บทที่ 43 พันกระบี่ร่ายรำ
แววตาของเขาเย็นชา วิถีเทพถูกใช้ผสานกับวรยุทธ์ลึกลับจนก่อเกิดเป็นกระบวนท่าที่รวดเร็ว
แสงสีขาวอมฟ้านับไม่ถ้วนระเบิดออกมาด้วยความถี่ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การควบคุมพลังจิต ในไม่ช้าก็ก่อตัวเป็นเกราะป้องกัน
ท่าไม้ตายตั้งแต่ท่าแรก!
ดูเหมือนว่าเหลียงเฟยจะไม่ได้อ้อยอิ่งเลย
นอกจากยอดฝีมือร่างผอมคนนี้แล้ว ยังมีนางปีศาจจากสำนักไป่ตู๋อีกหลายตน เขาจึงไม่อาจชักช้าได้ จำเป็นต้องรีบกำจัดยอดฝีมือผอมแห้งคนนี้ก่อนที่พวกมันจะจับเซียวหนิงเสวี่ยและฆ่าเซียวอู่เหยียน
เหลียงเฟยค่อย ๆ เสริมพลังให้กับเกราะป้องกันอย่างต่อเนื่องพร้อมกันนั้นก็เข้าประชิดยอดฝีมือร่างผอมทีละน้อย ๆ เหมือนตอนที่ฆ่าหญิงชุดผ้าไหมสีเขียวด้วย
โหลวอวี้ตี๋เห็นดังนั้น ก็พลันนึกถึงนายหญิงที่สามที่ตายด้วยน้ำมือของเหลียงเฟยในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาจึงอดร้องเรียกด้วยความกังวลไม่ได้ “สุ่ยหยุน รีบมาช่วยอาเจ็ดของข้าด้วย เขาใกล้จะไม่ไหวแล้ว!”
เซียวหนิงเสวี่ยได้ยินดังนั้น นางก็สะบั้นกระบี่วิญญาณสีชาดออกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด แสงสีแดงส่องวาบออกมาไม่ขาดสาย พุ่งเข้าใส่หลัวถัวสุ่ยหยุนอย่างบ้าคลั่ง ขวางกั้นนางไว้ไม่ให้ขยับไปไหน
ขณะเดียวกันพี่ชายของนาง เซียวอู่เหยียน แม้ระดับการฝึกฝนจะต่ำ แต่ในสถานการณ์ที่น้องสาวกำลังต่อกรกับหลัวถัวสุ่ยหยุน ถึงจะไม่กล่าวว่าจะสามารถฆ่าปีศาจแมงมุมทั้งสองตัวได้ อย่างน้อยก็พอจะปกป้องตัวเองไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ ไม่จำเป็นต้องให้ เซียวหนิงเสวี่ยและเหลียงเฟยเป็นห่วงเขามากนัก
โหลวอวี้ตี๋เห็นหลัวถัวสุ่ยหยุนไม่ยอมมาช่วยอาเจ็ดของตนสักที ในขณะที่เหลียงเฟยกลับค่อย ๆ เข้าประชิดเขา ชีวิตเขากำลังตกอยู่ในอันตราย จึงอดตะโกนอีกครั้งไม่ได้ “หลัวถัวสุ่ยหยุน เจ้าหายไปไหนแล้ว รีบหน่อยสิ!”
หลัวถัวสุ่ยหยุนพยายามหลายครั้งแต้วแต่ก็ไม่สำเร็จ ลำพังแค่โดนขวางไม่ให้ขยับไปไหนนางก็หงุดหงิดพอแล้ว ครั้นเมื่อได้ยินคุณชายโหลวเร่งเร้า ก็อดโต้ตอบด้วยความโกรธไม่ได้เช่นกัน “โวยวายอะไรกัน ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการจับสาวน้อยคนนี้มาให้ได้ ด้วยพลังระดับปราชญ์ยุทธ์อย่างข้า นางโดนจัดการไปนานแล้ว!”
คำพูดนี้ไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย เพราะการต่อสู้ระหว่างสตรีทั้งสอง เซียวหนิงเสวี่ยดูเหมือนจะลำบากกว่าอย่างเห็นได้ชัด และเริ่มมีท่าทีพ่ายแพ้
โหลวอวี้ตี๋ได้แต่เงียบงัน
เหลียงเฟยผลิยิ้มเล็กน้อย กระตุ้นวิถีเทพของตนอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็เร่งเข้าประชิดชายร่างผอม
วรยุทธ์ของยอดฝีมือผอมคนนี้ด้อยกว่าหญิงสาวชุดเขียวระดับหนึ่ง เมื่อเผชิญกับฝีมือวิถีเทพของเหลียงเฟย ในไม่ช้าก็ต้านทานไม่ไหว
เด็กหนุ่มเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายเร็วขึ้นเรื่อย ๆ !
