หมอหญิงยอดมือสังหาร - ต้นเถาเยาเยา 21
ต้นเถาเยาเยา 21
เมื่อออกมาจากวัง เยาเยาดูกลัดกลุ้ม ฉินหล่างและเฉินอวิ๋นเจินมองสบตากัน รู้สึกว่าบรรยากาศตรงหน้าไม่ปกติเลยลากจูเผิงที่ยังงุนงงปลีกตัวหนีไปด้วยกัน การประลองในวังหลวงก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ดูออก สุดท้ายการต่อสู้ของซังเจี้ยวและจวินหนานเยี่ยนดูดุเดือดขึ้นมาจริงๆ หากไม่ใช่องค์รัชทายาทยื่นมือเข้ามาได้ทันเวลา ไม่แน่ว่าอาจมีคนบาดเจ็บ หรือกระทั่งได้รับบาดเจ็บไปทั้งคู่แล้ว
สำหรับเรื่องนี้ ฉินหล่างไร้ซึ่งคำจะเอ่ย
ทั้งที่อยู่เคียงข้างมาหลายปี ซังเจี้ยวกลับพลาดไป ตอนนี้เรื่องมาถึงแล้วจึงได้ร้อนใจขึ้นมาหรือ
ชั่วครู่ หน้าประตูวังจึงเหลือเพียงสามคนแล้ว เยาเยามองซ้ายมองขวา ยิ้มแห้งให้กับซังเจี้ยว เอ่ย “พี่อาเจี้ยว ข้าไปส่งจวินหนานเยี่ยนก่อนนะเจ้าคะ” จากนั้นจึงลากจวินหนานเยี่ยนออกไปอย่างรวดเร็ว ความจริงเยาเยาเองก็ไม่รู้ว่าไยตนต้องหนี แต่รู้สึกว่าการอยู่สามคนนั้นน่าอึดอัดยิ่งนัก แต่นางก็ไม่อาจทิ้งจวินหนานเยี่ยนแล้วพาพี่อาเจี้ยวหนีกระมัง ยิ่งไม่อาจพาตนเองหนีไปคนเดียว ดังนั้นสุดท้ายจึงต้องทิ้งพี่อาเจี้ยวไว้คนเดียวแล้ว
ซังเจี้ยวที่ถูกทิ้งมองสองคนที่หนีหายไปไม่เห็นฝุ่นอย่างจนคำพูด สุดท้ายได้แต่ส่ายศีรษะยิ้มขมขื่นออกมา
“ทำไมหรือ เสียใจแล้วหรือ”
ทางด้านหลังมีเสียงเกียจคร้านของเซียวจิ่งเสาดังขึ้น
ซังเจี้ยวหันกลับไปมองเขา “ไยหวงจั่งซุนจึงออกมาจากวังแล้วเล่า”
เซียวจิ่งเสาเอ่ยตามความเป็นจริง “กลับบ้าน” แม้เขาจะพักอยู่ในวังบ่อย แต่อย่างไรจวนรัชทายาทต่างหากที่เป็นบ้านของเขาหรือไม่
“ไปด้วยกันหรือไม่” เซียวจิ่งเสาเอ่ยถาม
ซังเจี้ยวพยักหน้าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เซียวจิ่งเสามองสำรวจเขา เอ่ย “ศิษย์พี่ ท่านว่าท่านเป็นอย่างไร หากท่านไม่คิดอันใดจริงๆ เมื่อครู่หากยอมจวินหนานเยี่ยน คนโง่เขลาอย่างเยาเยาก็คงไม่คิดอันใดมาก ต่อไปก็ยังสนิทสนมกับท่านเรียกท่านพี่ชายดังเดิม ท่านทำเยี่ยงนี้…” เซียวจิ่งเสาส่ายศีรษะ เอ่ย “ท่านรู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่ไยนางต้องหนี”
เยาเยาเพียงไม่เข้าใจเรื่องความรู้สึก ไม่ได้โง่จริงๆ เอ่ยอย่างไรสุดท้ายก็เป็นเพราะปกป้องนางมาตั้งแต่เด็กไว้ดีเกินไป ทุกคนต่างพากันเอาอกเอาใจนางทะนุถนอมนาง ในสมองเขาเยาเยาไม่เคยคิดโหยหาผู้อื่น อย่างไรทุกคนก็ดีกับนางมากอยู่แล้ว อย่างเช่นซังเจี้ยว ต่อให้เป็นคนรักก็ใช่ว่าจะทำได้ เช่นนั้นนางยังต้องการคนรักไปทำไมกัน
เซียวจิ่งเสาเอ่ยด้วยความสนอกสนใจ “ตอนนี้ท่านคงต้องคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรให้กลับมาเป็นดังเดิม เพียงแต่ศิษย์พี่ ท่านรับได้จริงๆ หรือหากต่อไปเยาเยาจะไปกับเด็กจวินหนานเยี่ยนผู้นั้นจริงๆ ข้าที่เป็นพี่ชายของเขาไม่เป็นไร ไม่ว่านางจะแต่งงานกับใครข้าก็ยังเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนาง แต่พวกท่าน…”
“เซียวจิ่งเสา…” ซังเจี้ยวเป็นคนรักษากฎเกณฑ์ แม้จะมีฐานะเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง น้อยครั้งที่เขาจะเรียกชื่อเซียวจิ่งเสา
