บทที่ 39 เจ้าผัดผักข้าใส่ไฟ
ปรมาจารย์เทียนฮั่วชะงักไปเล็กน้อย ยิ้มพลางพยักหน้าอย่างลึกลับ จากนั้นก็ไม่ได้ประคองเหลียงเฟยขึ้น แต่หันไปมองเซียวหนิงเสวี่ยแล้วกล่าวกับนาง “สาวน้อยเซียว รีบพาข้าไปพบพี่ชายของเจ้าเถิด”
เซียวหนิงเสวี่ยไม่ได้ขอให้ปรมาจารย์เทียนฮั่วรับนางเป็นศิษย์ด้วย ในเมื่อนางกับเหลียงเฟยนั้นต่างกัน นางเป็นศิษย์รองอยู่แล้ว ปรมาจารย์ผู้นี้อาวุโสกว่าอาจารย์ของนางอีกขั้นหนึ่งหนึ่ง หากนางไปขอเป็นศิษย์ท่านอีก มันจะไม่ยุ่งเหยิงไปหรือ?
เหลียงเฟยไม่สนใจว่าปรมาจารย์เทียนฮั่วจะตกลงหรือไม่ เขาทำท่าทางอวดเบ่งเป็นพิธีก่อนเลยว่า “แม่หญิงเซียว ตอนนี้ข้าก็เป็นปรมาจารย์เหนือเจ้าแล้วนะ!”
ศิษย์สาวเดินตรงไปยังห้องของพี่ชาย เพียงแต่เหลือบมองเหลียงเฟย นิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ดูเหมือนจะมีนัยลึกซึ้งอยู่บ้าง ถึงอย่างไรหากเหลียงเฟยกลายเป็นปรมาจารย์เหนือนางได้จริง ๆ การที่นางอยู่ด้วยกัน มันจะไม่กลายเป็นเรื่องผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรงหรอกหรือ?
ปรมาจารย์เทียนฮั่วยังคงมีรอยยิ้มเมตตาบนใบหน้า ยังคงเป็นเช่นนั้น ลึกล้ำเหลือหยั่ง
เหลียงเฟยแลบลิ้นออกมาอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็เดินตามท่านอาจารย์และ เซียวหนิงเสวี่ยเข้าไปในห้องของพี่ชายของนาง เซียวอู่เหยียน
มองดูเซียวอู่เหยียนที่เอ็นข้อมือและข้อเท้าถูกตัดขาด ได้แต่นอนอัมพาตอยู่บนเตียง ปรมาจารย์เทียนฮั่วส่ายหน้าเบา ๆ แต่เขาผ่านการเห็นเรื่องเป็นตายมามากเกินไป สีหน้าจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
“ปรมาจารย์เทียนฮั่ว พี่ชายของข้ายังสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่?” เซียวหนิงเสวี่ยพูดจบก็อดร้องไห้สะอึกสะอื้นเบา ๆ ไม่ได้
ทุกครั้งที่นางมองเห็นความน่าสงสารของพี่ชาย ภาพครอบครัวทั้งหมดถูกตระกูลโหลวทำร้ายก็จะผุดขึ้นมาในสายตา
เหลียงเฟยไม่รอให้ท่านอาจารย์เอ่ยปาก ก็รีบปลอบใจก่อน “แม่หญิงเซียว วางใจเถอะ ปรมาจารย์เทียนฮั่วต้องมีวิธีรักษาพี่ชายของเจ้าได้แน่นอน!”
