บทที่ 8 ถอนหมั้น
“เจ้ามีคนที่ชอบพอกันอยู่แล้วหรือ?” หลังจากหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อขับไล่ความฟุ้งซ่านเย่เทียนฉงจึงเอ่ยเสริมขึ้น “ในกรณีที่พวกเราทั้งสองตระกูลได้วางข้อตกลงหมั้นหมายกันมาก่อน มันก็ใช่ว่าเจ้าจะไม่สามารถเลือกคนอื่นมาเป็นคู่ครองได้ แต่เจ้าก็ควรแจ้งให้ตระกูลเย่ทราบล่วงหน้า มิใช่ปล่อยให้เรื่องมันกระชั้นชิดเช่นนี้”
ลึก ๆ แล้วเย่เทียนฉงเข้าใจว่าอาจเป็นเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เหลียงเฟยจึงเอ่ยปากขอยกเลิกการหมั้นหมายออกมา แต่เขาไม่สามารถพูดออกไปตามตรงได้ ยิ่งหากเหลียงเฟยรู้ว่าเขาแอบมองอยู่ข้าง ๆ โดยมิได้เข้าไปช่วยเหลือห้ามปราม มันจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
“ไม่ใช่เช่นนั้นเลยท่านลุง! ข้าแค่อยากถอนหมั้นด้วยตนเองเท่านั้น!” เหลียงเฟยตอบอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่แสดงออกถึงความถ่อมตนหรือหยิ่งผยอง ดูราวกับลูกวัวตัวเล็ก ๆ ที่ไม่กลัวตาย ไม่หวั่นเกรงแม้อีกฝ่ายนั้นอาจเป็นผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นจักรพรรดิยุทธ์ก็ตาม
มิใช่ว่าเหลียงเฟยมั่นใจว่าจะชนะเขาได้ แต่เป็นเพราะเขาเชื่อมั่นว่าเย่เทียนฉงจะไม่ฆ่าเขาต่างหาก!
เย่เทียนฉงก็ยังไม่ยอมแพ้ วางมาดดุดันของนายพลออกมาข่ม เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นพร้อมใช้วาจากดดัน “เจ้าคิดว่าหลิวซูไม่คู่ควรกับเจ้างั้นหรือ?”
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกครับ แม้ข้ายังไม่เคยพบกับแม่นางเย่ แต่หลังจากได้ยินเสียงร่ำลือเกี่ยวกับนาง ข้าก็พอจะรู้มาว่านางนั้นงดงามดั่งนางฟ้าเทพยดาผู้สูงส่ง”
“แล้วอย่างไร ให้เหตุผลมาสิ” เย่เทียนฉงไม่ได้ถามซอกแซก แต่พยายามบีบให้เหลียงเฟยเปิดเผยด้วยตนเอง หากเขาบอกว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ก็ยังพอจัดการได้!