เซียวจิ่งเสาเลิกคิ้ว ซังเจี้ยวเอ่ย “หุบปาก”
จวินหนานเยี่ยนถูกเยาเยาลากตัวออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อได้สติกลับมาจึงมองเด็กสาวที่ลากตนเองวิ่งอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเศร้าสร้อยพร้อมหยุดเท้าลง
เยาเยาถูกดึงเอาไว้จำต้องหยุดลง หันกลับมามองเขาด้วยความสงสัย
จวินหนานเยี่ยนพาเยาเยาเดินไปยังที่ที่ไม่มีคน เอ่ย “เสี่ยวเยา สิ่งที่ข้าเอ่ยกับเจ้าก่อนหน้านี้ เจ้าคิดเช่นไร”
เพราะวิ่งออกมาอยย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเด็กสาวจึงขึ้นสีแดงระเรื่อ ยิ่งขับให้ใบหน้าเล็กงดงามน่าหลงใหลมากขึ้น
“หา ข้า…ข้า…” เยาเยาทำสิ่งใดไม่ถูกนัก มองสายตาเฝ้ารอของเด็กหนุ่มตรงหน้าเยาเยาจึงกัดฟันเอ่ยเสียงเบา “จวินหนานเยี่ยน ข้า…ข้าไม่เคยคิดมาก่อน ข้าไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นกับเจ้า”
แม้ว่านางจะไม่เข้าใจความรัก แต่เยาเยาจำสิ่งที่มารดาสั่งสอนเอาไว้ได้ เรื่องของความรู้สึกไม่อาจลังเล ยิ่งไม่ควรยื้อให้ความหวังคนอื่น มิเช่นนั้นสุดท้ายคงกลายเป็นทำร้ายคนอื่นและตนเอง การสารภาพรักของจวินหนานเยี่ยนนั้นมาไม่ทันตั้งตัวทำให้นางสับสน แต่เมื่อผ่านความเขินอายและตกใจที่ถูกสารภาพรักครั้งแรกแล้ว เยาเยามั่นใจได้ว่านางไม่เคยมีความคิดอย่างอื่นต่อจวินหนานเยี่ยน อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่มี
จวินหนานเยี่ยนหน้าเศร้าลง แต่ก็ไม่ได้แปลกใจ
สิ่งแรกที่เขารู้สึกโชคดีคือเยาเยาไม่ได้รู้สึกอันใดกับเขา และไม่ได้รู้สึกกับคนอื่นเช่นกัน แต่ว่า…นึกถึงซังเจี้ยว จวินหนานเยี่ยนไม่ยอมรับไม่ได้ว่าเขารู้สึกกดดันขึ้นมา เขาคิดกระทั่งว่าที่เสี่ยวเยาและซังเจี้ยวยังคงความสัมพันธ์พี่น้อง เพราะซังเจี้ยวยึดมั่นในขอบเขต ขอเพียงเขาล่วงล้ำเข้ามา อาศัยความสัมพันธ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมาง่ายมากที่เสี่ยวเยาจะชอบเขาได้ง่ายๆ และตอนนี้…ในที่สุดซังเจี้ยวก็ทนไม่ไหวแล้วอย่างนั้นหรือ
“เสี่ยวเยา ข้าไม่ยอมแพ้เร็วเพียงนี้หรอก”
เยาเยายิ้มเจื่อนหดหู่ใจ “ไยเจ้าถึงดื้อดึงเสียเวลาชีวิตตนเองเพียงนี้เล่า”
“เจ้าบอกว่าข้ายังเด็กมิใช่หรือ ข้ายังเสียเวลาได้อีกหลายปี อีกทั้งข้ารับปากคุณชายเสียนเกอดูแลเจ้าห้าปี จะต้องทำให้ได้อย่างแน่นอน” จวินหนานเยี่ยนเอ่ย
เยาเยาเอ่ย “แต่ว่าหลังจากห้าปี…ไม่สิ เกิดครั้งนี้ข้าแต่งงานกับคนอื่นไปเล่า”
จวินหนานเยี่ยนเอ่ย “เสี่ยวเยารู้สึกรำคาญหรือ”
เยาเยามองเขาพลางถอนหายใจออกมา เอ่ย “ข้าไม่รู้ว่าจอมยุทธ์ในยุทธภพอย่างพวกเจ้ามีศรัทธากันอย่างไร เจ้าอย่าได้คิดลอบติดตามดูแลข้าอันใดด้วย ข้าจะบอกเจ้าให้…ข้าจะรู้สึกผิดมากเลยจริงๆ เจ้าเคยช่วยข้า ข้าก็เคยช่วยเจ้า ต่อให้เจ้าเป็นน้องชายไม่ได้ พวกเราก็มีมิตรภาพร่วมเป็นร่วมตายใช่หรือไม่”
จวินหนานเยี่ยนเอ่ย “เช่นนั้นก็เห็นแก่มิตรภาพร่วมเป็นร่วมตายของเรา ก่อนข้าจะยอมแพ้ด้วยตนเองอย่าได้เกลี้ยกล่อมให้ข้ายอมแพ้ เป็นอย่างไร”
“…”
จวินหนานเยี่ยนมองท่าทางสับสนของนางแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ยื่นมือไปขยี้ผมนาง “โง่จริงๆ…”