ปรมาจารย์เทียนฮั่วอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงในลำคอเบา ๆ อย่างไร้ความหมาย ไม่ตอบอะไร เขาลูบแขนและขาของเซียวอู่เหยียนโดยตรง บางครั้งก็ส่ายหน้า บางครั้งก็พยักหน้า ดูแปลกประหลาดยิ่งนัก ทำให้เหลียงเฟยและเซียวหนิงเสวี่ยทั้งกังวลและคาดหวัง จนแทบหัวเราะและร้องไห้ไม่ออก
สักพักหนึ่ง ปรมาจารย์เทียนฮั่วในที่สุดก็หยุดลง ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
เซียวหนิงเสวี่ยร้องไห้ออกมาทันที
เหลียงเฟยในตอนนี้ก็เพิ่งรู้ตัวว่าทำไมตนถึงหาสาวเคียงคู่ไม่ได้เสียที ที่แท้ฝีมือการปลอบสาวของเขานั้นแย่จริง ๆ เหมือนตอนนี้ ที่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
กลับเป็นเซียวอู่เหยียนที่ปลอบน้องสาวตนแทน “น้องพี่ ไม่ต้องเสียใจ บางทีทั้งหมดนี้อาจเป็นโชคชะตาก็ได้! เจ้าไม่เคยพูดหรอกหรือว่า อย่าเสียใจกับโศกนาฏกรรมมากเกินไป จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมใหม่”
เซียวหนิงเสวี่ยพยักหน้ารับ หยุดเสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นแทน
ปรมาจารย์เทียนฮั่วกลับพูดในตอนนี้ “สายน้อยเซียว พี่ชายของเจ้าก็ไม่ได้หมดหวังโดยสิ้นเชิง! เพียงแต่ต้องใช้แมลงประหลาดชนิดหนึ่งที่ถักทอเส้นใยทองคำ สิ่งนี้ใช้เป็นตัวยา เส้นใยทองนี้แข็งแกร่งไม่มีใครเทียบ เปรียบได้กับกิ่งก้านของมนุษย์ หลังจากกินเข้าไปแล้วจะมีประโยชน์ต่ออาการบาดเจ็บของพี่ชายเจ้าเป็นอย่างมาก
แต่มันอาศัยอยู่ในเขาของอสูรเพลิงสามเขา และเจ้าอสูรเพลิงสามเขานี้ก็ดุร้ายเหลือเกิน อาศัยอยู่เป็นฝูง จัดการได้ยากยิ่ง และพวกมันยังอาศัยอยู่ในเทือกเขาโว่หลงทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง ในโว่หลงมีสัตว์ร้ายมากมาย การฆ่าอสูรเพลิงสามเขา เพื่อให้ได้เส้นใยทองมา ยิ่งยากเข้าไปอีก!”
เหลียงเฟยฟังจบก็หมุนตัวกลับมาทันทีพูดว่า “ก็แค่อสูรเพลิงสามเขาเท่านั้นเอง มีอะไรน่ากลัว! แม่หญิงเซียว ข้าจะไปหามาให้เจ้าเดี๋ยวนี้!”
“ท่านพี่เฟย! รอข้าด้วย ข้าจะไปกับเจ้า!” เซียวหนิงเสวี่ย ตะโกนออกมา แล้วก็ตามเขาไป
เมื่อครู่ยังเรียกว่าเหลียงเฟยห้วน ๆ อยู่เลย แต่พริบตาเดียวก็เปลี่ยนมาเรียก ท่านพี่เฟยเสียแล้ว
คำว่าท่านพี่เฟยนี้ มีความหมายลึกซึ้งยิ่งนัก!
ทั้งสองคนพูดจะไปก็จะไปจริง ๆ แต่ปรมาจารย์เทียนฮั่วกลับเรียกพวกเขาไว้ว่า “พวกเจ้าไม่ต้องรีบ ไปทานอาหารเย็นก่อนได้ หลังจากข้าได้รักษาเซียวอู่เยี่ยน แล้วค่อยมาดูอาการอีกที หากอาการไม่ดีขึ้น การไปเอาด้ายทองมาก็อาจจะเป็นการเสียเวลาเปล่า”
เซียวหนิงเสวี่ยและเหลียงเฟยรับคำ จากนั้นก็พากันออกจากห้องไปด้วยใจที่ร้อนรน ปิดประตูเพื่อให้ ปรมาจารย์เทียนฮั่วได้มีสมาธิรักษาเซียวอู่เยี่ยนอยู่ในห้องตามลำพัง
เซียวหนิงเสวี่ยออกจากห้องของพี่ชายไม่ไกลนัก นางก็ถลกแขนเสื้อขึ้นพลางกล่าว “ข้าจะไปทำอาหาร! เหลียงเฟย เจ้าตามข้ามาด้วยกัน ช่วยข้าหน่อยสิ!”
