บทที่ 42 ห้าพิษกร่อนกระดูก
แต่ว่าสำนักไป่ตู๋นี้ ทำไมถึงมาหาเรื่องพวกเขากันนะ?
หรือว่าเป็นเพราะพี่น้องเซียวอู่เยี่ยน?
เหลียงเฟยอดไม่ได้ที่จะหันไปมองพวกเขาทั้งสองคน แล้วถามไปด้วย
แต่ทว่าพวกเขาทั้งสองกลับส่ายหน้า และคิดว่าเหลียงเฟยต่างหากที่ไปทำให้คนของสำนักไป่ตู๋ไม่พอใจ
แล้วจะเป็นใครกันนะ?
ไม่นานพวกเขาทั้งสามก็ได้รู้คำตอบ!
เพราะไม่นานนัก ด้านนอกร้านน้ำชาก็มีเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น จากนั้นก็เห็นไอ้สารเลวโหลวอวี้ตี๋เดินเข้ามาพร้อมยอดฝีมือร่างผอม
“โหลวอวี้ตี๋!”
เหลียงเฟยและทั้งสองพี่น้องพูดขึ้นพร้อมกัน สายตาของพวกเขาเย็นชา สีหน้าเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบใจโหลวอวี้ตี๋นั่นสักเท่าไร
ในตอนนี้ พวกเขารู้สึกว่าโหลวอวี้ตี๋ช่างไร้ยางอายถึงที่สุด ถึงกับไปคบหากับพวกปีศาจ
โหลวอวี้ตี๋กลับแสร้งทำเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสตอบรับ “แหม ๆ ดูเหมือนข้า โหลวอวี้ตี๋ จะมีอิทธิพลมากโขเลยนะ พวกเจ้าล้วนรู้จักข้า พอเห็นข้ายังตื่นเต้นขนาดนี้! อืม บาดแผลของท่านพี่อู่เหยียนหายดีแล้วสินะ ดูเหมือนตาเฒ่าเทียนฮั่วนั่นจะมีฝีมือจริง ๆ ”
“ฮึ่ม ไอ้คนชั่วช้าเลวทราม! พูดมา! เจ้าใส่ยาพิษลงในน้ำชาที่พวกข้าดื่มเมื่อครู่ใช่หรือไม่?” เซียวอู่เหยียนถ่มน้ำลายทันที สำหรับคนที่เคยทำให้ข้อมือและข้อเท้าของเขาพิการ เขาจะไม่สุภาพกับอีกฝ่ายแน่นอน
โหลวอวี้ตี๋ได้ยินดังนั้นจึงส่ายหัวพลางยิ้มเย็นชา “ท่านพี่อู่เหยียนเข้าใจผิดแล้ว ท่านกับน้องหนิงเสวี่ยพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าจะวางยาพิษท่านได้อย่างไร? ถ้าจะวางยาพิษ ก็คงจะวางยาพิษไอ้เด็กเหลียงเฟยตัวแสบที่ฆ่าลุงและป้าของข้าต่างหาก!”
พี่น้องตระกูลเซียวได้ยินดังนั้น ต่างพากันตะโกนด้วยความโกรธ ไอ้คนชั่ว!
คุณชายโหลวยังคงยิ้มอยู่ มองไปทางเหลียงเฟยแล้วพูดกล่าว “หึ ๆ ข้าก็หลงคิดว่าเจ้าเก่งกาจขนาดไหน ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน เป็นชายชาตรีที่ยืนหยัดต่อสู้ ที่แท้ก็มีเวลากลัวเหมือนกันนะ? พอไม่มีตาเฒ่าเทียนฮั่วคอยหนุนหลัง เจ้าก็หนีได้เหมือนกันสินะ? โชคดีที่ข้าส่งคนมาจับตาดูพวกเจ้าตลอด พอเห็นพวกเจ้าหนีออกจากเมืองหลวง ก็รีบตามมาทันที”
“ไอ้เด็กเลว ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเก่งแค่ไหน ตอนนี้เจ้าโดนพิษกร่อนกระดูกห้าชนิดของสำนักไป่ตู๋แล้ว ใช้ลมปราณไม่ได้ มิเช่นนั้นพิษจะกำเริบถึงหัวใจ ต่อให้ปรมาจารย์เทียนฮั่วให้ยาวิเศษเจ้า ก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว เจ้าตายแน่… ไม่สิ ข้าจะค่อย ๆ ทรมานเจ้า ต่อให้เจ้าอยากตายก็ไม่ได้ตาย ฮ่า ๆ ๆ !”