หากเจ้ามีคนในใจแล้วจริงๆ ข้าจะยอมให้เจ้าต้องลำบากใจไปทำไมกัน
“เจ้าต่างหากที่โง่” เยาเยากลอกตาด้วยความไม่พอใจ อยากกลับบ้านไปส่องกระจกหลายๆ รอบ อย่างไรนางก็ดูไม่ออกว่าตนเองนั้นจะงามล่มเมืองเพียงนี้ คนอื่นมักอยากเป็นพี่น้องกับนาง หวังว่าเจ้าเมืองจูเชวี่ยจะไม่มาเอาเรื่องกับนางที่เมืองหลวงนะ
“ช่างเป็นเด็กโง่ทั้งสองจริงๆ” ทันใดนั้นพลันมีน้ำเสียงหยอกล้อดังมาจากด้านข้าง ชั่วพริบตาเยาเยาพลันมีท่าทีระแวดระวังขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว ตอบรับโดยการหยิบกระบี่สั้นออกมาชี้ไปยังคนมาใหม่
ไม่รู้กงอวี้เฉินในชุดสีดำมายืนหัวเราะอยู่บนกำแพงมองมายังพวกเขาทั้งสองตั้งแต่เมื่อใด
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร”
“อาจารย์”
กงอวี้เฉินเหาะลงมาจากกำแพง มองสำรวจเยาเยา “ศิษย์รัก เจอกันอีกแล้ว”
เยาเยากัดฟันมองชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความโกรธ “ใครเป็นศิษย์ของเจ้า เจ้ายังกล้ามายังเมืองหลวง”
กงอวี้เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มีอันใดข้าจะไม่กล้ากันเล่า เด็กน้อย มานี่สิ”
เยาเยากลอกตาให้เขา เท้าไม่ขยับ กงอวี้เฉินไม่สนใจ เดินเชื่องช้าเข้ามา
เยาเยายื่นกระบี่ไปตรงหน้า “เจ้าอย่าเข้ามา มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
จวินหนานเยี่ยนเดินขึ้นมาขวางระหว่างกงอวี้เฉินและเยาเยา “อาจารย์ นี่ท่าน…”
กงอวี้เฉินยิ้มตาหยี ไม่ได้อ่อนโยนต่อลูกศิษย์อย่างที่อ่อนโยนต่อเยาเยา “หลบไป”
จวินหนานเยี่ยนย่นคิ้ว “อาจารย์ ที่นี่คือเมืองหลวงนะขอรับ”
กงอวี้เฉินหัวเราะหยันขึ้นมา “เจ้าคิดว่าข้าจะทำสิ่งใด เด็กน้อย เมื่อก่อนให้เจ้ากลับเป่ยหยวนกับข้าเจ้าไม่ยอม ยังแทงข้าไปหนึ่งดาบ ข้าเห็นว่าเด็กคนนี้เองก็มีความรักต่อเจ้า มิสู้เจ้ามาเป็นศิษย์สะใภ้ของข้าเป็นอย่างไร”
เยาเยาเอ่ยไม่พอใจ “ใครจะเป็นภรรยาของลูกศิษย์เจ้ากัน”
กงอวี้เฉินส่งเสียงหยัน “ศิษย์รัก เจ้าดูสิเจ้าเด็กนี่ใจร้ายเพียงใด เมื่อเทียบกับแม่ของเจ้า ช่างไร้หัวจิตหัวใจยิ่งนัก ให้อาจารย์ช่วยเจ้าดีหรือไม่”
จวินหนานเยี่ยนรู้สึกเหนื่อยใจ “อาจารย์ ค่ำแล้วให้เยาเยากลับบ้านเถิด ศิษย์พาท่านกลับไปพักที่บ้านพักดีหรือไม่”
กงอวี้เฉินมองสำรวจเขา “เจ้าไม่เอาจริงหรือ”
จวินหนานเยี่ยนเงียบไปชั่วครู่ ส่ายศีรษะอย่างมั่นคง
กงอวี้เฉินหัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำ ในตอนที่จวินหนานเยี่ยนยังไม่ทันตั้งตัว อีกฝ่ายพลันยื่นมือมาตีเขาสลบไป
“จวินหนานเยี่ยน” เยาเยาร้องเสียงดัง รีบก้าวถอยหลังมองกงอวี้เฉินอย่างระแวดระวัง กงอวี้เฉินยิ้มแล้วจึงเอ่ย “ช่างเป็นเด็กที่ฉลาด” เยาเยาเอ่ย “คนที่เจ้าคิดจัดการคือข้ามิใช่หรือ จวินหนานเยี่ยนเป็นศิษย์ของเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น ทำร้ายเขาเจ้าเมืองจูเชวี่ยไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่” เมืองจูเชวี่ยอยู่ใกล้ทะเลทรายทางเหนือ คิดตามล่ากงอวี้เฉินง่ายยิ่งกว่าพวกเขาที่อยู่ในเมืองหลวงเสียอีก แน่นอนว่ากงอวี้เฉินจะเอาชนะจวินฉิงเทียนได้ แต่คงน่าปวดหัวหากมีเรื่องกับเจ้าเมืองจูเชวี่ยผู้มีอำนาจในยุทธภพ
