ตอนที่ 480 – คัดเลือกสมบัติ
“ไป!” รอยแตกม่านพลังมายาแตกเป็นโพรง ทุกคนล้วนไม่รีรอ แย่งกันเข้าไปข้างใน อาจารย์เต๋าหยวนมู่ก็ถอนหายใจโล่งอก หันหน้ากลับไปส่งเครื่องรางถ่ายทอดเสียงให้อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนกับบัณฑิตอวี๋ในที่ห่างไกล แล้วตามเข้าไปข้างใน
พอเข้าม่านพลังมายาที่ทะลวงเปิด โม่เทียนเกอเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง
ห้องคลังนี้ถึงกับเป็นถ้ำน้ำแข็ง!
พื้นที่ทั้งหมดรูปทรงไม่สม่ำเสมอ มีก้อนน้ำแข็งผลึกใสทุกแห่งหน ไม่มีร่องรอยสิ่งก่อสร้างของมนุษย์
ทุกคนเพิ่งจะสำรวจเสร็จสิ้น บัณฑิตอวี๋กับอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนก็มุดเข้ามาด้วยท่าทางทุลักทุเล
โม่เทียนเกอหันหน้าไปมองช่องแตกของม่านพลังมายา ศพหลอมนั้นกำลังกลืนกินเครื่องรางวิญญาณแปลงมายาที่บัณฑิตอวี๋ทิ้งเอาไว้ รอจนกลืนกินเสร็จสิ้น จู่ ๆ ก็สูญเสียเป้าหมายทั้งสอง หมุนตัวเป็นวงอยู่กับที่อย่างมึนงงอยู่บ้าง สุดท้ายเดินเตร่จากไป
นางวางหินก้อนใหญ่ในใจลง ม่านพลังมายานี้ร้ายกาจจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะมีช่องแตกอย่างนี้ กลิ่นอายของพวกเขาก็ไม่ได้รั่วไหลออกไป สิ่งที่ตายแล้วอย่างศพหลอมไม่สามารถแยกแยะได้เลย
“อวี๋เซียนเซิง ลำบากท่านแล้ว” เมื่อเห็นบัณฑิตอวี๋กลับคืนมา อาจารย์เต๋าหยวนมู่เอ่ยคำหนึ่งอย่างสุภาพ
บัณฑิตอวี๋เอ่ยสีหน้าซีดขาวว่า “ในเมื่อรับสิ่งของของสหายเต๋าหยวนมู่แล้ว ย่อมต้องกระทำ” พูดจบแต่ยังไม่พึงพอใจอยู่บ้าง “หึ! ข้าไม่ได้รับป้ายคำสั่งของสหายเต๋าหยวนมู่ไปเปล่า ๆ เพื่อชักนำศพหลอมตัวนั้น สูญเสียมหาศาลเลย!”
โม่เทียนเกอคิดถึงเครื่องรางวิญญาณแปลงมายาที่บัณฑิตอวี๋ขว้างออกไป หนึ่งอันสุ่ม ๆ ก็ต้องหลายหมื่นศิลาวิญญาณ เขากับศพหลอมพัวพันกันนานขนาดนั้น ไม่พ้นจะเป็นหลายแสน ถึงแม้ว่าสำหรับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย ศิลาวิญญาณหลายแสนก้อนมิใช่รับไม่ไหว แต่ว่า เครื่องรางวิญญาณที่ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายใช้จะเป็นสินค้าทั่วไปได้หรือไร เกรงว่าจะซื้อยังไม่มีที่ให้ซื้อ
พูดจบ ความสนใจของทุกคนหันกลับไปที่ห้องคลังใหม่
เดินไปตามถ้ำน้ำแข็งครู่หนึ่ง สุดท้ายมาถึงเบื้องหน้าประตูศิลาหนึ่งบาน บนประตูศิลานี้ วาดลายเวทพิสดารสีทอง เปล่งพลังสภาวะอันเข้มข้น ยากที่จะเข้าใกล้ นี่น่าจะเป็นกำแพงอาคมป้องกันของห้องคลังแล้ว
“กำแพงอาคมเช่นนี้ มิน่าเล่าสหายน้อยโม่บอกว่าเป็นไปไม่ได้” อาจารย์เต๋าหยวนมู่เอ่ยอย่างทอดถอนเมื่อสัมผัสสะท้อนได้ถึงพลังอันลึกล้ำสุดจะหยั่งบนกำแพงอาคม ด้วยความรอบรู้ของเขา กำแพงอาคมนี้ต้องเหนือกว่าระดับแปลงเทพเป็นแน่ ดูท่าสำนักใหญ่โบราณกาลนี้มีผู้ฝึกตนระดับสูงที่เหนือกว่าระดับแปลงเทพอยู่ แต่ว่า ภายหลังธรรมะอธรรมทำสงครามใหญ่ เป็นไปได้ว่าสำนักเสื่อมถอยลง ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสก็มีเพียงระดับแปลงเทพเท่านั้น
