ตอนที่ 460 – ชุมนุมวังเซียน
ยอดของภูเขาวิญญาณ ข้างวังเซียน เหล่าผู้ฝึกตนของสำนักจิ่วเยี่ยนนั่งขัดสมาธิ ต่างคนต่างตั้งสมาธิกำหนดลมหายใจ
ผู้ฝึกตนที่เหลือของสำนักจิ่วเยี่ยนมีไม่มาก จิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายสองคน จิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางสามคน นอกนั้นก็คือหลิงอวิ๋นเฮ่อผู้เยาว์ก่อเกิดตานขั้นปลายคนนี้ หนึ่งกลุ่มหกคน ในกลุ่มย่อยผู้ฝึกตนที่เสาะหาสมบัติไม่ได้มีข้อได้เปรียบด้านจำนวนคนเลย แต่ว่า พวกเขาระดับการฝึกตนโดดเด่น ถกกันขึ้นมายังเป็นกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด
ณ ขณะนี้ พวกเขาฉวยที่คนอื่นยังมาไม่ถึงวังเซียนเร่งรัดฝึกตน บนยอดเขาวิญญาณนี้ ด้านข้างวังเซียนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ แม้แต่เส้นเลือดวิญญาณระดับสูงที่สุดของอวิ๋นจงยังไม่อาจเทียบเปรียบ เป็นโอกาสที่หาได้ยากจริง ๆ
ก่อนหน้านี้หลิงอวิ๋นเฮ่อเคยถามหลิงซื่ออวี่อย่างอยากรู้ว่า พลังวิญญาณมิตินี้เต็มเปี่ยมขนาดนี้ หากเลื่อนขั้นที่นี่ไยมิใช่ลงแรงครึ่งเดียวได้ผลสองเท่า? หลิงซื่ออวี่ตอบว่า ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่ใครจะกล้าเล่า? ผู้ฝึกตนระดับสูงเลื่อนขั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดมิใช่ระดับความเต็มเปี่ยมของพลังวิญญาณ ทว่าเป็นความปลอดภัย ผู้ฝึกตนที่เข้ามาครั้งนี้มากขนาดนี้ พวกเขาจะไปเสาะหาถ้ำพำนักที่ไว้ใจได้มากักตนได้ที่ไหน ไม่ใช่เขตแดนของตนเอง ตัวแปรมากเกินไป
“มาแล้ว!” อาจารย์เต๋าหยวนมู่จู่ ๆ ขยับตัว ลืมตาทั้งคู่
เมื่อได้ยินเสียง คนอื่น ๆ ล้วนหยุดการนั่งสมาธิ เงยหน้ามองไปที่ไกลตา
แสงหลบหนีสองสายข้ามป่าไม้อันหนาทึบ ปรากฏตัวบนทุ่งหิมะขาวบริสุทธิ์ เร่งความเร็วเข้ามาใกล้วังเซียน แสงหลบหนีหนึ่งขาวหนึ่งแดง สีขาวบริสุทธิ์ สีแดงบาดนัยน์ตา ยังมีปราณกระบี่อันแหลมคมหลายร้อยเส้นวนรอบพวกเขา ผลักให้หมอกหิมะหมื่นปีที่คลุ้งขึ้นมาไม่อาจเข้าใกล้ร่าง
“เป็นพวกเขา!” หลิงซื่ออวี่เลิกคิ้ว
ด้วยจิตหยั่งรู้ของพวกเขา แยกแยะออกแต่แรกแล้วว่านี่เป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่หนึ่งคนและผู้ฝึกตนก่อเกิดตานหนึ่งคน ในผู้ฝึกตนที่เข้ามาในมิติ มีเพียงพวกเดียวที่มีการผสมผสานอย่างนี้
“สหายเต๋าโม่คนนั้น ไม่อาจดูเบาจริง ๆ……” หลิงอวิ๋นเฮ่อจ้องมองแสงหลบหนีสองสายนั้น พึมพำกับตัวเอง เขาดูออกว่า ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ท่านนั้นไม่ได้จงใจชะลอความเร็วเลย ในสถานการณ์เช่นนี้ แสงหลบหนีของระดับก่อเกิดตานสายนั้นยังคงตามความเร็วของเขาทันอย่างปลอดโปร่ง ถึงพวกเขาจะใช้อาวุธเวทบินชิ้นเดียวกันก็ยังต้องการความแข็งแกร่งอันกล้าแข็งของตัวนางเอง
อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนผู้เงียบงันมาโดยตลอดจู่ ๆ เอ่ยปากว่า “อวิ๋นเฮ่อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ฝึกตนสตรีนางนั้นมีรากวิญญาณอะไร ฝึกวิชาเวทอะไร”
