ตอนที่ 481 – จักจั่นทองลอกคราบ
“เสี่ยงเถอะ!” เมื่อเห็นกับตาว่าเวลาครึ่งชั่วยามจะถึงแล้ว ฉินซีกล่าวขึ้นมา
โม่เทียนเกอสบตาเขา เห็นเขาสีหน้ามุ่งมั่น ก็เลยเกิดความกล้าที่จะทุ่มเดิมพัน เสี่ยงก็เสี่ยง! ไม่ใช่ว่าเป็นแค่สมบัติวิญญาณชั้นยอดสองชิ้นหรือ ถึงจะไม่มี พวกเขาก็ต้องฝ่าฟันการแปลงเทพเหมือนเดิม!
คิดเยี่ยงนี้แล้ว นางล้วงป้ายคำสั่งออกมา ลบกำแพงอาคมบนทักษะหุ่นเชิดกระดูกหยก เก็บหนังสือ จากนั้นก็หันกลับไปเอาหยกหรูอี้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมา
รวบรวมสิ่งของเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งสองคนประสานตากัน อดถอนหายใจไม่ได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายถอนหายใจก็ยิ้มให้แก่กัน
ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจเสี่ยง แต่สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร ในใจพวกเขายังตึงเครียดอยู่บ้าง ถึงอย่างไรราคาที่จ่ายก็สูงเกินไปแล้ว
“ไปเถอะ!” ฉินซีเอ่ย “ฉวยที่พวกเขาเข้ามาเลือกหยิบสมบัติ พวกเราไปกันเร็ว ๆ หน่อย”
“อืม” โม่เทียนเกอก็มีความคิดนี้ คนอื่นเข้าห้องคลัง สมบัติมากขนาดนี้เพียงพอจะถ่วงเวลาระยะหนึ่ง พวกเขาต้องจากไปไกล ๆ ในระยะเวลานี้ ถ้าไม่อย่างนั้น อยู่ร่วมกับคนที่ความแข็งแกร่งเหนือกว่าพวกเขาเป็นฝูงมันไม่ปลอดภัยจริง ๆ
“เดี๋ยว!” ในสมองมีเสียงของฝูเหยาจื่อดังขึ้นอีกครั้ง “……”
“เวลาครึ่งชั่วยาวมาถึงแล้ว” ด้านนอกห้องคลัง บัณฑิตอวี๋เคาะพัดจีบในมือเป็นคนแรก ทอดมองคนอื่น ๆ “สหายเต๋าทุกท่าน พวกเราเข้าไปกันนะ?”
พวกอาจารย์เต๋าหยวนมู่กำลังหลับตาพักผ่อน เมื่อได้ยินวาจานี้ก็ลืมตาทั้งคู่ ในดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า
อู๋หมิงเจินเจ่อก็เผยรอยยิ้มออกมา สายตาหันไปที่ประตูศิลา
จากนั้น ผู้ฝึกตนใหญ่จิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายเหล่านี้ก็เปิดประตูศิลากันทีละคน เดินเรียงกันเข้าไป
เมื่อเข้าสู่ห้องคลัง แสงของสมบัติวิญญาณส่องเข้าไปในดวงตาของทุกคนทันที ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ฝึกตนใหญ่จิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายที่อยู่จุดสูงสุดของโลกมนุษย์ เคยเห็นสมบัติวิญญาณนับไม่ถ้วน เมื่อเผชิญหน้ากับสมบัติที่มีระดับชั้นเหนือกว่าระดับจิตวิญญาณใหม่ซึ่งนับไม่หมดไม่สิ้นนี้ยังคงใจสั่นไม่หยุด จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างอาจารย์เต๋าหยวนมู่ก็ยังระงับการเผยความละโมบออกมาไม่ได้
ไม่ต้องพูดถึงทั้งหมด สมบัติวิญญาณที่นี่ ขอเพียงได้ครอบครองไม่กี่ชิ้นก็เพียงพอให้ยิ้มเย้ยโลกหล้าได้แล้ว!