ทุกคนมองโดยรอบ ค้นพบว่ากึ่งกลางของลายเวทมีช่องเล็ก ๆ หนึ่งช่อง ขนาดเท่ากับป้ายคำสั่งห้องคลังในมือพวกเขา
โม่เทียนเกอหันไปทางทุกคน กล่าวว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน เรื่องที่รับปากผู้เยาว์ก่อนหน้านี้ยังนับอยู่กระมัง”
อาจารย์เต๋าหยวนมู่กวาดมองนางแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ย่อมแน่นอน” ต่อหน้าคนมากขนาดนี้ เขายังไม่มีหน้าจะทำเรื่องที่ทำลายศักดิ์ฐานะของตนเอง
เมื่อได้ยินวาจานี้ โม่เทียนเกอเผยรอยยิ้มออกมา “เช่นนั้นผู้เยาวก็ไปก่อนก้าวหนึ่งแล้วนะเจ้าคะ”
พูดจบ เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว ล้วงป้ายคำสั่งออกมา จะวางไปที่ช่องบนประตูศิลา
“เดี๋ยว” ฉินซีจับนาง เอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าไปก่อน”
โม่เทียนเกอนิ่งไปครู่หนึ่ง ถอยไปด้านข้างอย่างเชื่อฟัง ในใจหดหู่อยู่บ้าง เนื่องจากระดับการฝึกตนจำกัด เรื่องราวมากมาย นางได้แต่ยืนอยู่ข้างหลัง ถ้าอยากจะหลุดพ้นสถานการณ์ประเภทนี้ นางต้องผูกจิตวิญญาณโดยเร็วที่สุดถึงจะได้
ฉินซีล้วงป้ายคำสั่งห้องคลังออกมาจากในกระเป๋าเอกภพ วางลงบนช่องที่ประตูศิลาเบา ๆ กำแพงอาคมบนประตูศิลามีแสงสีขาววูบขึ้น ปกคลุมป้ายคำสั่ง บนป้ายคำสั่งก็มีแสงสีขาวสว่างขึ้นเล็กน้อย สอดรับกับกำแพงอาคมบนประตูศิลา จากนั้น แสงสีขาววูบขึ้นแล้วเลือนหาย ป้ายคำสั่งตกลงมา ประตูศิลาเปิดออกอย่างไร้สุ้มเสียง
ฉินซีถือป้ายคำสั่ง มองซ้ายขวา ย่างเท้าก้าวแรกออกไปอย่างระแวดระวัง
กำแพงอาคมบนประตูศิลาไม่มีปฏิกิริยา เขาลังเลนิดหน่อยแล้วก้าวเข้าไป
เขาหมุนตัวมา กำลังจะพูด ประตูศิลากลับปิดลงทันที
ทุกคนเห็นว่าเขาเข้าไปข้างในอย่างปลอดภัย ล้วนวางหินก้อนใหญ่ในใจลง นี่แสดงว่าป้ายคำสั่งห้องคลังมีประสิทธิผลจริง ๆ พวกเขาไม่ถือว่าเสียเวลาหนึ่งวันนี้ไปเปล่า ๆ
โม่เทียนเกอเห็นแล้วก็ทำเช่นเดียวกัน
“สหายน้อยโม่!” บัณฑิตอวี๋จู่ ๆ เปล่งเสียงออกมา
โม่เทียนเกอหยุดชะงัก ตึงเครียดอยู่บ้าง “อวี๋เซียนเซิงมีอันใดชี้แนะเจ้าคะ”
บัณฑิตอวี๋ส่ายหน้า กล่าวว่า “ถึงจะมีข้อตกลงอยู่แต่แรก แต่พวกเจ้าก็ไม่สามารถไม่ยอมออกมาตลอด เสียเวลาของทุกคน จำกัดที่เวลาครึ่งชั่วยามเป็นอย่างไร หากครึ่งชั่วยามแล้วพวกเจ้ายังไม่ออกมา พวกเราจะเข้าไป”
โม่เทียนเกอไม่ได้ตอบทันที สำนักใหญ่ขนาดนี้ ห้องคลังไม่รู้ว่าใหญ่ขนาดไหน เวลาครึ่งชั่วยามต้องทำความเข้าใจสมบัติทั้งหมดให้กระจ่างแล้วยังต้องเลือกออกมา ไม่ง่ายดายเลย แต่ที่บัณฑิตอวี๋เอ่ยมิใช่ไม่มีเหตุผล ถึงจะรับปากให้นางเข้าสู่ห้องคลังเป็นคนแรก แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สนใจผลประโยชน์ของตนเอง ยินยอมให้พวกเขาผลาญเวลา
