สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - ตอนที่ 1565 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1405
ในความทรงจำ เขาพยักหน้าอย่างหนักหน่วง จากนั้นก็ล้มฟาดพื้นกับอ้าวเสว่ หลังจากนั้นก็ไปถึงสวนสาธารณะอย่างยากลำบากแต่กลับพบกับลุงท่าทางแปลกๆคนหนึ่ง
คุณลุงท่าทางแปลกๆคนนั้นสั่งสอนสัจธรรมให้กับอ้าวเสว่ อ้าวเสว่วิ่งออกไปบนถนน ฝั่งตรงข้ามมีรถไฟฟ้าแล่นเข้ามา อ้าวเสว่ตัวน้อยก็โตขึ้นในทันที เธอสวมกระโปรงยาวสีขาว ผมยาวพลิ้วไสวไปตามลม เธอหันหัวกลับมามองเขา สายตาเหงาหงอย
รถแล่นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เสียงเบรกของล้อรถก็เร่งเข้ามาใกล้ เขาอยากจะให้อ้าวเสว่รีบวิ่งหนีไป แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจเขาอยากพุ่งตรงเข้าไปปกป้องเธอ แต่กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขานั้นเคลื่อนที่ไปด้านหน้าได้ช้ามาก
ทันใดนั้นเขาลืมตาตื่นแล้วลุกขึ้นมานั่ง เหงื่อซึมชุ่มเสื้อผ้าของเขา จิ่วจิ่วถูกการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของเขาทำให้ตกใจ “ไอ้เจ้าเด็กคนนี้นี่อยู่ดีๆจะมาตกใจอะไรกัน ทำเอาคนแก่อย่างแม่ตกใจแทบตาย!”
เหยนหมิงเย้าเช็ดเหงื่อที่คอจนแห้ง มองไปที่แม่ของตัวเองที่แต่งตัวงดงามไร้ที่ติ เขาเหลือบมอง “นี่แม่จะไปเข้าร่วมประกวดนางงามหรือไง?”
“ไอ้เจ้าเด็กคนนี้ วันนี้เป็นวันหมั้นของเนี่ยนโม่กับอ้าวเสว่ ฉันเอาบัตรเชิญวางไว้บนโต๊ะแกไม่เห็นเหรอ?” เธอเดินไปที่หน้าโต๊ะหนังสือหยิบบัตรเชิญสีแดงที่ตกหล่นอยู่จนมีฝุ่นเกาะขึ้นมา พูดอย่างไม่พอใจ: “เจ้าเด็กคนนี้ที่แท้ก็ไม่ได้ดู”
เหยนหมิงเย้านั่งบนเตียง ร่างกายแข็งทื่อ จิ่วจิ่วยังคงพูดต่อไป “แกเนี่ยนะ เมื่อไหร่ถึงจะพาลูกสะใภ้กลับมาให้ฉันสักที ถึงจะท้องก่อนแต่งแม่อย่างฉันก็ไม่ถือหรอกนะ เฮ้ย ไอ้ลูกชายแกจะไปไหน!”
‘คุณและเขา เขาและเธอ ได้โปรดเอาความรักของฉันกลับมา อย่าเย็นชาอีกเลย’ภายในห้องพักของเจ้าสาว อ้าวเสว่ฮัมเพลงเบาๆ คนใช้สองคนยืนด้านข้างติดตามการเคลื่อนไหวของเธออย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ยังมีเจ้าหน้าที่รอคลอดจากต่างประเทศอีกหนึ่งคน
ความรู้สึกอยากอาเจียนที่เคยชินแผ่ซ่านเข้ามาที่ลำคอ เธอปิดปากเอาไว้พุ่งตรงไปทางห้องน้ำ คนรับใช้เองก็พุ่งตรงไปปลอบโยนเธอทั้งหมด เธอเงยหน้าขึ้นมามองตัวเองในกระจก การแต่งหน้าที่งดงามนี้ก็ยังปิดความกังวลใจของเธอไว้ไม่มิด
จิตใจของเธอไม่สงบเป็นอย่างมาก ยิ่งใกล้พิธีหมั้นเข้ามา เธอก็ยิ่งกระวนกระวายใจ กังวลว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหันในวินาทีสุดท้าย เธอออกมาจากในห้องน้ำ เริ่มเปลี่ยนเป็นงุ่นง่าน
เธอเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง มองอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด พวกคนใช้มองดูกันไปมา ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆเธอเป็นอะไร
“โทรศัพท์มือถือของฉันล่ะ!” เธออยู่ดีๆก็ตะโกนขึ้นมา พลิกตามหาทั่วทุกที่ คนรับใช้คนหนึ่งรีบนำโทรศัพท์มือถือของเธอที่อยู่ในมือ ส่งให้กับเธอ “คุณอ้าวเสว่ โทรศัพท์มือถือของคุณอยู่ที่นี่”
“คุณเรียกฉันว่าอะไรนะ?” อ้าวเสว่เข้าประกบเธอ มองเธอด้วยสายตาจับจ้อง เดิมทีแต่งหน้าเป็นดอกท้อที่แสนอ่อนโยนแต่กลับนำพามาด้วยความโหดเหี้ยม
คนรับใช้เพิ่งจะมาตระกูลเย่ได้ไม่นาน ตกใจจนพูดติดอ่าง ตะกุกตะกักจนไม่รู้ว่าพูดอะไร อ้าวเสว่รู้สึกรื่นรมย์ขึ้นมาทันที สายตาหวาดกลัวของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมทั้งหมดนี้ได้
เธอยกฝ่ามือขึ้น เครื่องประดับบนข้อมือขยับตามการเคลื่อนไหวของเธอจนเกิดเสียงกิ้งกิ้งออกมา ถุงมือผ้าไหมลื่นไหลลงมาจนเผยให้เห็นแผลเป็นที่น่าเกลียดหลายแผล
“คุณอ้าวเสว่”คนรับใช้หญิงที่อายุค่อนข้างน้อยเคลื่อนสายตาไปมองบนข้อมือของเธอ การแสดงออกที่ดุร้ายที่อยู่ตรงหน้า ตกใจจนรีบร้อนก้มหน้าลง
สาวใช้อีกคนที่อยู่ด้านหลังรีบร้อนออกมาต้อนรับ เธอดึงแขนเสื้อของสาวใช้ที่กำลังร้องไห้อยู่ ก้มหน้าพูดหันมาทางอ้าวเสว่:“คุณนายคะ ต้องการให้ดิฉันเรียกช่างแต่งหน้ามาให้คุณเติมหน้าหรือเปล่า?”
อ้าวเสว่ชำเลืองมองเธอ สายตาของเธอกวาดตามองหญิงสาวที่กลัวจนไม่กล้ามองเธอ ขมวดคิ้วโบกมือ สาวใช้พยักหน้ามาทางเธอและรีบถอยออกไป
ด้านนอกประตู เมื่อสักครู่สาวใช้ที่อายุค่อนข้างน้อยร้องไห้คร่ำครวญ “ขอบคุณมากนะคะพี่ซางหัว ”
“จากนี้ไปก็เปิดตาให้กว้างและพูดให้น้อย ยิ่งพูดเยอะก็ยิ่งผิดมากเข้าใจหรือเปล่า? พวกคนมีเงินเหล่านี้เป็นคนแปลกประหลาดแบบนี้แหละ!” ซางหัวสั่งสอนอย่างช้าๆ
เสียงของพวกเธอไม่ถือว่าเบา อ้าวเสว่ที่ยืนอยู่ด้านในของประตู เธอก้มหัวมองตัวเองเมื่อตะกี้เกือบที่จะยกมือขึ้น เธอหัวเราะด้วยความเศร้าหมอง เพื่อที่จะรักกับเย่เนี่ยนโม่ เธอเปลี่ยนตัวเองจนไม่เหมือนตัวเองเข้าไปเรื่อยๆ เธอเหมือนกับว่ามีชีวิตอยู่ในบึงอันมืดมิด เธออยากจะปีนขึ้นมา แต่กลับถูกลากลงไป เย่เนี่ยนโม่เป็นแสงอาทิตย์เพียงหนึ่งเดียวของเธอ
เธอกดเบอร์โทรศัพท์อย่างอดทนรอไม่ไหว โทรศัพท์ถูกรับขึ้นมา เธอพูดอย่างเร่งรีบ“เนี่ยนโม่”
“คุณอ้าวเสว่” น้ำเสียงของเย่ป๋อบอกถึงการแบ่งแยกการทำงานในสำนักงานออกจากกันอย่างชัดเจน “ตอนนี้คุณชายติดธุระอยู่ครับ มีอะไรสามารสฝากบอกผมได้ ”
“ไม่ไม่ไม่ ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากจะพูดคุยกับเขาเท่านั้นเอง”อ้าวเสว่พูดว่า‘ไม่’ติดต่อกันหลายครั้ง
