ตอนที่ 5 ซูเปอร์มาเก็ต
ที่โรงเรียนโซชูคัง จะมีการสอบแทบทุกเดือน
โรงเรียนยังคงใช้ระบบภาคเรียนสามภาคเรียนแบบดั้งเดิม จึงมีสอบกลางภาคและปลายภาคอย่างละสองครั้ง รวมกับการสอบปลายปีเป็นทั้งหมดห้าครั้ง
นอกจากนี้ ในเดือนที่ไม่มีการสอบประจำ ก็จะมีการสอบวัดระดับความสามารถ
แม้สอบวัดระดับจะไม่ส่งผลต่อผลการเรียน แต่ที่โซชูคังจะมีการติดประกาศผลสอบทั้งหมดไว้ที่ทางเดินชั้นหนึ่งของอาคารเรียน
ชื่อที่ถูกประกาศมีเพียงอันดับ 1 ถึง 100 เท่านั้น
นักเรียนต่อชั้นมีประมาณสองร้อยคน ดังนั้นแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้มีชื่อขึ้น
「แค่ห้าสิบอันดับก็พอแล้วไม่ใช่เรอะ? ประกาศถึงอันดับร้อยนี่มันแกล้งกันชัด ๆ」
ผมพึมพำเบา ๆ
การสอบวัดระดับที่จัดทันทีหลังเริ่มปีการศึกษาใหม่
พอถึงเวลาเลิกเรียน ผลสอบก็ถูกติดประกาศ นักเรียนพากันมามุงดูว่ามีชื่อตัวเองอยู่ไหม และอยู่ในลำดับที่เท่าไหร่
「เฮ้ ไงล่ะ คิโยมิยะ」
「ฟุจิคาวะ……」
จู่ ๆ ก็มีนักเรียนชายตัวสูงเซ็ตผมสีน้ำตาลอย่างเนี้ยบปรากฏตัวจากข้างหลังผม
เขาชื่อฟุจิคาวะ โคทาโร่ เป็นเพื่อนร่วมห้อง และเรารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยประถม
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น โรงเรียนเอกชนที่มีระบบต่อเนื่องแบบนี้ นักเรียนส่วนใหญ่ก็คบกันมายาวนาน
「ครั้งนี้…ได้อันดับร้อยเป๊ะเลยสินะ ฮะฮะ ยิงเป้ากลางแบบสุดยอดไปเลย」
「ก็แน่นอนอยู่แล้ว」
ผมพยักหน้าตอบเขา
「จะให้ไปอยู่กลุ่มล่างแล้วต้องเรียนเสริมก็ไม่ไหว แต่จะขยันถึงขั้นติดกลุ่มบนก็ไม่เอา เพราะงั้นเล็งระดับกลาง ๆ แบบนี้แหละแจ๋ว」
「นี่นายตั้งใจเล็งอันดับกลางจริงดิ คิโยมิยะ」
「ก็แค่รู้จักประมาณตนไง ต่อให้ฉันพยายามแค่ไหนก็ได้แค่ ‘กลางค่อนไปทางดี’ เพราะงั้นตั้งใจแค่ ‘กลางพอดี’ ก็พอแล้ว」
「ไอ้หมอนี่……แบบนี้สู้ตั้งใจจนได้อันดับล่างยังจะดีกว่ามั้ยวะ」
ฟุจิคาวะมองผมด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย
แม้สอบวัดระดับจะไม่มีเรียนเสริม แต่จุดยืนของผมที่มีต่อการสอบก็อย่างที่บอกไป
ผมก็รู้นะว่าคนอื่นจะมองว่าไม่จริงจัง แต่ผมก็ทำแบบนี้โดยเต็มใจ
「ฮะฮะ ยังไงฉันก็เป็น ‘คิโยมิยะ’ นี่นา ถ้าโดนว่าเข้าก็ลำบาก เพราะงั้นก็ต้องพยายามบ้าง」
「พยายามแค่นี้เนี่ยนะ? ชื่อเสี่ยงของคิโยมิยะป่นปี้หมดแล้วมั้ง แล้วทำไมยังยืนทำหน้าระรื่นแบบนี้วะ ไอ้เศษสวะ」
เศษสวะ สินะ……
ต่อให้โดนพูดอะไร ผมก็แค่ยิ้มระรื่นอย่างที่เขาว่า
「ถ้าเป็นคนในตระกูลคิโยมิยะ อย่างน้อยก็ควรติดในห้าสิบอันดับนะเฟ้ย ไม่งั้นพ่อแกนั่นแหละจะโดนหัวเราะ」
