สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - ตอนที่ 1618 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1458
เขาเพิ่งจะหันออกไปก็ได้ยินเสียงร้องของอ้าวเสว่ เขารีบกลับไป เห็นว่าอ้าวเสว่กุมท้องนั่งอยู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาถามอย่างไม่ได้ระวังตัวนัก “เป็นอะไรไป ปวดท้องหรอ?”
อ้าวเสว่กุมท้อง รอให้การเคลื่อนไหวในท้องสงบลง เธอยิ้มให้กับเขา “ไม่มีอะไร มะกี้เขาถีบฉันน่ะ”
“ถีบได้?ตอนนี้เขาถีบคน?”เหยนหมิงเย้าหน้าตาจริงจังมาก แววตาแฝงไปด้วยความประหลาดใจ
อ้าวเสว่พยักหน้า ทันใดนั้นก็ร้องตกใจอีก “เขาถีบฉันอีกแล้ว!”
ทั้งสองคนจ้องมองท้องที่ตุงขึ้นมา เหยนหมิงเย้าเข้ามาใกล้อีกนิด อ้าวเสว่ตกใจอยู่เล็กน้อย ตอนที่เหยนหมิงเย้าเข้าใกล้ธอ ลูกน้อยจะขยับมากขึ้นเป็นพิเศษ!
เหยนหมิงเย้าก็รู้สึกตกใจ ทั้งที่รู้ว่าเป็นลูกของเย่เหนียนโม่ แต่เขาก็เกลียดเด็กไม่ลง กลับกันเมื่อได้ยินอ้าวเสว่พูดถึงเรื่องลูกก็ดีใจจนควบคุมตัวเองไม่อยู่
“อ้าวเสว่ พวกเธอกำลังคุยอะไรกันน่ะ?”อยู่ๆฝู้เฟิงหยีก็โผล่มายืนข้างหลังทั้งสองคนที่หัวเราะพูดคุยกันอยู่
อ้าวเสว่ตกใจ แต่ก็ตอบไปอย่างรวดเร็ว “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันทำไวน์หก คุณเหยนมาช่วย แล้วลูกก็ดิ้นค่ะ”
“จริงหรอ?ต่อไปต้องดื้อแน่ๆ!พอพูดถึงเรื่องลูกฝู้เฟิงหยีก็สบายใจขึ้นมาทันที ”จิ่วจิ่วมองออกไปข้างนอก “แปลกจัง เหนียนโม่ล่ะ?วันนี้เขาไม่ว่างหรอ”
พอพูดถึงก็มาเลย เย่เหนียนโม่พาติงยียีเข้ามาด้วย สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
เหยนหมิงเย้ามองไปที่อ้าวเสว่ เธอไม่ได้มีอะไรแปลกไปแต่ในใจก็ยังแอบคิดว่าไม่ปกติ แต่ยังไงซะอ้าวเสว่ก็ท้องลูกของเขาอยู่ เขาทำแบบนี้ถือเป็นการทำร้ายอ้าวเสว่
“คุณชายเย่ผู้แสนยุ่ง ”เหยนหมิงเย้าพูดจี้จุด เย่เหนียนโม่นั่งลง เห็นว่าติงยียีไปนั่งเก้าอี้ที่ไกลจากเขาตรงประตู คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้น “ได้ยินมาว่าช่วงนี้บริษัทของนายมีเรื่องหรอ?”
