บทที่ 28 สตรีงามดั่งงูพิษ
เซียวหนิงเสวี่ยเห็นเหลียงเฟยหมดสติไป นางก็อดที่จะเป็นห่วงมิได้ จึงร้องถาม “เหลียงเฟยเจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าฟื้นขึ้นมาก่อนสิ!”
เหลียงเฟยได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าการโกหกนั้นไม่ค่อยคุ้นเคยนัก อยากจะหัวเราะ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้หัวเราะออกมา
อย่างไรก็ตาม เพื่อหลีกเลี่ยงการหัวเราะออกมา เขาจึงไม่ได้พูดอะไรอย่างจงใจ แสร้งทำเป็นใช้ความพยายามอย่างหนักจนหมดสติไป ตอนนี้จึงต้องนิ่งเงียบ ไม่พูดสักคำเพื่อทำให้ดูเหมือนว่าตัวเองเป็นลมไปจริง ๆ แล้วก็ล้มลงไป
เซียวหนิงเสวี่ยรีบก้าวไปประคองเขาไว้
พลันนั้น เหลียงเฟยสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ ผิวเนื้อที่อ่อนโยน เหมือนขนแกะในฤดูหนาวที่นุ่มนวล สบายเป็นที่สุด ทำให้คนหลงใหล
ความรู้สึกที่ถูกผู้หญิงโอบกอดเป็นครั้งแรก ทำให้เหลียงเฟยรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง ประสาทตื่นตัวไปทั้งตัว ในใจลึก ๆ มีแรงกระตุ้นบางอย่างที่ยากจะควบคุมได้ มาจากสัญชาตญาณดั้งเดิม
เขารู้ว่าแรงกระตุ้นนี้หมายถึงอะไร แต่เพราะรู้สึกว่าตัวเองกับเซียวหนิงเสวี่ย เพิ่งพบกันโดยบังเอิญ เพิ่งรู้จักกันใหม่ ๆ ถ้าสนิทสนมกันมากเกินไปก็กลัวว่าจะไม่ค่อยดี
น่าสงสารนัก เหลียงเฟยผู้ที่ปกติเก่งกล้าและไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น แต่ตอนนี้กลับอยากจะหนีเสียให้ได้
แต่ความจริงก็คือ ตอนนี้เขาแสร้งทำเป็นหมดสติอยู่ แล้วจะปฏิเสธอ้อมกอดอันอ่อนโยนของเซียวหนิงเสวี่ย… ปฏิเสธความรู้สึกที่ดีเช่นนี้ได้อย่างไร?
ในขณะเดียวกันก็เจ็บปวดอยู่บ้าง เหลียงเฟยเพราะแสร้งเป็นลม จึงไม่กล้าขยับเขยื้อนอะไร ไม่ต้องพูดถึงการชักดาบขึ้นม้า ทำตัวเป็นสัตว์ป่าสักครั้ง เขาทำได้เพียงปล่อยตัวปล่อยใจ ณ จุดนั้น ปล่อยให้ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้รุมเร้าต่อไป
ท้ายที่สุด เซียวหนิงเสวี่ยก็ประคองเขามาถึงเก้าอี้ได้ ความรู้สึกที่ผิวเนื้อเย็นเฉียบแนบชิดร่างกายนั้น ช่างทำให้คนทนไม่ไหวจริง ๆ
เซียวหนิงเสวี่ยค่อย ๆ วางร่างของเหลียงเฟยลง ตอนนั้นเองนางกลับเห็นว่าด้านล่างของเขาตั้งเป็นภูเขาเล็ก ๆ จึงอดถามไม่ได้ “เหลียงเฟย ในกางเกงของเจ้าซ่อนอะไรไว้หรือ?”
เหลียงเฟยไหนเลยจะกล้าตอบ
ส่วนพ่อแม่ของนางที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินดังนั้น ก็มองไปที่เหลียงเฟย ทั้งสองรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็อดส่ายหน้ายิ้มไม่ได้ กระนั้นก็กระแอมพูดอย่างใจเย็น “หนิงเสวี่ย อย่าได้ไร้มารยาท สิ่งที่ไม่ควรมอง ไฉนจะพูดถึงได้ตามใจชอบเล่า?”
อย่ามองสิ่งที่ไม่เหมาะสม?!