หลิงอวิ๋นเฮ่อตะลึงเล็กน้อย โค้งกายตอบว่า “ตอบเถี่ยเมี่ยนซือป๋อ ศิษย์ไม่ทราบ แต่ว่า นางเคยทำการค้ากับศิษย์ แลกศาสตร์แห่งซู่หนี่ว์ของสำนักตานเสีย”
“ศาสตร์แห่งซู่หนี่ว์์?” อาจารย์เต๋าหยวนมู่หรี่ตา “อย่าบอกนะว่านางเป็น……”
หลิงอวิ๋นเฮ่อรู้ว่าเขาคิดจะพูดอะไรต่อ กล่าวว่า “หยวนมู่ซือป๋อ ศิษย์คิดว่า หากนางเป็นร่างอินแท้จริง ๆ เช่นนั้นการกระทำออกจะกล้าหาญเกินไปนะขอรับ อีกอย่าง ถึงที่สุดแล้วนางเป็นเพียงผู้ฝึกตนก่อเกิดตานคนหนึ่ง จะสามารถปิดบังซือซูซือป๋อทั้งหลายได้อย่างไรขอรับ”
“นี่ก็ไม่แน่” อาจารย์เต๋าหยวนมู่ส่ายหน้า “สตรีนางนี้ขวัญกล้าเกินคน สมบัติวิญญาณบนตัวก็มาก ไม่แน่ว่าจะกล้าทำอย่างนี้” ถอนหายใจอีกคำ “น่าเสียดาย นางมีคู่เต๋าฝึกตนร่วมสัมพันธ์แล้ว อินตั้งต้นเสียไปแล้ว ถึงจะเป็นเช่นนี้จริงก็ไม่ได้มีคุณค่ามากนักแล้ว”
“ฮา หยวนมู่ซือตี้” อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนกลับเอ่ยขึ้นมา “สตรีนางนี้จะเป็นร่างอินแท้หรือไม่ไม่สำคัญ สิ่งที่ข้าเห็นว่าประหลาดคือ แสงหลบหนีของนางทำไมเป็นสีขาว?”
อาจารย์เต๋าหยวนมู่สีหน้าแปรเปลี่ยนไป สายตามองไปทางอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยน “ความหมายของซือเกอคือ……”
“แสงหลบหนีสีขาว มิใช่คนคนนี้มีประสบการณ์พิสดารอะไรก็ต้องเป็นรากวิญญาณผสมครบห้าธาตุ ซือตี้คิดว่าเป็นแบบไหน”
สีหน้าของอาจารย์เต๋าหยวนมู่ค่อย ๆ เคร่งขรึมขึ้นมา แสงหลบหนีสีขาว แสดงถึงห้าธาตุรวมเป็นหนึ่ง ถ้าหากตนเองมิใช่รากวิญญาณครบห้าธาตุ เช่นนั้นวิชาเวทที่ฝึกฝนก็จะต้องประกอบด้วยห้าธาตุ
ในโลกฝึกเซียน การเลือกวิชาเวทตามรากวิญญาณเป็นหนึ่งในกฎ คนที่ไม่มีรากวิญญาณทองจะไม่สามารถฝึกฝนวิชาเวทธาตุทอง ถ้าหากเกิดสถานการณ์พิเศษ นั่นก็แสดงว่า คนคนนี้ครอบครองวาสนาที่ยิ่งใหญ่ ทำลายกฎ ในเมื่อได้รับการเรียกขานว่ากฎ แล้วจะสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างง่ายดายปานนั้นได้อย่างไรเล่า? วาสนานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย
ทว่าหากเป็นสถานการณ์ที่สอง…… สาเหตุที่แสงหลบหนีสีขาวพบเห็นได้น้อยเป็นเพราะว่าผู้ฝึกตนรากวิญญาณห้าธาตุกว่าครึ่งหยุดอยู่ที่ระดับหลอมรวมพลังวิญญาณขั้นต้น ทว่ามีเพียงผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังขึ้นไปจึงจะสามารถเหินบิน ในผู้ฝึกตนห้ารากวิญญาณ แม้แต่ระดับสร้างฐานพลังยังเป็นหมื่นคนไม่มีสักคน อย่าว่าแต่ก่อเกิดตานเลย? สตรีนางนี้กลับเป็นระดับก่อเกิดตานเต็มขั้น ห่างจากจิตวิญญาณใหม่เพียงก้าวเดียว……
อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนเอ่ยอีกว่า “ศิษย์พี่เคยอ่านบันทึกที่คนรุ่นก่อนท่านหนึ่งจดเอาไว้ แต่ก่อนเพียงเห็นเป็นข่าวลือที่ถูกบิดเบือน ไม่เป็นความจริง ตอนนี้ดูไปแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าจะจริง” เขามองไปทางอาจารย์เต๋าหยวนมู่ “คนอันดับหนึ่งแห่งอวิ๋นจงท่านนั้น ผู้อาวุโสฝูเหยาจื่อ เป็นรากวิญญาณผสมครบห้าธาตุ!”