กงอวี้เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “เด็กดี เจ้าจะไปกับข้าด้วยตนเอง หรือทำให้เจ้าสลบก่อนค่อยเอาตัวไป”
“เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่” ความจริงในใจของเยาเยาไม่ได้รู้สึกกลัวนัก นางสัมผัสได้ว่ากงอวี้เฉินไม่ได้คิดจะฆ่านาง
กงอวี้เฉินเอ่ย “ก็บอกแล้ว ทำให้ศิษย์โง่ของข้าสมหวังอย่างไรเล่า รอเจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์ พ่อแม่ของเจ้าก็ไม่กล้าคิดจะฆ่าจะแกงข้าแล้วใช่หรือไม่”
“คนบ้า” เยาเยาเอ่ยอย่างไม่พอใจ รีบก้าวถอยหลังไปหลายก้าว น่าเสียดายที่ต่อให้วรยุทธ์ของนางดีเพียงใดก็ไม่อาจสู้กงอวี้เฉินได้ นางเพิ่งขยับมือกงอวี้เฉินก็ยกมือขึ้นมาดีด ขาเล็กของนางพลันเจ็บแปร๊บร่างกายอ่อนยวบลงไป
กระทั่งฟ้ามืด เยาเยาก็ยังไม่กลับจวน ผู้คนในจวนรัชทายาทจึงรู้สึกตัวว่ามีสิ่งใดแปลกไป
วรยุทธ์ของเยาเยาไม่เลว ในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายนาง เพราะเหตุนี้จึงไม่ได้มีองครักษ์มากมายคอยล้อมหน้าล้อมหลัง แต่แม้เยาเยาจะออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง เมื่อฟ้ามืดก็ต้องกลับบ้านอย่างแน่นอน หากเกิดเรื่องจริงๆ ก็จะส่งคนมารายงาน ไม่ทำให้คนเป็นห่วงเยี่ยงนี้
องครักษ์ที่ส่งไปยังบ้านพักตระกูลจวินกลับมารายงาน คุณชายจวินและเยาเยาจวิ้นจู่ยังไม่ได้กลับไปตลอดทั้งบ่าย
“เกิดเรื่องกับเยาเยาแล้ว” ซังเจี้ยวลุกขึ้นสีหน้าทะมึน
ใบหน้าของเซียวจิ่งเสาไม่น่ามองขึ้นมา “ท่านพ่อท่านแม่พาเหมิงเหมิงกลับเรือนพักนอกเมืองไปกับเสด็จย่าตั้งแต่บ่าย พรุ่งนี้ถึงจะกลับมา”
ซังเจี้ยวเอ่ย “เราส่งคนไปตามหาก่อน ส่งคนไปดูที่องครัชทายาทด้วย ไม่แน่เยาเยาอาจไปที่นั่น” แม้ความเป็นไปได้จะไม่มากก็ตาม
เซียวจิ่งเสาพยักหน้า หมุนตัวออกไปเรียกคน
ในห้องที่ไม่รู้ตำแหน่งแน่ชัดในเมืองหลวง เยาเยาสีหน้าบึ้งตึงมองกงอวี้เฉินที่นั่งดื่มเหล้าสบายอารมณ์อยู่ตรงหน้า ใช้แรงดิ้นรนอยู่ชั่วครู่ เชือกที่มัดอยู่บนข้อมือของนางไม่รู้ทำมาจากสิ่งใด เหนียวแน่นยิ่งนัก เตียงนุ่มไม่ไกล จวินหนานเยี่ยนที่ยังสลบไม่รู้ตัวถูกทิ้งลงไปง่ายๆ
“เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่” เยาเยาเอ่ย
กงอวี้เฉินหัวเราะ เอ่ย “เด็กน้อย ข้ามีสองทางเลือกให้กับเจ้า”
“…”
“ไม่กราบข้าเป็นอาจารย์ ก็แต่งกับลูกศิษย์ของข้า เจ้าคิดว่าเยี่ยงไร” กงอวี้เฉินเอ่ยถาม
เยาเยาโมโหขึ้นมา เอ่ย “ข้าไม่เอาอันใดทั้งนั้น”
กงอวี้เฉินเลิกคิ้ว เอ่ย “คนหมัดใหญ่จึงจะมีสิทธิ์ตัดสินใจ”
เยาเยากัดฟัน เอ่ย “เจ้าเพียงอาศัยอายุมากรังแกคนอื่นเท่านั้น เก่งกาจอันใดกัน”
กงอวี้เฉินเอ่ย “ใครใช้ให้ข้าอายุมากเล่า หากเจ้าอายุมากกว่าข้าก็รังแกข้าได้แล้ว”
“…” หน้าด้านนัก
เยาเยาครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน กลอกตาไปมา เอ่ย “ข้าต้องใช้เวลาไตร่ตรอง”
“ไตร่ตรองหรือ” กงอวี้เฉินเอ่ย
เยาเยาเอ่ย “อย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของข้า ข้าไม่ควรคิดให้ละเอียดหรอกหรือ”