สายตากวาดมองอาจารย์เต๋าหยวนมู่และพวก พวกเขาไม่ได้ส่งเสียง แต่กลับนิ่งเงียบเป็นเชิงยอมรับข้อเสนอของบัณฑิตอวี๋
นางลังเล ในที่สุดยังพยักหน้า “ได้” ได้รับสิทธิ์เข้าห้องคลังเป็นคนแรกมาแล้ว หากยังคัดค้าน เกรงว่าผู้ฝึกตนจิตใหญ่วิญญาณใหม่ขั้นปลายเหล่านี้จะมีข้อโต้แย้งแล้ว
เมื่อเห็นนางรู้จักประมาณตน บัณฑิตอวี๋เผยรอยยิ้มเล็ก ๆ ออกมา ยกพัดจีบในมือขึ้น “เชิญเถอะ”
โม่เทียนเกอหันหน้ากลับไป เก็บป้ายคำสั่งกลับคืน แล้วก็ย่างเท้าเข้าไป
และหลังจากนั้นก็เป็นจิ่งสิงจื่อ
ประตูศิลาด้านหลังปิดตัวอย่างไร้สุ้มเสียง คนทั้งสามรวมตัวกันในห้องคลัง
“ใหญ่ขนาดนี้!” จิ่งสิงจื่อเงยหน้ามองรอบด้าน ประหลาดใจอยู่บ้าง
ห้องคลังนี้ก็เป็นถ้ำน้ำแข็งขนาดยักษ์ แทบจะลึกไม่เห็นก้นบึ้ง สมบัตินับไม่ถ้วนลอยอยู่กลางอากาศ เปล่งแสงสว่างอันเรืองรองออกมา สมบัติเหล่านี้ห่อหุ้มไปด้วยพลังวิญญาณ มีแสงสลัวกะพริบอยู่บนนั้น น่าจะเป็นกำแพงอาคมป้องกัน มีเพียงป้ายคำสั่งในมือพวกเขาที่สามารถเปิดออก และสมบัติเหล่านี้ ไม่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เพียงแวบเดียวก็ดูออกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่าระดับโลกฝึกเซียนยุคนี้อย่างแน่นอนที่สุด
หลังจากจิ่งสิงจื่อเข้าร่วมกับพวกเขา ถึงจะทำตัวเป็นคนล่องหนมาโดยตลอด แต่ด้วยความเฉลียดฉลาดของเขาก็ดูออกแล้วว่าเป็นเรื่องเช่นไร เขาเดาได้แต่แรกว่าพวกเขากับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายเหล่านี้ร่วมทางกัน สิ่งที่หาเจอต้องเป็นวาสนาอันน่าทึ่งอย่างแน่นอนที่สุด แต่ยังคิดไม่ถึงว่าจะเป็นฉากอันหรูหราขนาดนี้ สิ่งของพวกนี้ หยิบออกมาสักชิ้นสุ่ม ๆ ล้วนจะชักนำให้เกิดความฮือฮาในโลกฝึกเซียน!
“สหายเต๋าจิ่ง?” ขณะนี้โม่เทียนเกอกลับจับจ้องเขาอย่างยิ้มแย้ม
จิ่งสิงจื่อเม้มปาก โยนป้ายคำสั่งในมือคืนให้นาง พึมพำว่า “กลัวข้าจะเสียใจภายหลังหรือ”
“นี่ก็บอกได้ยาก” โม่เทียนเกอเอ่ยอย่างไม่เกรงใจสักนิด “ท่านกล้าพูดว่าท่านดูสิ่งของเหล่านี้แล้วจิตใจไม่หวั่นไหวหรือ”
“……” จิ่งสิงจื่อกลอกตาอย่างจนใจ แต่พูดคำปฏิเสธไม่ออก เขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไรกัน อันที่จริง ตอนที่เห็นสิ่งของเหล่านี้ ในสมองเขาผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาจริง ๆ คิดจะยึดป้ายคำสั่งเป็นของตน! เขาคลุกคลีอยู่ที่โลกฝึกตนมาก็เกือบสามร้อยปีแล้ว สถานที่ลับที่ไปมีไม่น้อย สมบัติที่เคยเห็นยิ่งมาก แต่สิ่งของที่สามารถเทียบได้กับของตรงหน้า มีเพียงสมบัติวิญญาณที่ทั้งสองคนได้รับมาตอนที่แรกรู้จักกับฉินซี โชคดีที่สติสัมปชัญญะของเขายังอยู่ อย่าว่าแต่เขาสู้ฉินซีไม่ได้ ถึงจะสู้ชนะ ข้างนอกยังมีผู้ฝึกตนใหญ่จิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายมากขนาดนั้น ไม่มีกำลังเพียงพอ ยังอยากจะจากไปอย่างปลอดภัยไหม?