ในที่สุด เหลียงเฟยก็ใช้กระบวนที่รุนแรงที่สุด เปลี่ยนม่านป้องกันที่ล้อมรอบตัวให้กลายเป็นพลังโจมตี ระเบิดออกมา!
แสงสว่างและคลื่นพลังนับไม่ถ้วนพุ่งทะลักออกมา แต่ภายใต้การควบคุมพลังจิตของเหลียงเฟย แสงสว่างเหล่านั้นม้วนกลับแล้วพุ่งเข้าใส่ชายร่างผอมที่เป็นศูนย์กลางพร้อมกัน
ความแข็งแกร่งและรุนแรงของคลื่นพลังเหล่านี้ ทำให้ชายร่างผอมตระหนักได้ถึงความตายในชั่วพริบตา ทว่าไม่คาดคิด ในตอนนี้กลับมีแสงสีขาวหลายสายพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน ประสานกับพลังของชายร่างผอมเอง เพียงอึดใจพลังอันกล้าแกร่งของเหลียงเฟยก็สูญสลายไปจนหมด!
เมื่อแสงจางหายไป ร่างของหลัวถัวสุ่ยหยุนก็ปรากฏออกมา!
สมกับที่เป็นปรายญ์ยุทธ์ เก่งกาจยิ่งนัก เก่งกว่าหญิงสาวชุดผ้าไหมสีเขียวมากทีเดียว!
เห็นได้ชัดว่า เมื่อวรยุทธ์ถึงขั้นสุดท้าย การจะก้าวหน้าต่อไปนั้นไม่ง่ายเลย และระหว่างสองขั้นก็มีช่องว่างห่างไกลมาก
เหลียงเฟยอุทานเบา ๆ ว่าไม่ดีแล้ว รีบหันหน้าไปมองร้านน้ำชาที่พังเป็นเสี่ยง ๆ
เซียวหนิงเสวี่ยถูกใยแมงมุมห่อหุ้มเป็นชั้นๆ และนางก้มหน้าสลบไสลอยู่ในใยแมงมุม ดูท่าทางคงจะถูกพิษของหลัวถัวสุ่ยหยุน
อืม พลังของนางกับหลัวถัวสุ่ยหยุนห่างกันมากไปหน่อย
ส่วนเซียวอู่เหยียนไม่ต้องพูดถึง สถานการณ์ย่ำแย่กว่า เช่นกันถูกใยแมงมุมพันธนาการ สลบไม่ได้สติ และมีเลือดสีดำไหลออกจากมุมปากไม่หยุด ดูเหมือนจะเหลือชีวิตอยู่ได้อีกแค่ครึ่งเดียว
สถานการณ์ย่ำแย่มาก ๆ เลย!
หากไม่มีผู้ช่วยก็ไม่ต้องกังวล แต่นี่นอกจากจะไม่มีผู้ช่วยแล้ว ดันยังมีผู้ที่ต้องช่วยผุดขึ้นมาอีกสองคนแทนเสียได้!
ที่ยุ่งยากที่สุดคือ แม้ว่าหลัวถัวสุ่ยหยุนนี้จะมีกำลังภายในเพียงแค่ปราชญ์ยุทธ์ขั้นต้น ซึ่งสูงกว่าหญิงสาวชุดสีเขียวเพียงขั้นเดียว แต่นางนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก และจากสถานการณ์ในตอนนี้ เหลียงเฟยจำเป็นต้องสังหารนางเท่านั้น จึงจะสามารถพาเซียวหนิงเสวี่ยและเซียวอู่เหยียนจากไปได้
สิ่งที่ไม่กล้าคิดมากไปกว่านั้นคือ หลัวถัวสุ่ยหยุนเป็นเจ้าสำนักไป่ตู๋ นางย่อมต้องมีวิชาลับหรือกระบวนท่าที่เหี้ยมโหดซ่อนอยู่อีกแน่!
จะสังหารนางได้อย่างไรเล่า?
ลำพังไม่ถูกนางสังหาร ก็ถือว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่งแล้ว!
ที่เหลียงเฟยสามารถเอาชนะคนของตระกูลหลัวได้มากมายก่อนหน้านี้ ส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือเขาได้ลอบเรียนวิชากลยุทธ์ของตระกูลหลัว สิ่งนี้เปรียบดั่งวิถีโกงฟ้า รู้กระบวนท่าศัตรูและสามารถนำกระบวนท่าของศัตรูมาใช้ได้ด้วย แบบนี้รบร้อยครั้งยังไงก็ชนะร้อยครั้ง
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ชัดเจนว่าแตกต่างโดยสิ้นเชิง!