กงอวี้เฉินพยักหน้า เอ่ย “ควรไตร่ตรองให้ดีจริงๆ” กงอวี้เฉินลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นบนเสื้อผ้าแล้วจึงเอ่ย “เช่นนั้นเจ้าก็ไตร่ตรองให้ดีเถิด จะได้บ่มเพาะความรู้สึกกับเจ้าเด็กนี่ไปด้วย”
กงอวี้เฉินเดินออกไปข้างนอก เยาเยาเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ข้าอยากถามเจ้าหนึ่งเรื่อง”
กงอวี้เฉินหันกลับมา “ถามว่าไยข้าต้องให้เจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์หรือ”
เยาเยาส่ายศีรษะ “เพราะเจ้าอายุมากเพียงนี้ยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นจึงเป็นบ้าเยี่ยงนี้ใช่หรือไม่”
กงอวี้เฉินชะงัก หัวเราะเสียงดังออกมาทันใด หมุนตัวเดินออกไป
เยาเยารอจนกงอวี้เฉินเดินออกไปแล้ว เงี่ยหูตั้งใจฟังอยู่นานจนมั่นใจว่าด้านนอกไม่มีใครอยู่เฝ้าแล้วจึงพ่นลมหายใจออกมา นางขยับมือที่ถูกผูกเอาไว้กับเก้าอี้ไปมาทว่าไม่อาจขยับได้ จากนั้นลองพยายามลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่รู้เก้าอี้ทำจากไม้ชนิดใด หนักจนนางที่อยู่ในท่านี้ไม่อาจขยับมันได้ ออกแรงอยู่นานก็ขยับได้เพียงเล็กน้อย จำต้องนั่งกลับคืนไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
เห็นได้ว่ากงอวี้เฉินเป็นยอดฝีมือการกักขังคน เยาเยาขบคิดอยู่นานก็ไม่อาจพาตนเองให้หลุดออกมาได้ เชือกที่มัดนางเอาไว้นั้นพิเศษ ไม่มีใครช่วยไม่อาจแก้ได้ ด้วยกำลังภายในของเยาเยาคิดอยากหลุดออกมานั้นเป็นไปไม่ได้
“จวินหนานเยี่ยน…จวินหนานเยี่ยน” เยาเยากดเสียงเบาเอ่ยเรียก
จวินหนานเยี่ยนที่อยู่บนเตียงนุ่มยังคงหลับไหลนิ่งไม่ขยับ เยาเยาหงุดหงิดเป็นที่สุด น่าเสียดายที่นางอยู่ไกลจากจวินหนานเยี่ยนมากไม่อาจแตะต้องเขาได้ ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใดในที่สุดเยาเยาก็หลับไป ก่อนหลับยังอดคิดไม่ได้ ท่านพ่อท่านแม่ อานอาน พี่อาเจี้ยวคงจะร้อนใจแล้ว
“เยาเยา เยาเยา”
ขณะกำลังหลับ เสียงหนึ่งปลุกให้เยาเยาตื่นขึ้นมา เยาเยาลืมตามองเห็นจวินหนานเยี่ยนนั่งอยู่บนพื้นตรงหน้าตน กำลังยื่นมือมาผลักนาง เยาเยารีบตั้งสติ “จวินหนานเยี่ยน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
จวินหนานเยี่ยนยิ้มเจื่อน เอ่ย “ถูกอาจารย์สะกดพลังเอาไว้ ร่างกายไม่มีแรงเลย”
เยาเยาถอนหายใจ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
จวินหนานเยี่ยนเอ่ย “เจ้าไม่โทษข้าหรือ”
เยาเยาไม่เข้าใจ “ไยต้องโทษเจ้าเล่า”
“อาจารย์ของข้า…”
เยาเยาส่ายศีรษะ “ตอนที่กงอวี้เฉินยังไม่รับเจ้าเป็นศิษย์เขาก็เป็นคนบ้าคนหนึ่ง ท่านแม่ข้าบอกมา เจ้ารีบดูสิ ช่วยข้าแกะเชือกนี้ออกได้หรือไม่”
จวินหนานเยี่ยนยิ้มออกมา เอ่ย “นี่คือเชือกที่ราชวงศ์เป่ยหยวนทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เหมือนจะทำมาจากหนังสัตว์อันใดสักอย่าง วรยุทธ์แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจแก้ได้ อีกทั้ง…อีกไม่นานกลิ่นของเชือกก็จะติดกับผิวหนังของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะวิ่งหนีไปที่ใดเขาก็จะตามหาเจ้าเจอจนได้”
