บทที่ 38 เม็ดยาหญ้าตะวันโลหิต
เหลียงเฟยมองไปที่ปรมาจารย์เทียนฮั่ว ตระหนักได้ว่าตนมีเพียงสามครั้งที่จะขอความช่วยเหลือจากท่าน ซึ่งเป็นโอกาสที่หายาก เขาจะต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกครั้ง
ในความคิดของเขา ศาสตร์บงการสวรรค์ที่เขาสร้างขึ้นมานั้น เมื่อฝึกฝนจนถึงขั้นสุดท้ายสองขั้น คือ สูญญาณ และ อภิญญาญาณ ก็จะสามารถทำให้ชีวิตตายและเกิดใหม่ได้ในพริบตา
เมื่อครู่ปรมาจารย์เทียนฮั่วได้ทำลายศาลาและฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมในการโจมตีครั้งนั้น มันมีความคล้ายคลึงกับสูญญาณและอภิญญาญาณในอุดมคติของเขามาก บางทีเมื่อฝึกฝนวรยุทธ์ของเซียนจนถึงจุดสูงสุด ไปถึงระดับมหาเซียนยุทธ์หรือเทพยุทธ์ได้ ก็อาจจะมีความสามารถเช่นนั้นได้เหมือนกัน
ดังนั้นเหลียงเฟยจึงหยุดชั่วครู่ ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวขึ้น “ท่านปรมาจารย์ ข้ายังมีความต้องการอีกหนึ่งสิ่ง หวังว่าท่านจะตอบรับ!”
ปรมาจารย์เทียนฮั่วพยักหน้าเล็กน้อย บ่งบอกว่าให้เขาพูดออกมา
เหลียงเฟยมองไปที่เซียวหนิงเสวี่ย ก้าวไปข้างหน้าและกล่าว “ท่านปรมาจารย์ พี่ชายของแม่หญิงเซียวถูกตระกูลโหลวทำร้ายจนเอ็นขาฉีกทั้งสองข้าง ข้าหวังว่าท่านจะใช้พลังวิเศษช่วยเหลือเขาให้ฟื้นตัวกลับเป็นเหมือนเดิมได้!”
เซียวหนิงเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้ายินดี รู้สึกขอบคุณมองไปที่ปรมาจารย์เทียนฮั่วด้วยความคาดหวัง
แม้ว่าสิ่งที่เหลียงเฟยพูดจะแปลกประหลาดและเหลือเชื่อ แต่สำหรับยอดฝีมือไม่กี่คนในดินแดนเสินอู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ยากเกินไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจและผิดหวังเล็กน้อยคือ หลังจากที่ปรมาจารย์เทียนฮั่วได้ยินแล้ว เขาดูเหมือนจะตกใจและอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดตอบ “เหลียงเฟย แม้เทพยุทธ์จะมีมีความสามารถทางการแพทย์อันน่าอัศจรรย์ ก็ไม่แน่ว่าจะมีวิชาเช่นนั้นหรอกนะ หากมี โลกนี้จะไม่มีความตายและโรคภัยไข้เจ็บให้พวกเจ้าได้ทุกข์ทรมาณเพื่อหลุดพ้นกันพอดี”
เหลียงเฟยอุทานออกมาคำหนึ่ง อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “งั้นท่านปรมาจารย์ เมื่อครู่ท่านใช้วิชาฟื้นฟูศาลานั้น ไม่ใช่วิเศษมากหรอกหรือ? ไม่สามารถนำมาใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ชุบชีวิตคนตายได้กัน?”
“แม้แต่วัตถุที่ไม่มีชีวิตยังสามารถประกอบกลับมาได้ แต่มนุษย์เป็นร่างกายที่มีชีวิต การประกอบกลับคืนมา เกี่ยวข้องกับเลือด น้ำ ระบบประสาท และอื่น ๆ ซึ่งวิเศษและซับซ้อนมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
พูดถึงตรงนี้ปรมาจารย์เทียนฮั่วลูบเคราแล้วพูดต่อ “อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีวิชาที่สามารถรักษาแผลและชุบชีวิตคนตายได้ แต่ก็มียาที่มีผลเช่นนั้น! เจ้าหนูเสวี่ย เจ้าพาข้าไปจวนของเจ้า ข้าจะไปดูว่ายังมีโอกาสรักษาให้หายดีได้หรือไม่!”
