ตอนที่ 484 – ศาสตร์น้ำแข็งอัคคี
เรื่องราวจ่ออยู่ตรงหน้าแล้ว ปีนั้น ห้าปราชญ์ไม่ได้หยิบคันศรแห่งหงส์เพลิงไป กุยเจินเต้าเสิ้งถ่ายทอดความลับนี้แก่คนรุ่นหลัง อีกทั้งเสาะพบวิธีการแก้ปัญหาแล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่นาน วัตถุศักดิ์สิทธิ์ห้าชิ้นทยอยปรากฏบนโลก สำนักจิ่วเยี่ยนจึงเริ่มดำเนินการ รวมสำนักต่าง ๆ รวบรวมวัตถุศักดิ์สิทธิ์ห้าชิ้น เข้าสู่มิติเร้นลับทะเลกุยสวี แสวงหาคันศรแห่งหงส์เพลิงซึ่งบูชาอยู่ในศาลเจ้าหงส์เพลิงใต้วังเซียน
ส่วนก่อนหน้านี้ ศาลาเก็บคัมภีร์เอย ห้องคลังอะไรเอย อันที่จริงล้วนเป็นการปิดหูปิดตาผู้คน วาสนาที่สำนักจิ่วเยี่ยวแสวงหาจริง ๆ ไม่ใช่ที่นี่เลย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกออดรู้สึกทอดถอนมิได้ ผู้ฝึกตนเหล่านี้ของสำนักจิ่วเยี่ยนช่างมีอุบายลึกซึ้งจริง ๆ ก่อนหน้านี้ไม่ปริปากสักนิด ทำอย่างคนอื่น ๆ จงใจถูกนางถ่วงรั้ง ทว่าในความเป็นจริงวางแผนไว้แต่แรกแล้วว่าจะไปเอาคันศรแห่งหงส์เพลิงในวันสุดท้าย
โลกฝึกเซียนของทุกวันนี้ไม่เคยได้ยินเลยว่ามีอาวุธเวทสื่อวิญญาณของแท้อยู่ สมบัติประจำสำนักซึ่งผู้ฝึกตนระดับชั้นสูงสุดของยุคโบราณกาลใช้ซากสังขารของหงส์เพลิงหนึ่งในห้าวิญญาณสร้างขึ้น หากสำนักจิ่วเยี่ยนได้รับสิ่งนี้จะต้องกลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งในใต้หล้าเป็นแน่!
นางอดคิดไม่ได้ว่า เช่นนั้นคนอื่นเล่า? ฮุยอินต้าซือ, โจวฟูจื่อ, จอมมารเทียนเย่าก็ถ่ายทอดความลับนี้มาด้วยหรือไม่ หยางเฉิงจีไม่ได้เป็นผู้สืบทอดของจอมมารเทียนเย่า ความน่าจะเป็นที่จะทราบความลับนี้ไม่มาก แต่เจวี๋ยอู้และหานซื่อจือ……
หลังจากขบคิดชั่วขณะ โม่เทียนเกอตัดความเป็นไปได้นี้ไป พวกเขาลงวังใต้ดินจากห้องคลังใช้เวลาไปหลายชั่วยามแล้ว หากพุทธขงจื่อสองฝ่ายก็มีเป้าหมายเช่นนี้ด้วยก็น่าจะมาถึงแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องกลับจัดการยากแล้ว ไม่มีคนอื่นมาถ่วงดุล พวกเขากับสำนักจิ่วเยี่ยนตั้งประจันกันโดยตรงจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างอย่างไร้ข้อกังขาสักนิด และอีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อถือพวกเขา อยากจะกำจัดเภทภัยภายหลัง
คิดดูก็ใช่ ต่อหน้าสมบัติสำคัญเช่นนี้ ใครจะกล้าเชื่อว่าพวกเขาไม่มีเจตนาชั่วร้าย ปล่อยให้พวกเขาจากไป?
คิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอแอบถอนหายใจอยู่ในใจ สมมติว่านางผูกจิตวิญญาณแล้ว อาศัยฝีมือของพวกเขาสามคน ถึงจะสู้ไม่ได้ การหนีน่าจะมิใช่ปัญหา แต่ว่า……
สายตาของนางตกลงบนตัวของหลิงอวิ๋นเฮ่อ ค้นพบว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อเผยรอยยิ้มจนใจให้กับนาง เรื่องมาถึงตอนนี้ ความเป็นศัตรูของพวกเขาเป็นสิ่งแน่นอนแล้ว
…………….
