ตอนที่ 468 – ผลรับเหนือคาด
ทัศนคติของโม่เทียนเกอไม่แยแสจนเกินไปเสียจนทำให้ทุกผู้คนล้วนรู้สึกพิสดาร พวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายก็ช่างเถอะ นางยังมีเพียงระดับก่อเกิดตาน ถึงจะบอกว่าห่างจากจิตวิญญาณใหม่เพียงเส้นบาง ๆ เส้นเดียว แต่เส้นเส้นนี้กลับต่างกันเหมือนฟ้ากับดิน นางจะสามารถไม่แยแสวิชาเวทในนี้ได้อย่างไร
แต่นางเสนอดังนี้ ทุกคนก็รู้สึกหาจุดตำหนิไม่ได้ ก็เลยไม่ได้คัดค้าน
เรื่องประเภทการจับสลาก ยากจะเลี่ยงจากการสูญเสียความภูมิฐานของผู้ฝึกตนใหญ่จิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย สุดท้ายแต่ละฝ่ายล้วนสุ่มเลือกม่านพลังเคลื่อนย้าย
เรื่องการซ่อมแซมม่านพลังเคลื่อนย้าย สำหรับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ผู้แก่กล้าไม่นับว่ายากเกินไป เพียงเสียเวลาเล็กน้อยซ่อมแซมม่านพลังเคลื่อนย้ายที่ยังนับว่าสมบูรณ์ดีเหล่านี้จนเสร็จสิ้น ใส่ศิลาวิญญาณ ต่างคนต่างเคลื่อนย้ายเข้าไป
รอจนกระทั่งคนอื่นล้วนเคลื่อนย้ายไปอย่างไม่รั้งรอ โม่เทียนเกอจึงได้วางศิลาวิญญาณก้อนสุดท้ายลงไปอย่างเชื่องช้า ดึงฉินซียืนบนม่านพลังเคลื่อนย้าย
แสงสีขาววูบขึ้น ในพริบตาเดียว คนทั้งสองปรากฏตัวในห้องอันไม่คุ้นเคย
นี่เป็นโถงใหญ่อันกว้างขวาง เล็กกว่าห้องโถงภายนอกเล็กน้อย ด้านบนของโถงใหญ่แขวนไข่มุกขนาดใหญ่หนึ่งลูกอยู่กลางอากาศ ส่องแสงอันสว่างไสวทว่านุ่มนวล สาดส่องห้องโถงอันไร้หน้าต่างไร้ประตูประดุจยามกลางวัน ในห้องโถงมีชั้นหนังสือสีม่วงแดงเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ กำจายกลิ่นหอมที่มีแต่ในไม้วิญญาณออกมา บนชั้นเต็มไปด้วยหนังสือตำราแผ่นหยกนานาชนิด ผิวของชั้นหนังสือมีแสงแห่งกำแพงอาคมอย่างเลือนราง ปิดกั้นจิตหยั่งรู้
โม่เทียนเกอเงยหน้ามอง โพล่งว่า “ไข่มุกนี้ไม่เลว ตั้งหลายปีขนาดนี้ถึงกับยังเปล่งแสง ถ้าเอากลับไปได้มันดีกว่าศิลาแสงจันทราอะไรพวกนี้มากเลย”
“อันนี้เจ้าอย่าคิด” ฝูเหยาจื่อเอ่ย “ไข่มุกนี่เชื่อมต่อกับเส้นเลือดวิญญาณของที่นี่โดยตรงจึงสามารถไม่ดับแสงเป็นแสนปี เจ้าหยิบไปก็เปล่าประโยชน์”
“……” โม่เทียนเกอปาดเหงื่อ นางเพียงคิดเล่น ๆ เอง
