงไม่อาจทนความเจ็บปวด มันส่งเสียงโหยหวนร่ําร้องกระทั่งหมดสติไปอีกครา
ยามนี้ ร่างกายส่วนล่างของมันล้วนยับเยินไม่เหลือชิ้นดี ใยผ้ากับผิวอ่อนที่ถูกเหล็กอังไฟนาบ ล้วนถูกหลอมละลายไหมู่หลอมรวมตัวเป็นก้อน แลดูยุ่งเหยิงทุเรศทุรังน่าสะอิดสะเอียดชวนขนลุก
หากแต่แววตาแห่งความพึงพอใจกลับฉายผ่านม่านตาของหลิวเฟิง ผู้โยนแผ่นเหล็กองไฟทิ้ง ก่อนเค่นเสียงเย้ยหยัน “มู่หรงหลินฟง ครานี้ข้าจะรอดูสิว่าเจ้าจะยังสามารถใช้ของโสมมใต้เป้ากางเกงของเจ้ากระทําสิ่งวิปริตใดได้อีกในวันข้างหน้า”
***จบตอน ไยต้องกล่าวอ้างหาเหตุผล ?***