เหยนหมิงเย้าหน้าเคร่งขึ้นมาทันที เป็นผู้ชายก็ไม่อยากให้ใครเห็นจุดอ่อนในหน้าที่การงานกันทั้งนั้น เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง ช่วงนี้ลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงิน เขายุ่งวุ่นกับเรื่องนี้มาก
“ศูนย์การค้านานาชาติตอนนี้เปิดประมูลอู่ซ่อมรถอยู่นะ”เย่เหนียนโม่พูดอย่างเป็นกันเอง แต่คนที่อยู่ตรงนั้นแค่ฟังก็รู้ พูดถึงการประมูลก็คือการเสนอทางรออกให้เหยนหมิงเย้า
อ้าวเสว่นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆ คิดไปถึงคำพูดของทั้งสองคน เธอกังวลว่าถ้าเหยนหมิงเย้าไม่พอใจขึ้นมาจะเอาเรื่องของตัวเองมาพูด เธอได้จบเห่แน่
เหยนหมิงเย้าไม่ได้ตอบอะไรอยู่นาน เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมา ได้สบสายตากันกับเหยนหมิงเย้าพอดี ทั้งสองคนรีบละสายตาออกจากกัน เหยนหมิงเย้ายิ้มออกมาเบาๆที่มุมปาก “ขอบใจนะ”
คำพูดของเขาทำให้อ้าวเสว่ต้องใจสั่นอีกครั้ง เขาจะทำอะไร ทำไมต้องตอบรับความช่วยเหลือของเย่เนียนโม่?ฝู้เฟิงหยีที่อยู่ข้างๆคิดว่าทั้งสองก็พูดกันมาพอประมาณแล้ว ย้มพูดขึ้น “พอแล้วๆ กินข้าวก่อนเถอะๆ วัยรุ่นใจร้อน เหมือนกับเชินหลินตอนสมัยวัยรุ่นไม่มีผิด”
จิ่วจิ่วพูดเสริม “ใช่เลย !ลูกนี่ ไม่เห็นจะเอาการเอางานแบบนี้ ทำไมตอนนี้มุ่งมั่นขนาดนี้ล่ะ เมื่อก่อนเคี้ยวเข็ญยังไงก็ไม่ฟัง!”
เหยนหมิงเย้าพูดเป็นนัย “ในบางครั้งก็อยากสู้เพื่อใครบางคนบ้าง”
สายตาของจิ่วจิ่วกวาดผ่านอ้าวเสว่ไป แววตาของเธอจริงจังขึ้นมา ฝู้เฟิงหยีกลับพูดอย่างสบายใจ “ชอบลูกสาวบ้านไหนเข้าล่ะ บอกย่าได้นะ เดี๋ยวย่าไปขอให้”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณย่า ผมแค่อยากให้เธอมีความสุข หวังว่าธอจะเห็นความพยายามของผมก็พอแล้ว”เหยนหมิงเย้าพูดเสียงปกติมองทุกคนโดยรอบ
อ้าวเสว่อดไม่ได้จึงยกน้ำดื่มแก้วนึง เธอรู้สึกว่าปากแห้งมาก ทำได้เพียงดื่มน้ำระงับความกระวนกระวายของตัวเอง
เย่เหนียนโม่ไม่ใส่ใจหรอกว่าเหยนหมิงเย้าจะชอบใคร เขามองไปที่ติงยียี เห็นว่าเธอนั่งตัวตรงมองอาหารบนโต๊ะไม่ละสายตา แววตาของเขาซ่อนรอยยิ้ม “คุณย่าครับ ป้าจิ่วจิ่ว เรากินข้าวกันเถอะ”
“ใช่ !กินข้าวกันก่อนเถอะ ”จิ่วจิ่วลุกขึ้นอย่างสบายใจ คีบน่องไก่ไปวางให้เย่เหนียนโม่ในถ้วย เห็นหญิงสาวนั่งอยู่ตรงประตู จิ่วจิ่วก็จะตักเต้าฟู้หมาโผให้เธอ เป็นเพราะว่าตำแหน่งที่นั่ง การจะตักอาหารให้ติงยียีจำเป็นต้องอ้อมอ้าวเสว่ไปก่อน อ้าวเสว่เข้าใจว่าหล่อนจะตักอาหารให้เธอ จึงรีบเอาถ้วยมารับ
จิ่วจิ่วชะงักไปครู่ ก็เอาเต้าหู้ใส่ถ้วยของเธอ ตักใหม่อีกช้อนให้ติงยียี “มาจ่ะ ลูกสาว กินนี่หหน่อย เธอคิดไปเองคนเดียวหรอเนี่ย?