ฉินซีสัมผัสดูนิดหน่อย ไม่ค้นพบกำแพงอาคมประเภทโจมตีในบริเวณโดยรอบ จึงได้หันศีรษะไปถามอย่างวางใจว่า “เทียนเกอ สรุปแล้วเจ้ามีเจตนาอะไร แล้วนี่เป็นห้องสมุดไหน”
ขณะนี้โม่เทียนเกอจึงได้เผยรอยยิ้มขื่นออกมา กล่าวว่า “ท่านนึกว่าข้าจงใจหรือ สถานการณ์ประเภทเมื่อครู่นี้ พวกเรานอกจากยอมถอยแล้วยังมีหนทางอะไรเล่า ความแข็งแกร่งของพวกเขาล้วนแกร่งกว่าพวกเรา”
ฉินซีเงียบไป ลงมือกันขึ้นมาจริง ๆ เขาไม่คิดว่าตนเองจะด้อยกว่าผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายเหล่านั้นสักเท่าไหร่ แต่ว่า คนเหล่านั้นถึงจะพูดอย่างไรก็มีชีวิตมานานกว่าพวกเป็นหลายร้อยถึงเป็นพันปี ประสบการณ์ต่อสู้พรั่งพร้อมไร้ที่เปรียบ ตนเองก็ฉกฉวยผลประโยชน์ไม่ได้
“แต่ว่า นี่ไม่ได้สำคัญอะไรจริง ๆ” นางยิ้มเอ่ยขึ้นมาอีก “ห้องสมุดห้าแห่ง เลือกสองแห่งแรกย่อมกำไรอย่างมาก แต่พวกเราก็ไม่ได้ขาดแคลนวิชาเวท ไม่ว่าจะเลือกอันไหนล้วนไม่เสียหาย”
ฉินซีคิดดูก็รู้สึกว่าใช่ วิชาเวทของพวกเขาสองคน ล้วนสืบทอดมาแต่โบราณกาลหรือกระทั่งปฐมกาล ถึงจะไร้เนื้อหาของระดับแปลงเทพ ด้วยร่างกายอันพิเศษของพวกเขาสองคน การเปลี่ยนไปฝึกวิชาเวทอื่นไม่เหมาะสมเลย มิสู้ฝึกไปจนถึงระดับจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย แล้วสร้างวิชาเวทขึ้นมาเองจะดีกว่า
พูดเยี่ยงนี้จบแล้ว โม่เทียนเกอไม่ได้ไปตรวจสอบชั้นหนังสือทันที ทว่าหมุนตัวไปตั้งม่านพลังหนึ่งอันข้าง ๆ ม่านพลังเคลื่อนย้ายที่ทั้งสองเพิ่งจะเข้ามา
ม่านพลังอันนี้มิใช่ม่านพลังกักขังทั่วไป ทว่าเป็นม่านพลังสังหารที่ได้รับการจัดเป็นหนึ่งในสิบม่านพลังอำมหิตในหนังสือม่านพลังเสวียนจี ถึงผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่จะเข้ามาก็ลองดีไม่ได้
เชื่อว่าคนที่ทำอย่างนี้ไม่ได้มีนางคนเดียว เรื่องอันดับแรกของคนอื่น ๆ หลังจากเข้าห้องสมุดก็จะต้องเป็นการตั้งมาตรการป้องกัน เลี่ยงไม่ให้มีคนกลับคำพูดแล้วตามหลังมาติด ๆ ด้วยเจตนาไม่ดี
ตอนที่นางตั้งม่านพลัง ฉินซีเดินไปข้างหน้าแล้วหยิบตำราเล่มหนึ่งจากบนชั้นหนังสือม่วงแดงที่อยู่ข้างหน้าสุด
บนชั้นหนังสือชั้นนี้ สิ่งที่จัดวางเป็นวิชาเวทระดับหลอมรวมพลังวิญญาณขั้นต่ำที่สุด เมื่อสัมผัสได้ถึงระดับการฝึกตนของพวกเขา กำแพงอาคมบนนั้นไม่ได้ถูกกระตุ้นขึ้นมา ปล่อยให้เขาหยิบออกจากชั้นหนังสือ
