หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 388 คงไม่มีผู้ใดคิดหนีใช่หรือไม่
นิยายหัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 388 คงไม่มีผู้ใดคิดหนีใช่หรือไม่
เพียงพริบตาความงุนงงที่เผยผ่านแววตาพวกมันทั้งหมดล้วนแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกตกใจอย่างสิ้นเชิง
หัวหน้าหน่วยอารักขาตัดสินใจออกคำสั่ง ” เร่งรายงานอาวุโสเจียง”
” พวกเจ้าที่เหลือ ! จับเจ้าหนุ่มใจกล้าบ้าบินผู้นี้มาให้ข้า ! ”
” มันคงกินดีเสือเข้าไปจึงกล้าบุกมาเหยียบถึงถิ่นสกุลเจียงทั้งยังสร้างเรื่องใหญ่เช่นนี้วันนี้ท่านปู่ผู้นี้จะให้เจ้าได้เรียนรู้ว่าความตายเป็นเช่นไร ! ”
” ถูกต้องเจ้าหนุ่มผู้นี้มีพลังฝีมือเพียงขั้นปฐมภูมิโลกันตร์อย่าบอกข้านะว่าด้วยพลังฝีมือของมันนี้จะสามารถต้านทานการโจมตีของพวกเราได้ทุกคนช่วยกันจับมันไว้ ! ”
ทว่ายังไม่ทันขยับเสียงหัวเราะบางเบาของเกอซีพลันดังขึ้น” ถึงพวกเจ้าจะรุมกันเข้ามาจะนับเป็นอย่างไรได้เพียงคงไม่มีผู้ใดคิดหดหัวหนีกระมัง”
เพียงสิ้นคำกล่าวเถาวัลย์ม่วงอเวจีพลันพุ่งออกจากร่างของหญิงสาว
ผู้ต้องทนรับความเจ็บปวดอย่างที่สุดก็คือผู้คุมซึ่งกำลังวิ่งไปรายงาน” อาวุโสเจียงผู้นั้น
เถาวัลย์สีม่วงเจาะทะลวงร่างคนผู้นั้นทั้งเพียงชั่วกระพริบตาเลือดเนื้อตลอดร่างของมันผู้นั้นล้วนถูกสูบกลืนแห้งเหือด
กลุ่มยอดฝีมือผู้เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์ครานี้ล้วนตื่นตระหนกหวาดผวาสองตาของพวกมันพลันว่างเปล่าบ้างเข่าอ่อนร่างทรุดกันกระแทกพื้นด้วยความขลาดกลัว
หัวหน้าผู้คุมพยายามควบคุมฝ่ามือที่เกาะกุมอาวุธแน่นมิให้สั่นเทาอย่างยากลำบากมันร้องตวาดลั่น” เจ้า….ที่สุดเจ้าคือผู้ใด?ไยจึงรู้จักสถานที่ต่างๆในตระกูลเจียงของพวกเรา?”
นัยน์ตาทั้งคู่ของเกอซีมีเพียงความนิ่งสงบอันกว้างใหญ่ภายในล้วนไม่ปรากฏร่องรอยอารมณ์ถุชนมุมปากทั้งสองขยักยกรอยยิ้มสว่างใสส่งใบหน้าให้งดงามเด่นกระจ่างงดงามประดุจแสงจันทรา
” เจ้าถามว่าข้าคือผู้ใดกระนั้นหรือ?” นางเอ่ยถามอย่างเชื่องช้าคล้ายนำพากระแสเสียงแห่งความอ่อนโยนยามตอบน้ำคำ” แน่นอนว่าข้าคือเทพแห่งความตายที่จะนำพาดวงวิญญาณของพวกเจ้าลงสู่ปรโลก !
