ตอนที่ 479 – เข้าสู่ห้องคลัง
ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่หลายคน แต่ละคนร่ายณานศักดิ์สิทธิ์
ในชั่วขณะหนึ่ง ที่รอยแตกกำแพงภูเขา พลังวิญญาณวูบวาบ ความผันผวนของพลังวิญญาณน่าทึ่ง
โชคดีที่ก่อนหน้านี้บัณฑิตอวี๋ตั้งม่านพลังกักขังเอาไว้แล้ว ผนึกพลังวิญญาณพวกนี้เอาไว้ ไม่อย่างนั้นความเคลื่อนไหวที่นี่จะต้องดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกตนคนอื่นในวังเซียนแน่นอน
ในกระบวนการนี้ ประมุขมารกุ่ยฟางศิษย์อาจารย์ไม่ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบ นี่ทำให้โม่เทียนเกอแอบรู้สึกประหลาดใจ
ถึงนางจะไม่เคยเห็นประมุขมารกุ่ยฟางลงมือแต่อย่างใด แต่ในเมื่อปีนั้นเขากล้าท้าทายอู๋หมิงเจินเจ่อ และสุดท้ายก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไร ณานศักดิ์สิทธิ์ของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าอู๋หมิงเจินเจ่อถึงจะถูก คงไม่ถึงขนาดทิ้งชีวิตอยู่ในวังเซียนหรอกกระมัง
แต่หากมิใช่พบเจอกับสถานการณ์ที่ยากจะหลบหนีอะไร ทำไมพวกเขาถึงไม่เร่งกลับมาที่ห้องคลังเล่า ถึงอย่างไรสมบัติในห้องคลังนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับวาสนาเลื่อนขึ้นแปลงเทพก็ได้
“สหายเต๋าทั้งหลายสังเกตดูหน่อย!” ขณะที่กำลังตั้งสมาธิ จู่ ๆ ได้ยินอาจารย์เต๋าหยวนมู่ร้องขึ้นมา “ศพหลอมนั่นเหมือนกับมาทางนี้แล้ว!”
โม่เทียนเกอได้ยินแล้วตะลึงไป เงยหน้ามอง เห็นปราณมารก้อนนั้นเหมือนกับกำลังเตร็ดเตร่มาท่ามกลางเทือกเขาจริง ๆ ด้วย
ระยะห่างของพวกเขากับศพหลอมไกลมาก พูดตามหลักเหตุผล ศพหลอมน่าจะสัมผัสกลิ่นอายของพวกเขาไม่ได้ เพียงแค่บังเอิญทิศทางที่เตร็ดเตร่เป็นทางพวกเขา แต่นี่มิใช่ปรากฎการณ์ที่ดีอะไร ขอเพียงศพหลอมเคลื่อนมายังทิศทางนี้อีกจนใกล้ถึงระยะหนึ่งก็จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพวกเขา ถึงเวลา……
“สหายเต๋าทั้งหลาย เวลางวดเข้ามาแล้ว!” อาจารย์เต๋าหยวนมู่ตะโกน
ขอเพียงโจมตีม่านพลังมายาออกเป็นทางเข้าหนึ่ง ถึงศพหลอมจะมาแล้ว พวกเขาก็สามารถหนีเข้าห้องคลัง ศพหลอมที่ไร้นายถึงที่สุดแล้วเป็นวัตถุที่ตายแล้ว ถึงม่านพลังมายาจะปรากฏรอยแตกก็ไม่รู้จักแยกแยะ ถึงเวลาย่อมจากไป ทว่าถ้าหากพวกเขาไม่สามารถเปิดม่านพลังมายาได้ทันเวลา เผชิญหน้ากับศพหลอม นอกเสียจากวิ่งหนีก็ไร้หนทางอื่น
ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทุกคนล้วนทราบว่าสถานการณ์เร่งด่วน ไม่ต้องให้อาจารย์เต๋าหยวนมู่พูดมาก พากันหยิบทักษะก้นหีบออกมา
อู๋หมิงเจินเจ่อไม่ลังเลสักนิด บีบลูกประคำหนึ่งเม็ด ร้องนามพุทธองค์ ลูกประคำในมือระเบิดแสงทองหมื่นจ้าง ปลดปล่อยลมหายใจวิญญาณอันพวยพุ่งออกมา กดลงที่จุดอ่อนของม่านพลังมายา
“แครก” รอยแตกที่เมื่อครู่นี้ยังมีเพียงขนาดเท่าเมล็ดถั่วแตกหักออกมาในเวลาอันสั้น กำแพงภูเขารอบด้านพากันพังทลาย กลายเป็นไร้สภาพ ส่วนรอยแตกมีขนาดเท่ากำปั้นแล้ว
อาจารย์เต๋าหยวนมู่เห็นดังนี้ก็นำเจดีย์หลิงหลงออกมา ทุบลงไปที่รอยแตกดัง “โครม”
ฉินซีร่ายศาสตร์กระบี่ กระบี่อัคนีสามพลังหยางกลับคืนอยู่สภาพดั้งเดิม ไฟแท้บนตัวกระบี่กลับลุกไหม้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงตอนสุดท้ายแทบจะกลายเป็นเปลวเพลิงหนึ่งก้อน ทันใดนั้นกลายเป็นอุกกาบาตหนึ่งลูกพุ่งชน
จิ่งสิงจื่อก็ชักกระบี่บินออกมา แสงกระบี่อันพร่างพรายทำให้ดวงตาทั้งคู่ของทุกคนพร่ามัวทันที นี่ทำให้ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่ไม่เห็นเขาในสายตาเหล่านี้เหล่มอง
…………….
โม่เทียนเกอสังเกตเห็นว่า หลิงซื่ออวี่ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังอำนาจของณานศักดิ์สิทธิ์ห่างไกลจากก่อนหน้านี้ ส่วนอาจารย์เต๋าหยวนมู่กับอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนก็คล้ายจะไม่ได้มีความแข็งแกร่งเท่าเดิม นางขบคิดในใจ หรือว่ากลุ่มคนสำนักจิ่วเยี่ยนได้รับความเสียหายหนักในขั้นตอนการเสาะหาป้ายคำสั่ง? จากสถานการณ์ตอนนี้ นี่มิใช่ข่าวดีเลย การเปิดช่องแตกนี้มิใช่เรื่องง่ายเป็นอันขาด
ตอนที่นางกำลังขบคิด ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่พยายามเต็มกำลัง รอยแตกของม่านพลังมายาขยายใหญ่ขึ้นทีละนิด แต่ทว่า ถ้าอยากจะขยายจนใหญ่พอจะรองรับให้คนคนหนึ่งเข้าไป กลับต้องใช้เวลา
อาจารย์เต๋าหยวนมู่มองดูศพหลอมที่ยิ่งมายิ่งใกล้ ใบหน้าปรากฏแววกระวนกระวาย “ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเราจะไม่ทันกาล!”