วางสายโทรศัพท์ เย่ป๋อเคลื่อนสายตามาที่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า นายท่านเป็นคนที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและเฉียบขาด และคุณชายเองก็มีลักษณะบางอย่างที่พิเศษทำได้ละเอียดสมบูรณ์มากกว่านายท่านทำเสียอีก เพื่อที่จะให้ความจริงโผล่ออกมา สามารสปิดบังทุกคนเอาไว้
ภาพในกล้องวงจรปิดมีรถยนต์หนึ่งคันจู่ๆก็มาจอดอยู่บริเวณประตูของโรงแรม ร่างกายของเย่ป๋อตึงแน่นขึ้นมากะทันหัน ฉากที่สำคัญที่สุดก็ถึงเวลาขึ้นแสดงเสียที
เหยนหมิงเย้าไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเรื่องราวทั้งหมดนั้นเป็นการวางแผนหนึ่งฉาก จิตใจของเขานั้นด้านชาไปแล้ว ความคิดความอ่านเองก็ด้านชาไปเช่นเดียวกัน เพียงแค่ขยับก้าวย่างไปข้างหน้าเหมือนเครื่องจักร ไปรั้งคนหนึ่งคนอย่างดื้อแพ่งเท่านั้นเอง
อ้าวเสว่ได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก คิดว่าเป็นคนรับใช้หญิงที่ไปเรียกช่างแต่งหน้าเข้ามา เธอพูดออกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจ: “มาช่วยฉันเติมหน้าหน่อย”
เสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงเดินเข้ามาใกล้ เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติหันหัวกลับไปมองคนที่มาถึงอย่างประหลาดใจ“เหยนหมิงเย้า?”ในสายตาของเหยนหมิงเย้านั้นมีเพียงแค่เธอ วันนี้เธอสวยมากๆ สวยจนทำให้เขาหายใจไม่ออก เขาเปล่งเสียงแหบแห้ง “ไม่แต่งงานกับเขาได้ไหม?”
“ฉันคิดว่าฉันพูดอย่างชัดเจนไปเรียบร้อยแล้วนะ อย่ามารบกวนฉันอีก”อ้าวเสว่มองนาฬิกาข้อมืออย่างไม่อดทน ภายนอกไม่แสดงสีหน้าออกมา ภายในใจนั้นกลับค่อนข้างรีบเร่ง หวังว่าอย่ามีคนเข้ามาที่นี่เลย
เหยนหมิงเย้าไม่ได้ละเลยสีหน้าที่หมดความอดทนบนใบหน้าของเธอ หัวใจของเขาเจ็บปวดรวดร้าวเป็นอย่างมาก เหมือนกับมีคนถือมีดผ่าตัดมากรีดไปกรีดมาที่หัวใจของเขา และคนที่ทำร้ายเขาก็คือคนที่เขาชอบมากที่สุด
เขากลืนน้ำลายลงไปอย่างยากลำบาก อาการเมาค้างทำให้กระบวนการทางความคิดของเขาไม่มีทางแจ่มชัด เขาเองก็ยินดีที่จะข้ออ้างว่าเมามาทำให้ตัวเอ็นอัมพาต เขาก้าวไปข้างหน้าคว้าตัวอ้าวเสว่ไว้แน่น “ฉันไม่มีทางปล่อยคุณไป ถึงหลังจากนี้คุณจะเกลียดฉันก็ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็จะพาคุณไป”
พละกำลังของเขานั้นแข็งแกร่งมาก อ้าวเสว่เหวี่ยงยังไงก็สลัดไม่หลุด ตามองระยะห่างของประตูที่ค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เธอเองก็ยิ่งหวาดกลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางพัวพันของพวกเขานั้นอาจจะถูกทุกคนเห็นเอาได้ หญิงรับใช้? แขก? น้าเซี่ย? หรือแม้แต่จะเป็นเย่เนี่ยนโม่!