เยาเยาเอ่ย “รอข้าหนีได้แล้วเขาตามหาข้าเจอก็ไม่มีประโยชน์ ท่านพ่อของข้าจะตีเขาจนร้องไห้ขี้มูกโป่ง”
แม้คิดว่าหัวเราะอาจารย์ของตนไม่ดี แต่เมื่อจินตนาการถึงกงอวี้เฉินที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งจวินหนานเยี่ยนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
โชคดีที่จวินหนานเยี่ยนลูกศิษย์ผู้นี้ได้รับการสั่งสอนมาจากกงอวี้เฉินไม่น้อย เชือกนี้แน่นอนว่าเขาแก้ได้ เพียงแต่ร่างกายเขาไร้เรี่ยวแรงต้องใช้เวลานานกว่าจะแก้เชือกได้สำเร็จ มือข้างหนึ่งขยับได้แล้วจึงรู้สึกสะดวกขึ้นมาก เยาเยาใช้มือข้างเดียวเลียนแบบวิธีแก้เชือกของจวินหนานเยี่ยนเมื่อครู่ไม่นานก็แก้เชือกอีกเส้นออกมาได้ เมื่อเก็บเชือกเรียบร้อย รอยยิ้มของเยาเยาพลันร้ายกาจ “ข้าก็จะใช้เชือกนี้มัดกงอวี้เฉินเอาไว้”
จวินหนานเยี่ยนถอนหายใจ “รีบไปเถิด อย่าให้อาจารย์เห็น”
เยาเยามองเขา “ไปด้วยกัน”
จวินหนานเยี่ยนเอ่ย “เจ้าก็รู้ อาจารย์ไม่ทำอันใดข้า พาข้าไปด้วยเจ้าคงหนีไม่รอด”
เยาเยาเอ่ย “ข้ารู้ว่ากงอวี้เฉินไม่สังหารเจ้า แต่เป็นอาจารย์ที่รับบุตรชายเป็นลูกศิษย์พ่อเจ้าก็ทำอันใดเขาไม่ได้” หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เยาเยาก้มลงกระซิบข้างหูจวินหนานเยี่ยนไม่กี่ประโยค จวินหนานเยี่ยนลังเลอยู่ชั่วครู่สุดท้ายจึงพยักหน้าตอบรับ
หนึ่งเค่อต่อมา กลิ่นควันค่อยๆ ลอยออกมาจากประตูห้องที่ปิดสนิท คนที่อยู่ในเรือนยังไม่ทันได้สติ เสียงประตูดังโครม ประตูถูกพุ่งชนเปิดออกมาจากด้านใน ร่างทั้งสองพุ่งออกมาก่อนจะวิ่งหนีตรงไปยังกำแพงที่ไกลออกไป ในตอนที่องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ในเรือนจะเข้ามาล้อมเอาไว้ อีกฝ่ายก็สาดอาวุธลับออกมาพร้อมกระโดดข้ามกำแพงไป
“คุณชายจวินพาคนหนีไปแล้ว รีบไปรายงานนายท่าน” สีหน้าองครักษ์พลันเปลี่ยน รีบเอ่ย “คนที่เหลือตามข้ามา”
“ขอรับ”
กงอวี้เฉินได้รับรายงานก็ไม่ประหลาดใจ เพียงเลิกคิ้ว เอ่ย “หนีไปแล้วหรือ เจ้าศิษย์คนนี้ไม่เหมือนข้าแม้เพียงนิด โอกาสที่ดีเพียงนี้ไม่รู้จักคว้าเอาไว้”
“เจ้าสำนัก อย่างไรที่นี่…หากปล่อยหย่งเล่อจวิ้นจู่วิ่งหนีออกไปเกรงว่า…”
กงอวี้เฉินเลิกคิ้วน้อยๆ “เอ่ย “ช้าก่อน เจ้าบอกว่าทั้งสองคนหนีออกไปด้วยกันอย่างนั้นหรือ”
องครักษ์พยักหน้า “คนหนึ่งอุ้มอีกคนออกไปขอรับ” ตอนนั้นควันขโมง ทั้งยังมืด ความจริงพวกเขาดูไม่ออกว่าเป็นจวินหนานเยี่ยนที่พาเยาเยาออกไปหรือเยาเยาที่พาจวินหนานเยี่ยนออกไป
กงอวี้เฉินลูบปลายคางเงียบอยู่ชั่วครู่ “เอาเด็กนั่นไปด้วยคงไปได้ไม่ไกล ให้คนขวางเอาไว้ก่อนที่นางจะลงเขาก็พอ ที่นี่อยู่ต่อไม่ได้แล้ว” ไฟลุกไหม้บ้านบนเขา ไม่นานจวนรัชทายาทก็จะพบถึงความไม่ปกติ
“ขอรับ เจ้าสำนัก”
เยาเยาซ่อนตัวอยู่นอกเรือนเล็ก เห็นกงอวี้เฉินพาคนลงเขาไป จึงพ่นลมหายใจออกมา กงอวี้เฉินคงวางกำลังคนอยู่ด้านล่างภูเขาไม่น้อย หากลงไปคงพาตัวเองไปติดกับดัก นางไม่ได้โง่เสียหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น จวินหนานเยี่ยนยังอยู่ที่นี่ ที่แห่งนี้ไม่มีน้ำ กงอวี้เฉินก็ไม่ได้ให้คนดับไฟ แม้ไม่ถึงขั้นไฟคอกแต่อยู่นานไปคงไม่ดี กงอวี้เฉินพาคนกลับมาจะยิ่งแย่แล้ว