「พ่อฉันเขายอมแพ้แล้วล่ะ เรื่องลูกชายที่ไม่เอาไหนอย่างฉันน่ะ ผลการเรียนขอแค่ไม่อยู่ล่างสุดก็ไม่ว่าอะไร เพราะงั้นฉันก็ใช้ชีวิตตามสบาย」
ความจริงคือ ผมไม่เคยโดนพ่อบ่นเรื่องผลการเรียนเลยสักครั้ง
「ครั้งนี้ฉันได้อันดับสองล่ะ ถึงจะไม่อยากอวดก็เถอะนะ」
ฟุจิคาวะเป็นคนหน้าตาดี แถมเรียนก็เก่ง เป็นเอซของชมรมบาสเก็ตบอลตั้งแต่มัธยมต้น
แน่นอนว่าพื้นเพทางบ้านก็ดีเยี่ยม อยู่ในระดับบนสุดของลำดับชั้นในโรงเรียน
นิสัยออกจะหยิ่ง ๆ อยู่ไม่น้อย แต่ในโรงเรียนนี้ คนแบบนั้นก็ไม่ได้แปลกอะไร
「ฟุจิคาวะก็เป็นสายเลือดที่สืบทอดมาจากตระกูลคิโยมิยะเหมือนกันนี่นา พอเห็นคนอย่างแกเป็นสายตรงของคิโยมิยะแล้ว ฉันรู้สึกละอายแทนเลยว่ะ」
「ถ้าไล่สายตระกูลกันขนาดนั้น คนในโรงเรียนนี้ส่วนใหญ่ก็คงเป็นญาติกันหมดนั่นแหละ อย่าไปใส่ใจเลย」
เรื่องที่ตระกูลฟุจิคาวะเป็นหนึ่งในสายย่อยที่แยกออกมาจากคิโยมิยะตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นเรื่องจริง
ตระกูลเก่าแก่ทั้งหลายต่างก็แต่งงานเชื่อมโยงกัน ส่งลูกไปเป็นบุตรบุญธรรมให้กัน ทำให้พอไล่สายเลือดไปก็จะเห็นว่าพวกเขาล้วนมีสายสัมพันธ์กัน
ในโรงเรียนโซชูคัง เด็กนักเรียนที่มีสายเลือดเกี่ยวพันกันมีอยู่ไม่น้อย
「เหอะ คนจากตระกูลย่อยอย่างฉันได้อันดับสอง ส่วนแกที่เป็นสายตรงได้อันดับร้อยเนี่ยนะ โคตรเศษสวะ」
「ฮะฮะฮะ」
แม้จะโดนด่าหนักแค่ไหน ผมก็แค่หัวเราะกลบเกลื่อนไปเท่านั้น
ก็เพราะที่ว่าเศษสวะ นั่นมันก็ไม่ใช่คำผิดสักหน่อยนี่นา
「เหอะ หัวเราะอะไรนักหนา ว่างั้นพาไปหน่อยสิ คิโยมิยะ จะปรับนิสัยให้ซะหน่อย」
「ไม่เอาหน่า แข่งบาสอะพอเถอะ รอบที่แล้วก็นายโดนลากไปวิ่งเล่นตั้งครึ่งชั่วโมงแน่ะ」
ผมน่ะ แทบจะไม่เคยเล่นบาสเก็ตบอลเลยนอกจากในคาบพละ เรื่องกฎกติกาก็ยังไม่แม่น
พูดง่าย ๆ ก็คือ ฟุจิคาวะอยากลากผมไปเล่นในสนามของเขา เพื่อจะได้แกล้งผมนั่นแหละ
「ถ้าอยากเล่นบาสก็ไปหาเพื่อนที่เล่นเป็นเล่นเถอะ」
「เฮ้ อันดับร้อยกล้าขัดคำสั่งอันดับสองเหรอ?」
「ลำดับการสอบมันชี้สถานะทางสังคมด้วยรึไง? ถ้าเอาเรื่องชาติตระกูลมาวัด ฉันก็เหนือกว่านายนะ」
「อย่ามาเล่นลิ้นนะ! คิโยมิยะ แกนี่ไม่รู้จักอายเลยใช่มั้ย!」
「ดีกว่าเสียเวลามาแข่งให้ยุ่งยากน่ะ」
「ไอ้นี่…… อีกอย่าง ถึงแกจะเป็นลูกของตระกูลคิโยมิยะก็เถอะ แกมัน――」
「คิโยมิยะคุง กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ?」
「…………」
คนที่เดินผ่านมาทางนี้โดยบังเอิญคือ ฮิซากะ――ซายากะ
ดวงตาหลังกรอบแว่นสีดำของเธอดูคมกว่าปกติ
「ฮะ ฮิซากะ……」
ฟุจิคาวะถึงกับมีท่าทีหวั่นไหว
ต่อให้หนังหน้าจะหนาแค่ไหน พออยู่ต่อหน้าคนสวยระดับนี้ก็ใจไม่กล้าพอเหมือนกัน