ภายในใจที่มีความหวาดกลัวมหาศาลและไร้หนทางช่วยเหลือทำให้เธอไม่กลัวที่จะร้องไห้ออกมาทั้งหมด น้ำตาทำให้ดวงตาของเธอชื้นแฉะ ทำให้รูปลักษณ์ที่แต่งแต้มสวยหมดจดของเธอหลุดลอกออกไป ก้าวย่างของเหยนหมิงเย้าหยุดชะงัก
เขาสามารถใช้ความเมาของตัวเองมาทำให้ตัวเองเป็นอัมพาตได้ ทำเรื่องบังคับเธอเหล่านั้นได้ แต่ว่าเขานั้นรับไม่ได้ที่จะเห็นเธอร้องไห้ เสียงร้องไห้ของเธอนั้นเป็นทุกข์มากกว่าเขาตายเสียอีก
“ทำไม?” อ้าวเสว่บ่นพึมพำ อารมณ์กระสับกระส่ายก่อนการหมั้นภายในห้องเมื่อสักครู่นั้นระเบิดออกมา เธอเหวี่ยงเหยนหมิงเย้าอย่างแรง กำลังมากจนถึงขนาดที่เขาไม่สามารถจับเอาไว้ได้
“คุณชอบอะไรในตัวฉัน? คุณคิดว่าฉันเป็นคนดีอย่างนั้นเหรอ?” อ้าวเสว่เศร้าสลดจนหัวเราะให้เขา เรื่องราวที่เก็บทับถมไว้ในใจเป็นเวลานานถูกเธอเผยออกมาทีละเรื่องทีละเรื่อง เธอใช้มือของตัวเอง เครื่องประดับบนแขนคล้ายว่าจะร่วงหล่นออกจากแขน เปิดเผยให้เห็นรอยบาดแผลมากมายที่ลึกตื้นไม่เท่ากัน
“คุณดูสิ บาดแผลพวกนี้ดูโหดร้ายมากหรือเปล่า? คุณคิดว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆอย่างนั้นเหรอ? เปล่าเลย พวกนี้ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ฉันจงใจเอง ฉันมองใบมีดกรีดเฉือนบนแขนของฉันอย่างมีสติ เลือดสดๆที่พรั่งพรูออกมาเหมือนกลัวตัวเองจะรั้งท้าย การสับหลีกระหว่างผิวหนังกับผิวหนังนำพามาซึ่งความเจ็บปวดรุนแรง ฉันเป็นผู้หญิงที่เพื่อจุดมุ่งหมายแล้วไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลประเภทนั้น!”
เธอตะโกนออกมาอย่างไม่กลัว มองสายตาประหลาดใจของเขา ในใจรู้สึกสบายอกสบายใจไม่มีที่สิ้นสุดทันที เธอหงุดหงิดจนเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง รองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นจนเกิดเสียงแหลม
“อ้าวเสว่!”เหยนหมิงเย้ารู้ดีว่าตอนนี้เธอมีแรงกดดันภายในจิตใจค่อนข้างมาก เขาขมวดคิ้วอยากที่จะรั้งเธอไว้ เธอกลับหัวเราะและหลบ เธอยิ้มไปร้องไห้ไป ฝ่ามือวางบนโต๊ะเครื่องแป้งบ่นพึมพำ “คุณคิดว่าพวกนี้เป็นทั้งหมดของฉันอย่างนั้นเหรอ?”
เธอหันหัวกลับมาอีกครั้งอย่างกะทันหันและร้องตะโกน: “คุณคิดว่านี่เป็นทั้งหมดของฉันอย่างนั้นเหรอ!”
“อ้าวเสว่ คุณใจเย็นก่อนนะ”เหยนหมิงเย้ามองสีหน้าของเธอทั้งหัวเราะทั้งโมโหทั้งเสียใจ อยากจะไปปลอบโยนเธอ เธอกลับพูดอย่างรวดเร็ว: “คุณคงไม่รู้หรอก เวลานั้นที่เกิดเรื่องที่ศูนย์การค้าสากล มีผู้หญิงหนึ่งคนโดนรังแกที่นั่น คนนั้นก็คือฉันเอง”
เสียงพูดเพิ่งจะจบ แขนของเธอก็ถูกจับกุมแน่นเอาไว้ ดวงตาของเหยนหมิงเย้าแดงก่ำ เพราะว่าอาการเมาค้างที่น่าโมโหแปรเปลี่ยนเป็นความดุร้ายที่น่ากลัว กล้ามเนื้อส่วนใบหน้าของเขาหดเกร็ง ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง เค้นเสียงออกมาจากซอกฟันอย่างเหี้ยมโหด “เป็นใคร! ฉันจะไปฆ่าพวกมัน!”
