หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 387 ส่งมอบถึงหน้าประตู
ตอนที่ 387 ส่งมอบถึงหน้าประตู
เปลวไฟสีทองแผดเผาต้องที่ใด ล้วนไม่มีสิ่งใดรอดพ้นการมอดไหม้ ทุกสิ่งถูกแปรสภาพเปลี่ยนเป็นถ่านเถ้า
มังกรทองตัวน้อยผู้ยืนอยู่ด้านข้างปรบมือลั่น “นายท่านยอดเยี่ยมที่สุด นายท่านทําลายเจ้าสิ่งอันตรายพวกนี้จนสูญสิ้นแล้ว !”
เพียงชั่วระยะเผาก้านธูป พฤกษาเวทดําหลาย ร้อยในสถานทดลองใต้ดินที่ถูกสร้างมาเนิ่นนาน นับร้อยปีล้วนถูกทําลายลงด้วยน้ํามือของเกอซี
เกอซีเก็บรวบรวมร่างศพเข้าธํามรงค์เวททั้งยัง เก็บซากกระดูกไว้ด้านใน เรื่องราวสิ้นสุดลงเมื่อใด นางจะเผาซากทั้งหมดให้พวกเขา
คนเหล่านี้ไร้สิ้นโอกาสจะมีชีวิตที่สดใส คงเพียงหวังให้พวกเขาสามารถหลับพักอย่างสงบ ในชีวิตหลังความตาย
เมื่อทําลายห้องทดลองลับใต้ดินกระทั่งพินาศสิ้น เกอซีจึงนํามังกรทองตัวน้อยเดินกลับในทิศทางเดิม
เพียงทว่าครานี้ นางหาได้ปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของตนเอง
เมื่อเซี่ยวหลีปลอดภัย เป้าหมายที่หลงเหลือ เพียงสิ่งเดียวในยามนี้คงมีเพียงทําให้เดรัจฉานพวกนั้นต้องชดใช้ด้วยหยาดโลหิต
ทันทีที่ยอดฝีมือผู้เฝ้ารักษาสวนส่วนหลังพบเห็นเกอซี พวกมันล้วนเร่งฝีเท้าเข้าล้อมกรอบนาง
ยอดฝีมือทั้งหมดล้วนมีพลังฝีมือระดับสูงสุด ในขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ พวกมันสวมชุดรูปแบบเดียวกัน พวกมันรุกหน้าถอยหลังกลับเป็นเหลี่ยมจับเข้ามุมปิดกั้นหนทางหลีกหลบของผู้ถูกกักไว้ด้านใน เห็นได้ชัดว่าพวกมันได้รับการฝึกฝนให้ทํางานประสานกันอย่างยอดเยี่ยม
บุรุษร่างสูงผู้มีวัยราวสามสิบปีก้าวออกมาด้านหน้า มันผู้นั้นชี้หน้าเกอซีพร้อมส่งเสียงตะโกนทิ้งเคียด “เจ้าหนุ่มไร้มารยาทผู้นี้มาจากที่ใดกัน ไยจึงกล้าล่วงเข้าพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลเจียง ของข้า
มันผู้นั้นอาวุธใส่หน้าเกอซีขณะกล่าวคํา ทั่วร่างระเบิดขุมพลังที่หนาแน่น
หญิงสาวเลิกคิ้วสูงคําอีกฝ่าย “ตระกูลเจียงกระนั้นหรือ ?”