“เช่นนั้นต้องทำอย่างไร” บัณฑิตอวี๋สีหน้าหนักอึ้ง “ถ้าพวกเราหนีไปก่อน……”
“ไม่ได้!” ผู้ที่กล่าววาจากลับเป็นอู๋หมิงเจินเจ่อ น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมถึงสิบส่วน “อย่าว่าแต่ว่าทุก ๆ คนจะสามารถหนีไปได้หรือไม่ ถึงจะหนีไปหมด อยากจะรวมตัวกันอีกก็ไม่ง่ายแล้ว อีกประการ เวลาของพวกเรามิได้มีมากมาย”
“สหายเต๋าอู๋หมิงพูดมีเหตุผล” อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนเอ่ยปากอย่างหาได้ยาก “ม่านพลังมายานี้ พวกเราร่วมมือกันก็ต้องเสียเวลามากมาย หากมีสหายเต๋าบางคนไม่ได้กลับมาอีก……”
พวกเขาตอนนี้มีผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายสี่คน จิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางสองคน จิตวิญญาณใหม่ขั้นต้นหนึ่งคน หลิงซื่ออวี่ลงมือไม่ได้ดังใจ แทบจะเทียบไม่ได้กับระดับจิตวิญญาณใหม่ขั้นต้น ส่วนอาจารย์เต๋าหยวนมู่และอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนสูญเสียกำลังไปแล้วไม่มากก็น้อย ประมุขมารกุ่ยฟางไม่ได้กลับมา หากไม่มีจิ่งสิงจื่อเติมจำนวนคน ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องทำลายไปถึงเมื่อใด
สถานการณ์ประเภทนี้ ก่อนหน้านี้โม่เทียนเกอก็คาดไม่ถึง ถึงนางจะอยากให้คนอื่นเกิดความเสียหายนิดหน่อยอย่างกึ่งตั้งใจกึ่งไม่ตั้งใจ เลี่ยงไม่ให้ตนเองกับฉินซีถูกคนอื่นรังแกเกินไป แต่คิดไม่ถึงว่ากลุ่มคนสำนักจิ่วเยี่ยนดันเจออุปสรรคในขั้นตอนเสาะหาป้ายคำสั่งจนส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งโดยรวม
อาจารย์เต๋าหยวนมู่ขบฟัน เอ่ยอย่างเด็ดขาดว่า “อวี๋เซียนเซิง เถี่ยเมี่ยนซือเกอ พวกท่านสองคนไปขวางได้หรือไม่”
บัณฑิตอวี๋ตะลึง จากนั้นใบหน้าเผยความไม่พอใจ “สหายเต๋าหยวนมู่ นั่นเป็นศพหลอมระดับแปลงเทพนะ ข้าไม่มีความสามารถจะขัดขวาง!” ถึงจะพูดว่าตอนนี้พวกเขาเป็นผู้ร่วมมือ แต่ไปขวางศพหลอมกับเป็นเรื่องที่อันตรายถึงสิบส่วน ไม่ระวังนิดเดียวก็ต้องทิ้งชีวิต ใครจะเต็มใจเสียสละตนเองเล่า
อาจารย์เต๋าหยวนมู่หงุดหงิดอยู่บ้าง แต่ระงับเอาไว้ กล่าวอย่างอดทนว่า “อวี๋เซียนเซิง ในพวกเราเจ็ดคน หลิงซือตี้ความแข็งแกร่งลดลงมาก สหายเต๋าอู๋หมิง, สหายเต๋าฉินและสหายเต๋าจิ่งผู้นี้ ยังมีเหล่าฟู ณานศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราสี่คน พลังอำนาจค่อนข้างมาก ณานศักดิ์สิทธิ์ที่เถี่ยเมี่ยนซือเกอฝึกเน้นที่การป้องกัน ส่วนท่านชำนาญวิชาเบ็ดเตล็ด ค่อนข้างมีไหวพริบ นอกจากพวกท่านยังมีใครที่เหมาะสมยิ่งกว่า”
บัณฑิตอวี๋ยังคงสีหน้าบูดปึ้ง ไม่ตอบคำ วาจาถึงจะพูดอย่างนี้ แต่เผชิญหน้ากับศพหลอมระดับแปลงเทพ เขาไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะสามารถล่าถอยอย่างปลอดภัย เหตุใดต้องเสี่ยงอันตรายนี้ หากเขาเกิดเรื่อง ลำพังหานซื่อจือคนเดียวไม่มีทางได้รับวาสนาในการเดินทางนี้เลย ถ้าไม่มีคนคุ้มครอง แม้แต่เส้นทางวังเซียนยังออกไปไม่ได้! ส่วนสำนักจิ่วเยี่ยนของเขา คนมากพลังเยอะ อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนก็จวนเจียนจะนั่งละสังขารแล้ว ในยามปกติก็ไม่รับผิดชอบเรื่องราวตั้งนานแล้ว สูญเสียไปแล้วจะอย่างไรเล่า
