บทที่ 6 ประลองกับเย่ฮวาหรง
ลุงฮั่วไม่อาจนิ่งดูดายได้อีกต่อไป การใช้วิถีเทพต่อสู้กับผู้ที่มีพลังเพียงขอบเขตขัดเกลากระดูกขั้นสูงนั้นช่างไร้ศักดิ์ศรี น่าอับอายขายหน้ายิ่งนัก!
ขณะที่ลุงฮั่วก้าวออกไปได้เพียงก้าวหนึ่ง เขากลับพบว่าคลื่นแสงนั้นพุ่งใส่เหลียงเฟยนั้นไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนบนร่างของเด็กหนุ่มได้เลย ร่างนั้นทะยานตัวขึ้นไปบนอากาศ ปลายเท้าสองข้างหมุนวนในอากาศด้วยความเร็วสูง
วินาทีที่ควรจะเกิดการปะทะ เหลียงเฟยก้มร่างหลบต่ำ สร้างแรงส่งอันมหาศาลไว้ที่ฝ่าเท้าแล้วดีดตนเองออกไปดั่งลูกธนูที่พุ่งดิ่งออกจากคันศรคอยหลบหลีกการปะทะกับฝ่ามือทลายเมฆาของเย่ฮวาหรงได้อย่างง่ายดาย!
การโจมตีของเย่ฮวาหรงไม่สามารถสร้างบาดแผลเหลียงเฟยได้ มันทำให้เจ้าตัวโกรธจนกัดฟันกรอด ย้ำคิดในใจไม่ให้ตนเตลิด ‘เจ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น’ ก่อนจะไม่รีรอที่จะปลดปล่อยกระบวนท่าของตนออกมาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้ ปราณรูปฝ่ามือมากมายหลายฝ่ามือก็ระเบิดขึ้นพร้อมกับคลื่นอากาศอันทรงพลัง กวาดไปทางเหลียงเฟยด้วยเสียงก้องสะท้าน ปราณสีฟ้าสดใสแทบจะกลืนกินเขาไปทั้งตัว
ต่อหน้าการโจมตีรุนแรงเช่นนี้ เหลียงเฟยยังคงสงบนิ่ง ใช้ฝีเท้าลมกรด ศาสตร์วิชาแห่งการเร่งความเร็วหลบหลีกคลื่นพลังนั้น ไม่ยอมให้เย่ฮวาหรงแตะต้องได้เลย
“ศาสตร์วิชาฝีเท้านั่นน่าอัศจรรย์นัก! แน่ใจหรือว่าเหลียงเฟยมีพลังเพียงขอบเขตขัดเกลากระดูกขั้นสูงเท่านั้น?” ลุงฮั่วอดที่จะประหลาดใจไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งนี้
โชคดีที่เสียงระเบิดดังสนั่นกลบเสียงของเขาไว้ มิฉะนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่ประมือกันอยู่ คงจะสังเกตเห็นผู้มาเยือนแล้ว
ท่านผู้นำแห่งตระกูลเย่กล่าวขึ้น “คำที่เล่าลือนั้นไม่ผิด แท้จริงแล้วเหลียงเฟยมีกำลังภายในไม่สูงนัก มีแนวโน้มว่าจะอยู่เพียงขอบเขตขัดเกลากระดูกขั้นสูงเท่านั้น!”
จากนั้นทั้งคู่ก็ตั้งใจชมการต่อสู้ต่อไป ดูเหมือนจะรู้สึกสนุกสนานเป็นพิเศษ เชื่อว่าเหลียงเฟยคงจะนำความประหลาดใจมาให้พวกเขาอีกแน่นอน
เย่ฮวาหรงยังคงลอยอยู่บนท้องนภา ไม่หยุดใช้ฝ่ามือทลายเมฆา กระแสลมและเมฆหมอกบนท้องฟ้าเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดการต่อสู้ที่ดำเนินไปเรื่อย ๆ ฝ่ามือแสงสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนโจมตีใส่เหลียงเฟยซ้ำแล้วซ้ำอีก
เหลียงเฟยพึ่งพาฝีเท้าลมกรดหลบหลีกฝ่ามือทลายเมฆาที่พุ่งเข้ามาหนาแน่นได้อย่างคล่องแคล่ว จนกระทั่งเย่ฮวาหรงจนปัญญา เพราะหมดหนทางที่จะจัดการเหลียงเฟยในตอนนี้