เซียวหนิงเสวี่ยพยักหน้า นางไม่รอช้าพาปรมาจารย์เทียนฮั่วเดินไปข้างหน้า
เหลียงเฟยเดินตามอยู่ข้างหลังคนเดียวอย่างเชื่องช้า จมอยู่ในความคิด เขาคิดว่าศาสตร์บงการสวรรค์ของเขา หากฝึกฝนจนถึงระดับสูงสุด หากสามารถบรรลุผลตามที่คาดหวังได้ มันจะไม่ทรงพลังยิ่งกว่าวรยุทธ์ของเทพยุทธ์อีกหรือ?
เรื่องในอนาคตยังอีกยาวไกล!
ในที่สุดเหลียงเฟยก็เห็นว่าพวกเขาทั้งสองคนเดินห่างออกไปมากแล้ว เขาอดส่ายหน้าและยิ้มกว้างไม่ได้ พลางคิดในใจว่าตัวเองนั้นหวังสูงเกินไปหรือเปล่า
ชายหนุ่มรีบเดินตามไปข้างหน้า มาอยู่ระหว่างปรมาจารย์เทียนฮั่วและเซียวหนิงเสวี่ย แต่แล้วก็รู้สึกประหลาดใจ เพราะในขณะที่ปรมาจารย์เทียนฮั่วดูจะเป็นกันเองมากกว่า กลับกันเซียวหนิงเสวี่ยกำลังดูรู้สึกอึดอัดไม่มากก็น้อย สุดท้ายทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก แล้วก็มาถึงจวนสกุลเซียว
บิดามารดาของสกุลเซียวที่เพิ่งหายป่วยหนัก ตอนนี้กำลังเฝ้ารออยู่ที่ประตูลานบ้าน ทั้งสองโดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลยที่ต้องรอบุตรสาวและเหลียงเฟยกลับมา
เมื่อครู่พวกเขาได้รู้จากบุตรสาวว่าเหลียงเฟยกลับไปที่จวนสกุลโหลวเพียงคนเดียวเพื่อไปทวงคืนความเป็นธรรมให้พวกตน ทั้งสองก็รู้สึกเป็นห่วงมาก กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงรีบให้บุตรสาวไปดู ยามที่บุตรสาวออกไปแล้ว พวกเขาก็ออกมายืนรออยู่ที่ประตู สวดภาวนาอย่างไม่หยุดหย่อน หวังว่าพวกเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย
ตอนนี้ในที่สุดก็ได้เห็นเหลียงเฟยและบุตรธิดาของตนกลับมาแล้ว ก็อดดีใจเหลือเกินไม่ได้ ยิ้มแย้มแจ่มใส
เมื่อเห็นว่ามีคนแก่ผมขาวที่ดูเหมือนจะมีวิชาสูงลึกเหลือคณานับมาด้วย ก็อดก้าวไปข้างหน้าเพื่อกล่าวคำขอบคุณด้วยความเคารพไม่ได้
ปรมาจารย์เทียนฮั่วมองพวกท่านอย่างเรียบเฉย พบว่าร่างกายของพวกท่านยังอ่อนแอมาก จึงรีบเข้าไปประคองตัวท่านทั้งสอง บอกกล่าวให้ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น
จากนั้นท่านก็หยิบยาสองเม็ดส่งให้เซียวหนิงเสวี่ย บอกให้นางมอบให้ท่านทั้งสองกิน
เซียวหนิงเสวี่ยมองยาในมือ พบว่ามันคือยาวิเศษอันล้ำค่าและแปลกประหลาดที่สุดตามตำนาน นั่นคือ เม็ดยาหญ้าตะวันโลหิต
ในตำนานกล่าวว่าต้นหญ้าตะวันโลหิตนี้เป็นพืชที่ชอบแดด สีแดงสด ออกดอกทุกสิบปี ออกผลทุกร้อยปี และต้นหญ้าเสวี่ยหยางแต่ละต้นจะออกผลเพียงสามเม็ดเท่านั้น
เม็ดยาหญ้าตะวันโลหิตเองก็มีคุณสมบัติในการบำรุงพื้นฐาน เสริมสร้างจิตวิญญาณ ฟื้นฟูพลังชีวิต จัดเป็นส่วนประกอบยาวิเศษชั้นดี ผ่านวิธีเซียนบางอย่างช่วยเสริมสามารถนำไปปรุงเป็นยาเซียนคุณภาพดี หรือแม้แต่ยาเทพทั่วไปได้ มีค่ามาก
เซียวหนิงเสวี่ยรีบคุกเข่าลงครึ่งตัว กล่าวขอบคุณหลายครั้ง จากนั้นก็ส่งเม็ดยาหญ้าตะวันโลหิตให้ท่านพ่อท่านแม่ บอกให้ท่านรีบกิน พร้อมทั้งบอกถึงความวิเศษของเม็ดยาหญ้าตะวันโลหิตนี้