“อวี๋เซียนเซิง!” เมื่อเห็นกับตาว่าศพหลอมยิ่งมายิ่งใกล้ อาจารย์เต๋าหยวนมู่จู่ ๆ ล้วงป้ายคำสั่งหนึ่งชิ้นออกมาจากในอกเสื้อ “หากท่านยินยอม ป้ายคำสั่งชิ้นนี้จะยกให้ท่าน เป็นอย่างไร”
เมื่อเห็นป้ายคำสั่งห้องคลังป้ายนั้น ทุกคนล้วนตกตะลึง แม้แต่บัณฑิตอวี๋ก็รู้สึกยากจะเชื่อ
พวกเขาล้วนคิดไม่ถึงว่า อาจารย์เต๋าหยวนมู่ถึงกับยอมจ่ายราคาเช่นนี้! ป้ายคำสั่งหนึ่งชิ้น นั่นคือสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น ภายในห้องคลังนี้ล้วนเป็นของสะสมของสำนักใหญ่โบราณกาล มูลค่าของสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้นนั้นประเมินไม่ได้ เขาถึงกับเต็มใจหยิบออกมา? อีกประการ เรื่องนี้คนอื่นก็มีส่วน เขาถึงกับไม่เรียกร้องให้อีกสองฝ่ายจ่ายราคาด้วยกัน!
“อวี๋เซียนเซิง เรื่องราวไม่อาจชักช้า!” อาจารย์เต๋าหยวนมู่พูดมาหนึ่งประโยคในตอนจบ จับจ้องบัณฑิตอวี๋เขม็ง
เมื่อเห็นป้ายคำสั่งชิ้นนั้น บัณฑิตอวี๋เผยสีหน้าใคร่ครวญ สุดท้ายตัดสินใจว่า “ได้! สหายเต๋าหยวนมู่เต็มใจจ่ายออกมาเช่นนี้ ข้ายังมีอะไรจะพูดได้? สหายเต๋าเถี่ยเมี่ยน ไปเถอะ!”
พูดจบ รับป้ายคำสั่ง เรียกอาวุธเวทบินออกมา บินไปหาศพหลอมระดับแปลงเทพ
อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนเห็นแล้วก็ตามหลังไปติด ๆ โดยไม่มองทุกคนสักแวบเดียว
ผ่านไปไม่นานนัก ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายทั้งสองเข้าไปในขอบเขตสัมผัสสะท้อนของศพหลอม ศพหลอมมีเป้าหมายแล้ว ไล่ตามไปทันที บัณฑิตอวี๋กับอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนชักจูงพลางล่าถอย เห็นเพียงบัณฑิตอวี๋ใช้เครื่องรางวิญญาณไม่หยุด แปลงร่างเป็นวัตถุวิญญาณ พยายามชักนำศพหลอมไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
เมื่อเห็นฉากนี้ โม่เทียนเกอจู่ ๆ ไม่เข้าใจแล้ว
ในฐานะหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักอันดับหนึ่งแห่งอวิ๋นจง นางไม่กังขาต่อความเจ้าเล่ห์ของอาจารย์เต๋าหยวนมู่โดยเด็ดขาด ก่อนหน้านี้ ผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับสำนักจิ่วเยี่ยน อาจารย์เต๋าหยวนมู่ไม่เคยจะยอมถอย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการริเริ่มเสียเปรียบเองเลย แต่ตอนนี้ เขาถึงกับหยิบป้ายคำสั่งออกมาง่าย ๆ เช่นนี้
ต้องทราบว่า โจมตีม่านพลังมายาไม่แตก ผู้ที่ได้รับผลกระทบคือทุกคน รวมถึงบัณฑิตอวี๋ด้วย! ถึงจะชดเชยให้บัณฑิตอวี๋ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายราคาเป็นป้ายคำสั่งห้องคลัง อีกทั้งสามารถเรียกร้องให้อีกสองฝ่ายจ่ายอะไรออกมาสักหน่อยด้วยก็ได้ เพียงต้องใช้เวลาเจรจาเท่านั้น แต่เขากลับร้อนรนยิ่งกว่าทุกคน ท่าทางไม่อยากเสี่ยงอันตรายเลย
หรือว่า ยังมีอะไรที่สำคัญยิ่งกว่าป้ายคำสั่งห้องคลัง ดังนั้นเขาไม่แยแส ขอเพียงหลบเลี่ยงภัยพิบัตินี้ได้อย่างปลอดภัยก็พอ?