อาจารย์เต๋าหยวนมู่หรี่ตา มองไปทางอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนสายตาคมปลาบ “จริงหรือ?”
หน้ากากเหล็กดำของอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนดูสีหน้าอันใดไม่ออก น้ำเสียงก็เรียบนิ่ง “ไม่ผิด”
เงียบงันไปเนิ่นนาน อาจารย์เต๋าหยวนมู่ผ่อนลมหายใจยาว ๆ พูดว่า “หากเรื่องนี้สำเร็จ พวกเราพยายามสุดความสามารถดึงตัวพวกเขาเอาไว้ หากล้มเหลว……ไม่สามารถให้พวกเขาก้าวออกจากวังเซียนแม้แต่ก้าวเดียวโดยเด็ดขาด!”
ถึงจะไม่ได้พูดว่าทำไม แต่คนที่ที่แห่งนี้ล้วนเข้าใจความหมายของเขาทันทีโดยไม่ต้องให้บอก รับคำเสียงเบา
คนที่กระบี่ฝูเซิงยอมรับเป็นนาย ฝูเหยาจื่อ ที่แท้ระหว่างพวกเขามีจุดร่วมเช่นนี้ นั่นก็แสดงว่า……ผู้ฝึกตนสตรีนางนี้มีความเป็นไปได้มากว่าจะได้รับการมรดกที่แท้จริงของฝูเหยาจื่อ ถึงจะบอกว่าพวกเขาไม่เกรงกลัวฝูเหยาจื่อเลย แต่ผู้ที่แบกรับฉายานามผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งของอวิ๋นจงจะต้องมีส่วนพิเศษเฉพาะเป็นแน่ และจากที่พวกเขาเห็น ผู้ฝึกตนสตรีนางนี้ทั้งมีกำลังขวัญและไม่ใช่ชนชั้นโง่เขลา ใครจะบอกได้ว่าในอนาคตนางจะประสบความสำเร็จไปถึงระดับใด หากเรื่องที่พวกเขาวางแผนไว้สำเร็จและมีมิตรภาพอันดีต่อกันก็เป็นเรื่องดี แต่หากไม่สำเร็จ……เกรงแต่ว่านางจะจดจำความแค้นที่วางอุบายใส่นางในการเดินทางนี้เอาไว้ ถึงเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างศัตรูให้สำนักจิ่วเยี่ยน ได้แต่กำจัดออกไปเพื่อตัดปัญหาในภายหลัง!
ระหว่างที่กำลังขบคิด แสงหลบหนีสองสายเข้ามาใกล้วังเซียนอย่างรวดเร็ว แสงกระบี่อันไหววูบหลายร้อยสายขจัดหมอกหิมะ หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีมาถึงเบื้องหน้าในพริบตา
หลิงอวิ๋นเฮ่อสังเกตดู ใต้เท้าของโม่เทียนเกอ แสงสมบัติของรองเท้าเล็ดรอดออกมา ไม่ได้ใช้อาวุธเวทบินร่วมกับฉินซีเลย
วิชาเวทที่เขาฝึกไวต่อปราณแห่งสมบัติวิญญาณถึงสิบส่วน ขณะนี้ยืนยันแล้วว่านางอาศัยความสามารถของตนเองบินมาตลอดทาง เขาแอบถอนหายใจ เสียงถอนหายใจในใจค่อย ๆ นิ่งลง ที่แท้ตนเองถึงกับด้อยกว่านาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาไยจะต้องฝังใจอีกเล่า?
