สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - ตอนที่ 1334 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1234
สีหน้าของเย่เชินหลินเปลี่ยนไป หลังจากได้ยินสิ่งที่เซี่ยชีหรั่นพูด เขาแทบอยากจะแกะหัวของเซี่ยชีหรั่นออกมาดูว่าในนั้นมีอะไรบ้าง เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “ฉันพูดมาตั้งเยอะ เธอก็ยังอยากจะไปทำเรื่องอันตรายแบบนั้นอยู่เหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นอย่างตั้งใจ “ที่ฉันทำแบบนี้ เพราะอยากจะทำอะไรบางอย่างให้กับผู้คนที่ล้มป่วยทนทุกข์ทรมานที่แอฟริกา แล้วก็ฉันอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อคุณบ้าง จะพูดว่าฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวมากก็ได้ ที่อยากจะให้เรื่องมันจบไวๆ” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างไม่เป็นลำดับ
ริมฝีปากของเธอถูกประกบลงด้วยความรวดเร็ว เย่เชินหลินอยากจะหาทางพูดคุยกับเซี่ยชีหรั่น เพื่อให้ตัวเองได้สบายใจและปลดปล่อยบ้าง
วันรุ่งขึ้น Bakerมาถึงที่บ้านตระกูลเย่อย่างตรงต่อเวลา เย่เชินหลินพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม “ฉันให้นายไปปกป้องเธอด้วยตัวเอง”
Bakerชั่งใจ ถึงแม้ว่าเขาจะยุ่งกับงานในโรงพักมาก แต่สิ่งที่เย่เชินหลินขอก็ดูมากเกินไป เขาจึงพยักหน้าตกลง
“นายต้องตามติดทุกย่างก้าวของเธอ” เย่เชินหลินพูดต่อ
“ไม่มีปัญหา” Bakerรีบตอบตกลง นี่ไม่ใช่เป็นเพราะเปลืองค่าโทรศัพท์ เย่เชินหลินยังคงไม่วางใจ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
Bakerดูสีหน้าของเย่เชินหลิน แล้วเล่าแผนการของตัวเองออกมา “ฉันหวังว่านายจะเลิกกันเซี่ยชีหรั่น!”
“ที่นายพูดถึงคือสิ่งที่ฉันเข้าใจใช่ไหม?” เย่เชินหลินถามพลางสะกดอารมณ์โกรธของตัวเอง Bakerรีบพูดต่อ “ฉันเดาว่าที่หลัวกุ้ยเหยาอยากจะยึดตัวของเซี่ยชีหรั่นเอาไว้นั้นมีจุดมุ่งหมายบางอย่าง แต่เขานั้นเป็นคนขี้สงสัย คงจะทดสอบบางอย่างกับเซี่ยชีหรั่น ฉันเลยรู้สึกว่าแผนการนี้จะดีกว่า”
“เก็บกวาดความคิดของนายแล้วโยนออกไปนอกสมองซะ” เย่เชินหลินดึงเซี่ยชีหรั่นให้ลุกขึ้น แค่คิดว่าวันๆ เซี่ยชีหรั่นต้องไปอยู่กับคนอื่นตั้งแปดชั่วโมง แล้วยังต้องทำเป็นไม่รู้จักกันอีก แค่นี้เย่เชินหลินก็แทบอยากจะฆ่าคนต้นคิดให้ตายเสีย
รุ่งเช้า เย่เชินหลินดึงดันจะมาส่งเซี่ยชีหรั่นที่หัวมุม Bakerที่รอเซี่ยชีหรั่นอยู่นั้น พูดกับเย่เชินหลินอีกครั้ง “ฉันจะดูแลเธอเอง”
“ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ” เย่เชินหลินพยักหน้ากับเซี่ยชีหรั่นแล้วก็ขับรถจากไป Bakerพูดขึ้นด้วยความเสียดาย “ฉันคิดว่าพวกเธอจะต้องใช้เวลาอำลากันนานเสียอีก อุตส่าห์นัดเผื่อเวลามาตั้งครึ่งชั่วโมง”