อ้าวเสว่มองเขาอย่างเงียบๆ ความโมโหของเขาไม่เหมือนหลอกลวง ความรู้สึกเจ็บปวดที่มาจากบนแขนเหมือนว่าความเจ็บปวดของทั้งสองคนจะเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เธออยู่ดีๆก็หัวเราะ หัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้ เอี้ยวตัวไปข้างหน้าข้างหลัง
“คุณหัวเราะอะไร?”เหยนหมิงเย้าขมวดคิ้วถามเธอ ตอนนี้เขาในสมองทั้งหมดเต็มไปด้วยต้องการตามหาไอ้เหี้ยพวกนั้น
อ้าวเสว่เช็ดน้ำตาที่หางตาตามอารมณ์ เธอเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหันและเดินไปข้างหน้า มองตรงมาที่สายตาของเขา ความสุขที่เปิดเผยออกมาทางดวงตาอย่างผิดปกติ “คุณโกรธมากเหรอ? ฮ่าฮ่า แต่ว่าคุณรู้หรือเปล่า นี่ก็เป็นเรื่องที่ฉันโกหกเหมือนกัน ผู้หญิงที่คุณชอบเป็นคนแบบนี้ละ จิตใจเอาแต่คิดวางแผน ถึงขนาดเพื่อจะได้อยู่กับเย่เนี่ยนโม่ถึงกับต้องพูดโกหกแบบนี้!”
เหยนหมิงเย้าไม่ได้โมโหเหมือนอย่างที่จินตนาการเอาไว้ เขามองเธอด้วยความเศร้าสลดใจ ผู้หญิงตรงหน้าเขาเพื่อความรักแล้วถึงขั้นกักขังตัวเองไว้กรงแห่งความชั่วร้าย เธอเอาจิตวิญญาณของตัวเองขายให้กับปีศาจ ใช้ชีวิตอยู่ในความทุกข์ทรมานอันแสนเจ็บปวดอยู่ทุกเช้าค่ำ
ความสงสารและเห็นใจในสายตาของเขาทำให้อ้าวเสว่โมโห ภายในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อเขา ทำไมถึงมาเห็นอกเห็นใจเธอ พวกนี้เป็นเธอที่หาเรื่องใส่ตัวเองหรือเปล่า? ทำไมไม่ด่าว่าเธอสักยกจากนั้นค่อยปล่อยเธอไปตามยถากรรมและจากไป เธอจะหมั้นกับเย่เนี่ยนโม่ จากนั้นก็แต่งงาน เปลี่ยนเป็นคนที่จิตใจเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ เธอเตรียมตัวไว้แล้ว แต่ว่าทำไมเขาถึงต้องมาปรากฏตัวระหว่างนี้ด้วย!
เธอหัวเราะ สายตาเหมือนสลดใจเหมือนโมโห อารมณ์ประเดี๋ยวก็สงบลง เธอพูดเบาๆ “เหมือนว่าเรื่องพวกนี้ยังไม่พอที่จะทำให้คุณประหลาดใจได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกเรื่องจริงที่น่าตกใจให้คุณอีกสักเรื่อง”
เธอหยุดชะงัก พูดทีละตัวทีละประโยค: “ท้องของฉัน” ทันใดนั้นบรรยากาศห้องภายในก็ระเบิดออกมาด้วยความโมโห “พอได้แล้ว!” ทั้งสองคนหมุนศีรษะมาด้วยความประหลาดใจ สวีเห้าเซิงผลักประตูใหญ่อย่างช้าๆ เย่เนี่ยนโม่ เซี่ยชีหรั่นยังมีเย่เชินหลินทั้งสามยืนอยู่ที่ประตูด้านนอก
มีเสียงระเบิดดังอยู่ในสมองของอ้าวเสว่ เธอในตอนนี้มืดมน มองไม่เห็นอะไร และไม่ได้ยินอะไร ทำได้แค่ถอยหลังไปอย่างลืมตัว อยากที่จะหลีกหนีเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งส่วนเอวของเธอชนเข้าไปโต๊ะเครื่องแป้ง เครื่องสำอางบนโต๊ะทั้งหมดล้มลง เธอเงยหน้าขึ้นมาเหมือนกับว่าตกใจตื่น