ระหว่างนั้น เย่เหนียนโม่เห็นติงยียีตักข้าวเยอะมาก เห็นได้ชัดว่าจ้องกึ๋นไก่อยู่ แต่หยิบแค่ตะเกียบ “คุณย่า กินหน่อไหม้อันนี้เยอะๆนะครับ ”
ติงยียีกำลังตักข้าวในถ้วย โต๊ะหมุนหมุนมาอยู่ตรงหน้าเธอ ในที่สุดอาหารที่ตัวเองชอบกินก็หมุนมาถึงแล้ว
เธอเงยหน้าหาที่มาของเสียง เย่เนียนโม่เหลือบมองเธอแค่เล็กน้อยแล้วก็หันไปพูดกับจิ่วจิ่ว อ้าวเสว่นั่งอยู่ระหว่างทั้งสองคน เห็นการกระทำของทั้งสอง เธอทำได้แค่บีบชายกระโปรงไว้
เธอไม่เคยทรมานขนาดนี้ ถึงแม้จะพูดว่าตัวเองมีความสุขขนาดไหนต่อหน้าเหยนหมิงเย้า แต่ตอนนี้ตัวเองทำได้แค่นั่งมองติงยียีกับเย่เนียนโม่กิ๊กกั๊กกัน นี่มันจะขายหน้าเกินไปแล้ว
“ขอโทษนะคะ เมื่อกี้ฉันทำไวน์หกใส่กระโปรง ฉันขอไปห้องน้ำแปปนึง”เธอยิ้มแล้วลุกขึ้น แววตาแสนอ่อนโยน ทำให้คนรู้สึกสบายใจ
อ้าวเสว่เดินกุมท้องเดินไปห้องน้ำ เธอหายใจเข้าออกลึกๆเอาความไม่สบายใจออกไป เธอเกลียดจะตายแล้ว เธออยากจะให้ติงยียีไปตายซะตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ให้ตายเถอะ!เธอทรมานมาก!
เธอรีบใช้น้ำล้างคราบบนกระโปรง ออกมากจากห้องน้ำแล้วเธอกำลังจะกลับไปที่ห้องอาหาร แต่เสียงที่มุมตึกทำให้เธอต้องหยุดลง
“ลูกบอกมานะ ลูกชอบเด็กผู้หญิงที่ชื่ออ้าวเสว่คนนั้นใช่ไหม ?”จิ่วจิ่วมองเหยนหมิงเย้าสีหน้าจริงจัง เธอไม่มีทางอนุญาตให้ลูกชายตัวเองเข้าไปมีเอี่ยวกับเรื่องชีวิตรักของคนอื่นแน่
เหยนหมิงเย้าไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง “แม่ ผมรักเธอจริงๆ”
“เพี๊ยะ!”จิ่วจิ่วตบหน้าเขาอย่างจัง เธอโกรธมาก “ห้ามพูดชื่อนี้ให้ฉันได้ยินอีก ถ้าจะให้ฉันอกแตกตายก็ลองไปหาเธอดู!”
เสียงส้นสูงดังขึ้น บรรยากาศเคร่งขรึมตึงเครียดค่อยๆไกลออกไป อ้าวเสว่พิงกำแพงอยู่เงียบๆ กำแพงหินอ่อนเย็นมาก เป็นความเย็นเยือกชนิดที่เข้าไปถึงในกระดูก
“ออกมาเถอะ” เหยนหมิงเย้าพูดเบาๆ เขาเอียงหน้าหน่อยๆ กระดุมของชุดสูทถูกแกะออก เขากลืนน้ำลายลง มองไปที่เธออย่างไม่คลาดสายตา “ผมรักคุณ ผมไม่ถอยหลังกลับแน่”
อ้าวเสว่หลบสายตาของเขา “เรื่องของคุณ ยังไงซะก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
“ถ้าผมยอมรับเด็กคนนี้มาดูแลเหมือนลูกตัวเอง คุณก็จะไม่หนีจากเรื่องตอนนี้ไปกับผมหรอ?”เหยนหมิงเย้าพูดอยู่หลังเธอเบาๆ น้ำเสียงจริงจังมาก
อ้าวเสว่หยุดเดินอยู่ครู่ แล้วก็เดินออกไป เขาไม่มีวันที่จะได้รู้ความจริง และเธอก็จะไม่มีวันบอกเขา ระหว่างกินข้าว ติงยียีกินข้าวอยู่คนเดียว ทันใดนั้นก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว อาหารก็ล้นขึ้นมาถึงปากแล้ว เธอรีบใช้มืออุดปากวิ่งไปที่ห้องน้ำของห้องอาหาร
คนในห้องต่างแปลกใจ เย่เหนียนโม่รับรู้ได้เร็วกว่าใคร เขาเงียบไปครู่นึงแล้วก็มีสีหน้ายินดีอย่างไม่เชื่อตัวเอง
