หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 423 ร่องรอยแผล
ตอนที่ 423 ร่องรอยแผล
ที่สุดเกอซีจึงพบเพียงสายลวดเส้นหนึ่ง นางขดม้วนปลายลวดให้งอเข้า ก่อนจะแทรกเส้นลวดลอดรูช่องของแม่กุญแจเหล็กดํา
เพียงอึดใจ พลันบังเกิดเสียงดัง แกร๊ก พวงสายโซ่สีดําสนิทพลันถูกปลดออกอย่างง่ายดาย
ร่างที่ไร้พันธนาการของกู้หลิวเฟิ่งพลันทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
เกอซีตื่นตกใจรีบตรงเข้าประคองร่างอีกฝ่ายให้เขาได้พักอิงกับร่างของตนทั้งเพื่อให้ชายหนุ่มรู้สึกสบายขึ้น เกอซีจึงปลดปล่อยสายเถาวัลย์ม่วงอเวจีให้ช่วยประคองพยุงอีกแรง
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ซีดเซียวของกู้หลิวเฟิ่งด้วยสีหน้าห่วงกังวล “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ?
กู้หลิวเฟิ่งก้มลงมองแววตาใสกระจ่างที่เปี่ยมด้วยความห่วงใยไร้ร่องรอยแห่งความดูแคลนแม้เพียงน้อยของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มนิ่งเงียบอยู่นาน กว่าจะพึมพําออกมา “เยว่เอ๋อน้อย…เจ้าไม่นึกรังเกียจข้าบ้างกระนั้นหรือ ?”
“รังเกียจ ?” ผู้ตอบคําแสดงสีหน้างุนงง สายตาที่จ้องกลับอีกฝ่ายคล้ายกําลังตําหนิความโง่เง่าของถ้อยคําถาม “เพียงเพราะเดรัจฉานพวกนี้ หมายล่วงเกินเจ้า เท่านั้นน่ะหรือที่ข้าควรนึกรังเกียจ ?”
“กู้หลิวเฟิ่ง แน่ใจหรือว่าสมองของเจ้ามิได้กระทบกระเทือนที่ใด ?”
ผู้รับฟังกลับนิ่งอึ้งโง่งม หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ําเสียงสดใส “เจ้าถูกเดรัจฉานพวกนั้นรุมทิ้งถึงเพียงนี้ สมควรคิดสังหารมันชําระแค้นมากกว่ามัวหมกมุ่นว่าตนอยู่ในสภาพน่าสังเวช ที่เจ้าต้องตกอยู่ในสภาพน่าอนาถถึงเพียงนี้ มิใช่เพราะการกระทําป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรมของเดรัจฉานพวกนี้ กระนั้นหรือ ? หากมิใช่สมองของเจ้าเลอะเลือน เช่นนั้นยังจะเพราะเหตุใดได้อีกเล่า ?”
กู้หลิวเฟิ่งคล้ายจุกแน่นในลําคอ ความรู้สึกนี้อับอายในความอัปยศอดสูก่อนหน้า คล้ายกลับกลายเป็นดังฟองอากาศที่ผุดแตกกระจายเลือนหายอย่างไร้ร่องรอย
ดวงหน้าขาวสะอาดผ่องพรรณอยู่ใกล้เพียงมือเอื้อม นัยน์ตาที่สุกใสเด็ดเดี่ยวมั่นคงยังคงประดับแฝงด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ กลิ่นอายทั่วร่างเผยความหยิ่งยโสเหนือผู้คน ดั่งสามารถแอ่นอกประกาศกร้าวให้โลกหล้าล่วงรู้ว่า ข้าคือผู้ใด
กู้หลิวเฟิ่งพลันรู้สึกว่าตนทั้งอ่อนแอ และได้ประโยชน์หากจะเปรียบเทียบกับหนุ่มน้อยผู้อยู่เบื้องหน้าเขานี้
เขายกมือขึ้นสัมผัสรอยแผลเป็นบนใบหน้าพลางส่งเสียงเบา “ชีเยว่ รู้หรือไม่ว่ารอยแผลนี้มีที่มาเช่นไร ?”
เมื่อเห็นซีเยว่ตั้งอกตั้งใจรับฟังเช่นนั้น ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ บอกเล่าเรื่องราวด้วยน้ําเสียงเศร้าสลด “เมื่อครั้งข้าอายุได้สิบห้าปี มู่หรงหลินฟ่งมอมยาหมายกระทําชั่วกับข้า”
“โชคดีที่ในช่วงวิกฤต ข้าสามารถบรรลุถึงพลังปราณขั้นพลิกผันอเวจีจึงสามารถรอดพ้นเงื้อมมือของมันมาได้ ทั้งยังสามารถทําให้มันได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส”
“ทว่าเมื่อเรื่องล่วงรู้ถึงหูคนสกุลมู่หรง พวกมันกลับลงโทษมู่หรงหลินฟ่ง เพียงโบยตีหนึ่งครา หาได้ลงทัณฑ์อย่างหนักไม่ หากแต่มันกลับพากัน ใส่ร้ายว่าข้าเป็นฝ่ายยั่วยวน พวกมันยังกล่าวว่าข้าหน้าด้านไร้ยางอายดังเช่นมารดาของข้า ส่วนพวกอาวุโสใหญ่ประจําตระกูล เมื่อได้ประจักษ์ในสภาพร่างกาย และพรสวรรค์ของข้า พวกมันคิด กักตัวข้าไว้ใช้เป็นเครื่องมือในการฝึกฝนพลังฝีมือ !”
“อา… มู่หรง… หนึ่งในสี่ตระกูลผู้ทรงอานุภาพสูงสุดในเมืองเหยียนจิง ภายนอกกระจ่างงดงามทว่าภายในกลับเน่าเหม็น ทั้งยังโสโครกเสียยิ่งกว่าหนูสกปรกในทางระบายน้ํา”
ใบหน้าของกู้หลิวเฟิ่งแสดงออกถึงความเกลียดชัง เคียดแค้นเหนือคําบรรยาย ฝ่ามือที่ทิ้งข้างลํากายกําหมัดแน่น “สถานการณ์บีบคั้นให้ข้าตัดสินใจกลืนพิษ เพื่อทําลายโฉมของตนเอง ทั้งยังแสร้งทําเสมือนสูญสิ้นพลังฝีมือ เพื่อให้พวกมันขับไล่ข้าออกจากสกุลมู่หรง”
“หลายสิบปีที่ผ่านมา ข้าฝึกพลังฝีมืออย่างหนัก แม้ต้องเร่งเผาผลาญพลังจุดตันเถียนกลืนกินพลังชีวิต เพื่อบรรลุถึงระดับสูงสุดขั้นปฐพี่สะท้านสะเทือนด้วยระยะเวลาแค่เพียงสิบปีโดยไม่นึกลังเล… ตลอดช่วงเวลาแห่งความลําบาก ข้าอาศัยความเคียดแค้นที่มีต่อตระกูลมู่หรงเป็นแรงผลักดันให้ตนมุมานะไม่ท้อถอย !”
“หากมิใช่เป็นเพราะท่านแม่ผู้เจ็บกระเสาะกระแสของข้าตกอยู่ในมือของพวกมัน หากมิใช่พราะ อาการเจ็บป่วยของท่านแม่…ข้าคงฆ่ากวาดล้างพวกสุนัขมู่หรงให้สิ้นซากไปนานแล้ว !
“ฮีม ! ข้าแค้นพวกมัน ! แค้นกระทั่งอยากจะฉีกกินเนื้อดื่มโลหิต ฉีกร่างพวกมันให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น !”
***จบตอน ร่องรอยแผล***