หลังจากอุทานอย่างตกตะลึง บัณฑิตอวี๋มองอาจารย์เต๋าหยวนมู่อย่างระแวดระวังแวบหนึ่ง ปรายตาไปทางอู๋หมิงเจินเจ่อ
อู๋หมิงเจินเจ่อสีหน้าสงบนิ่ง แต่จู่ ๆ ลืมตาขึ้น ยิ้มให้เขาเล็ก ๆ
รอยยิ้มนี้ทำให้จิตใจของบัณฑิตอวี๋นิ่งขึ้นมาก สมบัติที่มีระดับเหนือกว่าโลกฝึกเซียนยุคปัจจุบันเหล่านี้ทำให้คนหัวร้อนจริง ๆ หากสำนักจิ่วเยี่ยนอาศัยว่าตนเองแข็งแกร่งยึดป้ายคำสั่งด้วยกำลัง เขาไม่แน่ว่าจะหนีรอดปลอดภัย แต่หากมีการสนับสนุนของอู๋หมิงเจินเจ่อก็จะไม่เหมือนกัน สำนักจิ่วเยี่ยนมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายสองคน ผู้ฝึกตนขั้นกลางหนึ่งคน ในนั้นหลิงซื่ออวี่มีอาการบาดเจ็บ ไม่มีพลังต่อสู้สักเท่าไหร่ พวกเขาพุทธขงจื่อสองคนร่วมมือกันก็เป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายสองคน เพียงพอจะต่อกรกับสำนักจิ่วเยี่ยน
ขณะนี้สายตาของอาจารย์เต๋าหยวนมู่กวาดผ่านพวกเขาสองคน สุดท้ายเก็บความละโมบในดวงตาไปอย่างมีสติ ยิ้มให้พวกเขาเอ่ยว่า “สหายเต๋าทั้งสอง ที่นี่มีสมบัติมากขนาดนี้ พวกเราไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว แข่งกับเวลาเถอะ”
ทั้งสามคนพยักหน้ายิ้ม นำคนรุ่นหลังเริ่มสำรวจสมบัติในห้องคลัง
ขณะนี้ หลิงอวิ๋นเฮ่อที่ตาามอยู่ข้างกายอาจารย์เต๋าหยวนมู่มองไปรอบด้าน จู่ ๆ เอ่ยว่า “หยวนมู่ซือป๋อ พวกเขาสามคนเล่าขอรับ”
อาจารย์เต๋าหยวนมู่ตะลึงนิด ๆ จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนไป
บัณฑิตอวี๋กับอู๋หมิงเจินเจ่อได้ยินวาจานี้ ก็หันหน้ามา
ห้องคลังนี้ถึงจะใหญ่ แล้วยังมีกำแพงอาคมเป็นชั้น ๆ แต่พวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย ในนี้มีคนหรือไม่มีคนสามารถสัมผัสได้ในทันที
ที่นี่นอกจากพวกเขาก็ไร้ผู้คน!
พวกโม่เทียนเกอสามคน สรุปแล้วไปที่ไหน พวกเขาล้วนอยู่ด้านนอกห้องคลังมาตลอด ไม่เห็นพวกนางออกมาเลย!
