ตอนที่ 485 – ปราณมารเปลี่ยนไป
“พูดเถอะ สรุปว่าพวกท่านคิดจะทำอย่างไร” อาจารย์เต๋าหยวนมู่สูดลมหายใจลึก สุดท้ายถามอย่างสงบนิ่ง
โม่เทียนเกอกับฉินซีสบตากัน ฉินซีเอ่ยว่า “พวกเราก็ไม่ได้คิดจะทำอย่างไร”
“ก็ได้” ในฐานะผู้ดูแลสูงสุดของสำนักจิ่วเยี่ยน อาจารย์เต๋าหยวนมู่หลังจากมีการตัดสินใจแล้วไม่ชักช้าสักนิด เอ่ยอย่างสุขุมว่า “พวกท่านออกจากวังใต้ดินนี้ไปเร็ว ๆ จากนี้ไม่เกี่ยวข้องกันอีก”
เมื่อได้ยินวาจานี้ โม่เทียนเกอบิดมุมปาก กำลังจะพูดอะไร กลับได้ยินจิ่งสิงจื่อเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “สหายเต๋าช่างดีดลูกคิดรางแก้วนัก พวกท่านได้อาวุธเวทสื่อวิญญาณ พวกเราจากไปอย่างว่าง่าย คำนวณอย่างไรล้วนเป็นพวกเราเสียหาย!”
“เด็กน้อย อย่าได้คืบจะเอาศอก” อาจารย์เต๋าหยวนมู่มองจิ่งสิงจื่อขัดตาเป็นพิเศษ “พวกข้าไม่หยิบสมบัตินี้ อย่างมากที่สุดก็กลับไปมือเปล่า หากท่านยังต่อล้อต่อเถียง เช่นนั้นก็คือชีวิตน้อย ๆ ยากรักษา!”
“ฮา ๆ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายถึงอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย ช่างอหังการ์แท้!” วาจานี้พูดได้ไม่ผิดเลย แต่น้ำเสียงและสีหน้าของจิ่งสิงจื่อดูอย่างไรก็เหมือนเสียดสี
แต่ว่า อาจารย์เต๋าหยวนมู่ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกตนใหญ่คนหนึ่ง สภาวะจิตใจฝึกฝนมาเป็นพิเศษ ไม่แยแสเขาอย่างสิ้นเชิง มองไปทางโม่เทียนเกอและฉินซี “ทั้งสองท่านคิดเห็นเช่นไร”
“ได้” ฉินซีมองโม่เทียนเกอแล้วก็ตอบรับตรง ๆ “พวกข้าสามคนไปจากวังใต้ดิน ถึงเวลาย่อมจะปล่อยผู้เยาว์คนนี้กลับมา” เห็นอาจารย์เต๋าหยวนมู่เลิกคิ้ว เขาชิงเอ่ยก่อนว่า “หากสหายเต๋าทั้งสองไม่เชื่อถือพวกเรา เช่นนั้นก็ตบมือแยกทาง อย่างมากพวกข้าทิ้งร่างไว้ที่นี่ พวกท่านก็ไม่ต้องคิดถึงคันศรแห่งหงส์เพลิงอะไรแล้ว”
“……” อาจารย์เต๋าหยวนมู่ไม่พูดไม่จาไปครู่หนึ่ง มองพวกเขาสามคน ล้วนสีหน้าเมินเฉย ในใจลอบขบฟันด้วยความแค้น!