สายตาของโม่เทียนเกอกวาดผ่านร่างของอาจารย์เต๋าหยวนมู่และหลิงซื่ออวี่
อย่างนั้น สรุปแล้วเป็นอะไรเล่า กำลังคน? หรือว่าเวลา?
“สหายเต๋าโม่” ข้างหูมีเสียงเบา ๆ ดังขึ้น
โม่เทียนเกอหันหน้าไป กลับเป็นหลิงอวิ๋นเฮ่อ
ถึงใบหน้าของหลิงอวิ๋นเฮ่อจะเจือรอยยิ้มบาง ๆ สายตากลับเคร่งขรึม เขาทอดมองโม่เทียนเกอ เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ทุกคนยังไม่ได้เป็นศัตรูกัน เรื่องบางอย่าง ไม่ต้องสืบเสาะไปถึงต้นตอจะดีกว่า”
“……” นางชะงักไปครู่หนึ่ง ยิ้มบาง ๆ ผงกศีรษะให้เขา “ขอบคุณสหายเต๋าหลิงมากที่เตือน”
พูดจบก็มองไปทางคนทั้งหลายที่ทำลายม่านพลังกันอยู่อีกครั้ง แต่เพียงจดจ่ออยู่ที่รอยแตกของม่านพลังมายา
หลิงอวิ๋นเฮ่อแอบถอนหายใจโล่งอก มองไปทางผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายทั้งสองที่กำลังจัดการศพหลอมในที่ห่างไกล จากนั้นมองไปยังหลิงซื่ออวี่ที่กำลังพักผ่อนชั่วคราวแวบหนึ่ง
เวลาผ่านไปทีละนิด บัณฑิตอวี๋กับอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนถูกอันตรายรายล้อม ภายหลังชักนำศพหลอมหลบหนีไปยังที่ห่างไกลดื้อ ๆ สิ่งที่น่าเสียดายคือ เช่นนี้แล้วผู้ฝึกตนที่สามารถถือเป็นตัวประกอบตัวเล็กตัวน้อยได้ถูกศพหลอมสังหารสิ้น ความเร็วหลบหนีของพวกเขาก็ยังไม่เพียงพอจะสลัดทิ้งศพหลอม จึงได้แต่ลากอยู่อย่างนี้
เมื่อเสียความช่วยเหลือของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายสองคน เวลาที่ต้องใช้ทำลายม่านพลังมายายิ่งมากขึ้น แต่นี่ก็เป็นเหตุจนใจ ถ้าหากไม่มีคนชักนำศพหลอม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรวมพลังทั้งหมดก็ไม่มีทางจะทำลายม่านพลังมายาก่อนที่ศพหลอมจะมาถึง
ประมุขมารศิษย์อาจารย์ไม่ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบ โม่เทียนเกออดสงสัยไม่ได้ หรือว่าพวกเขาเกิดอุบัติเหตุแล้ว? ประมุขมารกุ่ยฟางน่ะช่างเถอะ เมื่อคิดถึงหยางเฉิงจี ในใจนางมีความเสียดายอยู่บ้าง หยางเฉิงจีคนนี้ นิสัยหยิ่งยะโสและขวางโลก แต่ตัวคนไม่ได้เลวร้ายเลย เพียงมีความดื้อรั้นของเด็กหนุ่มอยู่บ้าง หากคบหากันนาน ๆ ไม่แน่ว่าจะสามารถกลายเป็นสหาย……
