บทที่ 9 วิธีแก้แค้นของหญิงงาม
“ฮ่า ๆ หากข้าหลงรักนางจริง ไว้ข้าก็จะไปตามจีบนางกลับมาอีกครั้งด้วยตัวเองก็แล้วกัน” เหลียงเฟยหัวเราะพลางกล่าว “แต่แม่นางเย่นั้นงดงามเลิศล้ำ แม้ข้าจะรักนาง นางก็อาจไม่ชอบข้า นางคงจะพบผู้ที่เหมาะสมกว่าข้าเป็นแน่”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อพวกเจ้าเจตนาจะถอนหมั้นกัน ข้าก็ไม่อาจบังคับได้ แตงโมที่บีบนั้นย่อมไม่หวานอร่อยนักหรอก ว่าแต่วันนี้เจ้าจะพักอยู่ที่ไหนล่ะ?”
เหลียงเฟยคิดสักครู่แล้วพูดว่า “ข้าคงต้องรีบกลับสำนัก”
“อืม งั้นเอาเช่นนี้ เจ้าค้างที่นี่เสีย กินข้าวที่นี่ก่อน ต่อไปก็ให้ถือที่นี่เป็นบ้านของตนเอง มีสิ่งใดต้องการก็แจ้งมาได้ ทุกสิ่งที่ตระกูลเย่มี เจ้าสามารถนำไปใช้ได้ตามสบาย”
“ข้าต้องขอรบกวนท่านลุงด้วยครับ” นี่เป็นครั้งแรกที่เหลียงเฟยมาเยือน หากมาแล้วจากไปทันทีจะเป็นการเสียมารยาท เขาจึงตกลงค้างและรับประทานอาหารที่จวนตระกูลเย่เสียก่อน
ระหว่างรอเวลารับประทานอาหาร ผู้นำตระกูลเย่ก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะที่เหลียงเฟยย้ายไปนั่งดื่มชาอยู่ในห้องรับแขก
ไม่นานนัก เย่ฮวาหรงก็วิ่งกลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง
ใบหน้าขาวผ่องงดงามของอีกฝ่ายแดงก่ำเพราะความโกรธ ดวงตาเกือบจะลุกโชนขึ้นด้วยเพลิงโทสะออกมา ยามที่เห็นเหลียงเฟยนั่งดื่มชาอย่างสบายใจ ภาพตรงหน้านั้นยิ่งทำให้เขาโกรธจนแทบระเบิด
เขาชิงถ้วยชาจากมือเหลียงเฟยมาแล้วต่อว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาขอถอนหมั้นกับพี่สาวข้า พี่สาวข้าด้อยกว่าเจ้าตรงไหนกัน เจ้าคิดว่าเจ้าดีเด่มากหรือไร? หากจะถอนหมั้น ก็ต้องเป็นพี่สาวข้าเป็นคนมาขอถอนหมั้นกับเจ้าเท่านั้น!”
เย่ฮวาหรงโกรธจนเสียสติไปแล้ว เมื่อครู่เขาเพิ่งจะวิ่งไปโวยวายในห้องของเย่เทียนฉง ต่อว่าบิดาของตน ว่าไม่ยกพี่สาวให้คนอย่างเหลียงเฟย
แต่ใครจะรู้ว่าพ่อของเขาก็ยังต้องอ้ำอึ้งไปพักใหญ่กว่าจะตอบกลับคำถามของเขา ‘เหลียงเฟยมาไม่ใช่เพื่อขอหมั้นพี่สาวเจ้า แต่มาขอถอนหมั้นต่างหาก เขาไม่ยอมรับการหมั้นหมายในครั้งนี้’
ด้วยเหตุนี้มันยิ่งทำให้เย่ฮวาหรงโกรธจนสมองจะระเบิด พี่สาวของเขาเป็นผู้หญิงที่งดงามราวกับนางฟ้า มันควรจะเป็นนางที่คอยปฏิเสธคนอื่นที่มาตามตื๊อ ไอ้เจ้าอัปลักษณ์เหลียงเฟยมีสิทธิ์อะไรมาชิงปฏิเสธนางก่อนกัน!
ในสายตาของบุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาอย่างเย่ฮวาหรง เหลียงเฟยนั้นไม่ได้ดูดีอะไรเลย
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าเหลียงเฟยยังไม่ได้จากไป ด้วยความโกรธสุดขีด น้องชายผู้คอยชื่นชมผู้เป็นพี่สาวมาโดยตลอดผู้นี้จึงไม่อาจจะหักห้ามใจไม่ให้ตนมาสั่งสอนเหลียงเฟยได้
เหลียงเฟยอยากจะร้องไห้ออกมาโดยไม่มีน้ำตาจริง ๆ
แต่ต่อให้เขาจะอยากร้องไห้ขนาดไหน น้ำตามันก็ไม่มีให้ไหลอีกแล้ว เมื่อครู่ ตอนเจ้านี่คิดว่าตนมาขอพี่สาวเป็นคู่ครอง วาจาที่อัดแน่นด้วยโทสะก็เพิ่งกล่าวหาว่าเขาเป็นเพียงคนจนที่เข้ามาในตระกูลหมายจะเกาะกินเนื้อหงส์งามไปหมาด ๆ ต่อว่าเขาว่าไม่เหมาะสมกับสตรีแห่งตระกูลที่สูงส่งเช่นนี้
ครั้นพอรู้ว่าตนมาขอยกเลิกการหมั้นหมาย เจ้านี่ก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวขึ้นไปอีก กล่าวหาว่าเขาไม่ประสีประสา ไม่คู่ควรกับสตรีของตระกูลนี้ ยังกล้ามาขอยกเลิกการหมั้นหมายอีก
จิตใจของผู้มีอำนาจนั้นเป็นเช่นนี้หรือ? คิดว่าเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สูงส่งเหนือกว่าผู้อื่น ส่วนคนอื่น ๆ นั้นแม้แต่โอกาสที่จะได้เลือกชะตากรรมของตนเองก็ไม่มีงั้นสิ?
“คอข้าแห้งไปหมดแล้ว เจ้าเทน้ำชาให้ข้าดื่มสักถ้วยสิ” เหลียงเฟยกัดฟันกล่าว สั่งเจ้าหนุ่มเย่ฮวาหรงด้วยใบหน้าที่พยายามจะสงบจิตไว้
จากการต่อสู้ครั้งก่อน แม้เย่ฮวาหรงจะอยู่ราชันยุทธ์ขั้นกลางก็ตาม แต่หากเป็นการต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวล่ะก็ อีกฝ่ายไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่ ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวเย่ฮวาหรง
“เจ้า!” เย่ฮวาหรงเบิกตากว้าง ถ้อยคำของเจ้ากระยาจกนี่สื่ออย่างชัดเจนว่าเขามองตนเป็นเพียงข้ารับใช้ในจวนตระกูลเย่เท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วใครมันจะกล้าสั่งการผู้เป็นนายน้อยของตระกูลเช่นนี้ได้
“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าบอกหรืออย่างไร ข้าบอกว่าข้าคอแห้ง กระหายน้ำ! ไปเทน้ำชาให้ข้าจิบดื่มสักถ้วย อ้อ! เทน้ำแรกทิ้งด้วยล่ะ ข้าจะดื่มเพียงน้ำที่สองเท่านั้น” เหลียงเฟยกล่าวอีกครั้ง ดวงตาเปี่ยมด้วยความดื้อรั้นแน่วแน่
“อากาศร้อนจนสติเตลิดไปแล้วหรือไร? ข้าไม่มีหน้าที่ที่ต้องมารินชาให้เจ้า คิดว่าตัวเองเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน ฮะ!” เจ้าหนุ่มเย่ฮวาหรงหัวเราะออกมาจากลำคอแล้วเปล่งเสียงถาม