“โหลวอวี้ตี๋ เจ้าช่างไร้ยางอายจริง ๆ ! ตัวเองมีกำลังภายในระดับราชันยุทธ์เท่านั้น กลับใช้วิธีวางยาพิษมาจัดการเหลียงเฟยที่มีกำลังภายในระดับปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูง”
เซียวหนิงเสวี่ยได้ฟังจบ ก็ด่าทอแทนเหลียงเฟยด้วยความไม่พอใจ
แต่ในใจกลับหัวเราะเยาะ เพราะนางจำได้ว่าเมื่อคืนพ่อแม่ถูกตระกูลโหลววางยาพิษ ให้ดื่มยาพิษแทนยาแก้พิษ แล้วเหลียงเฟยก็ใช้วิชาช่วยชีวิตพวกท่าน
เหลียงเฟยต้องไม่กลัวยาพิษแน่ ๆ ใช่ไหม?
โหลวอวี้ตี๋ยิ่งแสดงท่าทางน่ารังเกียจต่อไปอีก “น้องหนิงเสวี่ย ถึงแม้ตีก็คือรัก ด่าก็คือหวังดี แต่เจ้าด่าข้าบ่อย ๆ ข้าก็ทนไม่ไหวนะ!”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็ยังคงทำหน้ายิ้มแย้ม สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เดินไปข้างหน้าเหลียงเฟยแล้วพูด “เหลียงเฟย เจ้าจ้องข้าทำไม? หรือว่ามองข้าแล้วไม่พอใจ อยากจะฆ่าข้างั้นหรือ?”
เหลียงเฟยไม่ได้สนใจว่าโหลวอวี้ตี๋พูดอะไร ยิ่งไม่สนใจสีหน้าของเขา ลับ ๆ เขากำลังสูดหายใจเข้าลึก ๆ รวบรวมพลังปราณอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ใช้หมัดหนักหน่วงจู่โจมใส่อีกฝ่าย พร้อมกับตะโกนก้อง “โหลวอวี้ตี๋ วันนี้ข้าเหลียงเฟย หากไม่ฆ่าเจ้า ข้าสาบานว่าจะไม่เป็นคน!”
หมัดนี้ทรงพลังมาก ความเร็วเหลือเชื่อ ทั้งยังเป็นการโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ยากจะป้องกัน
ยิ่งไปกว่านั้น โหลวอวี้ตี๋ประมาทเกินไป สุดท้ายก็โดนหมัดเข้าเต็ม ๆ ร่างลอยขึ้นไปกระแทกทะลุกำแพงดินของร้านน้ำชา ลอยออกไปไกลหลายจั้ง สุดท้ายยอดฝีมือร่างผอมก็รีบเคลื่อนกายเข้าไปรับตัวเขาไว้ได้
ร่างกายโหลวอวี้ตี๋เจ็บช้ำระบม เขากระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่ง จนมันกระเด็นใส่ร่างของชายผอมจนเปื้อนไปหมด
ชายร่างผอมรีบหยิบยาเม็ดหนึ่งให้เขากิน พร้อมทั้งใช้ลมปราณรักษาบาดแผลให้ จึงช่วยชีวิตเขาไว้ได้ครึ่งหนึ่ง
ขณะที่โหลวอวี้ตี๋ถูกชายผอมรักษาบาดแผลอยู่ ก็ยังไม่ลืมด่า “หลัวถัวสุ่ยหยุน นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมมันยังสามารถปล่อยพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อีก? ไม่ใช่ว่าให้มันกินยากร่อนกระดูกด้วยห้าพิษไปแล้วหรอกหรือ?”
หลัวถัวสุ่ยหยุนก็คือหญิงสาวชุดขาวที่เป็นหัวหน้า นางได้ยินโหลวอวี้ตี๋พูดเช่นนี้ ก็อดคิดไม่ได้เช่นกัน “หรือว่าเขาไม่ได้กินยาพิษ?”
เมื่อพูดออกไปเช่นนี้ ในบรรดาหญิงห้าคน สตรีผู้รูปร่างอวบอ้วนกว่าคนอื่นเล็กน้อยก็รีบตอบทันที “ท่านเจ้าสำนักสุ่ยหยุน ข้าเห็นกับตาตัวเองว่าบ่าวในร่านใส่ยาพิษ และก็เห็นกับตาว่าเหลียงเฟยดื่มลงไปด้วยเจ้าค่ะ!”