ก่อนมายังเรือนรกร้างแห่งนี้ นางเชื่อมาโดยตลอดว่าหมอเซียคือผู้บงการเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด
ทว่าผู้คุมที่ถูกถลกหนังในห้องใต้ดินทั้งสองล้วนกล่าวว่าอาวุโสเจียงคือผู้สั่งการพวกมัน
ยามนี้กระทั่งผู้คุมนายนี้ก็กล่าวว่าเรือนร้างห่างไกลแห่งนี้คือสมบัติตระกูลเจียง
เช่นนั้นจึงสามารถกล่าวได้อีกนัยยะหนึ่ง นั่นคือหมอเซียย่อมมีส่วนเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ทั้งหมด เพียงหาใช่ผู้บงการเบื้องลึกไม่ ย่อมต้องมีผู้คอย หนุนคนผู้นี้อยู่เบื้องหลัง
และคนผู้นั้นก็คือผู้ได้รับการขนานนามว่า อาวุโสเจียง
เมื่อเหล่าผู้คุมทั้งหลายเห็นเกอชีนิ่งค้างสงบเช่นนั้น พวกมันล้วนปลดปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น
กระทั่งหนึ่งในกลุ่มผู้คุมหันมากล่าวกับหัวหน้า ยอดฝีมือ “หัวหน้า ไม่จําเป็นต้องกล่าวให้มากความ มันก็แค่ลูกโคน้อยที่บังเอิญพลัดหลงเข้ามาอย่างไม่ลืมหูลืมตา กระทั่งหอบพาตนเองมาส่งถึงหน้าประตูพวกเรานี้”
“ทว่าเมื่อมันนําตนเองมาส่งมอบถึงประตูเรือน เช่นนี้ พวกเราย่อมสมควรรับน้ําใจของมันไว้ ประจวบเหมาะเสียเหลือเกิน เมื่อสองวันก่อน อาวุโสเจียงออกปากเปรยว่าร่างปุ๋ยโอสถไม่เพียงพอมิใช่หรือ ?”
“ดู ๆ เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ ผิวพรรณนุ่มเนียนละเอียด กําลังปราณสมบูรณ์ อย่างน้อยมันสมควรบรรลุถึงพลังปราณขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ การที่มันสามารถเล็ดลอดผ่านหูผ่านตาพวกเราเข้ามาถึงชั้นในเรือนแห่งนี้ ล้วนคาดเดาได้ว่ามันย่อมมีความสามารถไม่ธรรมดา เท่าที่ข้าเห็น มันสมควรถูกนํามาใช้ทําร่างปุ๋ยโอสถ”
ยอดฝีมือกลุ่มนี้พากันจับจ้องกวาดตามองเกอซี ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทว่าแน่นอนพวกมันหาได้รู้สึกพิศวาสแต่ประการใดไม่
หญิงสาวแสยะรอยยิ้มชวนขนลุก “ร่างปุ๋ยโอสถกระนั้นหรือ ? พวกเจ้ากําลังกล่าวถึงเหล่ายอดฝีมือที่พวกเจ้านํามาใช้เพาะพันธุ์พฤกษามนตร์ดํา พวกนั้นใช่หรือไม่ ?”
“ว่าอย่างไรนะ ?” สีหน้าของหัวหน้าผู้คุมแปรเปลี่ยนทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่เอ่ยกล่าว “นี่เจ้าลงไปยังชั้นใต้ดินมากระนั้นหรือ ?”
“เป็นไปได้อย่างไร ?” เสียงผู้คุมอีกคนอุทานออกมาด้วยความหวาดหวั่น “ชั้นใต้ดินแห่งนั้นถูกป้องกันแน่นหนาด้วยบานประตูเหล็กลับที่หนักกว่าร้อยจิน* กระทั่งยอดฝีมือพลังปราณขั้น 5 ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณก็ไม่สามารถอาศัยอาวุธเวทใดผลักบานประตูให้เปิด !”
*หนึ่งจิน เท่ากับ 500 กรัม
เกอซกระดิกปลายเถาวัลย์สีม่วงในมือไปมา ขณะกล่าวอย่างไม่อนาทร “ไม่เพียงข้าสามารถล่วงเข้าสูด้านใน ซ้ําข้ายังเผาทําลายเจ้าพวกพฤกษามนตร์ดําที่ล้วนไม่สร้างความเจริญตาพวกนั้นจนวอดวายสิ้น”
“เช่นนั้นแม้พวกเจ้าจะควานหาร่างปุ๋ยโอสถมาได้จํานวนมากมายนับไม่ถ้วน ก็เกรงว่าจะไร้ประโยชน์”
เพียงได้ยิน สีหน้าพวกมันกลับกลายวุ่นวายสับสน
ชั่วขณะนั้นเอง เกอซีพลันได้ยินเสียงร้องแตกตื่นของผู้คุมอีกกลุ่มทางด้านหลัง
“ห้องใต้ดิน…ไฟไหม้ห้องใต้ดิน มันกําลังลุกลามมาถึงนี่แล้ว…ยังมีเปลวของมันคือปราณเพลิง ย่อมไม่อาจมอดดับได้โดยง่าย !”