“ผู้อาวุโสทั้งหลาย มากันเร็วนัก” โม่เทียนเกอยิ้มบาง คารวะทุกคนพร้อมกับฉินซี อ้าปากกล่าวขึ้นมา
อาจารย์เต๋าหยวนมู่เผยรอยยิ้มนิ่งเฉย ทันไม่กระตือรือร้นและไม่เย็นชา พูดว่า “พวกเจ้าทั้งสองก็ไม่ได้มาช้า เพิ่งผ่านไปสี่วันพวกเจ้าก็มาถึงแล้ว คิดจะระหว่างทางจะต้องไม่ได้หยุดพักเลยกระมัง”
“ฮา ๆ” โม่เทียนเกอหนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม “พวกเราสามีภรรยากำลังอ่อนด้อย ไม่มีคุณสมบัติจะละโมบอะไร ได้แต่มองวาสนาระหว่างทาง โชคทีที่ระหว่างทางยังนับว่าราบรื่น หยิบฉวยสมบัติได้บ้าง แล้วก็พบกับอสูรปีศาจขั้นเก้าหนึ่งตัว”
“อสูรปีศาจขั้นเก้า?” ถึงสีหน้าจะสงบนิ่ง ในแววตาพวกหยวนมู่กลับมีความประหลาดใจวูบขึ้น ในภูเขาวิญญาณนี้ อสูรปีศาจไม่มากเลย แต่ที่ปรากฏขึ้นสักตัวเป็นครั้งคราวก็เป็นขั้นแปดขึ้นไป พวกเขาคนมากเข้มแข็งจึงไม่กลัว อสูรปีศาจขั้นเก้าเทียบเท่ากับจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลาง และอสูรปีศาจของมิตินี้มีชีวิตฝึกฝนอยู่ในสถานที่ซึ่งพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมหรือว่าปราณมารปั่นป่วนทั้งปี แข็งแกร่งกว่าที่โลกภายนอกมากมาย พวกเขาสองคนดูแล้วไม่เพียงบนร่างไม่บาดเจ็บ แววทุลักทุเลก็ไม่มีสักครึ่งส่วน ความแข็งแกร่งระดับนี้ดูถูกไม่ได้จริง ๆ
“พูดอย่างนี้ สหายเต๋าทั้งสองเข่นฆ่าอสูรปีศาจตัวนั้นไปแล้วหรือ” อาจารย์เต๋าหยวนมู่ถาม
ฉินซียิ้มบาง ๆ กล่าวว่า “บังเอิญเท่านั้น”
“สหายเต๋าฉินถ่อมตัวเกินไปแล้ว!” อาจารย์เต๋าหยวนมู่เผยรอยยิ้มออกมา เอ่ยอย่างสุภาพว่า “สามีภรรยาเปี่ยมความสามารถ อสูรปีศาจขั้นเก้าที่นี่ เปิ่นจั้วก็ไม่มีความมั่นใจสิบส่วน ดูท่าทางของทั้งสองท่านเข่นฆ่าอย่างปลอดโปร่งถึงสิบส่วน! ดูท่าการท่องวังเซียนที่นี่ มีสองท่านช่วยเหลือเป็นเรื่องโชคดีจริง ๆ”
“ชมเกินไปแล้ว ๆ……” ฉินซีตอบ
เมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา แล้วเห็นท่าทีของอาจารย์เต๋าหยวนมู่ในขณะนี้ โม่เทียนเกอแอบยิ้มในใจ ยังคงต้องเผยความแข็งแกร่งสักนิดอย่างเหมาะสมตามที่คาดเลย นางอยู่เบื้องหน้าอาจารย์เต๋าหยวนมู่คนนี้ แม้แต่คุณสมบัติจะถกเงื่อนไขยังไม่มี ทว่า ณ ตอนนี้ มีฉินซีอยู่ข้าง ๆ และเปิดเผยความแข็งแกร่งอันไม่ธรรมดาออกมา อาจารย์เต๋าหยวนมู่คนนี้ก็สุภาพขึ้นมากมาย
“สหายเต๋าหลิง คนอื่นยังมาไม่ถึงหรือ” โม่เทียนเกอถามหลิงอวิ๋นเฮ่อตอนที่ฉินซีกับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งหลายของสำนักจิ่วเยี่ยนพูดคุยกัน ถึงอย่างไรมีความแตกต่างของระดับการฝึกตน วาจาบางอย่างสอบถามหลิงอวิ๋นเฮ่อจะเหมาะสมกว่า
หลิงอวิ๋นเฮ่อหัวเราะคำหนึ่ง เอ่ยว่า “เข้ามิติแห่งนี้แล้ว มีกี่คนเต็มใจจะสละสมบัติวิญญาณระหว่างทาง พวกเขาน่าจะยังหาสมบัติกันอยู่กระมัง”