「อ้อ ผลสอบวัดระดับสินะ คิโยมิยะคุงได้อันดับร้อยเหรอ……รีบไต่อันดับขึ้นมาให้ถึงระดับฉันเร็ว ๆ นะ」
「จะให้แซงเก้าสิบเก้าคนเลยเรอะ?」
โรงเรียนโซชูคังมีแต่ลูกหลานตระกูลดี แน่นอนว่าทุกคนต่างก็ขยันเรียนกัน
แถมยังฉลาดเป็นทุนเดิม พอรวมกับความพยายาม การจะไต่ขึ้นไปแซงหน้าได้จึงเป็นเรื่องโคตรยาก
「ฮิซากะซัง อย่าพึ่งขัดจังหวะ……ไม่สิ คิโยมิยะน่ะ จะยังไงก็ช่างเถอะ ครั้งนี้ก็แพ้อีกจนได้」
「แพ้?」
「ไม่อยากยอมรับก็เถอะ แต่ฉันได้ที่สอง ส่วนฮิซากะซัง ได้ที่หนึ่ง」
「งั้นเหรอ งั้นแปลว่าฉันมีสิทธิ์สั่งให้นายทำอะไรก็ได้ใช่ไหม?」
「อึก……!」
ดูเหมือนฟุจิคาวะจะถูกพูดแทงใจดำเข้าแล้วสินะ……หรือจะว่าไป
「นี่ ซายากะ เธอได้ยินบทสนทนาเมื่อกี้ใช่ไหมล่ะ?」
ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงรู้หมดแล้วสินะ…
「ฟุจิคาวะ ถอยไปได้ไหม? เราสองคนมีธุระต้องไปด้วยกัน」
「หา……?」
「ไปกันเถอะ คิโยมิยะคุง เดินตามฉันมา」
「ที่หนึ่งมีสิทธิ์สั่งอันดับร้อยด้วยงั้นเหรอ?」
「ถ้านายชนะฉันได้ จะสั่งอะไรก็ได้เลยนะ ฉันไม่ใช่คนพูดเล่นด้วย」
ความวุ่นวายแผ่ขยายในหมู่นักเรียนชาย
แม้ในหมู่สาวสวยมากมาย ฮิซากะ ซายากะก็ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามที่สุด
ใครจะไม่สะเทือนใจเมื่อได้ยินว่าจะสามารถสั่งเธอให้ทำอะไรก็ได้กันเล่า
「เฮ้ คิโยมิยะ……อย่าทำเป็นได้ใจให้มากนักล่ะ」
「ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ?」
ผมตอบไปอย่างสุภาพ แล้วก็เดินไปยืนข้างซายากะที่เริ่มเดินนำไปแล้ว
ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร แต่ถ้าทำให้หลุดพ้นจากฟูจิคาวะได้ก็พอใจแล้วล่ะ
เราเดินออกจากโรงเรียน โดยมีซายากะเดินนำ และผมเดินตามหลังไป
「ซายากะ ขอบใจเรื่องฟุจิคาวะนะ หมอนั่นชอบหาเรื่องฉันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว」
「ดูท่าเขาจะไม่ชอบขี้หน้าคิโยมิยะคุงเอามาก ๆ เลยนะ」
「ฐานะทางบ้านของหมอนั่นก็ดีอยู่หรอก แต่ก็ยังต่ำกว่าคิโยมิยะอยู่ดี ถึงฉันจะไม่แคร์เรื่องพรรค์นั้นก็เถอะ」
「แต่สำหรับบางคนมันสำคัญมากนะ ที่ฟุจิคาวะคุงไม่พอใจ ก็เพราะนายเป็นลูกชายตระกูลคิโยมิยะ แต่กลับอยู่ในสถานะครึ่ง ๆ กลาง ๆ สินะ?」
「ก็ประมาณนั้นแหละ」
ฉันยอมรับทันที
「เพราะยังไง ฉันก็เป็นลูกนอกสมรสนี่นะ」
ใช่แล้ว ถึงจะเป็นลูกชายคนเดียวของหัวหน้าตระกูลคิโยมิยะ แต่ก็ไม่ใช่ทายาทอย่างเป็นทางการ
คำว่า ‘ลูกนอกสมรส’ มันฟังดูไม่ดี เลยไม่ใช้ต่อหน้าคนอื่น
สรุปคือพ่อแม่ของผมไม่ได้แต่งงานกันอย่างถูกต้อง
