บทที่ 26 ตระกูลโหลวผู้ชั่วช้า
กล่าวจบเหลียงเฟยก็วางกระบี่คืนสู่มือของเซียวหนิงเสวี่ย สายตาของเขาบอกกล่าวนางชัดเจนว่าให้นางรับไว้ จากนั้นก็เขาก็หันหันหน้าเดินนำออกไปจากจวนตระกูลโหลว
แม้เวลาที่อยู่ด้วยกันจะไม่นาน แต่เซียวหนิงเสวี่ ก็สัมผัสได้ถึงนิสัยใจคอของเหลียงเฟยได้ระดับหนึ่ง นางจึงจำต้องเก็บกระบี่วิเศษเล่มนี้ไว้ กระบี่สีแดงเลือดย่อส่วนจนมองไม่เห็นเพื่อให้นางพกพาได้สะดวก จากนั้นนางก็รีบเดินตามเหลียงเฟยออกจากจวนไป
เย่เทียนฉงและลุงหั มองทั้งสอง แม้จะเดินหน้าตามหลัง ห่างกันเล็กน้อย แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากลอยู่ดี!
เห็นความอยุติธรรม ชักกระบี่ช่วยเหลือ คงไม่ง่ายดายเช่นนั้นกระมัง?
เหลียงเฟย กลับไม่กลัวตายช่วยเหลืออย่างสุดชีวิตเช่นนั้นหรือ?
หรือว่าไอ้หนุ่มคนนี้ คงจะมีคนที่รักอยู่แล้ว และคนผู้นั้นไม่ใช่คนอื่นไกล นางก็คือสตรีแซ่เซียวผู้นี้กระมัง?
“ขอให้ไม่เป็นเช่นนั้นเถิด!” เย่เทียนฉงสุดท้ายก็พึมพำประโยคที่ไร้ที่มาที่ไป เช่นนั้น แต่ในใจกลับมีความรู้สึกไม่ดีอยู่
ยังไงก็ตาม การที่เหลียงเฟยได้ช่วยเหลือเซียวหนิงเสวี่ยเช่นนี้ ต่อให้ฝ่ายชายไม่มีใจ แต่ฝ่ายหญิงคงยากที่จะมีความรู้สึกบางอย่างในใจเป็นแน่!
ลุงหัวเห็นเย่เทียนฉงยืนนิ่งไม่ขยับ เขาก็เหมือนจะรู้ความคิดของอีกฝ่าย จึงตบไหล่เพื่อให้เขาไม่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อหน้าคนอื่น
เย่เทียนฉงพยักหน้าหันกลับมาประสานมือคำนับโหลวอิงป้า “ท่านเจ้าตระกูลโหลว วันนี้ข้าล่วงเกินไปแล้ว ขอให้ท่านอย่าถือโทษโกรธเคือง ขอตัวลากล่าวลา หวังว่าวันใดเราจะได้นั่งดื่มสุรากันสักครั้ง!”