เซี่ยชีหรั่นมองBakerแล้วหัวเราะออกมา เริ่มแรกเดินไปที่ออฟฟิศ ที่ตึกออฟฟิศของราชการสะอาดสะอ้าน Bakerเดินมาเป็นเพื่อนเซี่ยชีหรั่น แต่ยังไม่เจอกับหลัวกุ้ยเหยา หญิงสาวคนหนึ่งพาเซี่ยชีหรั่นเดินมายังห้องประชุม “รอที่นี่สักครู่ค่ะ อีกไม่นานเดี๋ยวผู้ว่าราชการหลัวก็มาแล้วค่ะ”
ซือซือมองเซี่ยชีหรั่นลอดผ่านกระจกจากอีกฝั่งหนึ่งของออฟฟิศ อาการของเธอยิ่งดูแย่ลง เริ่มผมร่วง จนเธอต้องใส่ผ้าโพกผม เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ที่สวยงามของเซี่ยชีหรั่นแล้ว เธอก็รู้สึกเศร้าใจ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซือซือมองสายที่โทรเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก แต่ก็ต้องรับสายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “มีอะไรรึเปล่าคะที่รัก”
“ไม่มีอะไร แค่จะบอกเธอว่าไม่กี่วันนี้ฉันจะไปธุระที่ต่างจังหวัด คงไม่ได้ไปหาเธอ” เสียงของชายหนุ่มค่อนข้างอ่อนแรง ซือซือหัวเราะเบาๆ แล้วพยักหน้า ไม่เปิดเผยความจริงของเขา ไปธุระที่ต่างจังหวัดอะไรกัน ก็แค่ลูกสาวกลับมาจากต่างประเทศ แค่ต้องสร้างภาพว่ารักกันดีกับภรรยาก็เท่านั้น พนักงานราชการห้ามมีเด็กเลี้ยง แต่ว่าไม่เป็นไร เขาได้ทำตามคำสั่งของตัวเองก็พอแล้ว
รอจนเกือบสองชั่วโมง จนคนในตึกออกไปทานอาหารกลางวันกันจนหมด Bakerโมโหจนต้องลากเซี่ยชีหรั่นมาพูด “นี่มันเรื่องอะไรคนอะไรกัน พวกเราไปกันเถอะ ถ้าเย่เชินหลินรู้ว่าปล่อยให้เธอหิว คงต้องโมโหมากแน่ๆ”
เซี่ยชีหรั่นก็แปลกใจว่าหลัวกุ้ยเหยาเป็นคนรีบจะเจอเธอไม่ใช่เหรอ เมื่อเดินออกมากับBaker หลัวกุ้ยเหยาก็เดินสวนเข้ามาทันที
“นี่คุณนักออกแบบเชี่ยไม่ใช่เหรอ? เชิญคุณมาได้ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเกียรติของทีมออกแบบมากครับ มีเรื่องอะไรคุณพูดได้เลยครับ”
หลัวกุ้ยเหยาตีที่ไหล่ของเซี่ยชีหรั่นด้วยความสนิทสนม ทำให้คนแทบจะมองไม่ออกว่าเบื้อหลังของผู้ชายคนนี้ช่างสกปรกขนาดไหน
หลัวกุ้ยเหยาพาเซี่ยชีหรั่นมาที่ห้องทำงานห้องหนึ่ง ในนั้นมีคนอยู่ประมาณ 5-6 คน “นี่คือพี่หลี่ นี่คือพี่หวาง เธออยู่กับพวกเขาคนไหนก็ได้ การออกแบบครั้งนี้เชื่อมโยงไปถึงภาพลักษณ์ของเมืองทั้งเมือง หวังว่าทุกคนจะตั้งใจ”
หลัวกุ้ยเหยาแนะนำเซี่ยชีหรั่นด้วยตัวเอง ในใจของหลายคนก็รู้แล้วว่า หลัวกุ้ยเหยาได้ประกาศกับทุกคนว่า ให้ดูแลเซี่ยชีหรั่นเป็นพิเศษ
“ชีหรั่น ฉันเคยเห็นผลงานออกแบบนเครื่องประดับของเธอ แต่ว่าที่พวกเราออกแบบตอนนี้ต่างไปจากเครื่องประดับ พวกเรามาตั้งใจทำมันด้วยกันเถอะ” พี่หลี่ที่สวมใส่เสื้อผ้าพอดีตัวเดินเข้ามาทักและจับมือกับเซี่ยชีหรั่น