นางฉุกคิดในใจ ส่งสายตาให้ฉินซีและจิ่งสิงจื่อเงียบ ๆ
ดูท่าทางของอาจารย์เต๋าหยวนมู่และอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยน ในขั้นตอนที่พวกเขาออกมาจากห้องคลังลงมาถึงวังใต้ดินน่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร เช่นนั้น เพราะเหตุใดหลิงซื่ออวี่ที่อยู่ระดับจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางไม่มา ทว่าเป็นหลิงอวิ๋นเฮ่อมา? ถึงแม้ว่าหลิงซื่ออวี่จะได้รับบาดเจ็บ ความแข็งแกร่งลดลงมาก ก็มีประโยชน์กว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อที่อยู่ระดับก่อเกิดตานกระมัง?
เมื่อเห็นสายตาของนางกวาดไปที่หลิงอวิ๋นเฮ่อเสมือนไร้เจตนา ฉินซีกับจิ่งสิงจื่อเข้าใจทันที แต่ล้วนไม่ส่งเสียง
ในความเงียบ จู่ ๆ ได้ยินเสียงกระบี่อันแหลมคม จิ่งสิงจื่อชักกระบี่แล้วในพริบตา ความเคลื่อนไหวของเขาเร็วมาก ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ เขาเคยชินกับการโจมตีก่อน ตอนที่ได้ยินเสียงกระบี่ ในสามจ้างรอบตัวเขาถูกแสงกระบี่ห้อมล้อมเอาไว้แล้ว รังสีกระบี่นับไม่ถ้วนแทงใส่อาจารย์เต๋าหยวนมู่
อาจารย์เต๋าหยวนมู่ร้องหึเสียงเย็นคำหนึ่ง ยกมือขึ้น เจดีย์อันประณีตเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นในมือเขา ทันใดนั้นเจดีย์กลายเป็นใหญ่โตไร้ที่เปรียบ ภาพจำลองอันหนักอึ้งกดใส่รังสีกระบี่
รังสีกระบี่อันคมกริบไร้ที่เปรียบ ภายใต้การโบกมือตามสบายของอาจารย์เต๋าหยวนมู่เช่นนี้ ยากที่จะคืบหน้าไปอีกแม้แต่นิดเดียว
ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายถึงอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย ตลอดทางมานี้ อาจารย์เต๋าหยวนมู่ไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งที่กล้าแข็งจนเกินไปออกมาเลย แต่ตอนนี้ การโจมตีอย่างกะทันหันของจิ่งสิงจื่อก็ถูกเขาแก้ไขอย่างเบาสบายไปเช่นนี้แล้ว
พริบตาถัดมา กระบี่อัคนีสามพลังหยางของฉินซีโจมตีมาถึง เขาไม่ได้มีปราณกระบี่อันเข้มแข็งขนาดนั้น แต่ไฟแท้สามหยางบนตัวกระบี่บวกกับไฟแท้สุดหยางที่ยิงออกมาเป็นครั้งคราวทำให้อาจารย์เต๋าหยวนมู่ไม่กล้าดูเบา
สายอัคคีเป็นทักษะเวทที่ยอดเยี่ยด้านการทำลายล้างที่สุดเสมอมา แม้แต่ทักษะเวทสายอัสนีซึ่งตามทฤษฎีแล้วทรงพลังที่สุด เจาะทะลุการป้องกันของผู้ฝึกตนได้ง่ายที่สุด ในด้านพลังทำลายก็ไม่สู้สายอัคคี โดยเฉพาะไฟแท้สุดหยางทักษะลับของฉินซี แม้แต่ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มของเหมยเฟิงยังเผาไหม้ได้อย่างหมดจด ทราบได้ว่าทรงอำนาจขนาดไหน
ขณะนี้อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนลงมือแล้วในที่สุด โยนก้อนหินที่ไม่สะดุดสายตาสักนิดออกไปหนึ่งก้อน กลายเป็นหินจำนวนมากในพริบตา กองพูนอย่างแน่นหนา สกัดกั้นกระบี่อัคนีสามพลังหยาง แม้แต่ไฟแท้สุดหยางก็ถูกสกัดกั้นอยู่ข้างหน้าหินนี้
“แค่ก!” ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สี่คนอยู่ใกล้แค่เอื้อม แรงกดดันของการลงมือทำให้พลังวิญญาณในร่างโม่เทียนเกอพลุ่งพล่าน นางใช้ศาสตร์หลอมจิตวิญญาณจึงฝืนสะกดลงไปได้
หันหน้าไปมองหลิงอวิ๋นเฮ่อ เห็นเพียงว่าบนร่างเขาแปะเครื่องรางวิญญาณ กั้นความผันผวนของพลังวิญญาณไว้ภายนอก ไม่ได้รับผลกระทบเลย
