บทที่ 53 ยอดฝีมือฝั่งตะวันตก
“ฮ่า ๆ ๆ ตาเฒ่าเทียนฮั่วไปแล้ว วันนี้พวกข้าต้องแก้แค้นให้โหลวซานและภรรยาของเขาที่เจ้าฆ่าเมื่อวานนี้ให้ได้!”
พี่น้องตระกูลเซียวหันมองตามเสียง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรกันที่มีผู้คนโผล่ขึ้นมายืนอยู่สิบกว่าคนตรงด้านหน้านี้ ในจำนวนนั้น มีสามคนที่เป็นแปดยอดฝีมือของตระกูลโหลวอย่างคนหัวล้าน คนหน้าขาว และคนเตี้ย
เพียงแค่ไม่ได้เห็นคนผอมคนนั้น เขาคงจะพาโหลวอวี้ตี๋ไปหลบภัยที่ไหนสักแห่งกระมัง
ในสิบกว่าคนนี้ นอกจากสามยอดฝีมือของตระกูลโหลวแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนแต่งกายแปลกประหลาด บางทีอาจจะเป็นคนป่าเถื่อนจากทางตะวันตกของแคว้นหยง บางทีก็อาจจะเป็นแคว้นซีทูจากทางตะวันตก
สุดท้ายแล้วตระกูลโหลวถึงกับสามารถร่วมมือกับสำนักไป่ตู๋ของมารวิถีได้ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเป็นไส้สึกให้ศัตรูของแคว้นหวาเซี่ย เป็นทรยศขายชาติ ก่อเคราะห์กรรมแก่แดนดิน
ในคนเหล่านี้มีผู้หญิงสี่คน แม้ว่าการแต่งกายจะไม่เหมือนกัน แต่ดูจากสีหน้าอันหม่นหมองของพวกนาง การประดับประดาศีรษะ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นคนของสำนักไป่ตู๋
ที่พวกนางแต่งตัวออกมาเช่นนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะตระกูลโหลวต้องการอำพรางสายตาผู้คน ไม่ให้ทุกคนรู้ว่าตระกูลโหลวของพวกเขากลับไปร่วมมือกับพวกมารวิถี
เหลียงเฟยพินิจพิเคราะห์วรยุทธ์ของคนเหล่านี้อย่างคร่าว ๆ พบว่ามีเพียงสี่หญิงสาวจากสำนักไป่ตู๋เท่านั้นที่วรยุทธ์ต่ำที่สุด แต่ก็ยังอยู่เหนือกว่ายอดยุทธ์อยู่ดี
ส่วนคนอื่น ๆ นอกจากสามยอดฝีมือจากตระกูลโหลวแล้ว ยังมีผู้ที่แกร่งกว่าจ้าวยุทธ์อยู่ด้วย ไหนจะมีอีกสองคนจากแคว้นซีทูที่วรยุทธ์ก็ถึงขั้นจ้าวยุทธ์ โดยรวมแล้วจะอยู่กันในขั้นราชันยุทธ์
ด้วยความแข็งแกร่งนี้ ต่อให้เซียวหนิงเสวี่ยเป็นราชันยุทธ์ขั้นกลาง เพียงคนเดียว เซียวอู่เหยียนเป็นยอดยุทธ์ขั้นกลาง เหลียงเฟยเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูง ทั้งสามคนร่วมมือกันรับมือพวกเขา ก็ยังคงยากลำบากและอันตรายอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลโหลว เหลียงเฟยอาศัยพลังควบคุมวัตถุอันทรงพลัง ต่อสู้กับชายอ้วนและหญิงผ้าคลุมดำที่มีวรยุทธ์เหนือจ้าวยุทธ์เพียงลำพัง สุดท้ายแม้จะได้รับชัยชนะ แต่สองยอดฝีมือจากตระกูลโหลวก็เสียพลังไปไม่น้อยเพื่อปกป้อง โหลวอิงป้า ทำให้เขามีโอกาสบ้าง
ไม่รู้ว่าครั้งนี้ที่เขาต้องเผชิญกับห้ายอดฝีมือเหนือจ้าวยุทธ์ เขาจะยังสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกหรือไม่ หลบหนีรอดไปได้อีกครั้ง และหัวเราะเยาะจนถึงที่สุด
เหลียงเฟยเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับสูงมากมาย เผชิญกับสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ ตัวเขากลับไม่มีความคิดที่จะหนีไปเลย เพียงแต่หัวเราะด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง “ชีวิตข้าอยู่ที่นี่ หัวข้าก็อยู่ที่นี่ หากพวกเจ้าผู้ใดมีฝีมือ ก็เชิญมาเอาไปเลย!”
“ปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูงเพียงคนเดียว กล้าหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ ดูข้าฆ่าเขาเสีย ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะเก่งกาจเกินกว่าฝีมือของข้า!” ชายผู้มาจากฝั่งตะวันตกร่างกายสูงใหญ่ผู้หนึ่งที่ผูกผมเปีย สวมเสื้อแขนสั้น ก้าวออกมากล่าวด้วยท่าทางดุดัน พูดจบ เขาโบกมือขวา ในมือก็ปรากฏกระบองอันหนึ่งขึ้นมาทันที
อาวุธวิญญาณส่วนใหญ่มักเป็นดาบไม่ก็กระบี่ คนผู้นี้กลับมีอาวุธวิญญาณเป็นกระบองเช่นนี้ นับว่าแปลกพิสดารทีเดียว
เห็นได้ชัดว่า ยอดฝีมือระดับสูงจากแคว้นฝั่งตะวันตกเหล่านี้ แตกต่างจากผู้คนในแคว้นกลาง และแคว้นทางตะวันออก หรือดินแดนรุ่งเรืองทางใต้อย่างมาก กลัวว่าจะรับมือได้ยากยิ่ง
แต่น่ายินดีที่ว่ายอดฝีมือระดับสูงสามคนจากตระกูลโหลว ได้ยินคำพูดของชายชาวตะวันตกผู้ถักเปีย มีนัยเสียดสีตระกูลของพวกเขาอยู่บ้าง
ถึงอย่างไรตระกูลโหลวก็มียอดฝีมือระดับสูงถึงสองคนที่มีระดับการฝึกฝนเหนือกว่าจ้าวยุทธ์ ถูกเหลียงเฟยผู้เพิ่งจะก้าวจากการขัดเกลากระดูกขั้นสูง ไปสู่ ปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูงเอาชนะได้ นับว่าขายหน้ามากทีเดียว
โชคดีที่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่รู้เรื่องที่โหลวอิงป้า พ่อบ้านอ้วนและสตรีชุดดำถูกเหลียงเฟยสังหาร ไม่เช่นนั้นคงไม่เพียงแต่รู้สึกอับอายขายหน้าต่อหน้าพวกคนป่าเถื่อนตะวันตกเหล่านี้ยิ่งกว่า แต่ยังเต็มไปด้วยความโกรธแค้น อยากกำจัดเหลียงเฟยให้พ้นทางโดยเร็วที่สุดเพื่อระบายความแค้นในใจ
น่าแปลกใจที่ภายหลังจากได้ยินสิ่งที่ชาวตะวันตกผู้นี้พูดแล้วพวกเขากลับไม่กระทำการใด ๆ ยืนนิ่งอย่างไร้อารมณ์ราวกับว่าพวกเขามีจุดประสงค์อยู่แล้ว
ส่วนชาวตะวันตกคนอื่น ๆ ก็กอดอกยิ้มมองชายถักเปียเช่นกัน หนึ่งเพื่อแสดงความดุดันของพวกคนป่าเถื่อนตะวันตก สองเพื่อจับตาดูกระบวนท่าของเหลียงเฟยเพื่อเตรียมรับมือในภายหลัง
พี่น้องตระกูลเซียวเห็นฝ่ายตรงข้ามส่วนใหญ่ยังไม่ลงมือ ก็ไม่ได้รีบร้อนออกไปตายเปล่า ๆ
ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็ยังมียอดฝีมือระดับสูงเหนือกว่าจ้าวยุทธ์อีกหลายคน โอกาสชนะของพวกเขาน้อยนิด ไม่กล้าเสี่ยงอย่างชะล่าใจ หากทำให้เหลียงเฟยเสียสมาธิ กลายเป็นตัวถ่วง นั่นยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่
หากเหลียงเฟยสามารถจัดการไอ้หมอนี่ที่หยิ่งผยองให้ได้ก่อน ทำให้กำลังของฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอลง เวลานั้นค่อยต่อสู้ อย่างน้อยก็มีโอกาสชนะมากขึ้นสักหน่อย
ชายถักเปียลอยขึ้นไปกลางอากาศแล้วยื่นมือออกมา จากนั้นท้าทายด้วยท่วงท่ามือ
เหลียงเฟยเงยหน้ามองเขา แสงอาทิตย์จ้าส่องเข้าตา ทว่าเขากลับดูเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย ก็แค่ยืนนิ่ง ๆ สบตากับชายถักเปียอยู่อย่างนั้น
ดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่านั้น ดูเหมือนจะทะลุผ่านอากาศอันร้อนระอุ ทำให้อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย
ชายผมเปียเห็นเหลียงเฟยยืนนิ่งอยู่ครึ่งวัน ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เพียงแค่มอง
แม้ว่าดวงตาของเขาจะทนทานกว่าเหลียงเฟย แต่ร่างกายของเขาลอยอยู่กลางอากาศ ภายใต้แสงแดดจ้าก็ทรมานยิ่งนัก!