สามคนนี้ล้วนเป็นผู้เยาว์อายุน้อย แต่กระทำเรื่องราวได้อันธพาลถึงเพียงนี้ เทียบได้กับลาเฒ่าหม่าจิ้งจอกเฒ่าที่คลุกคลีอยู่ในโลกฝึกเซียนนับพันปีเลย อันที่จริงในใจเขาทราบกระจ่างว่านี่เป็นการเอาชนะด้านจิตวิทยาของทั้งสองฝ่าย พวกเขายินยอมสละชีวิตของตนเองจริง ๆ หรือ เกรงว่าไม่แน่นัก แต่พวกเขากล้าเดิมพัน กำลังขวัญเช่นนี้เพิ่มไพ่ต่อรองสู่ชัยชนะให้พวกเขาแล้ว
ส่วนตัวเขาเองเล่า เปิดมิติแห่งนี้ครั้งนี้ จิตสัมผัสบนวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าเสื่อมสลายไปมากมายแล้ว หรือก็คือ พวกมันไม่อาจดำเนินการยอมรับนายครั้งถัดไปได้อีก แล้วก็ไม่ได้เป็นกุญแจของมิติแห่งนี้อีก นอกเสียจากพวกเขาเป็นอย่างห้าปราชญ์ เสาะพบวิธีการเปิดมิติแห่งนี้เช่นกัน แต่เวลาที่วังเซียนเปิดเหลืออยู่เพียงวันนี้วันสุดท้าย ไม่ทันกาลแล้ว ไม่มีวิธีการเปิดมิติ พวกเขาได้แต่ไปจากวังเซียนก่อนที่สามวันจะสิ้นสุด และไม่อาจเข้ามาอีก ในสถานการณ์ประเภทนี้ พวกเขาพลาดครั้งนี้ไป ก็จะสูญเสียโอกาสได้คันศรแห่งหงส์เพลิงไปตลอดกาล
คันศรแห่งหงส์เพลิง เพื่อสิ่งนี้ สำนักจิ่วเยี่ยนแสนปีมานี้ ทุก ๆ รุ่นล้วนจะเลือกศิษย์ที่เหมาะสมมาฝึกฝนศาสตร์น้ำแข็งอัคคีชุดนี้ เตรียมพร้อมเพื่อมิติทะเลกุยสวีที่อาจจะเปิดขึ้นได้ทุกเมื่อ จวบจนปัจจุบันก็เกินร้อยรุ่นแล้ว เป้าหมายที่ยึดมั่นมาร้อยรุ่น จู่ ๆ ที่รุ่นเขานี่มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุแล้ว จะตกม้าตายตอนจบได้อย่างไร หากเป็นเช่นนี้ เขาต้องขอโทษบรรพจารย์ แล้วก็ขอโทษรุ่นก่อนที่สืบต่อกันมา!
คิดถึงตรงนี้ อาจารย์เต๋าหยวนมู่จู่ ๆ มีความรู้สึกเหนื่อยล้าชนิดหนึ่ง เขากราบเข้าสำนักจิ่วเยี่ยนแต่เล็ก เพราะว่าพรสวรรค์อันน่าทึ่งจึงถูกผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่รับเป็นศิษย์เข้าสำนัก เวลาหลายร้อยปี จากศิษย์เข้าสำนักถึงศิษย์เข้าคณะ ไปจนถึงศิษย์สายตรง สุดท้ายผูกจิตวิญญาณใหม่สำเร็จ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อาวุโสสูงสุด ราบรื่นมาโดยตลอด อายุห้าร้อยปี เลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย สร้างความตกตะลึงให้อวิ๋นจง กลายเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักจิ่วเยี่ยน สี่ร้อยปีนับแต่นั้น ว่าคำไหนคำนั้น ตำแหน่งสูงอำนาจมาก
แต่ว่า ภายใต้ความรุ่งโรจน์ที่ใคร ๆ อิจฉา ยังมีภาระที่คนอื่นมองไม่เห็น สี่ร้อยปีมานี้ เพื่อสำนักจิ่วเยี่ยน เขาวางแผนไปทั่ว วิตกทุกข์ร้อนอยู่เสมอ อันที่จริง ถึงตอนนี้เขายังอายุไม่ถึงพันปีด้วยซ้ำ สำหรับผู้ฝึกตนใหญ่จิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายคนหนึ่ง กำลังเป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่เขากลับมีความรู้สึกว่าตนเองชราแล้วชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะการชิงดีชิงเด่นกับรุ่นเยาว์หลายคนนี้ ถึงขนาดทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายใจ จู่ ๆ อยากจะสลัดทิ้งเรื่องเหล่านี้ไปทั้งหมดมาก ย้อนกลับไปยังวันเวลาที่กักตนฝึกหนัก