การเป็นราชันยุทธ์ขั้นกลางของเขามันบีบคั้นให้เขาไม่อาจจะมองข้ามความจริงที่ตนไม่อาจจะจัดการกับเหลียงเฟยที่เป็นเพียงระดับสูงสุดขอบเขตขัดเกลากระดูกได้ หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปสู่คนภายนอก เขาคงจะต้องอับอายขายหน้ายิ่งนัก ความโกรธพุ่งทะยานสูงจนเลือดขึ้นหน้า ใบหน้างามกัดฟันกรอดจนเกิดเสียง ใจที่ถูกเผาไหม้ด้วยไฟโทสะอยากจะกำจัดเหลียงเฟยให้สิ้นซากไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ทันใดนั้น เย่ฮวาหรงก็เปล่งเสียงตะโกนดังลั่น ร่างกายเคลื่อนไหวเร็วขึ้น ฝ่ามือทลายเมฆาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาราวกับดอกไม้ไฟกระจัดกระจายไปทั่ว พวกมันพุ่งเข้าใส่เหลียงเฟยพร้อมกัน
เหลียงเฟยมองดูพลังของเย่ฮวาหรง ในใจก็คิดว่าเขาไม่น่าเป็นเพียงราชันยุทธ์ขั้นกลางเท่านั้น ใช้พลังปราณมากมายขนาดนี้ แต่พละกำลังยังคงสมบูรณ์อยู่
‘เอาเถอะ การหลบหลีกแบบนี้ต่อไปย่อมไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนอยู่แล้ว’
เดิมทีเหลียงเฟยวางแผนจะปล่อยให้เยว่ฮวาหรงใช้ปราณจนสิ้นเปลืองพละกำลังไปเอง เมื่อเขาไม่สามารถใช้วิถีเทพได้อีกแล้ว จึงจะเข้าจู่โจมอีกฝ่ายเพื่อตัดสินแพ้ชนะ แต่ดูเหมือนวิธีนี้จะไม่ได้ผลแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือทลายเมฆาจำนวนมากที่พุ่งเข้ามาราวกับห่าฝน เหลียงเฟยไม่ได้หลบหลีกอีกต่อไป แต่ใช้ฝีเท้าลมกรดพุ่งเข้าหาฝ่ามือเหล่านั้นแทน
“บ้าไปแล้ว! เจ้าเด็กนั่นต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!” ลุงฮั่วเห็นเหลียงเฟยไม่หลบหลีกอีกต่อไป แต่กลับเผชิญหน้าอย่างบ้าบิ่น จึงร้องตะโกนขึ้นมา และกระโจนเข้าไปหมายจะช่วยเหลียงเฟยให้พ้นจากอันตราย
แต่ท่านผู้นำตระกูลเย่กลับห้ามเสียก่อน และกำชับย้ำด้วยความสงบนิ่ง “เจ้าลองมองสีหน้าของเหลียงเฟยให้ดี”
ลุงฮั่วเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองที่เด็กหนุ่ม คลื่นพายุลมที่เข้าปะทะรุนแรงทำให้เสื้อผ้าของเหลียงเฟยปลิวสะบัด ดูเหมือนฝ่ามือแรกจะกระแทกโดนร่างเขาแล้ว แต่สีหน้าของเขากลับไม่แสดงออกถึงความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
เย่ฮวาหรงฉีกยิ้มเล็กน้อย คิดในใจว่าครั้งนี้เหลียงเฟยจะต้องตายแน่แล้ว
โดยไม่คาดคิด เหลียงเฟยกำหมัดแน่นแล้วพุ่งเข้าหาฝ่ามือแสงเหล่านั้น เมื่อแสงสว่างระลอกแรกปะทะลงบนร่างของเขา เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แถมยังไม่สั่นไหวเลยแม้แต่นิดเดียว นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ยิ่ง!
เห็นแบบนั้นเย่ฮวาหรงขบกรามแน่น ก่อนจะสะบัดฝ่ามือออกไปอีกครั้ง ทำให้แสงสว่างระลอกสองพุ่งเข้าปะทะเป้าหมายเร็วขึ้น ฝ่ามือทะลายเมฆาจำนวนมากพุ่งเข้าใส่เป้าหมายเดียวกันในคราเดียว!