“เวลาครึ่งชั่วยาม พวกท่านรีบหน่อยเถอะ” ถึงอย่างไรเขาล้วนไม่มีวาสนา เขาก็เลยเสาะหามุมมุมหนึ่งนั่งขัดสมาธิปรับลมหายใจ ไม่สนใจไยดีอีก
โม่เทียนเกอกับฉินซีสบตากัน ไม่มีเวลาให้เสีย ทั้งสองคนเริ่มเสาะหาสมบัติอย่างว่องไว
“จิตปทุมารวมสัตตสมบัติ” “กระบี่ประหารเซียนล้างภูต” “หยกหรูอี้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์” “เหล็กเย็นวัชระ” “มหาเวทอัสนีสวรรค์”
สมบัติเหล่านี้ทำให้ทั้งสองคนตาลาย ลอยค้างอยู่กลางอากาศ ทุก ๆ ชิ้นล้วนเป็นสมบัติวิญญาณโบราณกาลที่เสาะหาไม่ได้เลยในโลกฝึกเซียนยุคปัจจุบัน
“ซือเกอ” เวลาครึ่งชั่วยามเพียงพริบตาก็ผ่านไปกว่าครึ่งแล้ว ทั้งสองคนยังดูสมบัติในห้องคลังไม่เสร็จ โม่เทียนเกอขบคิดครู่หนึ่ง ร้องเรียกฉินซี “ยังเหลืออีกหนึ่งเค่อ พวกเราดูไม่เสร็จแล้ว รีบตัดสินใจเถอะ”
ฉินซีมองดูสมบัตินับไม่ถ้วนตรงหน้า ถอนหายใจอย่างเสียดาย พยักหน้า “อืม เวลาไม่มาก อยากดูให้เสร็จเป็นไปไม่ได้แล้ว”
“เช่นนั้นท่านว่า พวกเราเลือกอะไรดี”
ฉินซีคิด ๆ ดู เอ่ยว่า “อาวุธเวทของเจ้าถึงจะมาก แต่ขาดวิชาโจมตีอันทรงพลัง มิสู้เลือกมหาเวทอัสนีสวรรค์เล่มนี้”
โม่เทียนเกออ่านดู ด้านข้างของมหาเวทอัสนีสวรรค์เล่มนี้มีคำแนะนำอย่างเรียบง่ายว่า: ทักษะเวทสายอัสนี ผู้ที่มีรากวิญญาณทองสามารถฝึกฝน ผู้ที่มีรากวิญญาณอัสนีฝึกได้ประสิทธิภาพเยี่ยมที่สุด ฝึกถึงขอบเขตสูงสุด พลังเปรียบได้กับอัสนีสวรรค์
อัสนีสวรรค์! นี่เป็นทักษะเวทที่ทรงพลังแกร่งกล้าที่สุดของโลกฝึกเซียน โม่เทียนเกอขบคิดครู่หนึ่ง ที่ฉินซีพูดไม่ผิด อาวุธเวทของนางมีจำนวนมากที่มีประโยชน์ใช้งานแปลก ๆ แต่ตัวมันเองพลังไม่ได้ยิ่งใหญ่เลย อาวุธเวทคู่ชีพพัดแห่งสวรรค์และโลกาก็ไม่เก่งด้านการโจมตี และบางเวลาก็ต้องการการโจมตีอัสนี
มหาเวทอัสนีสวรรค์เล่มนี้ถูกวางไว้ในห้องคลังทว่ามิใช่ในศาลาเก็บตำรา แสดงว่ามันเป็นวิชาเวทชั้นยอดที่สุด และทักษะเวทอัสนีเองก็ขึ้นชื่อด้านความทรงพลัง นางครอบครองรากวิญญาณห้าธาตุ การจะฝึกฝนทักษะเวทสายฟ้าถึงจะไม่ดีเท่ารากวิญญาณอัสนีบริสุทธิ์ แต่มีโอสถสนับสนุน น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
“เช่นนั้นชิ้นที่สอง……”
“พวกเจ้าไปที่ด้านหลังสุด!” ในสมองจู่ ๆ มีเสียงดังขึ้น
หลังจากโม่เทียนเกอตะลึงไปนิดก็เอ่ยอย่างดีใจว่า “ซือฟุ ท่านพักผ่อนพอแล้วหรือเจ้าคะ”
“อืม” ฝูเหยาจื่อเอ่ยน้ำเสียงเฉยเมย “ด้านหลังสุดของห้องคลังมีหนังสือเล่มหนึ่ง จะต้องคว้ามาไว้ในมือ”
“เทียนเกอ?” เมื่อเห็นนางจู่ ๆ ไม่ส่งเสียง ฉินซีเรียกคำหนึ่ง
โม่เทียนเกอไม่ได้อธิบาย ดึงมือของเขาไปยังทิศทางที่ฝูเหยาจื่อชี้ “ไป!”