กล่าวจบเย่เทียนฉงก็พาเหล่ายอดฝีมือแห่งตระกูลเย่จากไป แต่เขาไม่ได้วางใจ จึงได้ส่งยอดฝีมือสองคนไปคอยคุ้มกันเหลียงเฟยลับ ๆ เพราะเขารู้ว่าตระกูลโหลวก็คงคิดจะใช้โอกาสนี้ทำอะไรสักอย่างแน่ ๆ จึงวางเฉย คอยท่า ไม่ต้องกังวลมากนัก
นี่แหละถึงเป็นความเก่งกล้าของแม่ทัพผู้พิชิตตะวันตก และทุกคนต่างยอมรับเขาในเรื่องการวางแผนและอ่านแผนการคนอื่นออกกันถ้วนหน้า
เย่เทียนฉงคาดการณ์ไม่ผิด เหลียงเฟยสามารถพาเซียวหนิงเสวี่ยกลับไปช่วยพ่อแม่นางที่ตระกูลเซียวได้อย่างราบรื่น ไม่มีอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งถึงตระกูลเซียวในที่สุด
มาถึงบ้านตระกูลเซียว พบกับเรือนสี่เหลี่ยมจตุรัสสีแดงเขียว สระน้ำจำลอง และสวนดอกไม้ทุกหนแห่ง การตกแต่งก็สง่างามและเคร่งขรึม มีรสนิยมอย่างมาก ดูแล้วไม่ใช่ครอบครัวที่ยากจนธรรมดาแน่นอน
ทว่าบ้านที่กว้างใหญ่กลับมีผู้อาศัยเพียงสี่คน! เซียวหนิงเสวี่ย บิดามารดาที่ถูกวางยาพิษ และพี่ชายที่ถูกตระกูลโหลวตัดเอ็นที่ข้อเท้า จนต้องนอนอยู่บนเตียงจนถึงทุกวันนี้
คนอื่น ๆ ที่เคยพูดคุยหัวเราะด้วยกันได้ เมื่อไม่นานมานี้กลับสิ้นชีวิตไปแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับบริเวณที่พักสุดหรู ยิ่งดูรันทดใจยิ่งขึ้น
เหลียงเฟยโกรธแค้นจนทนดูไม่ได้ โดยเฉพาะตอนที่เห็นพี่ชายของ เซียวหนิงเสวี่ยที่ถูกตัดเอ็นขา เขาโกรธจนต้องกัดฟันกรอด!
ทั้งที่พวกนั้นสามารถฆ่าใครก็ตามได้ในอึดใจเดียว ทำให้คนตายแทบไม่รู้สึกอะไร แต่ตระกูลโหลวกลับเลือกตัดเอ็น วางยาพิษ ทั้งหมดล้วนโหดเหี้ยมจนยากที่ผู้ใดจะทนได้ คนที่ยังอยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น!
สักวันหนึ่ง ข้าจะต้องฆ่าคนในตระกูลโหลวให้สิ้นซาก เพื่อกำจัดโจรและคืนความสงบสุขให้แก่บ้านเมือง!
เหลียงเฟยสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อเห็นความทุกข์ยากของตระกูลเซียวแล้ว เขาอดทนไม่ไหว จึงหันหลังแล้วพูดขึ้น “แม่นางเซียว นำคนในครอบครัวของท่านไปหาที่ปลอดภัยเถอะ ข้าไปแล้ว!”
เซียวหนิงเสวี่ยกำลังเล่าเรื่องที่เหลียงเฟยช่วยเหลือนางให้พ่อแม่ฟัง แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ จึงหันกลับมาหมายจะเรียกเหลียงเฟย ทว่ากลับได้เพียงอ้าปากค้าง เพราะไม่รู้ว่าจะเอ่ยอย่างไรให้เขาอยู่ต่อ
ในที่สุดมารดาของนางซึ่งมีรูปร่างยังสาว ใบหน้าคมคาย และแฝงแววความมีเสน่ห์อยู่บ้าง จึงกล่าวเอ่ย “ท่านผู้เยาว์ ไม่ต้องรีบร้อนไปเช่นนั้นหรอก ท่านได้ช่วยเหลือพวกเราอย่างใหญ่หลวง เราไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไร หากไม่มองเป็นการเสียเวลาท่าน ข้าอยากให้ท่านอยู่รับประทานอาหารกับพวกเรา หรือถ้าหากประสงค์จะพักค้างคืน เรามีห้องอยู่มากมาย!”