สีหน้า น้ำเสียง ท่าทาง และอารมณ์นั้น ราวกับว่าเหลียงเฟยเป็นสามีของนางอย่างไรอย่างนั้น
เหลียงเฟยชะงักไปครู่หนึ่ง ยังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็ตามเซียวหนิงเสวี่ยไปที่ครัวด้วยกัน ในทันใดนั้นก็เหมือนศพเดินได้ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเป็นไปโดยไม่รู้ตัว เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ฟังคำพูดของหญิงคนนี้อย่างกะทันหัน
เมื่อสองผู้เฒ่าเห็นดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน จากนั้นก็ยิ้มและพยักหน้าอย่างลึกลับ
แม้ว่าเซียวหนิงเสวี่ยจะได้เป็นศิษย์รองของสำนักเซียนหยูฮั่วแล้ว กินอาหารเมื่อยื่นปาก ใส่เสื้อผ้าเมื่อยื่นมือ แต่ฝีมือการทำอาหารของนางกลับไม่เลวเลย ไม่ว่าจะผัดผักหรือหุงข้าว ท่าทางล้วนคล่องแคล่วชำนาญ ราวกับแม่ครัวมืออาชีพ
อาหารยังคงอยู่ในกระทะ ยังไม่ทันตักใส่จาน ก็มีทั้งสี กลิ่น และรสชาติครบถ้วนแล้ว มองแล้วทำให้เหลียงเฟยอดกลั้นน้ำลายไม่อยู่ อยากจะไม่สนใจว่านิ้วมือจะสกปรกหรือไม่ แอบหยิบชิ้นหนึ่งขึ้นมาลองชิมดูสักหน่อย
สุดท้ายเหลียงเฟยก็มองจนเพลิน ลืมใส่ฟืนและโบกพัดลม เปลวไฟจึงลดลงไปไม่น้อย ถูกเซียวหนิงเสวี่ยต่อว่าไปสองสามประโยคด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เหลียงเฟยถึงได้เริ่มทำตัวดีขึ้น ช่วยเหลืองานยิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ ชายหญิงโสดอยู่ในครัวด้วยกัน เจ้าผัดผักข้าใส่ไฟ แม้ทั้งสองจะไม่ใช่สามีภรรยา แต่กลับเหมือนสามีภรรยาเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางครั้งผิวของทั้งสองยังสัมผัสกันด้วย ความรู้สึกแปลกประหลาดปะปนกับกลิ่นหอมของอาหาร ช่างเป็นรสชาติที่แตกต่างออกไปจริง ๆ
ทั้งสองยุ่งอยู่อย่างสนุกสนาน!
เนื่องจากข้าวสวยหุงเสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้เหลือแค่ทำกับข้าวเล็กน้อย วุ่นวายไม่ถึงครึ่งชั่วยาม อาหารมื้อเย็นสี่อย่างหนึ่งซุปที่อุดมสมบูรณ์ก็วางอยู่บนโต๊ะแล้ว
วางชามและตะเกียบเรียบร้อย เหลียงเฟยหยิบตะเกียบขึ้นมาจะคีบอาหารสักหน่อย แต่กลับถูกเซียวหนิงเสวี่ยใช้ตะเกียบฟาดนิ้วมือไปที กั้นเอาไว้แล้วขมวดคิ้วใส่ “ร้อนรนอะไรกัน? ท่านอาจารย์ยังไม่มาเลย พวกเราไปที่ห้องด้วยกันเพื่อเรียกท่านอาจารย์มากินข้าวกันเถอะ แล้วก็ไปดูพี่ชายข้าด้วย ไม่รู้ว่าบาดแผลของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
พูดจบ ใบหน้าของเซียวหนิงเสวี่ยก็ฉายแววกังวลออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มตอนที่อยู่ในครัวกับเหลียงเฟยตามลำพังเมื่อครู่ ราวกับจะหายไปในพริบตา
เหลียงเฟยปลอบโยนนางสองสามคำ เซียวอู่เหยียนต้องไม่เป็นอะไรแน่ จากนั้นก็พานางเดินไปยังห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงห้อง ประตูห้องเปิดอยู่ ท่านอาจารย์เทียนฮั่วจากไปโดยไม่ลา ไม่อยู่แล้ว เซียวอู่เหยียนยืนอยู่ในห้อง กำลังขยับเขยื้อนกระดูกข้อ
เซียวหนิงเสวี่ยเห็นเข้า ก็ตื่นเต้นยินดีร้องเรียกขึ้นมาทันที “ท่านพี่! บาดแผลของท่านหายแล้วหรือ? ดีจริง ๆ ดีจริง ๆ เลย!”