พร้อมถ้อยคำที่เอ่ยกล่าวเถาวัลย์สีม่วงพลันพุ่งแทรกผ่านอากาศประหนึ่งน้อมรับคำสั่งมันพุ่งทะลวงใส่ร่างยอดฝีมือทั้งหลายอย่างไม่หยุดยั้ง
ยินเพียงเสียงปักปักลำคอของเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายล้วนบิดเบี้ยวโลหิตชิ้นเนื้อในร่างล้วนถูกสูบกินจนแห้งเหือด
ทว่ายอดฝีมือสองสามนายที่รอดพ้นการจู่โจมของเถาวัลย์ม่วงอเวจีในคราแรกไปได้กลับส่งเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
เพียงใบหน้าของเกอซีกลับมิได้ปรากฏร่องรอยความตื่นตระหนกแม้เพียงน้อยกลับกันมันเปี่ยมล้นไปด้วยความนึกสนุกร่างบางกระโจนขึ้นเหนือยอดเนินเขาน้อยที่ถูกสร้างขึ้นหญิงสาวนั่งแกว่งไกวท่อนขาไปมาขณะนั่งเล่นเหนือเขาน้อย
หากมิใช่เพราะเถาวัลย์สีม่วงที่ขยับเคลื่อนมากมายอยู่รอบกายผู้คนทั้งหลายเมื่อยลเห็นล้วนเข้าใจว่าตนได้แลเห็นหนุ่มน้อยผิวขาวละเอียดดังเนื้อหยกที่งดงามพิสุทธิ์สะอาดตา
หากทว่าเพียงพริบตาต่อมากลุ่มยอดฝีมือทั้งหลายล้วนถูกเถาวัลย์ม่วงอเวจีเข่นฆ่าสังหารจนสิ้น
เถาวัลย์หนาสีม่วงหวนกลับคืนสู่อุ้งมือเกอซีอย่างเงียบสงบกลีบใบสีม่วงของมันถูไถไลข้อมือขาวราวหยกของผู้เป็นนาย
ยามนี้เหล่ายอดฝีมือผู้คุ้มกันในส่วนพื้นที่อื่นล้วนได้ยินเสียงร้องโหยหวนของผู้อารักขากลุ่มนี้
เพียงไม่นานกลุ่มยอดฝีมือมากมายต่างเร่งฝีเท้ารุดเข้าสู่พื้นที่ส่วนนี้ทั้งกลุ่มยอดฝีมือผู้สมทบเข้ามายังปรากฏยอดฝีมือผู้มีพลังปราณสูงส่งอีกสองถึงสามคนพวกมันส่วนใหญ่ล้วนบรรลุถึงพลังปราณระดับสูงสุดในขั้นปฐมภูมิโลกันตร์หากทว่าสองถึงสามคนคือยอดฝีมือขั้นที่สามพลิกผันอเวจี
เมื่อพวกมันได้เห็นภาพฉากการปลิดชีพสังหารหมู่ทุกคนล้วนต้องตื่นตะลึงตาค้างกับซากกองกระดูกเกลื่อนกลาดที่ปรากฏเบื้องหน้า
นี่…แท้จริงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ทันทีที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายพวกเขาต่างก็รีบเร่งรุดมาที่นี่ทว่าสิ่งที่เห็นกลับมิใช่ภาพฉากการต่อสู้อันนองเลือดหากแต่กลับเป็นภาพกองกระดูกขาวโพลนที่กลาดเกลื่อน
ฉับพลันมันผู้หนึ่งชี้ไปยังโครงท่ามกลางซากศพส่งเสียงร้องด้วยความหวาดผวา” นายท่านนั่นคือกระบี่ผีเสื้อของซุนกาง” ซุนกางคือหัวหน้าผู้คุมพื้นที่ส่วนนี้ทั้งในยามนี้กลุ่มยอดฝีมือผู้เข้าร่วมสมทบล้วนพบว่าเครื่องแต่งกายของซากศพที่กองคือเหล่าผู้คุมในเรือนร้าง
บุรุษวัยกลางคนผู้นำกลุ่มคุ้มกันเข้ามาพลันที่นตระหนกนัยน์ตาราวเหยี่ยวของมันจ้องเขม็งมายังเกอซีผู้นั่งคลายอารมณ์เหนือเนินเขาเตี้ย” เจ้าคือผู้ใด?เข้ามาสร้างความปั่นป่วนในเรือนตระกูลเจียงเช่นนี้อย่าบอกนะว่าเจ้าหมดความอดทนจะมีชีวิตต่อไปแล้ว?”
***จบตอนคงไม่มีผู้ใดคิดหนี้ใช่หรือไม่***