ขณะที่ฟังคำพูดสุดท้ายของมารดา เซียวหนิงเสวี่ยก็เริ่มรู้สึกหน้าแดงขึ้นมา นางไม่มั่นใจนักว่ามารดามีเจตนารมณ์แอบแฝงหรือไม่
แม้ว่าด้วยความงามของเซียวหนิงเสวี่ยจะไม่ได้ชี้นำให้ผู้คนเกิดความลุ่มหลงและหลงไหลในความเย้ายวน แต่เหลียงเฟยที่ได้ช่วยเหลือนางมากมาย ถ้าหากให้นางตอบแทนด้วยการแต่งงาน นางก็คงไม่ปฏิเสธ
ยิ่งไปกว่านั้น เหลียงเฟยยังเก่งกาจเช่นนี้ แม้ว่าตอนนี้ฝีมือยังไม่แก่กล้า แต่มีศักยภาพสูงมาก ต่อไปอีกหน่อย คงจะประสบความสำเร็จเกินคาด
เมื่อเหลียงเฟยได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เขาหยุดคิดสักครู่ก่อนจะพยักหน้าในท้ายสุดและตัดสินใจพักอยู่ก่อน
เซียวหนิงเสวี่ยยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็หยิบขวดน้ำยาขึ้นมาเทยาถอนพิษสองเม็ดออกมาส่งให้บิดามารดาของนางกลืนกิน
ทว่าสิ่งที่นางไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในไม่ช้าหลังจากที่พวกท่านกลืนยาถอนพิษเข้าไป ดวงตาก็เบิกโพลงและสิ้นใจเพราะฤทธิ์ยาพิษ!
“ยาแก้พิษปลอมรึ?” เซียวหนิงเสวี่ยอดร้องตกใจไม่ได้ นางมิอาจคาดคิด ว่าตระกูลโหลวจะส่งคนสี่คนมาขัดขวางเหลียงเฟย ตามด้วยอาสามผู้มีใบหน้าโหดเหี้ยม ปรากฏกายขึ้นแท้จริงแล้วก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
ที่จริงแล้วในขวดยานั้น ไม่เพียงมิใช่ยาแก้พิษ หากแต่ยังเป็นยาพิษอีกต่างหาก!
เหลียงเฟยได้ยินเซียวหนิงเสวี่ยพูดเช่นนั้น จึงรีบหันหลังกลับไปมองก็พบว่าบิดามารดาของนาง ริมฝีปากดำคล้ำ ใบหน้าค่อย ๆ เขียวคล้ำ แสงสีดำกลุ่มหนึ่ง จากมุมปากของท่านทั้งสอง ค่อยๆ รุกรานเข้าสู่อวัยวะภายในคุกคามชีวิตของท่านทั้งสอง!
ดูเหมือนว่ายาพิษนี้จะร้ายแรงไม่น้อยเลยทีเดียว!
“ช่างน่าโมโหเหลือเกิน คนของตระกูลโหลวช่างไร้ยางอายจริง ๆ !” เหลียงเฟย ตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว หมุนตัว ตั้งใจจะไปเอาความยุติธรรมคืนจากตระกูลหลัว
แต่เพียงก้าวไปได้สองก้าว เขาก็ถูกเซียวหนิงเสวี่ยฉุดไว้
เซียวหนิงเสวี่ยไม่ทันได้ห้ามปราม แต่ท่านแม่ของนางกลับเป็นคนแรกที่พูดว่า “เหลียงเฟย ดูเหมือนนี่จะเป็นวาสนา พวกข้าชะตากรรมต้องเป็นเช่นนี้!”
“ไม่มีอะไรที่เรียกว่าชะตาสวรรค์หรอก โชคชะตาอยู่ในมือของตัวเองต่างหาก…”
“ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ ฟังข้าพูดจบก่อน อึก—! แค่ก ๆ !…” ท่านแม่เซียวพูดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะไอสองที ในทันใดนั้นก็พ่นเลือดสีดำข้นออกมา ดูท่าจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
เหลียงเฟยเห็นดังนั้น จึงรีบก้าวไปประคองนางไว้
แต่ไม่คาดคิดว่า ในเวลานั้นเอง เรื่องแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น!