“อวี๋เซียนเซิง……” อาจารย์เต๋าหยวนมู่มองไปทางบัณฑิตอวี๋
บัณฑิตอวี๋พึมพำกับตัวเอง “นี่เป็นไปได้อย่างไร”
ห้องคลังของสำนักใหญ่ไม่มีทางมีทางออกอื่น พวกเขาก็ไม่ได้ค้นพบว่ามีทางออกอื่น สามคนนี้หายไปในอากาศได้อย่างไร กำแพงอาคมในห้องคลังนี้ไม่ใช่เล่น ๆ นะ
ไม่จำเป็นต้องออกคำสั่ง หลิงอวิ๋นเฮ่อ, หานซื่อจือ, เจวี๋ยอู้สามคนเริ่มวิ่งไปรอบ ๆ ห้องคลังถึงจะใหญ่ แต่พวกเขาสามคนรวมพลัง ไม่ต้องใช้เวลานานมากก็ค้นจนทั่ว ไม่พบความผิดปกติอันใดเลย
สีหน้าของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งห้ายิ่งเคร่งขรึม สถานการณ์ขณะนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง นี่ถึงขนาดทำให้พวกเขาลืมสมบัติวิญญาณทั้งห้องคลังไปชั่วคราวแล้ว!
ความห่างของระดับชั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเอาชนะ กำแพงอาคมในห้องคลังนี้ พวกเขาผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายเหล่านี้ยังรู้สึกว่าลึกล้ำสุดจะหยั่ง สามารถมั่นใจได้ว่าเป็นกำแพงอาคมโบราณกาลที่อยู่เหนือระดับแปลงเทพ ภายใต้การกำแพงอาคมรายล้อมเช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถละเลยกำแพงอาคมและออกไปจากห้องคลัง เช่นนั้น สรุปว่าพวกเขาไปที่ไหน เป็นว่าในห้องคลังมีเส้นทางอื่น หรือว่า……
บัณฑิตอวี๋มองไปทางอาจารย์เต๋าหยวนมู่ ค้นพบความตื่นตัวเช่นเดียวกันในดวงตาอีกฝ่าย จึงรู้ว่าทั้งสองคนคิดไปในทางเดียวกัน
เขาถ่ายทอดจิตหยั่งรู้ออกไปโดยที่สีหน้าไม่ขยับเขยื้อน “สหายเต๋าหยวนมู่ใช่คิดหรือไม่ว่าพวกเขายังอยู่ในห้องคลังนี้”
อาจารย์เต๋าหยวนมู่พยักหน้านิด ๆ ตอบกลับเหมือนกันว่า “มิผิด หากพวกเขาได้รับสมบัติวิญญาณโบราณกาลที่สามารถปิดกลิ่นอายอะไร……”
วาจามาถึงตรงนี้ สีหน้าของทั้งสองคนล้วนอึมครึมอยู่บ้าง หากเป็นเช่นนี้ สามคนนี้จะต้องมีจิตประสงค์ร้ายต่อพวกเขาเป็นแน่
“พระเฒ่าเชื่อว่าสหายเต๋าทั้งสองวิตกมากไปแล้ว” อู๋หมิงเจินเจ่อจู่ ๆ เอ่ยปาก บัณฑิตอวี๋กับอาจารย์เต๋าหยวนมู่ถ่ายทอดเสียง คนอื่นไม่ได้ยิน ด้วยระดับการฝึกตนของอู๋หมิงเจินเจ่อกลับไร้อุปสรรค
เห็นอู๋หมิงเจินเจ่อเอ่ยปากตรง ๆ บัณฑิตอวี๋มองไปรอบ ๆ อย่างหวั่นใจอยู่บ้าง แล้วจึงกล่าวว่า “อ้อ? สหายเต๋าอู๋หมิงคิดเช่นไร”
อู๋หมิงเจินเจ่อใบหน้าเจือรอยยิ้มนิด ๆ เอ่ยว่า “พวกเขาสามคน คนหนึ่งจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลาง คนหนึ่งขั้นต้น คนหนึ่งยังไม่ผูกจิตวิญญาณ มีวิธีการอะไรที่สามารถเข่นฆ่าพวกเราจนหมดสิ้นอย่างที่ไม่ทันได้ต่อต้าน”