เซียวหนิงเสวี่ย ท่องในใจครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงบางสิ่ง ทำให้ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย อยากจะด่า เหลียงเฟยสักประโยคอย่าง ‘ไอ้คนลามกจกเปรต!’ แต่ก็รู้สึกว่าดูเหมือนจะมีต้นสายปลายเหตุอยู่ และมันทำเอานางทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง
ส่วนเหลียงเฟยก็ยังคงพยายามทำให้จิตใจของตนเองสงบลง ในที่สุดก็ย้ายภูเขาทะเลสาบ ระเบิดออกมาด้วยอารมณ์ของคนโง่ที่ย้ายภูเขา ทำให้ภูเขาเล็ก ๆ ที่ทำให้อับอายกลายเป็นที่ราบ
วินาทีนั้น ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจความหมายของคำศัพท์หนึ่ง!
นั่นคือ ปวดกล่องดวงใจ!
ไม่ได้ปรารถนา แต่ต้องการ!
โอ้ สวรรค์ ความต้องการที่ไม่อาจจะเติมเต็มได้นั้นมันช่างทำให้ปวดร้าวกล่องดวงใจยิ่งนัก!
เซียวหนิงเสวี่ยเห็นเหลียงเฟยยังคงเงียบ สายตาไร้ชีวิตชีวา นางคิ้วขมวดเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะถามไถ่ด้วยความกังวลมากขึ้น
ผู้เป็นมารดาเห็นสถานการณ์ คิดแล้วพูดกล่าว “เสวี่ยเอ๋อร์ ไม่ต้องกังวล! ข้าคิดว่าท่านเหลียงคงจะใช้พลังมากเกินไปเพื่อช่วยพวกเรา! เอาเป็นว่าระหว่างนั้นเจ้าไปจัดห้องให้เขา พาเขาไปนอนพักสักครู่ แล้วไปทำอะไรมาบำรุงร่างกายให้เขาก็พอ!”
หือ!? ข้าต้องถูกหิ้วอีกแล้วหรือ!
เหลียงเฟยในใจอดไม่ได้ที่จะมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาทั่วศีรษะ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป!
ส่วนเซียวหนิงเสวี่ยก็ตกใจเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นเพราะเมื่อครู่ได้ยินเรื่องอย่ามองสิ่งที่ไม่เหมาะสม สำหรับหญิงสาวที่เพิ่งเริ่มมีความรัก เจ็ดอารมณ์หกความปรารถนาเติบโตเต็มที่ ยากที่จะหลีกเลี่ยงการคิดถึงเรื่องวุ่นวายได้
ดังนั้นนางจึงรู้สึกว่าคำพูดของท่านแม่ไม่ว่าจะเป็นห้อง เตียง หรือการบำรุงร่างกาย ฟังยังไงก็มีปัญหา ไม่ว่าจะวิเคราะห์อย่างไรก็ไม่ได้!
ครู่ต่อมา ใบหน้างามของเซียวหนิงเสวี่ยก็แดงระเรื่อ แดงไปถึงติ่งหู นางทนความอายต่อไปไม่ไหว รีบวิ่งหนีออกจากห้องไปเหมือนหนีภัย ไปจัดห้องให้เหลียงเฟย
นานพอสมควรนางจึงกลับมา พอดีกับตอนที่เหลียงเฟยสามารถหยุดคิดถึงเรื่องราวก่อนหน้าได้และสงบอาการปวดร้าวที่หว่างขาของเขาได้ในที่สุด
บัดนี้เหลียงเฟยกลับเผลอใจคิดฟุ้งซ่านไปกับรูปโฉมงดงามดุจนางในวรรณกรรมของนาง ทั้งยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากผิวเนื้อที่แนบชิด กระทบกระทั่ง หรือแม้แต่การรอคอยอันแสนนาน ความรู้สึกนี้ช่างกระตุ้นอารมณ์ ถึงแม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้น แต่กลับทำให้ความรู้สึกดูเลื่อนลอยดุจความฝัน
อย่างไรก็ตามเหลียงเฟยจำต้องแสร้งทำเป็นเป็นลมต่อไปเพื่อรักษาความลับที่เขามีมังกรพิษเอาไว้ก่อน!
ดังนั้น ข้าจึงต้องทนทุกข์ทรมานอีกครั้ง!
เซียวหนิงเสวี่ย มิได้คิดมากนางยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ค่อย ๆ พยุง เหลียงเฟย ขึ้นเตียง ถอดรองเท้าให้ แล้วปล่อยให้เขานอนลง จากนั้นก็ใช้มือเรียวบางอ่อนนุ่มของนางแตะเบา ๆ ที่หน้าผากของเหลียงเฟย
เหลียงเฟยรู้สึกไร้คำพูด ในใจคิดว่าในเมื่อมารดาของนางได้บอกไว้ว่าตัวเขานั้นน่าจะแค่เหนื่อยจนหมดแรงไป มิใช่เป็นหวัดมีไข้ เช่นนั้นแล้วนางจะจับหน้าผากเขาทำไมกัน?