“เจ้าแน่ใจหรือ?” หลัวถัวสุ่ยหยุนถามย้ำอีกครั้ง สายตาเย็นเยียบในทันที เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
หญิงผู้นั้นตกใจจนตัวสั่น รีบคุกเข่าลงทันที ร้องไห้อ้อนวอนขอชีวิต “ท่านเจ้าสำนักสุ่ยหยุน ข้าแน่ใจจริง ๆ อย่า อย่าฆ่า…”
แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยค ศีรษะของนางก็หลุดลงพื้นแล้ว กลายเป็นแมงมุมไร้หัวในพริบตา
ฮิฮิ เหลียงเฟย ไม่กลัวยาพิษจริง ๆ ด้วย
เซียวหนิงเสวี่ยเห็นแผนการของโหลวอวี้ตี๋ไม่สำเร็จ แถมพวกเขายังไม่ทันได้เริ่มต่อสู้ ก็หันมาจองเวรกันเองแล้ว รู้สึกสะใจกว่าตอนก่อนมาก อยากให้พวกเขาฆ่ากันเองให้มากขึ้น ถ้าฆ่ากันจนหมดก็ยิ่งดี
ส่วนเหลียงเฟยถอนหายใจ รู้สึกว่าพวกสำนักไป่ตู๋นี้โหดร้ายเกินไปจริง ๆ แม้แต่ลูกน้องของตัวเอง ก็ยังใจดำมือเหี้ยมถึงเพียงนี้
โหลวอวี้ตี๋ตะลึงงันไปชั่วขณะ ก่อนจะร้องตะโกนขึ้นมาทันที “พวกเจ้า นางตายไปก็เพราะเหลียงเฟยทั้งนั้น เพื่อแก้แค้นให้นาง รีบฆ่าไอ้เด็กเวรนี่เสียเถอะ!”
หลัวถัวสุ่ยหยุนไม่ตอบ เพียงแต่ดวงตาทั้งสองของนางเปล่งประกายเย็นยะเยือกออกมาในทันใด ในชั่วพริบตา ใบหน้าอันงดงามของนางก็กลายเป็นดุร้ายอำมหิตยิ่งนัก บนร่างกายของนางก็ปรากฏขาขึ้นมาอีกสี่ขา ใหญ่โตมโหฬาร ผิวเงางาม ราวกับดาบคม น่ากลัวยิ่งนัก
เหลียงเฟยเห็นหญิงงามตรงหน้ากลับกลายเป็นปีศาจแมงมุมที่น่ากลัวในชั่วพริบตา ในหัวสมองของเขาก็นึกถึงคำ ๆ หนึ่งขึ้นมาทันที
งามดุจงูพิษ!
ในขณะเดียวกันหญิงสาวอีกสี่คนก็ปล่อยแสงสีขาวเจิดจ้าออกมาจากทั่วร่าง พลันแปลงกายเป็นกรงเล็บคมกริบ พร้อมจะเข้าต่อสู้
เมื่อเห็นคนของสำนักไป่ตู๋ลงมือ โหลวอวี้ตี๋ ก็ร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ฆ่าผู้ชาย เก็บผู้หญิงไว้!” พอตะโกนจบ เขาก็กระตือรือร้นยิ่งนัก หมุนตัวหนีออกไปทันที
เหอะ ๆ วิ่งหนีได้ไวเชียวนะ!
เหลียงเฟยหัวเราะเยาะเบา ๆ พลางตะโกนเสียงดัง “หนิงเสวี่ย อู่เหยียน! พวกเจ้าจัดการพวกปีศาจแมงมุมพวกนี้เถอะ ปล่อยให้ข้าไปฆ่าไอ้เวรโหลวอวี้ตี๋นั่น!”
ยังพูดไม่ทันขาดคำ เขาก็กระโจนขึ้นไปบนหลังคาร้านน้ำชาแล้ว พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ วิถีสวรรค์หลายครั้งถูกกระหน่ำใช้ติดต่อกัน ใช้พลิงจิตรวมตัวกันเป็นแสงสีฟ้าขาวขนาดใหญ่ ฟาดลงไปที่โหลวอวี้ตี๋ด้านนอกร้านน้ำชาอย่างหนัก
แม้โหลวอวี้ตี๋จะมีวรยุทธ์ระดับราชันยุทธ์ แต่เขาก็ถูกเหลียงเฟยต่อยหนักจนบาดเจ็บสาหัสก่อนหน้าแล้ว การเคลื่อนไหวจึงไม่คล่องแคล่วนัก เผชิญกับการโจมตีครั้งนี้ของเหลียงเฟยเขาคงต้องตายแน่นอน
แต่ในขณะที่แสงกำลังจะฟาดเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน กลับมีแสงสีดำเขียวพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน ช่วยป้องกันการโจมตีครั้งนี้ไว้ได้
เหลียงเฟยมองไปยังทิศทางที่แสงสว่างพุ่งเข้ามา ก็เห็นว่าเป็นยอดฝีมือร่างผอมคนนั้น
ชายผอมคนนี้เป็นหนึ่งในแปดยอดฝีมือที่เขาเคยเห็นที่ตระกูลโหลวก่อนหน้านี้ แต่ระดับการฝึกฝนของเขาก็ไม่ได้สูงมากนัก เป็นเพียงจ้าวยุทธ์ขั้นกลางเท่านั้น
เหลียงเฟยฆ่าชายหน้าดำร่างใหญ่ไปก่อนแล้ว จากนั้นก็ฆ่าหญิงชุดผ้าไหมสีเขียวที่เป็นจ้าวยุทธ์ขั้นสูง ทำให้ความมั่นใจของเขาเพิ่มขึ้นมาก จึงไม่กลัวชายผอมคนนี้
MANGA DISCUSSION