อาจารย์เต๋าหยวนมู่ถอนหายใจแผ่วเบา โบกมือ เอ่ยว่า “ให้เวลาพวกท่านหนึ่งก้านธูป หลังจากหนึ่งก้านธูป ข้ากับเถี่ยเมี่ยนซือเกอจะไล่ตามรอยไป แต่หวังว่าพวกท่านจะรักษาสัตย์ ก่อนที่ออกไปปล่อยเด็กคนนี้มา”
น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งมาก เรียบนิ่งจนอ่อนล้าอยู่บ้าง เหมือนกับไม่อยากจะยุ่งกับพวกเขาอีก นี่ทำให้พวกโม่เทียนเกอสามคนล้วนประหลาดใจอยู่บ้าง
แต่ว่า ในเมื่ออาจารย์เต๋าหยวนมู่ตกลงแล้ว วัตถุประสงค์ของพวกเขาก็บรรลุแล้ว ฉินซีขยิบตา ให้จิ่งสิงจื่อพาหลิงอวิ๋นเฮ่อออกไปก่อน หลังจากนั้นกุมมืออำลาผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายทั้งสอง ตามหลังไปติด ๆ กับโม่เทียนเกอ
พวกเขาออกจากตำหนักใหญ่ อาจารย์เต๋าหยวนมู่รักษาสัญญาจริง ๆ ไม่ได้ตามมากับอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนเลย
“สหายเต๋าหลิง ผิดต่อท่านแล้ว” เมื่อออกจากตำหนักใหญ่ โม่เทียนเกอเอ่ยกับหลิงอวิ๋นเฮ่ออย่างขออภัยอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้นางลำพังคนเดียว ถูกสามสำนักใหญ่รังแก หลิงอวิ๋นเฮ่อปฏิบัติต่อนางไม่เลวมาโดยตลอด น้ำใจนี้ นางยังจดจำได้
หลิงอวิ๋นเฮ่อส่ายหน้า สีหน้าสงบนิ่ง “เราท่านจุดยืนไม่เหมือนกัน สหายเต๋าโม่ไม่ต้องเก็บใส่ใจ” ประโยคนี้ โม่เทียนเกอเคยพูดกับเขา ตอนนั้นให้อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า ตนเองจะมีวันที่ได้พูดประโยคนี้ออกมา พูดได้แต่ว่า เรื่องราวในโลกไร้ความแน่นอน ระหว่างพวกเขาไร้วาสนา แม้แต่โอกาสอยู่ร่วมกันอย่างสันติยังไม่มี
โม่เทียนเกอถอนหายใจเบา ๆ คำหนึ่ง ไม่พูดมากอีก
“ไปเร็วเถอะ” จิ่งสิงจื่อเอ่ย “เวลาหนึ่งก้านธูปจะพอให้พวกเราออกไปจากวังใต้ดินหรือไม่”
“น่าจะพอ” ทางเข้าออกมีเพียงโม่เทียนเกอที่รู้ ย่อมเป็นนางที่เอ่ยตอบ “ถ้าหากโชคของพวกเราไม่เลวร้ายเกินไป พบเจอกับสิ่งมีชีวิตมารฝูงใหญ่กลางทาง”
พวกเขาลงวังใต้ดิน สาเหตุที่เสียเวลานานขนาดนั้นจึงเสาะพบตำหนักใหญ่เป็นเพราะว่าพบกับสิ่งมีชีวิตมารฝูงใหญ่ ถ่วงเวลาไปนานมาก
จิ่งสิงจื่อพยักหน้า ไม่พูดอีก
เวลาไม่มาก กลุ่มสี่คนบินหลบหนีเต็มกำลัง โม่เทียนเกอลมหายใจวิญญาณไม่เสถียร ให้ฉินซีพาไป จิ่งสิงจื่อจับหลิงอวิ๋นเฮ่อเป็นตัวประกัน
ทั้งสี่คนเพิ่งจะผ่านทางศิลาเส้นหนึ่ง จู่ ๆ ฉินซียืนนิ่ง “เกิดอะไรขึ้น”
“ทำไมหรือ” โม่เทียนเกอถามก่อน
“เจ้าสัมผัสรอบด้านดู”
ถัดจากนั้น สีหน้าของทั้งสี่คนล้วนเปลี่ยนไป
ในศาลเจ้าวังใต้ดินแห่งนี้เต็มไปด้วยปราณมาร แม้แต่สถานที่ที่ปราณมารค่อนข้างอ่อนก็สามารถสัมผัสได้ถึงปราณมารและพลังวิญญาณปะปนกันอย่างสับสน แต่ ณ ขณะนี้ สัมผัสอันสับสนชนิดนี้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว
“ปราณมาร……” หลิงอวิ๋นเฮ่อพลั้งปากออกมา ชี้ไปที่มุมผนัง ที่นั่นมีปราณมารที่อ่อนจางมากหนึ่งก้อน ขณะนี้กำลังสูญเสียสีสันไปอย่างช้า ๆ
หลังจากนั้น ทุกคนเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าปราณมารรอบด้านล้วนกำลังเลือนหายไปอย่างช้า ๆ — หรือพูดได้ว่า ปราณมารเหล่านี้กำลังพุ่งไปยังทิศทางหนึ่ง!