“หากเป็นสถานการณ์ทั่วไป ย่อมเป็นไปไม่ได้” อาจารย์เต๋าหยวนมู่เอ่ยเสียงทุ้ม “แต่ พวกเขาสามคนเข้าห้องคลังก่อนพวกเรา เป็นไปได้มากว่าจะได้รับสมบัติวิญญาณอะไร……”
“หากอาศัยสมบัติวิญญาณสนับสนุน นอกเสียจากสมบัตินี้สามารถปะทุพลังอันกล้าแข็งออกมาได้ในพริบตา” อู๋หมิงเจินเจ่อกล่าวช้า ๆ อย่างไม่รีบร้อน “ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญห้องคลังของสำนักใหญ่โบราณกาลนี้ กำแพงอาคมซับซ้อนหลายชั้น”
สถานที่สำคัญห้องคลัง กำแพงอาคมซับซ้อนหลายชั้น จะไม่อนุญาตให้คนอื่นใช้อาวุธเวทและทักษะเวทตามอำเภอใจโดยเด็ดขาด นี่เป็นหลักการทั่วไปของทุกสำนัก ถ้าไม่อย่างนั้น ทำลายสมบัติชิ้นอื่นแล้ว สิ่งที่ทำลายก็จะเป็นรากฐานของสำนักแห่งหนึ่ง
สีหน้าของอาจารย์เต๋าหยวนมู่และบัณฑิตอวี๋ผ่อนคลายลงอย่างช้า ๆ
หากเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าสามคนนี้ใช้วิธีการอะไรหายตัวในห้องคลัง พวกเขาล้วนไม่ต้องใส่ใจ เพียงแต่ว่า ในใจพวกเขาเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย ไม่รู้ว่าสามคนนี้หยิบสมบัติวิญญาณเช่นไรไป
ทว่าเวลานี้ โม่เทียนเกอทั้งสามคนกำลังอยู่ในการต่อสู้ดุเดือด
ในห้องศิลาอันมือสลัว ระยะการมองเห็นของผู้ฝึกตนก็แค่หลายจ้าง โดยรอบกลับมีสิ่งมีชีวิตมารอันชั่วร้ายนับไม่ถ้วนกรูเข้ามา
ทั้งสามคนหันหลังชนกัน ต่างอาศัยอาวุธเวทต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตมาร
“ข้าว่านะ สหายเต๋าชิงเวย” ถึงจะเลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่แล้ว จิ่งสิงจื่อกลับยังเคยชินกับการเรียกโม่เทียนเกอเป็นรุ่นเดียวกับเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉินซีหรือว่าเพราะโม่เทียนเกอจวนจะเลื่อนระดับแล้ว “สรุปว่านี่มันสถานที่ผีสางอะไร ทำไมมีสิ่งมีชีวิตมารมากขนาดนี้”
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” โม่เทียนเกอขมวดคิ้ว มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สองคนอยู่ข้างกาย แบ่งเบาสิ่งมีชีวิตมารส่วนมากไป แรงกดดันของนางไม่มากเลย “หรือว่าจะนานเกินไป……”
เมื่อครู่นี้ตอนที่กำลังจะออกจากห้องคลัง ฝูเหยาจื่อเรียกนาง บอกนางว่าในห้องคลังมีเส้นทางที่ตรงไปสู่วังใต้ดิน ก็คือศาลเจ้าหงส์เพลิง เมื่อทราบข่าวนี้ โม่เทียนเกอดีใจมาก ก่อนหน้านี้นางกังวลว่าหลังได้รับสมบัติจะไม่อาจจากไปอย่างปลอดภัย หากเป็นเช่นนี้กลับไม่จำเป็นต้องรอพบหน้าพวกอาจารย์เต๋าหยวนมู่