กระนั้นเหลียงเฟยก็ยังไม่ได้คิดมากนัก ใบหน้าของเขายังคงเยือกเย็น ไม่รีบร้อน
ศัตรูมาก็สกัดกั้น น้ำมาก็ถมดิน!
มาคนเดียวก็สังหารคนเดียว มาเป็นคู่ก็สังหารเป็นคู่!
ภายใต้สถานการณ์คับขันเช่นนี้ เหลียงเฟยไม่กล้าประมาทใด ๆ เขาระเบิดพลังทั้งหมดออกมา และตัดสินใจใช้การควบคุมวัตถุ!
หลัวถัวสุ่ยหยุนไม่รู้ว่าเหลียงเฟยมีวิชาลับใดบ้าง เมื่อโจมตีสำเร็จ ความมั่นใจก็เพิ่มขึ้น ยิ้มเย้ยหยันพลางตะโกน “น้องของข้า มาร่วมมือกับข้าแล้วสังหารเจ้าหนุ่มนี่ให้จบงานเถิด!”
เมื่อพูดจบ เท้าทั้งสี่ของนางก็ร่ายรำราวกับดาบเหล็กกล้า แสงดาบสีขาวนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาพร้อมกับการเต้นรำของนาง ราวกับน้ำพุที่พุ่งทะลักออกมา
ในขณะเดียวกัน มือขวาของนางก็ปรากฏกระบี่วิญญาณสีขาวขึ้นมาด้วย โบกสะบัดอย่างรวดเร็วเช่นกัน ปล่อยแสงกระบี่สีขาวออกมามากมาย ผสานร่วมการร่ายรำดั่งกลายเป็นเพลงกระบี่ที่อันตรายยากที่จะเข้าใกล้!
ชั่วพริบตา แสงกระบี่ก็กระจายไปทั่วบริเวณ!
โหลวอวี้ตี๋ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นหลัวถัวสุ่ยหยุนใช้กระบวนท่านี้ กลับร้องด้วยความดีใจ “พันกระบี่ร่ายรำ! วิชาประจำสำนักไป่ตู๋! แบบนั้นแหละสุ่ยหยุน จัดการไอ้เด็กเวรนั่นให้จบในคราเดียวเลย!”
พันกระบี่ร่ายรำงั้นหรือ?
เพียงแค่ชื่อท่าก็รับรู้ได้แล้วว่าอันตราย!
แต่เดิมที่ โหลวอวี้ตี๋พูดเช่นนั้น ก็หวังว่าจะสร้างความหวาดกลัวให้เหลียงเฟยได้บ้าง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาอึดอัดใจก็คือ เหลียงเฟยไม่สนใจเลยสักนิด ยังคงใช้พลัง ควบคุมวัตถุ อย่างเยือกเย็นเช่นเดิม
ขณะที่เหลียงเฟยค่อย ๆ ปลดปล่อยพลังควบคุมวัตถุออกมาทีละน้อย เรื่องอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง!
วัตถุรอบด้านพลันลอยขึ้นอย่างช้า ๆ ราวกับสูญเสียแรงโน้มถ่วง เมื่อลอยถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็เร่งความเร็วทันใด พุ่งเข้าใส่หลัวถัวสุ่ยหยุนอย่างบ้าคลั่ง
น่าเสียดายที่เหลียงเฟยมีทักษะวิถีเทพไม่สูงนัก การควบคุมวัตถุขนาดใหญ่ยังต้องใช้แรงมากอยู่
หากตัวเขาที่เป็นเพียงปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูงสามารถยกภูเขาทั้งลูกได้ ผู้คนที่พบเห็นจะตกตะลึงขนาดไหนกัน?
ถึงกระนั้น เมื่อหลัวถัวสุ่ยหยุนเห็นเหลียงเฟยใช้กระบวนท่านี้ นางก็อดตกตะลึงชั่วครู่ไม่ได้
ทุกการออกกระบวนท่าของเหลียงเฟย นางไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย จึงปลดปล่อยพันกระบี่ร่ายรำที่สั่งสมมานานออกมาทันที
ในพริบตา แสงเจิดจ้าปะทะกับวัตถุนับพัน เสียงดังสนั่นดังขึ้นต่อเนื่อง คลอไปกับแสงของฝุ่นและคลื่นพลังที่ม้วนตัวขึ้นฟ้าดั่งมวลเมฆที่ลอยต่ำ
MANGA DISCUSSION