ลู่หรงเยียนตกใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ซูชิงรุกเขาทั้งที่ยังมีสติ
หัวใจลู่หรงเยียนเต็มไปด้วยความปราบปลื้มก่อนจะพึมพำอย่างมีอารมณ์ “ชิงชิง”
“อย่าพูดมาดสิ” ซูชิงที่ฝังอยู่ในอ้อมแขนของเขาเอ่ย “อีกเดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนใจนะ”
ลู่หรงเยียนยิ้มและจูบซูชิงที่หน้าผาก แต่กลับไม่ได้ทำต่อ “ติดไว้ก่อน เดี๋ยวจะทำให้คุณพอใจวันหลังนะ”
เธอเพิ่งหายจากไข้ เขากลัวว่าเธอจะทนไม่ไหว
ใบหน้าซูชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับว่าเธอกระหายเหลือทน
“พี่ใหญ่ เรื่องนั้นผม…”
ว่านหยางที่รีบเข้ามาและได้เห็นบรรยากาศในห้องก็รีบปิดตาอย่างรวดเร็ว “ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น พวกพี่ต่อได้เลย”
ว่านหยางรีบถอยกลับและปิดประตู จากนั้นเขาก็ตบหน้าอกตัวเอง นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว ดีที่เขาไหวตัวทัน
ลู่หรงเยียนลุกขึ้นจากที่คร่อมซูชิงและจัดแจงเสื้อผ้าของเขาอย่างเฉยเมย “คุณพักผ่อนก่อนอีกสักหน่อยเถอะ”
“ว้าย!” ซูชิงดึงผ้าห่มจนคลุมศีรษะด้วยความละอาย
ดีที่เมื่อกี้ยังไม่ทันได้ทำอะไร ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้ที่ถูกเห็นเข้าคงได้น่าอายแน่
ล฿หรงเยียนเหลือบมองซูชิงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มก็ยิ้มและเดินออกไป
ว่านหยางที่รออยู่ตรงทางเดินก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นลู่หรงเยียนออกมาเร็วขนาดนี้ “พี่ใหญ่ ทำไมออกมาเร็วขนาดนี้ล่ะ?”
ประสิทธิภาพของพี่ใหญ่อ่อนขนาดนั้นเหรอ?
ลู่หรงเยียนเหลือบมองอย่างเย็นชาจนว่านหยางรีบปิดปากทันที
“มีเรื่องอะไร?”
“คุณท่านให้ลูกพี่กลับไปน่ะครับ คุณท่านน่าจะรู้เรื่องเมื่อคืนแล้ว”
“อืม” ลู่หรงเยียนพูดอย่างไร้อารมณ์ “เข้าใจแล้ว”
เมื่อคืนเขาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่คงจะหลบจากคุณท่านไม่ได้
ตอนนี้ไข้ของซู่ชิงก็ลดแล้ว เขาคงต้องกลับไปอธิบายให้คุณท่านฟัง
ลู่หรงเยียนให้ซูชิงอยู่ที่โรงพยาบาลจนกว่าเขาจะมารับ
ลู่หรงเยียนยังคงไม่วางใจเลยให้ว่านหยางอยู่ด้วย
โทรศัพท์ซูชิงถูกคนลักพาตัวโยนทิ้งไปแล้ว ลู่หรงเยียนเลยให้ว่านหยางซื้อให้ใหม่
ซูชิงโทรหาซูเต๋ออานทันที “ฉันจะแจ้งให้คุณรู้ไว้ คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยฉินซู่ฉินไปแน่ ฉันกับหล่อยไม่มีวันได้จบกันดีแน่”
พูดจบซูชิงก็วางสายไป
เธอเพียงแจ้งซูเต๋ออานไว้เท่านั้น
การลักพาตัวครั้งนี้ ฉินซู่ฉินต้องมีเอี่ยวด้วยแน่ๆ
เมื่อกี้เธอไม่ได้ถามถึงคนลักพาตัวกับลู่หรงเยียน เธอเพียงไม่ต้องการให้ลู่หรงเยียนมาเอี่ยวด้วย
ลู่หรงเยียนเป็นเพียงคนขับแกร็บ เขาจะไปสู้กับฉินซู่ฉินได้ยังไง นี่เป็นเรื่องระหว่างเธอกับฉินซู่ฉิน เธอถึงต้องจัดการเอง
ตระกูลซูกรุ๊ป
ซูเต๋ออานจ้องโทรศัพท์เป็นเวลานานก่อนจะได้สติ เขาไม่รู้ว่าฉินซู่ฉินทำอะไร ตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่กับเรื่องทุนของบริษัท
ซูชิงเห็นว่าร่างกายตัวเองไม่มีอะไรผิดปกติ เธอจึงลงไปเดินไปรอบๆโรงพยาบาล
ทั้งชั้นเงียบมากและไม่มีคนไข้อยู่ห้องอื่นเลย