ดังนั้น พวกเขาสามคนตรงจากห้องคลังลงมาที่วังใต้ดิน ตั้งใจจะสำรวจวังใต้ดินก่อน แล้วใช้ทางออกอื่นของวังใต้ดินออกจากวังเซียน
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ ลงมาวังใต้ดินได้ไม่นานก็ค้นพบว่าปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มที่นี่รั่วไหลอย่างรุนแรง ดึงดูดสิ่งมีชีวิตมารฝูงหนึ่ง สิ่งของเหล่านี้มีบ้างเป็นศพหลอม มีบ้างเป็นอสูรปีศาจที่กลายเป็นมาร ถึงระดับการฝึกตนจะไม่สูงมาก แต่จัดการยากถึงสิบส่วน
คิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกออดถามมิได้ว่า “ซือฟุเจ้าคะ ที่ให้ข้าออกมาตามเส้นทางลับนี้เป็นสิ่งที่ท่านคิดเอาไว้แต่แรกแล้วหรือไม่เจ้าคะ เวลานั้นข้ามีแค่คนเดียว หากหลังลงมาแล้วเจอกับสิ่งมีชีวิตมารพวกนี้ยังจะจากไปอย่างปลอดภัยได้อย่างไรเจ้าคะ”
ฝูเหยาจื่อหยุดนิ่งชั่วขณะ ตอบด้วยรอยยิ้มขื่น ๆ ว่า “นี่เป็นเหวยซื่อครุ่นคิดไม่รอบคอบจริง ๆ ปีนั้นตอนที่ลงมายังวังใต้ดินไม่มีสิ่งมีชีวิตมารพวกนี้เลย ดังนั้น……”
“ดังนั้น ซือฟุท่านคิดไม่ถึงเลยว่า แสนปีผ่านไปแล้ว ที่นี่จะกลายเป็นไม่ปลอดภัย ถ้าหากข้าลงมาคนเดียวจริง ๆ สิ้นชีพอยู่ที่นี่ ก็เป็นชะตาฟ้าลิขิตแล้ว”
ฝูเหยาจื่อไม่ตอบคำ ถือว่ายอมรับโดยดุษณี
โม่เทียนเกอแอบกลอกตากับตัวเอง ยังดีที่นางโชคดี ฉินซีพบนางที่ทางเข้า ก่อนหน้านี้ยังเจอกับจิ่งสิงจื่อ มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สองคนอยู่ข้าง ๆ สิ่งมีชีวิตมารเหล่านี้ถึงจะจัดการยากแต่ไม่ต้องหวาดวิตก
ฆ่าออกจากห้องศิลาไปตลอดทาง แล้วยังฆ่าผ่านเส้นทางหลายเส้น ในที่สุดก็ฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตมารเหล่านี้จนสิ้น
ทั้งสามคนถอนหายใจ พากันเสาะหาจุดที่ปลอดภัยนั่งขัดสมาธิปรับลมหายใจ
“สหายเต๋าชิงเวย นี่สรุปว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าควรจะบอกข้าหน่อยใช่หรือไม่” จิ่งสิงจื่อหลับตาปรับลมหายใจพลางถาม
“เอ่อ……” เรื่องของศาลเจ้าหงส์เพลิง พูดขึ้นมาแล้วก็ซับซ้อน
“การร่วมมือกับพวกเจ้า ข้ายังไม่ได้รับประโยชน์สักครึ่งส่วน นี่เข่นฆ่ากันมารอบหนึ่งแล้ว เจ้ายังไม่พูดกับข้าให้ชัดเจน นี่ก็ไม่ยุติธรรมเกินไปนะ”
“อะไรเรียกว่าไม่ได้รับประโยชน์สักครึ่งส่วน” ฉินซีที่อยู่ด้านข้างร้องหึ “อย่างน้อยเจ้าหนีการไล่ฆ่าของศพหลอมระดับแปลงเทพนั่นแล้ว ต้องให้ข้าชำระบัญชีกับเจ้าก่อนหรือไม่”