ดังนั้น ชายผมเปียจึงรู้สึกโมโหเล็กน้อย “เจ้าเด็กบ้า ยังจะอืออาอยู่ข้างล่างอีกหรือ? หากเจ้ากลัวแล้ว ก็จงมารับความตายอย่างว่าง่าย ข้าจะให้เจ้าตายอย่างไม่ทรมาน อย่าคิดว่าตัวเองเก่งมากนักแล้วยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ข้ามองแล้วรู้สึกไม่พอใจจริง ๆ!”
“เฮอะ ๆ จะฆ่าเจ้า ข้าไม่จำเป็นต้องขึ้นไป!” เหลียงเฟยหัวเราะเบา ๆ ตอบกลับ สีหน้าดูถูกชายผมเปียยิ่งกว่า
“เจ้า! เด็กหนุ่มผู้หยิ่งผยองนัก ดูข้าจัดการเจ้าด้วยหนึ่งกระบวนท่า!” ชายผมเปียด่าทอ ยกกระบองขึ้น เตรียมปล่อยวิถีเทพของเขา
เผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับจ้าวยุทธ์ เหลียงเฟยยังไม่กล้าประมาท เขามองซ้ายขวาไปยังพี่น้องตระกูลเซียว ส่งสัญญาณให้พวกเขาหลบไป
พี่น้องตระกูลเซียวลังเลเล็กน้อย แต่ก็ถอยออกไปทางสองข้าง
เห็นเช่นนั้น เหลียงเฟยจึงค่อย ๆ กวัดแกว่งมือทั้งสองข้างอย่างไม่เร่งรีบ ราวกับว่ากำลังรำไทเก็ก แต่ไม่มีใครรู้ว่าพลังควบคุมวัตถุ ได้ปะทุขึ้นอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ควบคุมวัตถุ คือหนึ่งในศาสตร์บงการสวรรค์ ไม่เหมือนกับวิถีเทพที่มีข้อจำกัดด้านกระบวนท่าและพลัง จึงไม่จำเป็นต้องใช้ในอากาศเสมอไป
แท้จริงแล้ว เมื่อการฝึกฝนวิถีเทพระดับหนึ่ง ผู้ฝึกฝนก็สามารถปลดปล่อยวิถีเทพได้ตามใจชอบ เหมือนกับเย่เทียนฉงผู้แข็งแกร่งระดับเซียนยุทธ์ พลังอันกล้าแกร่งของธาตุทั้งสี่ ก็สามารถใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา ตามที่เขาต้องการ
ไม่เช่นนั้นแล้ว จะมีคำพูดที่ว่า ‘คนเก่งออกเท้าหนึ่งครั้ง แผ่นดินก็สั่นสะเทือน พ่นลมหายใจหนึ่งครั้ง ลมพายุก็พัดกระหน่ำ พูดหนึ่งประโยค ก็เหมือนฟ้าผ่า’ ได้อย่างไร?
แต่ครั้งนี้เหลียงเฟยใช้พลังควบคุมวัตถุอย่างไม่ชัดเจนนัก ส่วนใหญ่เป็นเพราะตอนนี้เขาใช้ติดต่อกันหลายครั้ง จึงคิดหาวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ เหลียงเฟยใช้พลังเต็มที่ทุกครั้ง แม้ว่าแต่ละครั้งจะดูทรงพลัง ราวกับจะกลืนกินท้องฟ้าและทำลายโลก แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นเพียงเสือกระดาษที่ดูดุร้ายแต่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก และทุกครั้งที่เขาใช้เสร็จ เขาจะรู้สึกเหนื่อยล้าสุด ๆ หมดแรง
แต่ตอนนี้ต่างออกไป เหลียงเฟยใช้พลังควบคุมวัตถุในการป้องกันและโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ทำอะไรที่ไร้ประโยชน์อีกต่อไป
วิธีนี้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการต่อสู้เพียงลำพัง!
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะสังหารชายผมเปียคนนี้ไปแล้ว แต่ข้างหลังยังมียอดฝีมือระดับสูงรออยู่อีกมากมาย เหลียงเฟยจึงไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะสิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไปกับเขา
ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าชายผมเปียจะใช้วิถีเทพที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เหลียงเฟยก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อน เพียงแต่สีหน้าเยือกเย็น
มันทำให้อีกฝ่ายเกิดข้อสงสัยว่า แท้จริงแล้วเหลียงเฟยก็แค่เด็กขี้คุยที่แสร้งทำเป็นเก่งกล้าหรือเปล่า?
MANGA DISCUSSION