ซูชิงเดินไปตามทางเดิน ว่านหยางก็เข้ามาจากข้างนอก “คุณซู คุณหิวไหม ทานอะไรหน่อยไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ซูชิงรู้เกี่ยวกับลู่หรงเยียนน้อยเกินไป เลยอยากจะฟังจากว่านหยาง
ว่านหยางตอบด้วยความจริงใจ “ผมเองก็จำไม่ได้ว่ารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว แต่ก็นานแล้วล่ะครับ พี่ใหญ่เป็นคนดี คุณซู คุณอยู่กับเขาเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้วครับ”
“เขาเป็นคนนิสัยดี”
จนถึงตอนนี้ซูชิงก็ยังไม่เห็นข้อเสียของลู่หรงเยียน “ว่าแต่ทำไมคุณว่านถึงเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ล่ะ”
เรื่องไร้สาระ ว่านหยางก็จริงจังเช่นกัน “เพราะพี่ใหญ่จัดเป็นพี่ใหญ่ในบ้าน ก็เลยเรียกอย่างนั้นน่ะครับ” “แต่เขาบอกฉันว่าไม่มีพี่น้อง”
หัวใจว่านหยางกระตุก
ปากพล่อยแล้ว
ลู่หรงเยียนไม่มีพี่น้องจริงๆแต่มีพี่น้องต่างแม่ไม่น้อยและทุกคนล้วนมีความทะเยอทะยานอย่างหมาป่า
ว่านหยางตอบอย่างรวดเร็วและพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมหมายถึงลูกพี่ลูกน้องน่ะครับ”
“อ๋อ!”
ว่านหยางรีบปิดประเด็น “คุณซู ผมว่าผมออกไปซื้ออาหารให้คุณดีกว่า คุณเพิ่งไข้ลด ผมจะซื้อโจ๊กมาให้คุณดีไหม?”
หากยังถามต่อคงได้หลุดปากจนเผยหมดแน่
“งั้นก็รบกวนคุณว่านหน่อยนะคะ” ซูชิงเองก็ไม่กล้าปฏิเสธ
ซูชิงอยู่ในโรงพยาบาลจนเบื่อ ขณะนั้นอันรั่วก็โทรหาเธอ พอได้รู้ว่าเธออยู่โรงพยาบาลก็มาถึงในเวลาไม่ถึงครั้งชั่วโมง
“ซูชิง เกิดอะไรขึ้น ฉันเพิ่งแยกไปแค่วันเดียวทำไมถึงมาอยู่โรงพยาบาลได้”
ซูชิงยิ้ม “ถ้าไม่ใช่เพราะดวงแข็ง เธอคงไม่ได้เจอฉันแล้ว”
อันรั่วพูดอย่างร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
สำหรับอันรั่ว ซูชิงก็ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบัง เลยพูดเรื่องเมื่อคืนให้ฟังอย่างคร่าวๆ
อันรั่วที่ได้ยินก็ตกใจและโกรธมาก “ฉินซู่ฉินเป็นคนทำจริงเหรอ ทำแม้แต่เรื่องลักพาตัวได้นี่ก็ร้ายเกินไปแล้ว ซูชิง เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร” ซูชิงแค่นเสียง “ฉินซู่ฉินให้ของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ฉันก็ต้องให้คืนตามมารยาทสิ”
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ” อันรั่วพูดอย่างภักดี “ฉันก็ไม่ชอบแม่เลี้ยงเธอมานานแล้ว”
“ได้สิ ถึงตอนนั้นจริงก็ต้องให้เธอช่วยจริงๆแหละ” ซูชิงมีแผนในใจอยู่แล้ว
ขณะที่กำลังพูดคุย โทรศัพท์ของซูชิงก็ดังขึ้น เป็นซูเต๋ออาน
ซูชิงกดวางสายแต่ซูเต๋ออันก็โทรมาอีกครั้ง
ซูชิงกดรับก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”
“ฉันอยู่ชั้นล่างของบริษัทเธอ เธอลงมาหน่อย” น้ำเสียงของซูเต๋ออานก็เย็นชาเช่นกัน ทั้งยังมาพร้อมกับน้ำเสียงที่แกนบังคับ
ซูชิงที่ได้ยินว่าซูเต๋ออานไปถึงบริษัทเธอจริงก็รู้สึกประหลาดใจเ แต่น้ำเสียงออกคำสั่งนั่นก็ทำเธอไม่พอใจ
“ไม่ว่าง”
ซูชิงตอบกลับอย่างเย็นชา
“ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม น้าฉินให้ฉันมารับเธอไปทานมื้อกลางวันด้วย เธออย่ามาแยกแยะไม่ออก”
ฉินซู่ฉินให้เธอกลับไปทานอาหารกลางวัน?