“หืม หลอมโอสถเริ่มต้น?” ฉินซีพลิกอ่าน เงยหน้ายิ้มเอ่ยว่า “ดูท่า พวกเราไม่ได้จับฉลากได้รางวัล แต่ว่า ไม่จำเป็นว่าจะมิใช่เรื่องดี”
ทักษะเวทห้าธาตุ, เวทขัดเกลาจิตใจ, เต๋าแห่งผู้ฝึกยุทธ์, วิชาเบ็ดเตล็ดโอสถอุปกรณ์, บันทึกประสบการณ์ ในห้าจำพวกนี้ ห้องสมุดที่เก็บทักษะเวทห้าธาตุกับเวทขัดเกลาจิตใจย่อมมีคุณค่าสูงที่สุด ทักษะเวทห้าธาตุใช้เป็นเวทต่อสู้ เวทขัดเกลาจิตใจเกี่ยวข้องกับการเลื่อนระดับการฝึกตนอันเป็นพื้นฐานที่สุด แต่อันอื่นก็มิใช่ว่าจะไร้ประโยชน์สักนิด
การฝึกยุทธ์เป็นสายหนึ่งของผู้ฝึกเซียน เคยรุ่งเรืองในช่วงโบราณกาล มีสำนักโบราณกาลจำนวนมากที่มีวิชาเวทผู้ฝึกยุทธ์ฉบับสมบูรณ์ รวมทั้งการฝึกกระบี่, การฝึกร่างกาย ฯลฯ คุณค่าของห้องสมุดนี้น้อยกว่าสองแห่งแรกเล็กน้อย แต่ก็ค่อนข้างมีประโยชน์ ถึงขนาดที่ว่าในสายตาผู้ฝึกยุทธ์ ห้องสมุดแห่งนี้จึงมีคุณค่ามากที่สุด ส่วนอีกสองจำพวก มองปราดแรกคล้ายจะมีคุณค่าต่ำสุด แต่ก็มีโอกาสถูกรางวัลใหญ่ อย่างเช่นบันทึกประสบการณ์ สิ่งที่เก็บรวบรวมเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและเรื่องประหลาดของโลกฝึกเซียน, หนังสือรวมภาพสมบัติวิญญาณ รวมทั้งประสบการณ์ฝึกตนของผู้ฝึกตน สมมติว่าหาประสบการณ์ขณะทะลวงขึ้นแปลงเทพเจอจากในนี้ คุณค่าของมันอาจจะเหนือล้ำกว่าสองแห่งแรกไปมาก!
สำหรับวิชาเบ็ดเตล็ดโอสถอุปกรณ์ สำหรับคนอื่นก็อาจจะไม่จำเป็น เพราะว่า หญ้าวิญญาณวัตถุวิญญาณที่คงอยู่สมัยโบราณกาลถึงวันนี้ได้สูญพันธุ์ไปมากมายแล้ว เมื่อไม่มีวัตถุดิบ ถึงจะรู้วิชาหลอมโอสถหลอมอุปกรณ์ก็เป็นดั่งสำนวนที่ว่าแม่บ้านที่ชาญฉลาดที่สุดก็ไม่อาจหุงหาโดยไร้ข้าว — นี่คือสาเหตุที่ตำรับโอสถโบราณกาลจำนวนมากสูญเสียคุณค่าไป ในห้องสมุดนี้ สิ่งที่มีค่าอาจจะเป็นหนังสือที่บันทึกพวกเครื่องรางกับม่านพลัง แต่ว่าพวกนี้ล้วนเป็นเต๋าเสริม สำหรับการเลื่อนขึ้นแปลงเทพ ไม่มีส่วนช่วยเหลือเลย
แต่ทว่า สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับคนอื่น สำหรับพวกเขาสองคนมันไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง เพราะว่า ในมือโม่เทียนเกอมีโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน!
ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนเก็บรักษาหญ้าวิญญาณที่สูญพันธุ์ไปแล้วในยุคนี้จำนวนมาก เพราะว่าขาดแคลนตำรับโอสถ โม่เทียนเกอถึงขนาดทำได้เพียงปล่อยให้พวกมันงอกและตายไปตามมีตามเกิด ไร้หนทางจะใช้ประโยชน์ หญ้าวิญญาณในตำนานเหล่านั้นหยิบฉวยมาได้ง่ายมากสำหรับนาง ถ้าอยากจะรวบรวมหญ้าวิญญาณในตำรับโอสถโบราณเหล่านี้มันง่ายดายมาก ถึงจะขาดวัตถุดิบเสริมจำนวนหนึ่ง ด้วยปริมาณของหญ้าวิญญาณในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนและความมั่งคั่งของทั้งสองคน สามารถพยายามปรับปรุงได้แน่นอน
และวังเซียนแห่งนี้เป็นสำนักใหญ่โบราณกาลที่อาจจะครอบครองผู้ฝึกตนระดับมหายาน การเก็บรักษาตำรับโอสถเฉพาะสำนักที่ใช้ทะลวงแปลงเทพมีความเป็นไปได้สูงมาก หากสามารถหาเจอจริง ๆ นั่นจะเป็นสมบัติอันล้ำค่าเหลือประมาณ
โม่เทียนเกอรู้แต่แรกว่าสิ่งที่ห้องสมุดนี้เก็บรักษาไว้คืออะไร ตอนที่ทุกคนเลือกม่านพลังเคลื่อนย้ายเสร็จ ฝูเหยาจื่อก็แจ้งต่อนางแล้ว ขณะนี้ตั้งม่านพลังเสร็จสิ้น เดินเข้ามา “เป็นไร ทักษะหลอมโอสถของโบราณกาลนี้กับยุคปัจจุบันไม่ได้แตกต่างอะไรกันกระมัง”
ฉินซีอ่านปราดเดียวสิบบรรทัด ยิ้มเอ่ยว่า “ต่างกันไม่มาก แต่ว่า หนังสือนี้ถึงจะเป็นเพียงฉบับเริ่มต้น ประโยชน์กลับไม่น้อย ตำราโบราณจำนวนหนึ่งในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน บางส่วนพวกเราไม่อาจทำความเข้าใจ หลอมโอสถเริ่มต้นเล่มนี้มีการอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับทักษะพื้นฐานบางอย่าง”
“อ้อ? นี่เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างเหนือคาดแล้ว” ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนมีตำราโบราณที่ผู้ฝึกตนคนก่อนทิ้งเอาไว้จำนวนมาก แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของโลกฝึกเซียน เนื้อหาจำนวนมากทั้งสองคนอ่านไม่เข้าใจ ถึงจะมีตำรับโอสถก็มีโอสถวิญญาณบางส่วนที่ไม่อาจหลอมกลั่น ตอนนี้หลอมโอสถเริ่มต้นอันเป็นพื้นฐานเล่มนี้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุได้พอดี
เมื่อค้นพบจุดนี้ ทั้งสองคนล้วนยินดีปรีดา เริ่มต้นก้มหน้าก้มตาเสาะหาตำราที่มีประโยชน์