หลังจากรังสีกระบี่ถูกปิดกั้น จิ่งสิงจื่อใช้ศาสตร์กระบี่อีกครั้ง กลับตั้งมั่นอยู่ที่อาจารย์เต๋าหยวนมู่ โจมตีเขาอย่างไม่สนสิ่งใด
อาจารย์เต๋าหยวนมู่เผยยิ้มเย็นที่มุมปาก ถึงแม้ว่าจะอยู่ระดับจิตวิญญาณใหม่เหมือนกัน แต่ความห่างชั้นของขั้นต้นและขั้นปลายใหญ่โตปานใด ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นต้นทั่วไป ถึงจะมาเจ็ดแปดคน เขายังไม่เห็นในสายตา โบกมือก็เข่นฆ่าได้แล้ว รุ่นเยาว์คนนี้ความสามารถไม่เลว อายุเยาว์วัยก็ผูกจิตวิญญาณใหม่สำเร็จ และยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ซึ่งความสามารถในวิชาต่อสู้แกร่งที่สุด จะต้องเห็นว่าตนเองสูงส่งยิ่ง ขณะนี้ประจันหน้ากันตรง ๆ รู้ความห่างชั้นของตนเองกับผู้ฝึกตนขั้นปลายแล้วกระมัง การกระทำเยี่ยงนี้ เห็นได้ชัดว่าคือโดนโจมตีจนหุนหันขึ้นมาแล้ว ผู้เยาว์ก็คือผู้เยาว์ ถึงจะเป็นระดับจิตวิญญาณใหม่เหมือนกับพวกเขา……
ไม่ถูก! พริบตาถัดมา อาจารย์เต๋าหยวนมู่ยั้งมือไม่ทัน เห็นกับตาว่ารังสีกระบี่ของจิ่งสิงจื่อพังทลายลงในการโจมตีครั้งเดียว คนกลับวูบหาย ปรากฏตัวห่างออกไปหลายสิบจ้างอย่างปุบปับ อยู่ด้านหลังของพวกเขา!
“สหายเต๋า ขอยืมชีวิตมาใช้หน่อยนะ” จิ่งสิงจื่อมุมปากแต้มรอยยิ้ม ดวงตาดอกท้อโค้งลง ปราณกระบี่กลายเป็นก้อน ครอบคลุมไปบนร่างของหลิงอวิ๋นเฮ่อแล้ว
“ท่าน –” ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ อาจารย์เต๋าหยวนมู่และอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนล้วนรับมือช้าไป ฉินซีฉวยจังหวะนี้ถอนตัวออกไปอย่างทันท่วงที
ต่อจากนั้น สีหน้าของอาจารย์เต๋าหยวนมู่เปลี่ยนเป็นซีดเซียว!
เขากับอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนมิใช่ไม่ให้ความสนใจหลิงอวิ๋นเฮ่อ แต่พวกเขาล้วนคิดไม่ถึงว่าเด็กที่มีเพียงระดับการฝึกตนขั้นต้นคนนี้ถึงกับกล้าใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาต่อหน้าต่อตาผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย!
ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตามิใช่ทักษะหายตัว มันต้องทะลุผ่านระยะห่างสองจุดเหมือนกัน พูดอีกแบบหนึ่ง ตอนที่ร่ายทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาจะเหมือนกับเวลาหยุดเดิน จากจุดหนึ่งไปที่อีกจุดหนึ่ง ดังนั้น ถึงจะเคลื่อนย้ายพริบตาก็หลบหลีกสิ่งของที่อยู่ระหว่างสองจุดไม่ได้
เมื่อครู่นี้ พวกเขาผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สี่คนกำลังลงมือในตำหนักใหญ่ พลังวิญญาณเต็มไปหมด ความผันผวนรุนแรง หากมีคนบุกไปตรงกลางอย่างหุนหันพลันแล่น ถ้าโชคดีก็อาจจะได้รับบาดเจ็บ แต่หากโชคร้ายก็เป็นไปได้มากว่าจะถูกความผันผวนของพลังวิญญาณอันรุนแรงพวกนี้ฉีกเป็นชิ้น ๆ!
เพราะเหตุนี้เอง เขากับอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนเพียงคุ้มครองอยู่ด้านหน้าหลิงอวิ๋นเฮ่อ แต่คิดไม่ถึงว่าจิ่งสิงจื่อจะร่ายทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาโดยไม่คำนึงถึงทุกสิ่ง จับตัวหลิงอวิ๋นเฮ่อตรง ๆ!
เด็กผู้ฝึกกระบี่คนนี้ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้านัก!