คงซ่อนเจตนาอะไรเอาไว้น่ะสิ
“ไม่ไป”
ซูชิงพูดจบก็วางสายไป
อันรั่วที่อยู่โรงพยาบาลได้สักพักก็มีธุระจนไปก่อน ซูชิงก็ไปส่งเธอตรงประตูจนบังเอิญเจอลู่หรงเยียนที่กลับมาจากข้างนอก
ลู่หรงเยียนเห็นซูชิงได้อย่างรวดเร็วก่อนจะลงจากรถและเดินไปหาซูชิง “ชิงชิง ออกมาทำไมล่ะ”
“มาส่งเพื่อนน่ะ จริงสิ ฉันจะแนะนำให้นะ คนนี้คือเพื่อนสนิทฉันเองชื่อ อันรั่ว” ซูชิงแนะนำ “รั่วรั่ว นี่แฟนของฉัน ลู่หรงเยียน”
อันรั่วที่เห็นลู่หรงเยียน ดวงตาก็เป็นประกายพร้อมใบหน้ากรุ้มกริ่ม “ว้าว หล่อมากอ่ะ!”
“แฟน? ลู่หรงเยียน?” อันรั่วตอบกลับ “เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่? ลู่หรงเยียน? คุณ คุณคือคุณชายลู่หรงเยียน แม่เจ้า ได้ยินว่าหน้าเละกับพิการไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้ล่ะ? ”
ซูชิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่คุณชายลู่ แค่ชื่อเหมือนเท่านั้นเอง เธอดูสิ นอกจากชื่อแล้วเหมือนคุณชายลู่ตรงไหนกัน”
ลู่หรงเยียนที่ยืนอยู่ข้างๆซูชิงก็อมยิ้ม
อันรั่วมองอย่างละเอียดก่อนจะยิ้มอย่างขัดเขิน “นั่นสินะ ตกใจหมดเลย ซูชิง เมื่อกี้ฉันก็นึกว่าเธอคบกับผีอายุสั้นคนนั้น ไม่ใช่ก็ดีแล้วล่ะ”
ผีอายุสั้น?
ลู่หรงเยียน “…”
เห็นว่าเป็นเพื่อนของซูชิงหรอกนะ ลู่หรงเยียนยิ้มอย่างอบอุ่นและพูด “ก็แค่ชื่อเหมือนกันน่ะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมชิงชิงนะ ไว้ชิงชิงออกจากโรงพยาบาลแล้วค่อยหาเวลาทานข้าวด้วยกัน”
“ได้เลย งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ ฉันจำได้นะ” อันรั่วยิ้มและกระซิบกับซูชิง “แฟนเธอก็ไม่เลวนะ จัดการเรื่องได้ดี นิสัยก็ดีด้วย ไว้ฉันจะมาสอบสวนว่าเธอไปรู้จักกันได้ยังไง”
ซูชิงเหลือบมองลู่หรงเยียนก่อนจะยิ้ม “รั่วรั่ว ไม่ใช่ว่าเธอมีธุระเหรอ”
หลังจากได้รับการเตือน อันรั่วก็นึกขึ้นได้ “จริงด้วย ฉันต้องรีบไปแล้ว ไว้เจอกันนะ”
หลังจากที่อันรั่วจากไป ซูชิงและลู่หรงเยียนก็กลับเข้าห้องคนไข้ พยาบาลก็มารายงานว่าผลตรวจออกมาแล้ว
เมื่อได้ยินว่าผลตรวจออกมาแล้ว ซูชิงก็อดไม่ได้ที่จะกังวล
เธอเคยมีลูก หากผลตรวจออกมาแล้วลู่หรงเยียนรู้เข้าจะเลิกกับเธอไหมนะ?
ซูชิงคิดจะห้ามลู่หรงเยียน แต่ยังไม่ทันเปิดปาก ลู่หรงเยียนก็พูดขึ้น “ชิงชิง คุณกลับไปที่ห้องก่อนนะ เดี๋ยวผมไปรับผลตรวจเอง”
“ลู่หรง…” เยียน!
คำพูดของซูชิงยังคงอยู่ในลำคอแต่ลู่หรงเยียนก็เดินไปถึงห้องแพทย์แล้ว
ลู่หรงเยียนไปที่นั่นนานกว่า 10 นาที ในช่วงเวลานั้นเองซูชิงก็กระสับกระส่าย ฝ่ามือเย็นไปหมด
ตอนอยู่กับฉู่เทียนอี้ เธอก็กลัวว่าความลับนี้จะโดนล่วงรู้เข้าแต่ก็ไม่กลัวเท่าวันนี้
เธอกลัวที่จะสูญเสียลู่หรงเยียนไป
คิดไปคิดมา แม้แต่ซูชิงเองก็รู้สึกเหลือเชื่อ
MANGA DISCUSSION