ส่วนเหลียงเฟยก็อดถามไม่ได้ “ท่านพี่อู่เหยียน ท่านอาจารย์เทียนฮั่วล่ะ?”
เซียวอู่เหยียนมองดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกห้อง พูดว่า “ท่านอาจารย์บอกว่าท่านมีธุระต้องจากไปก่อน โอกาสหน้าจะมาลองชิมฝีมือทำอาหารของน้องสาวอีกที ดูว่าจะแตกต่างจากของเซียนอย่างไร ส่วนบาดแผลของข้ายังไม่หายดีนัก นอกจากต้องฝึกฝนทุกวันแล้ว ยังต้องได้ด้ายทองคำจากแมลงวิเศษตากแห้งมาทำยากินภายในห้าวันด้วย”
เหลียงเฟยพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ไม่ควรชักช้า พวกเราทานอาหารเย็นเสร็จก็รีบไปเทือกเขาโว่หลงกันเถอะ ยังไงก็ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก”
“ไม่ได้ เทือกเขาโว่หลงอันตรายยิ่งนัก ยิ่งยามค่ำคืนยิ่งเป็นอันตรายหมื่นเท่า ยังไงก็รอให้ถึงรุ่งสางค่อยไปไม่สาย!” เซียวอู่เหยียนคัดค้านขัดขวาง
“มีอะไรน่ากลัวกัน ชายชาตรีผู้ยิ่งใหญ่ ค้ำฟ้าค้ำดิน กลัวอะไรกัน!” เหลียงเฟยโต้กลับ พูดจบยังตบอกตัวเองอีก ดูท่าทางองอาจผึ่งผาย
เซียวหนิงเสวี่ยเสริมว่า “ท่านพี่เฟย พี่ชายของข้าพูดมีเหตุผล การไปตอนกลางคืนไม่สะดวกไม่ต้องพูดถึง เจ้าเองก็เพิ่งต่อสู้กับตระกูลโหลวมา ร่างกายหมดแรง ยังไงก็พักผ่อนสักคืน พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปด้วยกันเถอะ!”
เหลียงเฟยลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ตอบตกลง ยอมไม่ไปชั่วคราว!
แต่ไม่นึกว่า เซียวหนิงเสวี่ยจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา “ท่านพี่เฟย คืนนี้เจ้ามานอนกับข้าเถอะนะ”
เซียวอู่เหยียนอึ้งไป
เหลียงเฟยงงงวย
เซียวหนิงเสวี่ยมองสีหน้าของพวกเขา รู้สึกแปลกใจ ทบทวนคำพูดเมื่อครู่อีกครั้ง ถึงได้รู้ว่าตัวเองพูดผิด ใบหน้าแดงก่ำ รีบเสริมแก้ตัว “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นน่ะ ข้าแค่จะจับตาดูท่านไว้ กลัวเจ้าจะหนีไปคนเดียวเหมือนเมื่อครู่อีกก็เท่านั้น!”
MANGA DISCUSSION