“สติข้ายังดีอยู่” เหลียงเฟยกล่าว “นี่เจ้าลืมคำที่บิดาของเจ้ากล่าวไปแล้วหรือ ว่าถ้าหากมีบุตรสาวจะต้องส่งมาแต่งเข้าตระกูลข้า หากมีบุตรชายจะต้องรับใช้เป็นมือเป็นเท้า นี่ข้าขอเพียงให้เจ้ารินชาให้ แม้เป็นเพียงคำขอเล็กน้อยเช่นนี้ ตระกูลเย่ของพวกเจ้าก็ยังทำไม่ได้หรือ”
เหลียงเฟยไม่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อคุณชายจ้าวสำอางคนนี้เลย ดังนั้นจึงตั้งใจจะสั่งสอนเขาให้รู้ถึงมารยาทที่พึงมีเสียบ้าง
‘ถ้าอยากจะสติแตกกางเขี้ยวเล็บใส่ข้าก็เอาเลย’
‘ทั้งบู๊หรือบุ๋นข้าก็พร้อมประมือกับเจ้าหมดนั่นแหละ’
“เจ้า!” เย่ฮวาหรงชี้นิ้วสั่นเทิ้ม แต่เขากลับไม่สามารถโต้แย้งใด ๆ ได้ เพราะเมื่อครู่บิดาของเขาพูดประโยคนั้นออกมา เขาเองก็ได้ยินอย่างชัดเจน จะปฏิเสธก็คงไม่ได้แล้ว
“ทำไม เสียงข้าดังไม่พอให้เจ้ารับฟังหรืออย่างไร? ไปรินชาให้ข้าดื่มซะ!” เหลียงเฟยเคาะโต๊ะด้วยนิ้วมือพลางกล่าว “หากข้านำเรื่องราวในวันนี้ออกไปเปิดเผย คงจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลเย่ของพวกเจ้าไม่น้อยเลย เจ้าเป็นบุรุษของตระกูลเย่แม้แต่ความรับผิดชอบเพียงเล็กน้อยนี้ก็ยังทำไม่ได้หรือ”
‘เช่นนั้นก็ดื่มพิษไปแล้วกัน!!’ เย่ฮวาหรงโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เขานึกภาพไม่ออกว่าราชันยุทธ์อย่างเขาจะพ่ายแพ้ต่อผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตขัดเกลากระดูกขั้นสูงได้อย่างไร การพ่ายแพ้ต่อเหลียงเฟยทำให้เขารู้สึกอับอาย
เย่ฮวาหรงคว้าถ้วยชาของเหลียงเฟยไปเพื่อจะไปเติมชาใหม่ที่ห้องน้ำ
“อ้อ อย่าลืมเสียล่ะว่าข้าดื่มเพียงชา” เหลียงเฟยตะโกนตามไปด้านหลัง “เมื่อนำชามา ข้าจะเทให้เจ้าครึ่งหนึ่ง หากเจ้าต้องการถ่มน้ำลายลงไป ข้าก็ไม่ขัดข้องหรอกนะ”
ร่างของเย่ฮวาหรงกระตุกวาบ เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอ่านความคิดอำมหิตของเขาออกล่วงหน้าเช่นนี้
‘เจ้ากระยาจกสามหาวนั่น! เชิญหยิ่งผยองไปก่อนเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจที่บังอาจมาถอนหมั้นกับพี่สาวของข้า ดูให้ดีเถิดว่าพี่สาวของข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร’ เย่ฮวาหรงคิดในใจ มือที่จับถ้วยชากำแน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน ถ้วยชาในมือส่งเสียงกรอบแกรบ
เย่ฮวาหรงรีบชงชาให้เหลียงเฟย แล้วกระแทกลงบนโต๊ะไม้เล็กข้าง ๆ อย่างแรง จากนั้นเขาก็ใช้ยันต์สื่อวิญญาณติดต่อพี่สาวที่สำนักเซียนหยูฮั่ว
‘พี่หญิง มีคนมาดูหมิ่นท่าน!’
‘เจ้าว่าอะไรนะ?’
‘เจ้าคนเลี้ยงสัตว์นั่นมันมาขอถอนหมั้นกับท่านแล้ว!’