นางเงยหน้ามองฉินซีแวบหนึ่ง ในแววตาของทั้งสองคนล้วนมีแววตกตะลึง!
พวกเขาล้วนทราบว่า ในศาลเจ้าแห่งนี้มีศิลาจารึกปีศาจแรกเริ่มหนึ่งหลัก ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มพวกนี้มากจากศิลาจารึกหลักนี้ ตอนนี้ปราณมารปรากฏความผิดปกติ เป็นไปได้มากว่าเป็นศิลาจารึกเกิดปัญหาแล้ว! ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มมีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดไหน พวกเขาทราบดี ศิลาจารึกนี้เกิดปัญหาขึ้น จะมีผลตามหลังที่ร้ายแรงอะไรหรือไม่
“ไม่ดี!” ฉินซีตะโกนอย่างกะทันหัน ดึงโม่เทียนเกอ กลับหลังหันออกวิ่ง “พวกเรากลับไป!”
ตอนที่เพิ่งได้ยิน จิ่งสิงจื่อยังรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก พริบตาถัดมา สีหน้าก็เปลี่ยนไป ดึงหลิงอวิ๋นเฮ่อตามหลังฉินซีไปติด ๆ วิ่งอย่างบ้าคลั่งไปทางตำหนักใหญ่เช่นกัน
สิ่งมีชีวิตมาร! ตอนที่พวกเขาเพิ่งจะวิ่งกลับตำหนักใหญ่ คลื่นที่ก่อตัวจากสิ่งมีชีวิตมารนับไม่ถ้วนถาโถมไปทางที่ปราณมารหายลับไป
กลับไปซ่อนตัวยังตำหนักใหญ่ทันเวลา หลบเลี่ยงคลื่นสิ่งมีชีวิตมารไปได้ ทั้งสี่คนล้วนสีหน้าหวาดผวา
สิ่งมีชีวิตมารเหล่านี้ระดับการฝึกตนล้วนไม่ได้สูงมาก ไม่ได้ไปถึงระดับจิตวิญญาณใหม่เลย แต่ว่า อัดแน่นมากมาย จำนวนไม่หมดไม่สิ้น แม้แต่ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายก็ไม่อาจมองข้าม ถ้าหากพวกเขาซ่อนตัวช้าไปหน่อย ประจันหน้ากับสิ่งมีชีวิตมารเหล่านี้โดยตรง เช่นนั้นผลลัพธ์……
“พวกท่าน –” อาจารย์เต๋าหยวนมู่เพียงพูดได้สองคำก็เห็นสิ่งมีชีวิตมารที่วิ่งอย่างบ้าคลั่งจากทางศิลาข้างตำหนักใหญ่ สีหน้าแข็งค้าง “นี่คือ……”
เขากับอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนรั้งอยู่ในตำหนักใหญ่ ในตำหนักใหญ่ ลมหายใจแห่งหงส์เพลิงเข้มข้น ปราณมารพวกนั้นไม่อาจรุกล้ำ เป็นเหตุให้สิ่งมีชีวิตมารก็หลีกเลี่ยง จึงมิได้ค้นพบความเปลี่ยนแปลงภายนอก
ขณะนี้เห็นฉากที่สิ่งมีชีวิตมารมากขนาดนี้ถาโถมวิ่งอย่างบ้าคลั่ง จึงขยายจิตหยั่งรู้ขึ้นอีก และทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” อาจารย์เต๋าหยวนมู่พึมพำกับตนเอง ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ทำให้เขาไม่มีแก่ใจไปถกเถียงเรื่องที่พวกโม่เทียนเกอหันกลับมา ทว่ามองไปทางอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยน “เถี่ยเมี่ยนซือเกอ นี่……”
“ปราณมาร……เป็นศิลาจารึก!”ภายใต้หน้ากากเหล็กดำ น้ำเสียงของอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนประหลาดใจและเคร่งเครียด “หรือว่าเป็นตาเฒ่ากุ่ยฟางคนนั้น”