นางไม่รู้หรือไรว่า การที่นางโค้งตัวแบบนี้ ขาที่งดงามของนางมันจะโผล่แพล่มออกมาจากผ้าของนาง ลึกลับซ่อนเร้น ราวกับชมจันทร์ยามฤดูใบไม้ร่วง ชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ มันช่างงดงามเสียนี่กระไร แต่กลับไม่อาจสัมผัสได้ มันช่างทรมานใจเหลือเกิน
หรือนางต้องการฆ่าผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตนางไว้ ปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานจนตาย?
เซียวหนิงเสวี่ยดูจริงจังมาก นางจับหน้าผากเหลียงเฟยสักพัก แล้วก็จับหน้าผากตัวเองดู พยักหน้าแล้วเอ่ย “ดีแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง! เหลียงเฟย เจ้าพักผ่อนบนเตียงสักครู่ ข้าจะไปทำอาหารให้เจ้ากินเพื่อบำรุงร่างกาย!”
พูดจบ นางก็หัวเราะเบา ๆ เดินออกไปจากข้างเตียงสองสามก้าว แล้วก็หันกลับมายิ้มให้อีกครั้ง รอยยิ้มที่งดงามดุจความฝัน ทำให้ผู้คนหลงใหลจนยากจะบรรยาย
เหลียงเฟยมองภาพที่งดงามนี้ จนกระทั่งนางจากไปแล้ว ในใจก็อดยิ้มหวานชื่นไม่ได้
ข้าเป็นโสดมาตลอดยี่สิบสี่ปี ผ่านวันคืนอันเปลี่ยวเหงามาก็ยาวนาน วันนี้เป็นครั้งแรกที่ข้าได้รับการดูแลจากสาวน้อยผู้งดงาม น่ามอง สะดุดตา รูปร่างดุจต้นหลิว ความรู้สึกนั้นเบาหวิว ช่างพูดไม่ถูกเลยทีเดียวว่ามันดีแค่ไหน
เหลียงเฟยอดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่า หากได้แต่งงานกับเซียวหนิงเสวี่ย ตนจะรู้สึกดีได้ถึงเพียงใด?
เห็น ๆ กันอยู่ว่านางเป็นสาวน้อยที่ดีขนาดไหน!
ไม่เพียงมีโฉมงามอันเลอโฉม มีความงดงามที่ทำให้แผ่นดินไหวโลกสะเทือน แต่ยังสามารถดูแลเอาใจใส่ผู้อื่นได้อย่างนี้ อีกทั้งยังมีวิชาอันล้ำเลิศ มีฝีมือการต่อสู้ที่เหนือชั้น
ที่สำคัญที่สุดคือ นางยังทำอาหารเป็นด้วย!
ในวันนี้ที่สัดส่วนของผู้ชายและผู้หญิงไม่สมดุลอย่างรุนแรง หญิงสาวเช่นนี้ถือเป็นของล้ำค่าในบรรดาของล้ำค่า เป็นของล้ำค่าที่สุดในบรรดาของล้ำค่าที่สุดเลยทีเดียว!
อะไรนะ?
งามดังงูพิษ? โฉมงามนำภัยมา?
ข้าไม่กลัวหรอก!
ใคร ๆ ก็ชอบสาวงามกันทั้งนั้นแหละ!
ชายชาตรีผู้กล้าหาญ ต้องกล้ารักกล้าชัง กล้ารักหญิงงาม รักแผ่นดินแต่รักหญิงงามยิ่งกว่า! ผู้ที่ไม่กล้ารัก ล้วนเป็นพวกขี้ขลาด ไร้อนาคต ไร้ความหวัง!
เหลียงเฟยคิดอยู่นาน พบว่าด้านนอกไม่มีเสียงอะไร คิดว่าท่านพ่อและท่านแม่ของเซียวหนิงเสวี่ยคงกำลังพักผ่อนบนเตียง ส่วนเซียวหนิงเสวี่ยคงกำลังยุ่งอยู่ในครัวคนเดียว
ความคิดวนเวียน เหลียงเฟยรู้สึกว่านี่คือโอกาสแล้ว!
ไปยังจวนตระกูลโหลว แล้วจัดการพวกนั้นซะ!
เหลียงเฟยลุกขึ้นจากเตียง สวมรองเท้าแล้วเดินไปที่ประตูห้อง หลังจากมั่นใจแล้วว่าคนอื่น ๆ ในบ้านตระกูลเซียวนี้ยังไม่รู้ตัว จึงเดินกลับมาในห้อง เปิดหน้าต่าง กระโดดลงไปที่ลานหลัง จากนั้นก็กระโดดขึ้น ข้ามกำแพงออกไปได้อย่างง่ายดาย
MANGA DISCUSSION