บนแผ่นหยกตรงตำแหน่งผู้ดูแลศาลาเก็บคัมภีร์บอกว่าคัมภีร์ในห้องสมุดนี้ห้ามมิให้เอาออกไป สามารถใช้ป้ายประจำตัวคัดลอก ระดับการฝึกตนที่ไม่เหมือนกัน จำนวนตำราโบราณที่สามารถคัดลอกก็ไม่เหมือนกัน พวกเขาไม่มีป้ายประจำตัว และในห้องสมุดนี้ก็ตั้งกำแพงอาคมอันซับซ้อนเอาไว้ ไม่อาจคัดลอกโดยตรง กำแพงอาคมนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของห้องสมุด น่าจะตั้งขึ้นจากผู้ฝึกตนที่ระดับการฝึกตนสูงที่สุดของสำนักใหญ่โบราณกาลนี้ มิใช่สิ่งที่ระดับการฝึกตนของพวกเขาจะสามารถทำลาย ด้วยเหตุนี้ ได้แต่ใช้วิธีการอันโง่เขลาที่สุด ชิงตำราที่มีประโยชน์ไปด้วยกำลัง
เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาต้องกระทำตามกำลังตน อยากจะเอาตำราทั้งหมดไปนั้นเป็นไปไม่ได้ การทำลายอาคมมิใช่เรื่องที่เรียบง่ายขนาดนั้น
ทั้งสองคนปรึกษากันหนึ่งรอบ เริ่มต้นทำลายจากระดับสูงที่สุดก่อน
ในห้องสมุดมิได้มีเพียงห้องหนึ่งห้อง เดินไปถึงสุดปลายจะมีม่านพลังเคลื่อนย้ายเล็ก ๆ หนึ่งอัน วางศิลาวิญญาณลงไปก็จะเข้าไปสู่ห้องถัดไป สิ่งที่ห้องที่หนึ่งเก็บเป็นตำราของระดับหลอมรวมพลังวิญญาณ ห้องที่สองเป็นระดับสร้างฐานพลัง ไปตามลำดับ
ได้ยินฝูเหยาจื่อบอกว่าปีนั้นเขาเคยเข้าห้องของระดับแปลงเทพ ถึงห่างเพียงระดับเดียว ความแข็งแกร่งกลับต่างราวฟ้ากับดิน กำแพงอาคมในนั้นมิใช่สิ่งที่ตนเองสามารถทำลายได้เลย ได้แต่ยอมแพ้
ดังนั้น เมื่อเดินไปถึงห้องที่เก็บตำราลับระดับจิตวิญญาณใหม่ ทั้งสองคนจึงหยุดลง ให้ฉินซีเริ่มสืบค้น
ในห้องที่หนึ่ง ตำราโบราณของระดับหลอมรวมพลังวิญญาณแผ่ไพศาลดังมหาสมุทร ทว่าถึงห้องที่สองห้องที่สาม ทุก ๆ ห้องล้วนน้อยลงกว่าห้องก่อนหน้า ห้องที่สี่ที่พวกเขาอยู่นี้ ตำราโบราณของระดับจิตวิญญาณใหม่น้อยยิ่ง ถึงจะเป็นเช่นนี้ ฉินซียังเสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วยามจึงพลิกดูตำราโบราณทั้งหมดไปหนึ่งรอบ
“เดินทางครั้งนี้ไม่เสียเปล่าแล้ว!” เมื่อถอนจิตหยั่งรู้ออกจากแผ่นหยกชิ้นหนึ่ง ฉินซีกล่าวกับโม่เทียนเกอด้วยสีหน้าดีใจ
เขาเผยสีหน้ามีความสุขขนาดนี้น้อยมาก โม่เทียนเกอจึงถามว่า “หาอะไรเจอแล้วหรือ”
ฉินซียกแผ่นหยกในมือ เอ่ยว่า “หนังสือเล่มนี้เรียกว่ามรรคาโอสถหวนสู่สัจธรรม บันทึกการเรียนรู้ชั่วชีวิตของปรมาจารย์มรรคาโอสถโบราณกาลท่านหนึ่ง มีเคล็ดการหลอมโอสถ ยังมีตำรับโอสถของโอสถพิสดารจำนวนมาก ในนั้นมีโอสถชนิดหนึ่งเรียกว่ายาแปลงเทพ!”