หลังจากเข้าวังเซียน สถานการณ์ประเภทนี้เห็นได้บ่อยมาก ฉินซีก็ชินแล้ว ไม่ถามอะไรมาก ตามนางเดินไปด้านหลังสุด
จากด้านหลังนับไปที่สมบัติวิญญาณชิ้นที่สามเป็นหนังสือหนึ่งเล่ม บนปกหนังสือหนังสัตว์ปรากฏตัวอักษรโบราณสีทองหนึ่งแถว ทักษะหุ่นเชิดกระดูกหยก ด้านข้างมีคำแนะนำ: ใช้กระดูกหยกเป็นโครง หยกหรูอี้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นร่าง สร้างเป็นหุ่นเชิด หุ่นเชิดขอบเขตสูงสุดสามารถไปได้ถึงระดับแปลงเทพ
คำแนะนำนี้ถึงจะเรียบง่าย ทั้งสองคนกลับสูดลมหายใจหนาวเหน็บคำหนึ่ง หุ่นเชิดระดับแปลงเทพ! หากสร้างสำเร็จ มิใช่ออกอาละวาดในโลกมนุษย์ได้หรอกหรือ? ส่วนกระดูกหยกสองคำนี้ทำให้พวกเขาคิดถึงโครงกระดูกผลึกที่ได้รับจากในถ้ำพำนักผู้ฝึกตนโบราณขึ้นมาทันที
โม่เทียนเกอถามว่า “ซือฟุ ท่านให้ข้าเก็บโครงกระดูกก็เพื่อสิ่งนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ฝูเหยาจื่อยิ้ม ๆ เอ่ยว่า “เหวยซือเห็นเจ้ามีความสนใจต่อศาสตร์กลไกมาก คิดว่าสำหรับสิ่งนี้ก็จะมีความสนใจ”
“แต่ว่า” นางลังเลอยู่บ้าง “หุ่นเชิดกระดูกหยกนี้จะสามารถสร้างสำเร็จได้จริง ๆหรือเจ้าคะ วัตถุดิบที่ต้องการจะต้องล้ำค่ามากกระมัง”
“ดังนั้น ต้องดูว่าเจ้าจะเสี่ยงหรือไม่แล้ว” ฝูเหยาจื่อกล่าวอย่างเฉยเมย “กระดูกหยกเป็นโครง หยกหรูอี้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นร่าง ในห้องคลังนี้ก็มีหยกหรูอี้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ หากเจ้าต้องการทักษะหุ่นเชิดนี้ สิ่งของชิ้นที่สามก็ต้องเอาหยกหรูอี้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ สำหรับวัตถุดิบอื่น เหวยซือไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ ไม่รู้ว่าจะสามารถรวบรวมครบได้หรือไม่ เจ้าดูเอาเองเถอะ!”
“……”
“ทำไมหรือ” ฉินซีถาม
โม่เทียนเกอถอนหายใจ ถ่ายทอดวาจาทั้งหมดของฝูเหยาจื่อให้เขา สุดท้ายเอ่ยว่า “พวกเรามีโอกาสเพียงสองครั้ง ถ้าหากเอาทักษะหุ่นเชิดเล่มนี้ ชิ้นที่สามก็จำเป็นต้องเอาหยกหรูอี้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แต่ถึงที่สุดแล้วจะสามารถสร้างหุ่นเชิดสำเร็จหรือไม่ ตอนนี้ไม่รู้เลย”
นี่เป็นการเดิมพันครั้งหนึ่ง หากชนะ พวกเขาจะได้รับหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งมหาศาลตัวหนึ่ง แต่หากแพ้ก็จะเสียโอกาสสองครั้งไปเปล่า ๆ
……………….
ตอนที่ 481 – จักจั่นทองลอกคราบ
MANGA DISCUSSION