อีกคนที่เหลือคือพี่หวาง เมื่อเห็นพี่หลี่ชิงลงมือก่อน จึงยิ้มด้วยความไม่พอใจ แล้วหันไปพยักหน้ากับเซี่ยชีหรั่นด้วยความสนิทสนม แล้วทำธุระตัวเองในมือต่อ
พักกลางวัน Bakerวางสายที่โทรหาเย่เชินหลิน เขาชี้ไปที่แครอทแล้วพูดขึ้น “คนที่บ้านนายนั่นบังคับให้ฉันกินแครอทให้ได้”
เซี่ยชีหรั่นดึงแครอทขึ้นมาได้ครึ่งหนึ่ง ก็ถึงBakerดึงกลับมา “ฉันตกลงเขาแล้วว่าจะดูแลเธอให้ดี จะผิดคำพูดไม่ได้” Bakerพูดเช่นนี้ เพื่อที่จะให้เซี่ยชีหรั่นกินแครอทเข้าไปให้หมด
ไม่ไกลกันนัก พี่หลี่และพี่หวางกำลังตักอาหารอยู่คนละช่อง เมื่อตักอาหารเสร็จ พวกเขาก็หาที่นั่งที่ห่างกัน ส่วนคนอื่นก็นั่งที่อื่นรอบไปพวกเธอทั้งสอง
“พี่หลี่และพี่หวาง คนหนึ่งเป็นญาติกับหลัวกุ้ยเหยา อีกคนเป็นนักออกแบบที่หลัวกุ้ยเหยาเชิญกลับเข้ามา ไม่มีใครยอมกัน พวกเธอต้องหาวิธีดึงตัวเธอเพื่อเรียกคะแนนอย่างแน่นอน”
Bakerเล่าข่าวที่เขาได้ยินมาให้เซี่ยชีหรั่นฟัง แปลกถิ่น แปลกหน้า เซี่ยชีหรั่นพลันนึกถึงเย่เชินหลินขึ้นมา
กลัวว่าโทรศัพท์หายแล้วจะทำให้ข้อมูลรั่วไหล เซี่ยชีหรั่นไม่ได้บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเย่เชินหลินเอาไว้ Bakerเห็นแววตาสร้อยเศร้าของเซี่ยชีหรั่น จึงยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้ “สิบนาที อีกสิบนาทีมีประชุม”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า รีบหยิบโทรศัพท์แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป โทรออก ไม่นานปลายสายก็มีคนรับสายขึ้น เย่เชินหลินรับสายด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “มีอะไร?”
“ฉันเอง” เซี่ยชีหรั่นได้ยินเสียงของเย่เชินหลินเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นทันที ในใจเหลวไม่เป็นท่า
ปุบปับรับภารกิจ ปุบปับต้องไปต่างถิ่น ความกลัวเหล่านี้เมื่อได้ยินเสียงของเย่เชินหลิน พลันเปลี่ยนเป็นความเข้มแข็งและสบายใจในทันที
“พออยู่ได้ไหม?” เย่เชินหลินถาม เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า แต่นึกถึงขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็นหน้า จึงตอบเป็นเสียงแทน
“คืนนี้อยากกินอะไร? หรือจะออกไปกินข้างนอก? มีร้านอาหารเปิดใหม่ดูไม่เลวเลย” ถึงแม้ว่าเย่เชินหลินจะไม่ได้แสดงออกมาทางเสียง แต่เป็นเพราะว่าได้คุยโทรศัพท์กับเซี่ยชีหรั่นทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมา
“ไม่ได้หรอก วันนี้ต้องทำโอที” เซี่ยชีหรั่นตอบเย่เชินหลินด้วยความรู้สึกผิด เย่เชินหลินพลางรู้สึกโกรธBakerในใจที่เป็นคนคิดแผนการนี้ ไม่อยากให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกผิด เย่เชินหลินจึงตอบรับ “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะรอเธออยู่ที่บ้าน”