เมื่อคิดว่ากงอวี้เฉินคงไปไกลแล้ว เยาเยาจึงลอยกลับเข้าไปในเรือนอีกครั้ง ตามหาที่ซ่อนของจวินหนานเยี่ยนได้อย่างคุ้นทาง ห่างกับห้องที่ไฟไหม้เพียงกำแพงกั้นเท่านั้น แม้จวินหนานเยี่ยนจะไม่มีแรง แต่เดินไม่กี่ก้าวยังไม่เป็นปัญหา ตอนที่เยาเยาจุดไฟได้เลือกตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว นางล่อคนออกไปแล้ว จวินหนานเยี่ยนจำต้องออกมาตามประตูที่นางพุ่งชนเปิดออกเข้าไปในอีกห้องหนึ่งก็เท่านั้น ส่วนควันนั่น ความจริงดูเหมือนรุนแรงเท่านั้น คิดจะเผาทั้งหลังไม่ง่ายเพียงนั้น
“จวินหนานเยี่ยน เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่” เยาเยาประคองจวินหนานเยี่ยนขึ้นเอ่ยถามเสียงเบา
จวินหนานเยี่ยนส่ายศีรษะ เอ่ย “ไยจึงเร็วเพียงนี้”
เยาเยาเอ่ย “พวกเขาไปแล้ว ที่นี่ข้าคุ้นเคย พวกเราลงไปทางด้านหลังคงไม่ปะทะเข้ากับกงอวี้เฉิน”
“ไม่ได้ เจ้ารีบไป บนร่างกายของเจ้า…”
“ไม่ต้องห่วง” เยาเยายิ้มให้เขา ยื่นแขนออกไปเขย่ากำไลข้อมือสีเงินบนแขน “มีสิ่งนี้ กงอวี้เฉินตามข้าไม่ได้ สิ่งนี้ท่านลุงเสียนเกอให้ข้ามา”
จวินหนานเยี่ยนจึงวางใจ พยักหน้าพลางเอ่ย “เจ้าช่วยข้าหาพื้นที่ปลอดภัย จากนั้นลงเขาไปตามคนเถิด”
เยาเยาพยักหน้า “วางใจ ข้ารู้ว่าที่ไหนพอจะซ่อนคนได้”
นางประคองจวินหนานเยี่ยนขึ้นมา ทั้งสองเดินออกไปทางด้านหลังเรือน เพียงแต่เพิ่งเดินออกจากประตูไปก็เห็นร่างหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกหนาวขึ้นมา
“เด็กน้อย ฉลาดนักนะ น่าเสียดาย…ยังไม่เพียงพอ” กงอวี้เฉินเอ่ย
เยาเยาเลิกคิ้วก่อนจะยิ้ม “อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นเจ้าลองนี่ดูเป็นอย่างไร” มือข้างหนึ่งประคองจวินหนานเยี่ยน มืออีกข้างยิงก้อนสีแดงออกจากแขนเสื้อ ยิงตรงไปยังตำแหน่งที่กงอวี้เฉินอยู่ ก้อนสีแดงร่วงลงบนพื้นพลันมีควันสีม่วงกระจายออกมา ชั่วพริบตาควันสีม่วงพลันกระจายไปทั่วล้อมกงอวี้เฉินเอาไว้
กงอวี้เฉินหรี่ตา ลอยตัวพุ่งเข้าหาเยาเยา เยาเยาปล่อยจวินหนานเยี่ยน พลิกมือไปชักกระบี่สั้นออกมา พุ่งเข้าหากงอวี้เฉินโดยไม่รังเล กงอวี้เฉินมองเห็นได้อย่างชัดเจนไม่เพียงแสงสีเขียวจางๆ บนตัวกระบี่ ยามนี้ยังมีควันจางๆ อยู่ รีบเบี่ยงตัวหลบ เยาเยาพุ่งตัวไปด้านหน้าพร้อมกับวาดกระบี่ออกไป
กงอวี้เฉินเหยียบลงพื้น ควันสีม่วงบนพื้นลอยฟุ้งตรงหน้าเขา ควันสีม่วงนั้นไม่มีกลิ่นพิเศษ แต่กงอวี้เฉินกลับรู้สึกถึงกำลังภายในที่พลุ่งพล่านปะทะกันอยู่ข้างใน รีบหยุดใช้กำลังภายในทันที
เยาเยาเองก็ไม่ตามมา ถือกระบี่มองกงอวี้เฉินด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “หากหนีไปอย่างนี้ จวิ้นจู่ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน”
กงอวี้เฉินเอ่ย “ไม่คิดว่าเจ้าจะมีวิธีนี้ ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไปแล้ว”
เยาเยาสั่นกำไลแขนของตน กำไลหยกกำไลเงินเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง ปกติดูไม่ออก แต่เมื่อตกอยู่ในอันตรายสิ่งเหล่านี้คืออาวุธร้ายแรง “เจ้าลืมแล้วหรือมารดาข้าเป็นใคร ท่านลุงของข้าเป็นใคร”