การหายตัวไปของประมุขมารกุ่ยฟางศิษย์อาจารย์ โม่เทียนเกอยังรู้สึกว่าแปลกประหลาด ยิ่งอย่าว่าแต่อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนที่คุ้นเคยกับกุ่ยฟางยิ่งกว่า ในด้านอายุ เขาสูงวัยกว่าอาจารย์เต๋าหยวนมู่มาก เกือบจะสองพันปีแล้ว นอกจากเรื่องใหญ่ประเภทสถานที่ลับทะเลกุยสวีนี้ ในยามปกติล้วนปิดเรือนสงบจิต รอนั่งละสังขาร ที่อวิ๋นจง ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายที่อายุใกล้เคียงเขาที่สุดก็คือประมุขมารกุ่ยฟาง พวกเขาสองคนล้วนมีอายุขัยเหลือเพียงร้อยปี ถึงแม้จะใช้วิธีการยืดอายุทุกอย่างก็ไม่เกินห้าร้อยปี
วัยใกล้เคียงกันเยี่ยงนี้ ถึงแม้ว่าทั้งสองคนมิใช่สหาย แต่ก็มีความเข้าใจมากกว่าคนอื่นอยู่หนึ่งส่วน ด้วยความสามารถของประมุขมารกุ่ยฟาง อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเขาจะสิ้นชีพระหว่างกระบวนการเสาะหาป้ายคำสั่ง แต่สรุปว่าเขาไปที่ไหน พวกเขาไม่อาจคาดเดา
ตอนนี้ ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มในศาลเจ้าเกิดความเปลี่ยนแปลงผิดปกติ สิ่งมีชีวิตมารจำนวนมากเกิดการวิ่งกรูไปรวมตัวในสถานที่แห่งหนึ่ง อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนย่อมคิดถึงประมุขมารกุ่ยฟางที่หายตัวไปเป็นธรรมดา หรือว่าตาเฒ่านี้ก็ปกปิดเป้าหมายแท้จริงเอาไว้ ลอบเข้าวังใต้ดิน เสาะหาศิลาจารึกปีศาจแรกเริ่มหลักนี้? นี่มิใช่เป็นไปไม่ได้ ลมปราณอสูรวิญญาณบนคันศรแห่งหงส์เพลิงเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกมารไม่อาจบังคับควบคุม ส่วนมหาเวทปีศาจแรกเริ่มเป็นสมบัติขั้นสูงสุดของผู้ฝึกมาร!
น่าเสียดายที่ในศาลเจ้านี้ ลมปราณปะปน แม้แต่พวกเขาผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายเหล่านี้ จิตสัมผัสก็ไม่อาจแผ่ขยายอย่างราบรื่น ตรวจสอบสถานการณ์ในที่ห่างไกลไม่ได้
ความเปลี่ยนแปลงอันผิดปกติที่มาอย่างกะทันหันนี้บังคับให้คนทั้งสี่ที่เพิ่งจะจากไปกลับมาที่ตำหนักใหญ่ และผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายทั้งสองก็ไม่มีแก่ใจจะไปถกเถียงเรื่องข้อตกลงก่อนหน้านี้ —
สมมติว่าเรื่องเป็นอย่างที่พวกเขาคาดเดาจริง ๆ สถานการณ์นี้ก็จะซับซ้อนแล้ว
ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มมากขนาดนี้ ถ้าหากถูกประมุขมารกุ่ยฟางดูดซับ เช่นนั้น เขาจะต้องมีความแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้นมาก ไม่แน่ว่าจะสามารถอาศัยเรื่องนี้มาพุ่งทะลวงระดับแปลงเทพ คันศรแห่งหงส์เพลิงสำหรับเขาถึงจะไม่มีประโยชน์ แต่อาวุธเวทสื่อวิญญาณที่ทรงพลังยิ่งใหญ่ขนาดนี้และเป็นไปได้ว่าจะคุกคามถึงเขา เขาจะให้มันคงอยู่ได้อย่างไร
เทียบกับเรื่องนี้ เรื่องของผู้เยาว์สามคนนี้สามารถเพิกเฉยไม่เอ่ยถึงได้อย่างง่ายได้
……………….
แจ้งเปลี่ยนคำแปลจากผู้อาวุโสไท่ซ่างเป็นผู้อาวุโสสูงสุดค่ะ
ตอนที่ 486 – หยิบ
MANGA DISCUSSION