โม่เทียนเกอกะพริบตา ก่อนหน้านี้หลิงอวิ๋นเฮ่อมีท่าทางอยากพูดแต่กลั้นเอาไว้ต่อนางมาโดยตลอด วันนี้กลับผ่อนคลายขนาดนี้…… ในใจคิดอย่างนี้ บนใบหน้านางไม่เผยความผิดปกติ ยังคงยิ้มเอ่ยว่า “เช่นนั้นสหายเต๋าหลิงเล่า ท่านกับท่านอาจารย์ทั้งหลายล้วนยอมสละหรือ”
หลิงอวิ๋นเฮ่อส่ายหน้า สายตาเหลือบลงภูเขา “สหายเต๋าโม่ไม่ค้นพบหรือว่าคนของพวกข้าน้อยลง ขอบอกอย่างไม่ปิดบัง ซือซูซือป๋อหลายคนนั้นของข้าได้รับคำสั่งให้ไปเสาะหาสมบัติแล้ว เพียงแต่หยวนมู่ซือป๋อคิดว่าชะตาเซียนในวังเซียนเป็นเรื่องใหญ่ สมบัติวิญญาณปล่อยให้ซือซูซือป๋อหลายคนนั้นไปเสาะหาก็พอ พวกเรามาทำกิจที่สำคัญเร่งด่วน”
“อ้อ……” อย่างนี้ก็มีเหตุผล ถึงอย่างไรคนของสำนักจิ่วเยี่ยนมีมากมาย ก็มีเพียงพวกเขาที่สามารถแบ่งทัพเป็นสองทางทว่ารับประกันความแข็งแกร่งของทั้งสองทางได้ไม่แย่
“จริงสิ เมื่อครู่สหายเต๋าโม่พบกับอสูรปีศาจขั้นเก้า ไม่ทราบความแข็งแกร่งเป็นอย่างไร พวกข้าเพียงเห็นตัวหนึ่ง อสูรปีศาจนั้นเห็นพวกข้าคนมากเข้มแข็งก็หลบหนีตั้งแต่ไกล ๆ แล้ว……
ทางนี้หลิงอวิ๋นเฮ่อกับโม่เทียนเกอคุยเล่นกัน ฝั่งนั้นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งหลายกับฉินซีขอคำชี้แนะกันและกัน เวลาผ่านไปครึ่งค่อนวัน ในหิมะสีขาว ในที่สุดปรากฏร่างคนขึ้นมาอีก
จีวรรองเท้าฟาง อาสนะดอกบัวขานนามพุทธองค์ ภิกษุกลุ่มหนึ่งเร่งฝีเท้ามา กลับเป็นอู๋หมิงเจินเจ่อและซูเซียงเจินเจ่อมาถึงแล้ว
ทุกคนลุกขึ้น อาจารย์เต๋าหยวนมู่เข้าไปทักทาย “สหายเต๋าอู๋หมิง ท่านมาแล้ว” ยังคงไม่ถามไม่ไถ่ซูเซียงเจินเจ่อ
ซูเซียงเจินเจ่อก็ไม่แยแส กลับชิงตะโกนก่อนว่า “ตาเฒ่าหยวนมู่ พวกท่านมาเร็วขนาดนี้ทำอะไร ระหว่างทางวัตถุฟ้าสมบัติดินตั้งมากมาย ท่านถึงกับเต็มใจสละ?”
อาจารย์เต๋าหยวนมู่ร้องหึคำหนึ่ง พูดว่า “เปิ่นจั้วเพียงมาถึงเร็วกว่าพวกท่านนิดเดียวเท่านั้น นี่ยังไม่ถึงห้าวันเลย ท่านก็เต็มใจสละมากนี่!”
“ไห่! วัตถุฟ้าสมบัติดินดีอีกแค่ไหนก็สำคัญเทียบกับวาสนาแปลงเทพไม่ได้ไม่ใช่หรือ ข้าไม่ได้มีกุญแจอะไร ถ้ามาสายไยมิใช่เข้าไปไม่ได้แล้ว?”
อาจารย์เต๋าหยวนมู่กลอกตาใส่เขาอย่างปึ่งชา ไม่แยแสใส่ใจ
ก่อนหน้านี้โม่เทียนเกอเคยเห็นมาแล้วว่าซูเซียงเจินเจ่อผู้นี้ค่อนข้างไม่ได้มีความภูมิฐานของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย พูดจาไร้สาระ อะไรล้วนพูดได้ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายเหล่านั้นกว่าครึ่งล้วนเพิกเฉยต่อเขา แม้แต่อาจารย์เต๋าหยวนมู่ผู้ไหลลื่นก็ไม่ยกเว้น
อู๋หมิงเจินเจ่อหัวเราะฮา ๆ ออกมารอมชอมว่า “สหายเต๋าหยวนมู่ พวกท่านมาเร็วแท้ — สหายเต๋าฉิน สหายน้อยโม่ พวกท่านก็มาแล้ว”
……………….
ตอนที่ 461 – ทางเดินวังเซียน
MANGA DISCUSSION