สีหน้าของอ้าวเสว่ซีดเซียว ตะเกียบในมือเธอยังไม่ได้เอาลง สีหน้ากระสับกระส่ายและกลัว อย่าบอกนะว่าติงยียีก็ตั้งท้อง?เธอเข้าใจดีว่า ถ้าติงยียีก็ท้องลูกของเหนียนโม่ขึ้นมาล่ะก็เธอก็จะเป็นนายหญิงตัวจริงของบ้านนี้ เธอแพ้ราบคาบอย่างแน่นอน
เหยนหมิงเย้ามองดูเธอที่ผิดหวังและเศร้าสร้อย เธอมองดูเย่เหนียนโม่ที่เดินไปที่ห้องน้ำ แต่กลับไม่เคยมองมาที่เขาเลย เขาดื่มไวน์จนหมดแก้ว บรรเทาความเจ็บปวดอย่างช่วยไม่ได้ในใจ
ในห้องน้ำติงยียีอ้วกจนน้ำย่อยออกมาหมดแล้ว เธอล้างหน้า มองตัวเองที่ผอมแห้งในกระจก เมื่อออกมาจากห้องน้ำ เธอก็โดนดึงแขนไว้
เย่เหนียนโม่จูงมือเธอออกประตูไป “คุณย่า ป้าจิ่วครับ พวกเรามีธุระนิดหน่อย กลับก่อนนะครับ”
ฝู้เฟิงหยีมองทั้งสองคนอย่างครุ่นคิด แต่ก็ไม่ได้พูดขัดอะไร จิ่วจิ่วมองลูกชายตัวเองไม่ได้พูดอะไร เห็นว่าเขามองแต่อ้าวเสว่ ดูไม่ได้สตินัก เธอกลัวว่าเขาจะหาเรื่อง ก็พูดตัดบท “ไหนๆเหนียนโม่ก็มีธุระ งั้นเราก็กลับกันบ้านเถอะหมิงเย้า”
เหยนหมิงเย้าได้ยินเสียงของคนที่คุ้นเคยเรียกชื่อตัวเอง เขายังมีสติอยู่หน่อย เห็นอ้าวเสว่หน้าซีดเซียวไม่มีสีเลือดเขาก็ไม่กล้าจะทำอะไรที่เป็นการทำลายฟางเส้นสุดท้ายของเธอ เขาลุกขึ้น เดินผ่านเธอไปรู้สึกได้ถึงใจของเธอที่สั่นกลัว แต่กลับหยุดฝีเท้าลงไม่ได้
ในห้องเหลือแค่ฝู้เฟิงหยีกับอ้าวเสว่ ฝู้เฟิงหยีลุกขึ้นมานั่งข้างๆเธอ “ตระกูลเย่ของเราจะไม่มีผู้หญิงสองคนได้ตำแหน่งในการดูแลผู้ชายคนเดียวแน่ เธอไม่ต้องกังวล ฉันจะทำให้เธอมีสถานะที่มั่นคงในบ้านตระกูลเย่แน่ แต่ฉันอยากให้เธอเข้าใจด้วยว่า ลูกหลานของตระกูลเย่จะต้องได้คลอดออกมา”
อ้าวเสว่มองไปที่หล่อนอย่างทุกข์ทรมาน หล่อนกำลังบอกเธอว่าถ้าติงยียีก็ท้องล่ะก็ หล่อนก็จะดูแลติงยียีให้คลอดเหลนของตระกูลอย่างที่ทำกับเธอ
ฝู้เฟิงหยีเห็นว่าเธอไม่ได้ตอบอะไรกลับ เธอก็บีบมือของอ้าวเสว่แรงขึ้น อ้าวเสว่ทั้งทุกข์ทรมานทั้งเกลียดชัง แต่ก็ทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้ เธอฝืนยิ้มตอบ “ค่ะ ฉันเชื่อคุณย่าค่ะ”
ติงยียีถูกเย่เนียนโม่ลากออกมาจากโรงแรม เขาเอากุญแจออกมาจากมือของเย่ป๋อ เปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่งบนเบาะ ท่าทีนุ่มนวลขึ้นอย่างมาก
เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เห็นว่าเขาเสียบกุญแจรถตั้งกี่ครั้งก็เสียบไม่เข้า แถมใบหน้าก็ยังยิ้มแก้มปริอย่างเก็บอาการไม่อยู่
“คุณเป็นอะไรไป?”ติงยียีที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับถามด้วยความสงสัย กลับได้คำตอบเป็นการโน้มตัวลงมาจูบของเขา
จนกระทั่งได้ยินเสียงแตรจากด้านหลัง เย่เนียนโม่จูบเธออย่างเน้นๆก่อนจะเงยขึ้นมา สายตาที่อบอุ่นของเขามองไปที่ท้องของเธอ แล้วเริ่มสตาร์ทรถ