เย่หลิวซูนิ่งไปชั่วครู่ ปกตินางเป็นฝ่ายปฏิเสธคนอื่นมาตลอด ไม่เคยมีผู้ใดปฏิเสธนางมาก่อนเลย ในใจของนางอยากจะกรีดร้องออกมา แต่ก็ต้องรักษาความเยือกเย็นไว้ ‘น้องรอง เจ้าไม่ได้หลอกพี่ใช่ไหม’
‘ข้าไม่มีทางหลอกท่านแน่ พี่หญิง ที่ข้าพูดล้วนคือความจริง!’
ปลายนิ้วเรียวไร้ที่ติเอื้อมไปเด็ดผกามาศดอกหนึ่งจากข้างกาย เย่หลิวซูค่อย ๆ เด็ดกลีบดอกไม้ทีละกลีบ อย่างเชื่องช้า ๆ แต่ก็ซ่อนความรู้สึกซับซ้อนในใจไม่ได้ นางนิ่งไปครู่หนึ่ง
น้องชายอย่างเย่ฮวาหรงพูดต่อ ‘พี่หญิง พี่ไม่ต้องโกรธหรอก ข้าว่าชายคนนั้นคงรู้ตัวดีแล้วล่ะ’
‘ข้าก็คิดอย่างนั้น!’ เย่หลิวซูปลอบใจตัวเองและเดินมาที่ริมน้ำ
เย่ฮวาหรงรับคำ
มองดูเงาสะท้อนร่างกายงดงามปราศจากมลทินของตนเองในสระน้ำ เย่หลิวซูนึกถึงคนนับไม่ถ้วนทั้งมณฑลที่กล่าวชมว่านางมีรูปโฉมเพียงใด
งามวิจิตรดั่งเทวัญบนฟากฟ้า ตระการตาดั่งบุปผาเคล้าบุหลัน เกศายาวดั่งสายธารย้อมขลับมัน ขาแขนเพรียวเรียวจรดปลายไร้ราคี
นางมั่นใจเป็นอย่างมากว่าไม่มีใครสามารถต้านทานความงดงามของเรือนร่างนี้ได้อย่างแน่นอน ไหนจะทรวดทรงที่แม้แต่สตรีด้วยกันเองก็ยังยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้มองไหว
ทั้ง ๆ ที่คำชมเชยความงามของข้าก็มีมากมายเช่นนั้น…แต่เจ้านั่นกลับเมินข้าม…
ท้ายที่สุดนางก็กัดริมฝีปากบางของตนก่อนจะตอบกลับไป ‘น้องรอง! พี่จะไม่ยอมรับสภาพนี้เป็นอันขาด!’
‘พี่หญิง ท่าน…’ น้องชายอย่างเย่ฮวาหรงพูดไม่ออก
‘น้องรอง เจ้าเป็นผู้ชาย เจ้าไม่มีทางเข้าใจ สตรีทุกคนที่ถูกบุรุษเหยียดหยามจะไม่ยอมปล่อยผ่านการกระทำนี้ไปได้อย่างแน่นอน ไม่ว่านางคนนั้นจะสูงส่งถึงเพียงไหนหรือไม่ว่านางจะดูสงบเยือกเย็นถึงเพียงใด ลึกเข้าไปในใจพวกนาง เรื่องนี้ย่อมไม่จบง่าย ๆ แน่!’
เพราะเป็นชาย เย่ฮวาหรงจึงไม่อาจเข้าใจสิ่งที่พี่สาวของตนพูดออกมาได้ทั้งหมด ‘พี่หญิง ท่านหมายความว่าอย่างไร?’
เย่หลิวซูหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ‘ข้าจะไปหาเขา และทำให้เขารักข้า!’
เทพธิดาเย่หลิวซูที่บุรุษนับไม่ถ้วนต่างถวิลหาและใฝ่ฝันอยากจะครอบครอง ครั้งนี้นางกลับจะเป็นฝ่ายเข้าหาบุรุษคนหนึ่งก่อน เรื่องแบบนี้หากไม่ได้ยินกับหู ใครมันจะไปเชื่อ?
แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่เพราะการเสน่หา นี่แหละคือวิธีแก้แค้นบุรุษที่กล้ามาหมิ่นเกียรติของสตรีงามนางนี้
MANGA DISCUSSION