“เชินหลิน พวกเราไปหาอะไรกินรอบดึกกันดีกว่า” เซี่ยชีหรั่นไม่ต้องการให้เย่เชินหลินผิดหวัง และอยากจะมีเวลาอยู่กับเย่เชินหลินให้มากขึ้นด้วย
เมื่อนัดเวลากับเย่เชินหลินเรียบร้อย เซี่ยชีหรั่นจึงวางสาย จากนั้นได้ยินเสียงกดชักโครกจากห้องข้างๆ เป็นพี่หวางออกมา
พี่หวางหญิงอายุ 30 กว่าๆ เธอเริ่มจะมีริ้วรอยบนใบหน้า เธอยิ้มให้เซี่ยชีหรั่นแล้วพูดขึ้น” ดูท่าความสัมพันธ์ของเธอกับประธานาธิบดีบริษัทเย่ซื่อจะไม่ได้แย่อย่างที่เขาลือกัน”
“ข่าวลือ?” เซี่ยชีหรั่นถามด้วยความแปลกใจ
พี่หวางพูดต่อ “ได้ข่าวมาว่าหลังจากที่บริษัทของเย่เชินหลินเกิดปัญหา เธอเลยจะออกมาจากเขา ตอนนี้พวกเธอทะเลาะกันหนักมาก”
มองสีหน้าของเซี่ยชีหรั่นที่แปลกๆ ไปนั้น พี่หวางรีบหัวเราะกลบเกลื่อน “แน่ล่ะ ตอนนี้ข่าวลือเยอะแยะมากมาย ใช่แล้ว นักออกแบบที่นี่พวกเราเป็นสาวอายุพอๆ กับเธอ ทำงานด้วยกันน่าจะสบายหน่อย เธอจะอยู่กลุ่มเดียวกับพวกเราไหม?”
เซี่ยชีหรั่นจำสิ่งที่Bakerบอกได้ รู้ว่าทั้งสองคนนี้ค่อนข้างตั้งใจ จึงยังไม่ได้เลือกฝ่ายไหน จนกระทั่งออกมาจากห้องน้ำ เซี่ยชีหรั่นดึงBakerเอาไว้ เล่าสิ่งที่พี่หวางพูดกับเธอในห้องน้ำให้Bakerฟัง
“ข่าวลือนี่เป็นเรื่องน่ากลัวจริงๆ แต่นี่เป็นสิ่งที่ฉันคาดคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อมีข่าวลือแล้ว ต้องเติมไฟลงไปอีกหน่อยน่าจะดี ให้หลัวกุ้ยเหยาสบายใจ” Bakerพูดกับเซี่ยชีหรั่น แต่เขาไม่อาจแน่ใจว่าเย่เชินหลินจะรับวิธีนี้ได้ไหม
ในที่ประชุม หลัวกุ้ยเหยามองและถามเซี่ยชีหรั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ชีหรั่น เธอเป็นหัวแรงสำคัญที่พวกเราเชิญมา ถึงแม้ว่าพี่หลี่และพี่หลัวจะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่พวกเขามีประสบการณ์มาก เธอมีคนที่อยากจะเรียนงานด้วยไหม?”
Bakerที่นั่งอยู่ข้างๆ เตะขาของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นจึงส่ายหน้า หลัวกุ้ยเหยาดีใจมาก ชี้ไปทางพี่หลี่แล้วพูดขึ้น “อย่างนั้นก็อยู่กลุ่มเดียวกับพี่หลี่ก่อน พวกเธอขาดคนพอดี”
Bakerและเซี่ยชีหรั่นหันมาสบตากัน พี่หลี่เป็นญาติของหลัวกุ้ยเหยา จากนิสัยของคนที่ขี้สงสัยแล้ว ญาติจึงมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
อีกด้านหนึ่ง
ไห่ลี่หมินเข้าใจเย่เชินหลินพูดถึง จากการตรวจสอบของบอบอ เด็กหนุ่มคนนี้ปกติไม่มีอะไร วันหนึ่งได้เงินก้อนที่ไม่ต้องออกแรงทำงานจึงขาดสติ และที่พวกเขาต้องทำคือสืบหลัวกุ้ยเหยาต่อ ทำให้หลัวกุ้ยเหยาอยากฆ่าเขา
หลังจากที่ไห่ลี่หมินจากไป ในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เวลาผ่านไป เย่เชินหลินจ้องนาฬิกาบนข้อมือ ดันเก้าอี้ออก หยิบเสื้อคลุมแล้วเดินออกไป