สิ่งที่สาหัสที่สุดคือ ถึงกับถูกเขาชนะพนันด้วย ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนหนึ่ง ในระยะห่างเช่นนี้ ชีวิตของหลิงอวิ๋นเฮ่ออยู่ในมือเขา
พริบตาที่เห็นจิ่งสิงจื่อปรากฏตัว หลิงอวิ๋นเฮ่ออยากจะใช้ไข่มุกเทพต้องห้าม แต่น่าเสียดายที่ความเคลื่อนไหวของจิ่งสิงจื่อเร็วเกินไป เขาใช้ไม่ทันเลย
ณ ขณะนี้ สีหน้าของเขาหนักอึ้ง เอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “หากผู้อาวุโสอยากเอาชีวิตข้าไปข่มขู่ซือป๋อทั้งสองท่าน เกรงว่าจะคำนวณผิดแล้ว!”
“จริงหรือ” จิ่งสิงจื่อยังคงยิ้ม หันหน้าไปมองอาจารย์เต๋าหยวนมู่กับอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนที่หยุดมือไป “เหมือนว่าซือป๋อสองท่านของเจ้าไม่คิดอย่างนี้นะ!”
“หากผู้อาวุโสไม่เชื่อ ไยมิลองดู” หลิงอวิ๋นเฮ่อกล่าวอย่างเฉยเมย ปราณกระบี่ของผู้ฝึกกระบี่จิตวิญญาณใหม่อยู่เหนือศีรษะ เขากลับใบหน้าไร้ความเกรงกลัว
“สหายเต๋าหลิงช่างมีกำลังขวัญนัก” โม่เทียนเกอยิ้มแย้มมองไปทางหลิงอวิ๋นเฮ่อ “แต่ว่า วาจานี้เจ้าพูดไปก็ไม่นับ!”
“……”
“สหายเต๋าทั้งสอง” กระบี่อัคนีสามพลังหยางวนเวียนอยู่รอบกาย ฉินซีมองไปทางอาจารย์เต๋าหยวนมู่และอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยน “พวกท่านว่าอย่างไร”
หนังหน้าของอาจารย์เต๋าหยวนมู่กระตุก สุดท้ายขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “แค่รุ่นเยาว์คนหนึ่ง พวกท่านฆ่าแล้วจะอย่างไรเล่า เด็กนี่ถึงจะเป็นผู้ยอดเยี่ยมในหมู่รุ่นเยาว์ แต่พวกเราสำนักจิ่วเยี่ยนยังไม่ถึงขนาดที่สูญเสียผู้ฝึกตนก่อเกิดตานคนหนึ่งไม่ได้!”
“ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานอื่น พวกท่านย่อมไม่เก็บมาใส่ใจ” สายตาของโม่เทียนเกอตกลงบนไข่มุกเทพต้องห้ามในมือหลิงอวิ๋นเฮ่อ “แต่ว่า ถ้าหากไม่มีสหายเต๋าหลิง เกรงว่าคันศรแห่งหงส์เพลิงนี้ พวกท่านก็เอาไปไม่ได้กระมัง”
วาจาของนางเพิ่งเปล่งออกมา สีหน้าของทั้งสามคนแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง! หลิงอวิ๋นเฮ่อที่เมื่อครู่ยังหน้าไม่เปลี่ยนสี ขณะนี้ถลึงมองโม่เทียนเกอเขม็ง
“วาจานี้ของสหายน้อยโม่หมายความว่าอะไร” ประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของอาจารย์เต๋าหยวนมู่ทีละคำ
โม่เทียนเกอยังไม่ส่งเสียง จิตสัมผัสของฉินซีก็กวาดผ่านหลิงอวิ๋นเฮ่อ จู่ ๆ ใบหน้าปรากฏความประหลาดใจเล็กน้อย “รากวิญญาณคู่น้ำไฟ?”