เห็นได้ชัดว่าจากแขนเสื้อของ เหลียงเฟย กลับมีแสงสีขาวที่เข้มข้นไหลออกมา พุ่งตรงไปยังมุมปากของท่านแม่เซียว ต่อมา แสงสีดำที่กำลังจะไหลเข้าสู่หัวใจของผู้เป็นมารดาของเซียวหนิงเสวี่ย ก็ค่อย ๆ ถอยกลับออกมา ไหลออกมาจากปากของนาง ตามแสงสีขาว ค่อย ๆ ไหลเข้าไปในแขนเสื้อของ เหลียงเฟย
“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?” เหลียงเฟย ไม่เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน จึงอดที่จะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้
สิ่งที่ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นต้องตกใจมากขึ้นไปอีก คือมารดาของเซียวหนิงเสวี่ยที่เอ่ยตอบขึ้นมา “ข้ารู้สึกเย็นวาบไปทั่วอวัยวะภายใน เหมือนพิษในร่างกายกำลังถูกสลายออกไปทีละน้อย!”
เหลียงเฟย ร้องอ๋อด้วยความประหลาดใจ “พิษถูกถอนแล้วหรือ?”
เซียวหนิงเสวี่ย ใจดีใจจนตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงนึกอะไรได้ จึงหันไปถาม “เหลียงเฟย บนตัวท่านมีวัตถุวิเศษอะไรหรือเปล่า?”
“วัตถุวิเศษ? ไม่มีหรอก!” แม้จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่เหลียงเฟยก็พยายามคิดพินิจว่ามีสิ่งเหล่านั้นจริงหรือ?
ถึงจะยังไม่เข้าใจนักแต่การช่วยชีวิตผู้อื่นเป็นเรื่องเร่งด่วน หลังจากที่เหลียงเฟยค้นพบวิธีแก้พิษแล้ว ก็รีบไปช่วยมารดาของเซียวหนิงเสวี่ยสักพัก จากนั้นก็รีบไปประคองบิดาของนางต่อทันที
ผลลัพธ์ก็เหมือนกับครั้งก่อน แสงสีขาวที่ไหลออกมาจากปลายแขนเสื้อ พอไปสัมผัสกับแสงสีดำที่ไหลเวียนอยู่บนร่างของบิดาของเซียวหนิงเสวี่ย ก็ไหลเข้าไปในปลายแขนเสื้อทันที
ต่อมา เกิดเรื่องที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นขึ้น!
ปรากฏว่ามีแสงสีขาวอ่อนโยนสองสายไหลออกมาจากปลายแขนเสื้อ แยกกันไหลไปยังบิดาและมารดาของเซียวหนิงเสวี่ย มันค่อย ๆ ดูดซับพิษในร่างกายของพวกท่านอย่างต่อเนื่อง
ตระกูลโหลวใจร้ายทารุณ ใช้วิธีการที่เลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ สวรรค์ช่างมีตาจริง ๆ !
ในขณะเดียวกัน เหลียงเฟยที่พยายามครุ่นคิดอยู่ตลอดในที่สุดก็นึกออกแล้ว
บนตัวของข้า แม้จะไม่มีวัตถุวิเศษอะไร แต่ก็มีของชิ้นหนึ่งที่ดูวิเศษอยู่บ้าง นั่นก็คือไข่มังกรเล็ก ๆ ที่งดงามวิจิตร
ไข่มังกรนี้ เหมือนไข่มุก บางครั้งก็ส่องแสงประหลาดอ่อนโยนสีขาวออกมา เหมือนหยกส่องแสงในยามค่ำคืน ช่างดูวิเศษจริง ๆ
ที่เหลียงเฟยมั่นใจว่ามันคือไข่มังกร เพราะมันใสกิ๊งเหมือนอัญมณี มองทะลุเข้าไปข้างในได้ชัดเจน เห็นร่างสีเขียวเหมือนไส้เดือนของมังกรตัวน้อยที่มีเปลวไฟสีแดงเพลิงที่หัวและหางว่ายไปมาอยู่
พูดถึงโอกาสที่ได้ไข่มังกรนี้มา ก็เป็นเพราะจิตใจอันร้อนแรงที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นของเหลียงเฟยนั่นเอง
วันหนึ่งเมื่อหกปีก่อน หลังจากที่เหลียงเฟยให้อาหารสัตว์วิเศษบนเกาะหมื่นอสูรเสร็จแล้ว เขาก็กลับฝึกฝนรากฐานเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!”
MANGA DISCUSSION