หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 389 มัจจุราชดับวิญญาณ
ตอนที่ 389 มัจจุราชดับวิญญาณ
เกอซีนั่งหยัดฝ่ามือเหนือเนินเขา ใบหน้าของนางเอียงข้างเผยดวงหน้าที่งดงามสง่าลำคอขาวเนียนระหง เสียงคำกล่าวอย่างเชื่องช้าค่อย ๆ ถูกปลดปล่อยออกมา “ใช่ว่าข้าจะหมดความอดทนมีชีวิต ทว่าเมื่อได้เห็นกลุ่มคนโสมมเหล่านี้ข้ากลับหมดความอดทน”
“เช่นนั้น หนทางเดียวที่ข้าสามารถทำได้ มีเพียงโยนพวกมันลงขุมนรก มิให้พวกมันขวางหูขวางตาข้าอีก”
“สามหาว !” เมื่อได้ยินเช่นนั้นบุรุษวัยกลางคนพลันเดือดดาลพลุ่งพล่าน มันชี้หน้าตวาดใส่เกอซี “น้ำหน้าเช่นเจ้านี้น่ะหรือ กล้าบุกเข้าถึงเรือนสกุลเจียง ทั้งยังพล่ามวาจาไร้สาระเจ้ากล้าทำร้ายผู้คุ้มกันเรือนเจียงของข้า คิดหรือว่าตระกูลเจียงของข้าจะไม่เหลือผู้ใด”
“พวกเรา มา ! ข้าเองก็อยากเห็นฝีมือเจ้าเด็กเมื่อวานซืนขั้นปราณปฐมภูมิโลกันตร์ที่สวมใจสุนัขกล้าเข้ามาอาละวาดในเรือนเจียงของข้า”
ถ้อยคำกล่าวของเขาแสดงถึงความเกรี้ยวกราดฝ่ามือทั้งคู่หาได้ชะงักการเคลื่อนไหว มันรีบชักกระบี่สีเขียวด้ามยาวออกมาด้วยท่าที่เย็นชา
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นถ่ายเทพลังปราณลงสู่ด้ามกระบี่ เพียงปลายกระบวาดผ่านหน้าเกอซีผู้นั่งเหนือเนินเขาน้อย มันพลันเปล่งเสียงหวีดหวาดน่า สะพรึง
เหล่ายอดฝีมือขั้นสาม พลิกผันอเวจีผู้ติดตามเบื้องหลังบุรุษผู้นั้นล้วนชักกระบี่เหินเวหาขึ้น พร้อมรอรับคำสั่ง
ประกายกระบี่สีเขียวยาวตวัดใส่เกอซี ทันใดนั้นเถาวัลย์ม่วงอเวจีซึ่งโอบรัดรอบท่อนแขนงามของหญิงสาวพลันพุ่งทะยานออกจากผู้หนึ่งสู่อีกผู้หนึ่ง
ยินเพียงเสียงดัง “ฟึบ” เปลวเพลิงอันร้อนแรงพลันโหมกระพือโอบล้อมพวกมันทั้งหมดในพริบตา
เถาวัลย์ม่วงอเวจีสะกัดกระบี่ยาวสีเขียวด้ามนั้นให้หยุดชะงักกลางอากาศ จากนั้นมันก็หมุนกลับหันเข้าหากลุ่มยอดฝีมือผู้คุม ก่อนจะส่งพุ่งตรงเข้าหาโดยไม่รั้งรอคำสั่งจากชายวัยกลางคนผู้นั้น
“อ๊าก อาก—- !” หนึ่งในบรรดาผู้คุมส่งเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดอย่างเหลือแสนเมื่อกระบี่ยาวสีเขียวด้ามนั้นพุ่งปักช่องท้องของมัน
มันค่อย ๆ ลดศีรษะก้มลงมองกระบี่ยาวที่ปักคาอยู่บนหน้าท้องด้วยสายตาเหลือเชื่อตกตะลึงเพียงไม่นาน ศีรษะของมันก็ร่วงหมดสิ้นลมหายใจเฮือกสุดท้าย
เกอซีขยับปลายเถาวัลย์ม่วงอเวจี ขณะหยัดกายลุกขึ้นเหนือเนินน้อย