เหลียงเฟยชะงักไปชั่วขณะก่อนจะเร่งฝีเท้าต่อไปไม่หยุด รอบตัวเขาปกคลุมด้วยกลิ่นอายที่หนักแน่น ดูท่าเขาจะไม่ยอมจนกว่าเย่ฮวาหรงจะพ่ายแพ้
“มีความสามารถต้านทานเสียน่าทึ่งเช่นนี้ ไม่น่าจะเป็นขอบเขตขัดเกลากระดูกขั้นสูงแล้วกระมัง” ลุงฮั่วรำพึงด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ใช่แน่! ตามตำนานกล่าวว่าเมื่อฝึกฝนพลังกายจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว จะทำให้ดาบแทงไม่ทะลุ หมื่นอาวุธไม่กล้ำกราย” ท่านผู้นำตระกูลเอ่ยขึ้น ก่อนจะลูบเคราอันยาวเหยียด มองดูท่าทางของเหลียงเฟยด้วยท่าทางสนใจมากขึ้น
เย่ฮวาหรงเร่งการโจมตีอีกครั้ง ทำให้ปราณแสงนับสิบลำพุ่งเข้าหาเหลียงเฟย รวดเร็วมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ทำให้เหลียงเฟยถอยหลังหรือชะงักแม้แต่น้อย เขายังคงพุ่งเข้าไปข้างหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน ดูราวกับหินผากล้าแกร่งและคงกระพันเคลื่อนไหวได้อย่างไรอย่างนั้น
ภาพที่เกิดขึ้นดูโหดร้ายแต่ก็ทำให้เลือดเดือดพล่านไปด้วย
จากสิ่งที่เห็นตรงหน้า แน่นอนว่าเหลียงเฟยไม่มีวิชาใด ๆ เลย ขีดความสามารถจริง ๆ อยู่แค่ขอบเขตขัดเกลากระดูกขั้นสูงเท่านั้น
“ฮึ่ม! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้!” เมื่อเห็นเหลียงเฟยก้าวเข้ามาใกล้ ๆ เย่ฮวาหรงก็รู้สึกถึงอันตรายบางอย่าง เขาเปล่งเสียงร้องด้วยความโกรธและเคลื่อนร่างอย่างรวดเร็วปล่อยลำแสงออกมามากขึ้น
ชั่วพริบตา เหลียงเฟยก็ถูกล้อมรอบด้วยแสงสว่างสีฟ้า จนกระทั่งมองไม่เห็นร่างของเขาราวกับถูกกลืนกินไปทั้งหมด
ชีวิตเขาตกอยู่ในอันตรายแล้ว!
“ท่านรีบออกมาเร็ว นายน้อยเหลียงเฟย!” ลุงฮั่วตะโกนออกมาอย่างกังวล
ท่านผู้นำตระกูลขมวดคิ้ว ดูเหมือนเขาเองก็จะอดทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน
แต่เหลียงเฟยดูไม่สนใจเสียงร้องของลุงฮั่วและไม่สนใจแสงสว่างที่ตกกระทบบนร่างของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเพียงแค่คุกเข่าลง สะสมพลังปราณจนเต็ม ก่อนจะระเบิดออกมาครั้งใหญ่ ราวกับเป็นเสียงคำรามของมังกรและสิงโต เขาพุ่งเข้าหาเยว่ฮวาหรงที่อยู่ห่างออกไปราวหนึ่งจั้งพร้อมกำปั้นที่กำแน่นข้างหนึ่ง
แสงสว่างทุกลำที่เยว่ฮวาหรงปล่อยออกมา ยามที่ปะทะกับหมัดอันแข็งแกร่งของเหลียงเฟยมันก็ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แล้วก็สลายหายไปราวกับเป็นภาพมายา เยว่ฮวาหรงถูกหมัดของเหลียงเฟยอัดเข้าที่ท้องโดยตรง รู้สึกเหมือนอวัยวะภายในสะเทือนอย่างรุนแรง ร่างกายทั้งหมดไม่อยู่ในการควบคุมร่วงหล่นลงสู่พื้นในที่สุด
ลุงฮั่วไม่คาดคิดมาก่อนว่าเหลียงเฟย ซึ่งมีพลังเพียงขอบเขตขัดเกลากระดูกขั้นสูงเท่านั้น จะมีฤทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ จึงหัวเราะออกมาอย่างตื่นเต้น
แต่เย่เทียนฉงกลับมองด้วยสายตาอ้ำอึ้ง
‘นี่เองหรือที่เรียกว่าพลังรากฐานที่ได้รับการบ่มเพาะจนถึงขีดสุด’
ทุกคนล้วนกล่าวว่า รากฐานลึกตื้นเพียงใดก็จะกำหนดความสำเร็จของการบ่มเพาะในอนาคต เมื่อใดเหลียงเฟยเริ่มศึกษาวิทยายุทธ์ได้ เย่เทียนฉงก็คงไม่กล้าคาดเดาว่าเขาจะก้าวไปได้ถึงขั้นใด บางทีอาจจะกลายเป็นเทพยุทธ์คนที่ห้าในยุคนี้ก็เป็นได้
หรืออาจจะทะลวงขั้นสูงกว่านั้นไปอีก ก้าวสู่จุดสุดยอดที่สูงส่งยิ่งกว่า ขั้นพลังลึกลับที่ยังไม่เคยมีใครก้าวไปถึง!
รากฐานของเหลียงเฟยนั้น ถ้าจะไม่ให้คะแนนเต็มร้อย ก็ต้องได้เก้าสิบเก้าแน่นอน!
เย่ฮวาหรงไม่อาจเชื่อได้ว่านี่คือความจริง!
การที่ราชันยุทธ์ขั้นกลางไม่สามารถเอาชนะคนที่มีพลังเพียงขอบเขตขัดเกลากระดูกขั้นสูงได้ก็ถือว่าน่าอับอายมากแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเขายังจะโดนอีกฝ่ายต่อยจนหงายหลังอีก!
MANGA DISCUSSION