อย่างไรก็ตาม เหลียงเฟยฉลาดเฉลียวไม่ได้พูดตามที่อีกฝ่ายคาดหวัง เขามีเหตุผลที่หนักแน่นพอ
“ท่านลุง ท่านก็รู้ว่าข้ายังไม่เคยพบหน้าแม่นางเย่เลย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราจะไม่มีรากฐานความรู้สึกใด ๆ ต่อกันทั้งสิ้น การเกี่ยวดองกันในลักษณะนี้ จะทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นในเรื่องความรักของพวกเรา”
“ไม่ใช่แค่ข้าแต่เพียงผู้เดียว แต่ข้าเชื่อว่าแม่นางเย่ก็เช่นกัน พวกเราต่างมีสิทธิ์ที่จะแสวงหาความรักของตนเอง ความรักแบบตอบแทนบุญคุณหรือใช้หนี้นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ข้ายินดีจะรับ และไม่ใช่เหตุผลที่แม่นางเย่ควรเสียสละตนเองด้วย”
“ในชีวิตยังมีโอกาสและความสุขมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ท่านอาจปล่อยให้ความสุขที่มีอยู่ในมือหลุดลอยไปโดยง่าย และเมื่อมารู้สึกเสียใจในภายหลัง ยามนั้นก็สายเกินแก้เสียแล้ว ข้าไม่อยากปล่อยให้หญิงสาวที่ข้าชอบหลุดลอยไป เพียงเพราะมีข้อผูกมัดจากสัญญาหมั้นหมาย และนั่นย่อมไม่ใช่แนวทางของข้า”
“แนวทางของเจ้าคืออะไร?” เย่เทียนฉงสีคลายสีหน้าที่เคร่งเครียดลง เขาผลิยิ้มน้อย ๆ
ดูเหมือนคำอธิบายของเหลียงเฟยจะได้รับการยอมรับ เพราะสิ่งที่ตระกูลเย่ทำในตอนแรกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
“รักในสิ่งที่รักอย่างอิสรเสรี” เหลียงเฟยตอบเสียงดังและชัดเจน
“รักในสิ่งที่รักอย่างอิสรเสรี แบบนั้นเองสินะ! เหลียงเฟย! เจ้าผู้เป็นบุตรหลานของตระกูลเหลียง มิใช่เพียงมีจิตวิญญาณอันประเสริฐเท่านั้น แต่ยังมีวาจาอันคมคายปรีชาชาญอีกด้วย ชายชราอย่างข้า ประทับใจในตัวเจ้ายิ่งนัก”
ถึงอย่างนั้นเย่เทียนฉงกลับมีรอยยิ้มแพรวพราย มองดูเหลียงเฟยด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพูดต่อ “แต่ว่าเจ้าจะไม่คิดทบทวนอีกครั้งหรือไร แม้ว่าเจ้าเอ่ยปากขอถอนหมั้นไปแล้ว แต่ข้าก็จะยังให้โอกาสแก่เจ้าอยู่นะ ข้าเย่เทียนฉงผู้เคยเป็นนายพลมาตลอดชีวิต ยังไม่เคยผิดสัญญาเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของผู้นำตระกูล เหลียงเฟยก็ได้ผ่อนลมหายใจโล่งอก รู้สึกว่าท่านเย่เทียนฉงผู้นี้ มีทั้งมาดที่เข้มงวดและนุ่มนวล ประสานกลมกลืนกันอย่างน่าชื่นชม เปี่ยมไปด้วยสง่าราศีของนักรบผู้ยิ่งใหญ่แฝงอยู่ไม่น้อย
คิดไปคิดมา เขาจึงยิ้มแล้วตอบกลับไป “ท่านลุง ข้าได้ตัดสินใจแล้ว”
“เจ้าก็เห็นแล้วว่า ตระกูลของพวกข้าก็ไม่ได้ถือว่าขัดสน ลูกสาวของข้าอย่างหลิวซู นางเป็นที่รักยิ่งของข้า และยังมีความสามารถในการบ่มเพาะวิถีสวรรค์เป็นพิเศษอีกด้วย นางกำลังจะได้รับการแต่งตั้งเป็นศิษย์สายตรงของสำนักเซียนหยูฮั่ว ในอนาคตตระกูลเย่ทั้งตระกูลก็อาจจะตกอยู่ใต้การปกครองของนางเสียด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินคำว่า “ศิษย์สายตรง” เหลียงเฟยก็ไม่อาจรักษามาดนิ่งไว้ได้อีกแล้ว เผลอปล่อยสีหน้าตื่นตะลึงขึ้นมาชั่วขณะ ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอาจารย์เทียนอี้จะให้ความสำคัญกับนางมากมายเพียงนี้ ที่แท้นางก็เป็นผู้มีพรสวรรค์อันโดดเด่นเยี่ยงนี้นี่เอง
เหลียงเฟยก็รู้สึกหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย ฉุกคิดในใจว่า ต้องรีบควบคุมสติให้มั่นคง แก้ไขความรู้สึกผิดหวังที่ได้รับมา ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาคู่ควรที่จะได้แต่งงานกับหลิวซู!
หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้แล้วเหลียงเฟยจึงกล่าวตอบ “แม่นางเย่นั้น แท้จริงเป็นสตรีที่งดงามหาได้ยากยิ่งในหมื่นแสนปี แต่นั่นเป็นบุญวาสนาของนาง แม้ว่าข้าหวังจะได้รับพลังอำนาจ แต่ข้าต้องการจะได้มาด้วยความพยายามของตนเอง ไม่อยากใช้วิธีการเช่นนี้ เพราะกลัวว่าจะทำให้ชีวิตสุขสบาย จนละเลยการบำเพ็ญเพียรไป”
“แม้ว่าหลิวซูจะไม่ใช่สตรีที่งดงามจนทำให้เหล่ามัจฉาในธาราหรือจันทราบนฟากฟ้ากว้างต้องชิงชัง แต่ในเมืองหลวงและสำนักเซียนหยูฮั่วนั้น นางก็มีชื่อเสียงในความงดงามอยู่บ้างพอสมควร จากที่ข้าได้ยินมา ชายหนุ่มที่หมายปองของนางคงจะเรียงรายจากหน้าประตูจวนไปจนถึงประตูเมืองหลวงเสียด้วยซ้ำ แล้วเจ้าจะยังปฏิเสธคู่ครองที่งดงามเช่นนี้ได้อีกหรือ?”
“ข้ามีความเห็นว่า ความรักและรูปลักษณ์ภายนอกนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เป็นเพียงการหลงใหลชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น คู่ครองที่ข้าต้องการอาจไม่จำเป็นต้องเป็นผู้งดงามก็ได้” เหลียงเฟยตอบอย่างมั่นคง แต่ในใจกลับหัวเราะอยู่ เย่เทียนฉงพูดจาหว่านล้อมเขาขนาดนี้ แสดงว่าท่านคงพอใจในตัวเขาผู้เป็นว่าที่บุตรเขยเป็นอย่างยิ่ง
‘วันนี้ข้าจะต้องยืนกรานจนถึงที่สุด ต้องทำให้ตระกูลเย่รู้สึกอับอายขายหน้าต่อเรื่องในวันนี้ให้ได้’
เย่เทียนฉงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “เอาล่ะ ข้าเข้าใจ ดูเหมือนว่าเจ้าตั้งใจที่จะยกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้จริง ๆ”
เห็นเย่เทียนฉงพยักหน้ารับอย่างหมดหวัง เหลียงเฟยก็พยายามพูดไกล่เกลี่ย “ท่านลุง ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อมิตรภาพระหว่างท่านกับบิดาของข้า และนี่ก็เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของแม่นางเย่ด้วยเช่นกัน”
แม่ทัพสูงวัยถอนหายใจยาวอีกครั้ง เขาหันมาพูดเพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศของตน “แน่นอน แม้หลิวซูจะไม่ได้กล่าวอะไร แต่ข้าก็รู้ว่านางเองก็คงจะยืนกรานปฏิเสธเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นแล้วหากว่าเจ้าจะถอนหมั้นครั้งนี้จริง ๆ ข้าก็ต้องเป็นฝ่ายที่เจรจากับนางเอง อย่างไรก็เถอะเมื่อเจ้ามาขอถอนหมั้นแล้ว ข้าก็จะถือว่าตัวข้าพ้นภาระอันหนักอันอึ้งนี้ไปด้วย”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เย่เทียนฉงหันหน้าไปทางเหลียงเฟยพลางกล่าว “แต่ถ้าเจ้าหลงรักหลิวซูขึ้นมาในภายหลังล่ะ เจ้าจะทำเช่นไร?”
MANGA DISCUSSION