คิดถึงตรงนี้ จู่ ๆ นางค้นพบว่าสภาวะจิตใจของตนเองเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ตอนเยาว์วัยนางอ่อนไหวและหวาดระแวงมาก เมื่อมาถึงโรงเรียนเสวียนชิง มีซือฟุและเพื่อนร่วมสำนักจึงปล่อยวางลงบ้างอย่างช้า ๆ แต่ในใจยังคงไม่เต็มใจจะใกล้ชิดกับคนอื่นเกินไป แต่ตอนนี้ นางถึงกับริเริ่มคิดอยากเป็นสหายกับคนอื่น…… บางที อาจเป็นเพราะจิตใจส่วนลึกของนางแข็งแกร่งมากแล้ว ดังนั้นไม่กลัวที่จะคบหากับคนอื่น จนถึงขนาดมอบความไว้วางใจ
“สหายเต๋าทุกท่าน เกือบสำเร็จแล้ว!” อาจารย์เต๋าหยวนมู่เอ่ยเสียงดัง
โม่เทียนเกอมองดู ยังขาดอีกหน่อยรอยแตกนั้นก็จะเพียงพอให้คนหนึ่งคนเข้าออกได้แล้ว! นางหันหน้ามองไปที่ห่างไกล กลางอากาศ บัณฑิตอวี๋และอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนยังคงพัวพันอยู่กับศพหลอม ราวกับพลังวิญญาณไม่ต่อเนื่องอยู่บ้าง บัณฑิตอวี๋ร่างหยุดชะงัก เห็นกับตาว่ากำลังจะถูกศพหลอมไล่ทัน โชคดีหลบเลี่ยงได้ทันเวลา จากนั้น เขาปล่อยเครื่องรางวิญญาณแปลงมายาออกมาไม่หยุด ทุก ๆ อันล้วนแปลงเป็นวัตถุวิญญาณ สร้างความสับสนให้ศพหลอม
เครื่องรางวิญญาณประเภทนี้ผลิตได้ไม่ง่ายดายถึงสิบส่วน ถึงโม่เทียนเกอจะไม่เชี่ยวชาญการเขียนเครื่องราง แต่ก็ทราบว่าเครื่องรางวิญญาณแปลงมายาประเภทนี้ไม่ใช่สิ่งของในขอบเขตของก่อเกิดตาน ราคาขายไม่ต่างจากอาวุธเวททั่วไป! บัณฑิตอวี๋ใช้ออกอย่างไม่ตระหนี่ขนาดนี้ ในช่วงเวลานี้ เกรงว่าจะเทศิลาวิญญาณออกไปเป็นหลายหมื่นก้อนแล้ว
นางมองไปทางรอยแตกม่านพลังมายาอย่างกระวนกระวายอยู่บ้าง หากบัณฑิตอวี๋ยันไม่อยู่ จะต้องไม่เสียสละตนเองแน่นอน เขาจะชักจูงศพหลอมไปที่อื่น หากยังไม่สามารถทำลาย นั่นก็คือความพยายามทั้งหมดสูญเปล่าแล้ว
“โครม” ราวกับสวรรค์ได้ยินคำอธิษฐานของนาง ข้างหูมีเสียงดีอกดีใจของคนหลายคนดังขึ้น “สำเร็จแล้ว”
……………….
ตอนที่ 480 – คัดเลือกสมบัติ
MANGA DISCUSSION