ท่านพ่อท่านแม่สกุลเสี่ยวรับยามากินด้วยความขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ส่วนเหลียงเฟยที่อยู่ข้าง ๆ กลับยิ้มบาง ๆ รู้สึกว่าการเชิญปรมาจารย์เทียนฮั่วมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริง ๆ แม้แต่ของมีค่าอย่างเม็ดยาหญ้าตะวันโลหิตยังยอมหยิบออกมา เชื่อว่าท่านคงไม่ตระหนี่ถี่เหนียวที่จะไม่ช่วยพี่ชายของเซียวหนิงเสวี่ย แน่นอน
ต่อมาเซียวหนิงเสวี่ยพาปรมาจารย์เทียนฮั่วและเหลียงเฟยเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ด้วยกัน
ระหว่างนั้นปรมาจารย์เทียนฮั่วก็ได้ถามถึงสถานการณ์ของพวกเขาคร่าว ๆ เมื่อทราบว่าพวกเขาถูกตระกูลโหลวทำร้ายอย่างโหดร้ายเพียงใด ท่านก็อดสะเทือนใจไม่ได้ รู้สึกว่าตระกูลโหลวช่างน่าเกลียดชังเหลือเกิน เข้าใจได้ว่าทำไมเหลียงเฟยถึงได้ใจดำถึงเพียงนั้น ถึงกับเสนอจะทำลายตระกูลโหลวด้วยตัวเอง
เมื่อเดินเข้าไปในห้องโถง เซียวหนิงเสวี่ยก็รีบจัดแจงชงชาให้ปรมาจารย์เทียนฮั่ว แต่ด้วยช่วงนี้เกิดเรื่องไม่เป็นมงคลในตระกูล ทั้งพ่อแม่ก็นอนป่วยอยู่บนเตียง นางเองก็ต้องหลบหนีอยู่ตลอด ลองใช้กาน้ำชาหลายใบแล้ว แต่ก็ไม่มีน้ำร้อนสักนิด ทำให้ดูอึดอัดเป็นอย่างมาก
“ท่านปรมาจารย์ โปรดนั่งรออยู่สักครู่ ข้าจะไปต้มน้ำมาเดี๋ยวนี้เอง!” เซียวหนิงเสวี่ยรู้สึกเกรงใจปรมาจารย์เทียนฮั่วอยู่แล้ว ไม่เหมือนเหลียงเฟยที่ทำตัวสบาย ๆ ตอนนี้ยิ่งเจอเรื่องแบบนี้ เสียงพูดก็ยิ่งเบาลง รีบถอยออกไปทันที
ทว่าปรมาจารย์เทียนฮั่วกลับเรียกนางไว้ “สาวน้อยเซียว ข้าไม่กระหาย ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก อยู่ต่อหน้าข้า ก็ทำตัวสบาย ๆ เหมือนเจ้าหนูเฟยก็แล้วกัน ถือว่าข้าเป็นคุณปู่ของเจ้าก็ได้! การช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องเร่งด่วน รีบพาข้าไปดูพี่ชายของเจ้าเถอะ อีกอย่าง ข้ายังมีธุระอีกด้วย!”
เหลียงเฟยได้ยินดังนั้นก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ เอี้ยวหน้าไปถามเสียงเบา “ท่านปรมาจารย์ พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งสิบสองปี ไม่คุยกับข้าอีกสักหน่อยหรือ?”
“หึ ๆ โอกาสข้างหน้ายังมีอีกเยอะ! ตอนนี้ให้เจ้าออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกให้สนุกไปก่อน รออีกสักพัก ข้าจะพาเจ้ากลับไปที่สำนักเซียน รับเจ้าเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ!”
“ท่านหมายความว่า!”
ปรมาจารย์เทียนฮั่วลูบเคราขาวยาวของตนไปพลาง หรี่ตายิ้มตอบรับเสียงหนึ่ง
เหลียงเฟยยังคงอดใจไม่ไหว รีบคุกเข่าลงต่อหน้าปรมาจารย์เทียนฮั่วทันที กล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เทียนฮั่ว ไม่สิ อาจารย์! ขอศิษย์คารวะท่านสักครา!”
ไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้เรียนรู้อะไรจากปรมาจารย์เทียนฮั่วได้บ้าง แค่มีอาจารย์ที่มีวิชาสูงส่งขนาดนี้ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นพิเศษแล้ว!
MANGA DISCUSSION