เรือนผมที่เงางามทอประกายดั่งไยไหมโบกพริ้วร่ายรำไปกับสายลมล้อไปกับปลายเถาวัลย์ที่สะบัดไกวอยู่บนท่อนแขนของนาง ดวงหน้างดงามของหนุ่มน้อยเผยรอยยิ้มแห่งความเยือกเย็น ประหนึ่งภาพเขียนที่เคลื่อนคล้อยหลุดลอยจากผืนผ้า เพียงในยามนี้ หนุ่มน้อยผู้นี้กลับดูคล้ายพญามัจจุราชผู้พร้อมปลิดวิญญาณสร้างความตื่นกลัวขวัญผวาให้แก่ผู้คนทั้งหลาย
ใบหน้าของบุรุษวัยกลางคนในยามนี้กลับยิ่งน่าเกลียดน่ากลัว เมื่อกระเหินเวหาของมันพุ่งทะลวงผ่านช่องท้องของเหล่าผู้คุมส่งให้พวกมันทั้งหลายต้องปลดปล่อยเสียงร้องโหยหวนนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะหวนกลับคืนสู่ฝ่ามือของชายชุดดำอีกครา
เดิมที่มันล้วนมีความคิดว่าหนุ่มน้อยผู้นี้คือผู้ฝึกยุทธขั้นต่ำผู้มีพลังปราณเพียงขั้นที่สองปฐมภูมิโลกันตร์ แม้อาวุธเวทในมือมันจะสมบูรณ์ด้วยพลังอันร้ายกาจ สามารถกวาดทำลายกลุ่มยอดฝีมือระดับขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ได้ ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นสามพลิกผันอเวจี มันย่อมไม่อาจกระทำได้ดังใจคิด
ทว่ายามนี้ทุกสิ่งชัดเจนอย่างยิ่ง ความจริงกับสิ่งที่คิดล้วนแตกต่างกันราวฟ้ากับหุบเหว
“ที่สุด เจ้าคือผู้ใด ?” ความหวาดกลัวผุดขึ้นในใจ มันอดมิได้ที่จะขึ้นเสียงไถ่ถาม
ทว่ายังไม่ทันกล่าวจบ เกอซีพลันกระโจนขึ้นกลางอากาศ เสียงหวีดหรือดัง เมื่อเถาวัลย์สีม่วงพุ่งทะยานออก
ในโสตประสาทของพวกมันทุกคนล้วนก้องเพียงเสียงดัง ซึ่ง” เมื่อเถาวัลย์ม่วงอเวจีม้วนรัดร่างยอดฝีมือขั้นปฐมภูมิโลกันตร์นับสิบ ก่อนจะโยนอัดใส่ผนังอย่างรุนแรง
น่าเสียดาย พวกมันล้วนมิใช่ผู้บรรลุพลังปราณระดับสูงขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ เช่นนั้นเพียงเมื่อเถาวัลย์ม่วงอเวจีรวบรัดร่างพลังปราณป้องกันของพวกมันล้วนสูญสิ้น เมื่อไร้สิ้นพลังปกป้อง พวกมันก็ไม่ต่างกับคนสามัญ
เมื่อพวกมันถูกเหวี่ยงกระแทกใส่ผนัง ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง กระดูกทั่วร่างของมันล้วนแตกละเอียดถึงแก่ความตายในที่สุด
ยามนี้สีหน้าของชายวัยกลางคนตื่นตระหนกหวาดกลัว เพียงกำลังจะร้องเรียกหาความช่วยเหลือ
เสียงปรบมือของคนผู้หนึ่งพลันดังแทรกจากด้านหลัง บุรุษชราผู้มีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกล่าวอย่างเชื่องช้า “ฝีมือดี อาวุธเยี่ยม ผู้กล้าท่านนี้เป็นเพียงหนุ่มน้อยวัยฉกรรจ์โดยแท้ !”
***จบตอน มัจจุราชดับวิญญาณ***