เป็นเช่นนี้ตามคาด! เมื่อได้ยินวาจานี้ โม่เทียนเกอครุ่นคิด
แสงหลบหนีของหลิงอวิ๋นเฮ่อเป็นสีน้ำเงิน และยังได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะ นางทึกทักเอาเองมาโดยตลอดว่าเขาเป็นรากวิญญาณน้ำธาตุเดี่ยว จนกระทั่งเมื่อครู่นี้ รู้สึกว่าผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายสองคนทิ้งหลิงซื่ออวี่ทว่าพาหลิงอวิ๋นเฮ่อเข้าศาลเจ้ามันผิดปกติอยู่บ้าง และฝูเหยาจื่อยังกระตุ้นเตือนนาง จึงได้ตระหนักถึงความเป็นไปได้อีกชนิดหนึ่ง
รากวิญญาณคู่น้ำไฟเป็นรากวิญญาณคู่ที่ค่อนข้างพบเห็นน้อย เพราะว่าน้ำไฟขัดแย้งกัน ยากมากที่จะคงอยู่ในร่างกายของคนคนเดียวกัน แต่รากวิญญาณชนิดนี้สามารถฝึกวิชาเวทพิเศษชนิดหนึ่ง นั่นก็คือศาสตร์น้ำแข็งอัคคี
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” มือของจิ่งสิงจื่อจับชีพจรของหลิงอวิ๋นเฮ่อ เอ่ยว่า “เป็นรากวิญญาณคู่น้ำไฟจริง ๆ อีกทั้งล้วนไม่เลวถึงสิบส่วน แทบจะไม่ต่างกัน”
ฉินซียิ้มเอ่ยว่า “สหายเต๋าทั้งสอง รากวิญญาณของรุ่นเยาว์ผู้นี้ของพวกท่านฝึกฝนศาสตร์น้ำแข็งอัคคีได้พอดีเลยนะ!”
“เกรงว่าสิ่งที่สหายเต๋าหลิงฝึกก็มิใช่ศาสตร์น้ำแข็งอัคคีทั่วไปหรอกกระมัง” โม่เทียนเกอกล่าวต่อ “ผู้อาวุโสฝูเหยาจื่อบอกว่า ปีนั้นกุยเจินเต้าเสิ้งเคยเอาวิชาเวทหนึ่งฉบับไปจากที่นี่ เหมือนว่าจะเป็นหนึ่งในวิชาเวทชั้นสุดยอดของสำนักนี้”
“พวกเรามาเดากันหน่อยดีกว่า” จิ่งสิงจื่อพูดอย่างยิ้มแย้ม “คันศรแห่งหงส์เพลิงนี้เป็นสมบัติประจำสำนักของสำนักใหญ่โบราณกาลนี้ ดังนั้น คนของสำนักพวกเขาจะต้องมีวิธีการหยิบคันศรนี้ แต่พวกเขาเป็นสำนักที่ฝึกวิชาเวทธาตุน้ำแข็งโดยเฉพาะ คันศรแห่งหงส์เพลิงนี้กลับเป็นธาตุไฟ ต้องหยิบอย่างไรเล่า”
“ย่อมให้คนที่ฝึกฝนศาสตร์น้ำแข็งอัคคีมาหยิบ” ฉินซีเอ่ยอย่างเฉยเมย “ฝึกฝนศาสตร์น้ำแข็งอัคคีแล้ว ในร่างกายจะมีพลังวิญญาณอัคคีและพลังวิญญาณน้ำแข็งอันบริสุทธิ์ พลังวิญญาณอัคคีปลดปล่อยพลังอำนาจของคันศรแห่งหงส์เพลิง พลังวิญญาณน้ำแข็งละลายปราณร้ายของคันศรแห่งหงส์เพลิง เช่นนี้ ไม่ต้องฝึกฝนถึงระดับชั้นที่สูงยิ่งก็สามารถหยิบคันศรแห่งหงส์เพลิงได้แล้ว”
“หลังจากกุยเจินเต้าเสิ้งจากไป ขบคิดมาโดยตลอดว่าจะหยิบคันศรแห่งหงส์เพลิงไปได้อย่างไร พอดีสิ่งที่เขาได้รับจากวังเซียนนี้เป็นวิชาเวทศาสตร์น้ำแข็งอัคคีของสำนักนี้ ด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมของเขา ย่อมเดาวิธีการนี้ออก ดังนั้น หลายปีขนาดนี้ พวกท่านสำนักจิ่วเยี่ยนจะเสาะหาคนที่เหมาะสมมาฝึกฝนศาสตร์น้ำแข็งอัคคีฉบับนี้มาโดยตลอด รอถึงเวลาอันเหมาะสมค่อยรวบรวมวัตถุศักดิ์สิทธิ์ห้าชิ้น เปิดมิติที่นี่ หยิบคันศรแห่งหงส์เพลิงไป!”
โม่เทียนเกอสรุปในตอบจบว่า “ผู้อาวุโสทั้งสอง ที่พวกข้าพูดถูกหรือไม่”
“……” สีหน้าของอาจารย์เต๋าหยวนมู่ปั้นยากถึงขีดสุด พวกเขาสามคน เจ้าหนึ่งคำข้าหนึ่งประโยค แทบจะพูดออกมาจนหมดเปลือกแล้ว!
……………….
ตอนที่ 485 – ปราณมารเปลี่ยนไป
MANGA DISCUSSION