“……” ครั้งนี้ถึงคราวจิ่งสิงจื่อพูดไม่ออกแล้ว ก่อนหน้านี้ถูกศพหลอมนั่นไล่ฆ่า หากมิใช่ฉินซีหันกลับมาปล่อยเครื่องรางวิญญาณสกัดกั้น เขาจะสามารถหนีได้หรือไม่บอกได้ยากจริง ๆ ว่ากันตามความสัตย์จริง ไม่พูดถึงชีวิตทั้งชีวิต อย่างน้อยก็ช่วยชีวิตเขาไปครึ่งชีวิต
เมื่อเห็นท่าทางพูดไม่ออกของจิ่งสิงจื่อ โม่เทียนเกอจู่ ๆ รู้สึกเห็นใจเขานิดหน่อย อันที่จริงจิ่งสิงจื่อคนนี้ก็ซวยพอตัวเลย
เดิมเขาเป็นศิษย์ระดับสูงของผู้อาวุโสกระบี่จิตวิญญาณใหม่สำนักกู่เจี้ยน พรสวรรค์โดดเด่น สถานะไม่สามัญ ไม่คาดว่าซือจุนสิ้นชีพ ไม่มีผู้หนุนหลัง ถูกศัตรูของซือจุนสะกดข่มทุกแห่งหน สถานะตกวูบเดียวพันจ้าง ภายหลังอาศัยสติปัญญาความสามารถและนิสัยใจคอฝึกตนจนถึงระดับก่อเกิดตานขั้นปลาย ก็นับว่าได้เงยหน้าเงยตาแล้ว แต่ก็ถูกซงเฟิงซ่างเหรินวางอุบายใส่ร่วมกับนางที่ภูเขามารอีก ไม่ได้รับวาสนาไม่ต้องพูดถึง ในทางที่กลับไปยังแตกหักกับผู้มีอำนาจสำนักกู่เจี้ยนโดยสิ้นเชิง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อมีอาการบาดเจ็บ แม้แต่สำนักก็ไม่อาจกลับไป ได้แต่เสาะหาทางไปอื่น ๆ ออกจากเทียนจี๋ กลายเป็นผู้ฝึกตนอิสระ
จากบุตรผยองแห่งสวรรค์เป็นผู้ฝึกตนอิสระที่พเนจรไปทั่ว ชะตากรรมนี้ของเขามิอาจไม่ทำให้คนหลั่งน้ำตาเห็นใจ นี่ก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรคนล้วนมีเวลาที่โชคร้าย แต่ปัญหาคือ มีฉินซีเป็นตัวเปรียบเทียบอยู่ด้านข้างก็เลยดูน่าสงสารขึ้นหมื่นเท่า
พวกเขาสองคนอันที่จริงแล้วคล้ายกันมาก เป็นศิษย์ระดับสูงของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สำนักใหญ่ชื่อดังเหมือนกัน อายุเยาว์ระดับการฝึกตนสูงส่งลึกล้ำเหมือนกัน เอ่ยถึงคุณสมบัติ ฉินซีไม่แน่ว่าจะสูงยิ่งกว่าเขา เอ่ยถึงศักดิ์ฐานะ ทั้งสองคนเดิมทีก็ไม่เหลื่อมล้ำ แต่ชะตากรรมของทั้งสองคนต่างกันราวฟ้ากับดินจริง ๆ ตอนที่เขาออกจากเทียนจี๋อย่างอเนจอนาถ ฉินซีผูกจิตวิญญาณใหม่สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ กลายเป็นผู้อาวุโสไท่ซ่างของโรงเรียนเสวียนชิง ตอนนี้เขาพบกันใหม่ในต่างแดน เขายังถูกฉินซีกดอยู่หนึ่งช่วงศีรษะอีก
หากนางเป็นจิ่งสิงจื่อ จะต้องถอนอกถอนใจหนึ่งรอบว่า บนโลกนี้มีฉินซีสักคนมันคือสวรรค์จงใจทำให้เขาขยะแขยงแท้ ๆ เลย!
……………….
ตอนที่ 482 – คันศรแห่งหงส์เพลิง
MANGA DISCUSSION