“คุณชายเสียนเกอ” กงอวี้เฉินที่เคยเพลี่ยงพล้ำเสียเปรียบต่อคุณชายเสียนเกอกัดฟันเอ่ย
เยาเยาโบกมืออย่างสนุกสนาน ประคองจวินหนานเยี่ยนเดินตรงออกไป
“เจ้าคิดว่าเจ้าพาคนไปด้วยจะลงเขาไปได้หรือ” ด้านหลังกงอวี้เฉินเอ่ยขึ้น
เยาเยาหันกลับมา “ข้าไม่เชื่อว่าคนมากมายที่เจ้าพามาจะปิดได้ทั้งหน้าเขาหลังเขา เพียงไม่กี่คนจวิ้นจู่ข้ายังพอรับมือได้ ไม่ต้องให้เจ้ามาเป็นห่วง รอท่านพ่อข้ามา ค่อยสั่งสอนเจ้าให้ดี”
“ข้าจะรอแล้วกัน” กงอวี้เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
รอเยาเยาและจวินหนานเยี่ยนลงเขา พอดีกับเซียวจิ่งเสากำลังพาคนขึ้นมาบนเขา มองเห็นทั้งสองจึงพ่นลมหายใจออกมา “เยาเยา”
“พี่ชาย” เยาเยาเอ่ยเรียกด้วยความดีใจ
เซียวจิ่งเสารู้สึกซาบซึ้ง นานแล้วที่เยาเยาไม่ได้เรียกเขาว่าพี่ชาย
“พี่ชาย พี่อาเจี้ยวเล่า”
“…” หวงจั่งซุนแสดงออกว่าตนไม่อยากเอ่ยปาก “ศิษย์พี่พาคนขึ้นไปด้านหน้าภูเขา ข้าอ้อมมาทางด้านหลัง คลาดกันไปหนึ่งก้าว พวกเจ้าลงมาได้เยี่ยงไร”
สีหน้าเยาเยาพลันเปลี่ยน “เจ้าบอกว่าพี่อาเจี้ยวขึ้นเขาไปแล้วอย่างนั้นหรือ”
เซียวจิ่งเสาเอ่ย “ไม่ต้องห่วง พาคนไปด้วย”
เยาเยากระทืบเท้าเร่า “คนที่อยู่บนเขาคือกงอวี้เฉิน พาคนไปด้วยแล้วจะมีประโยชน์อันใด”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเซียวจิ่งเสาจึงเปลี่ยนไปทันใด กงอวี้เฉินผู้นี้แม้ยังไม่เคยเห็นแต่ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว ตอนนั้นเยาเยายังถูกเขาจับตัวไปช่วงหนึ่ง ทิ้งเงามืดเกาะกุมลึกลงไปภายในจิตใจของนาง ที่สำคัญก็คือได้ยินว่าวรยุทธ์ของคนผู้นี้ร้ายกาจมาก
เยาเยาเอ่ยอย่างร้อนใจ “พวกเจ้าดูแลจวินหนานเยี่ยนให้ดี ข้าจะไปตามหาพี่อาเจี้ยว” เอ่ยจบพลันหมุนตัววิ่งกลับไปทางเดิม ไม่มีคนคอยถ่วง ใช้พลังตัวเบาได้อย่างเต็มที่ชั่วพริบตาทันได้เห็นเพียงเงาเล็กๆ
“นี่…เจ้าเด็กคนนี้ ดูแลคุณชายจวินให้ดี คนอื่นๆ ตามข้ามา” เซียวจิ่งเสาถอนหายใจ หันไปออกคำสั่ง
เรือนหลังเล็กบนเขา กงอวี้เฉินอารมณ์ไม่ดีทว่ามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลวนี่ หนีไปหนึ่งคนก็มาอีกหนึ่งคน ข้าไม่เสียเปรียบสักนิด”
“กงอวี้เฉิน” ซังเจี้ยวเอ่ย
กงอวี้เฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เจ้ายังจำข้าได้หรือ”
ซังเจี้ยวมองไปรอบๆ เอ่ย “เยาเยาไปแล้วหรือ”
“น่าเสียดาย เจ้าคงหนีไม่รอด”
ซังเจี้ยวไม่สนใจว่าตนเองจะหนีได้หรือไม่ พ่นลมหายใจออกมา
กงอวี้เฉินเอ่ย “เด็กน้อย เจ้าคิดจะแย่งลูกศิษย์กับข้าหรือ หากข้าสังหารเจ้าตอนนี้…ก็จะไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่” ซังเจี้ยวขมวดคิ้วเล็กน้อยทว่าเข้าใจความหมายของกงอวี้เฉิน ไม่ว่าจะสิบปีก่อนหรือสิบปีข้างหน้า กงอวี้เฉินไม่มีใจคิดร้ายต่อเยาเยาอย่างแท้จริง
ซังเจี้ยวเองไม่เอ่ยมาก ชักกระบี่ออกมา เผชิญหน้ากับคนอย่างกงอวี้เฉิน คิดอยากล่าถอยกลับไปโดยไม่เป็นอันใดย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
กงอวี้เฉินพยักหน้า เอ่ยชื่นชม “มีความกล้า ไม่เลว ให้ข้าได้รู้สักหน่อยว่าลูกศิษย์ของหนานกงมั่วมีความสามารถเพียงใด”
“เชิญท่านกงชี้แนะ” ซังเจี้ยวเอ่ยเสียงเรียบ