“ยาแปลงเทพ!” ไม่ใช่แค่โม่เทียนเกอที่ตะลึง แม้แต่ฝูเหยาจื่อในกระบี่ฝูเซิงก็ตื่นตะลึง
ฉินซียิ้มเอ่ยว่า “ฟังชื่อโอสถนี้ เจ้าก็น่าจะสามารถเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของโอสถนี้กระมัง ฝึกตนถึงระดับจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายจุดสูงสุด กลืนลงไปตอนที่ทะลวงขอบเขตแปลงเทพ จะมีส่วนช่วยต่อการแปลงเทพ!”
โม่เทียนเกอสงบสติลงแล้วรีบถามว่า “หญ้าวิญญาณที่จำเป็นเล่า”
ฉินซีอ่านอีกที ใบหน้าเผยแววลังเล กล่าวว่า “ส่วนใหญ่พวกเราล้วนสามารถเก็บรวบรวม แต่ในนี้มีบางต้นที่เหมือนจะไม่เคยได้ยินมาก่อน”
นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หญ้าวิญญาณในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนจะมีมากแค่ไหนก็ไม่มีทางเก็บสะสมหญ้าวิญญาณในโลกหล้าจนหมดสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นโอสถวิเศษอย่างยาแปลงเทพ หญ้าวิญญาณที่จำเป็นจะต้องเป็นสมบัติหายากของฟ้าดิน!
“อันนี้ไม่รีบ อย่าว่าแต่ข้ายังไม่ได้ผูกจิตวิญญาณ ถึงจะเป็นท่าน ขั้นกลางถึงขั้นปลายถึงจุดสูงสุดก็มิใช่เรื่องง่ายดาย ด้วยอายุขัยของพวกเรา มีเวลาเสาะหาช้า ๆ อย่างเหลือเฟือ”
“อืม”
ขณะนี้ ฝูเหยาจื่อถอนหายใจคำหนึ่ง “คิดไม่ถึงว่าในห้องสมุดแห่งนี้ถึงจะมีตำรับโอสถอย่างยาแปลงเทพ น่าเสียดายที่ปีนั้นพวกเราห้าคนระแวงกันและกัน ไม่สามารถตรวจดูทีละเล่ม พลาดสิ่งนี้ไป”
หาตำรับโอสถของยาแปลงเทพเจอพวกเขาก็พึงพอใจแล้ว ภายใต้การชี้แนะของฝูเหยาจื่อได้เสียเวลาไปอีกสองชั่วยาม ทำลายกำแพงอาคม เอาหนังสือตำราแผ่นหยกเหล่านี้ในห้องนี้ไป
ถอยออกจากห้องที่สี่ พลังวิญญาณของฉินซีเผาผลาญไปมากนัก มิอาจไม่ปรับลมหายใจก่อน โชคดี โอสถวิญญาณที่โม่เทียนเกอเตรียมมามีเพียงพอ เพียงเสียเวลาไปครึ่งชั่วยามก็ฟื้นฟูมาเกือบสมบูรณ์แล้ว
สิ่งที่ห้องที่สามจัดวางเป็นตำราของระดับก่อเกิดตาน โม่เทียนเกอก็สามารถช่วยเหลือ ถึงตำราจะมาก ความเร็วกลับเร็ว อีกทั้งคุ้นเคยกับวิธีการทำลายอาคมแล้ว เพียงเสียเวลาไปหนึ่งชั่วยาม
สองห้องแรกความเร็วยิ่งเร็ว สิ่งของของหลอมรวมพลังวิญญาณสร้างฐานพลังสำหรับพวกเขาไม่ได้มีประโยชน์มาก เพียงหาตำราพื้นฐานไม่กี่เล่มก็ล่าถอยออกไป
……………….
เปลี่ยนคำแปลค่ะ แก่นแท้การฝึกตน เป็น เวทฝึกฝนจิตใจค่ะ
ตอนที่ 469 – ห้องคลัง
MANGA DISCUSSION