ไม่มีเหตุผลต้องปิดบังอะไรมาก แม่ของผมเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีฐานะ
แม้ยุคนี้จะไม่มีคำว่าขุนนางกับสามัญชนแล้ว แต่สิ่งที่ยังจีรังคือความเหลื่อมล้ำ
พ่อไม่สามารถทำให้เครือญาติยอมรับแม่ได้ สุดท้ายก็ทำได้แค่รับผมเป็นลูกตามกฎหมายเท่านั้น
และในสังคมชั้นสูง เรื่องแบบนี้ปิดไม่มิดหรอก
ข่าวลือแพร่กระจายจากตระกูลหลักไปยังสายย่อย และญาติพี่น้อง จนตอนนี้นักเรียนโซชูคังทุกคนต่างก็รู้กันหมดแล้ว
「สุดท้ายแล้ว ทุกคนก็ชอบเรื่องอื้อฉาวกันทั้งนั้น」
「นิตยสารซุบซิบก็ขายดีนี่ ข่าวพวกนี้ในเน็ตก็ยอดวิวพุ่งตลอด」
「แสดงว่าเธอก็รู้เหมือนกันสินะ ซายากะ」
ซายากะตอบผมด้วยท่าทางที่ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย
ต่อให้เธอจะดูเยือกเย็นแค่ไหน ถ้าเพิ่งรู้เรื่องนี้ตอนนี้ คงไม่แสดงท่าทีแบบนั้นได้หรอก
「ไม่ใช่ว่าได้ยินมาจากข่าวลือในโรงเรียนนะ ก็แค่เรียนรู้ข้อมูลพื้นฐานของตระกูลคิโยมิยะน่ะ」
「ก็จริง」
เรื่องที่ผมเป็นลูกนอกสมรสของคิโยมิยะ ถ้าใครอยากรู้ก็ไม่ยากนัก
ในเมื่อเธอเป็นลูกสาวของอดีตคนใช้ตระกูลนี้ ถ้าไม่รู้ก็คงแปลกแล้ว
「ฉันไม่สนหรอก สำหรับคนธรรมดาอย่างฉันแล้ว แม่ของนายเป็นใครไม่สำคัญเลย」
「นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินความคิดเห็นจากมุมของคนธรรมดาเลยนะ」
「แม่ของนายเป็นคนธรรมดาใช่ไหม?」
「ก็ไม่ใช่คนร่ำรวยหรือมีชาติตระกูลสูงส่งอะไรหรอก ว่าแต่ สนใจขึ้นมารึไง?」
「เปล่าเลย」
ซายากะพูดปฏิเสธเสียงแข็ง
ถึงเธอจะสนใจขึ้นมาก็เถอะ แต่แม่ของผมก็เสียไปตั้งแต่ฉันยังไม่จำความแล้ว ผมเองก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน
「ถึงเธอจะเป็นแบบนั้น ฉันก็ยังเห็นว่าเธอเป็นคุณชายเอาแต่ใจที่ไม่เคยลำบากอะไรเลยอยู่ดี」
「หา? ยังจะดีกว่าถูกดูถูกว่าเป็นลูกนอกสมรสอีกมั้ง?」
หรือว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าผมกันแน่?
จะว่าไป ถ้าคนที่เกลียดเรามาเป็นเมดส่วนตัวมันก็……น่าตื่นเต้นดีแฮะ
「หน้าตาแบบนั้นคือกำลังคิดเรื่องโง่ ๆ อยู่แน่เลย」
「หา!?」
「ถ้าคิดเรื่องโง่ ๆ สมองก็จะโง่ต่อไปนะ ได้อันดับร้อยอีกจะลำบากเอา」
「……เธอก็พูดแนวนี้ไปแล้วนี่นา ถึงฉันจะได้ที่ร้อยหรือสองร้อย มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องมาสนใจไม่ใช่รึไง?」
「มีเหตุผลอยู่――อ๊ะ ที่นี่แหละ」
「หือ?」
ซายากะหยุดเดินทันใด แล้วชี้ไปยังอาคารที่อยู่ริมทาง
ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้คฤหาสน์เก่าคิโยมิยะ
「อย่าบอกนะ ว่าที่บอกว่ามีธุระจะไปด้วยกันน่ะ หมายถึงเรื่องนี้จริง ๆ?」
「ก็ไม่ใช่แค่ข้ออ้างเพื่อพานายออกมาหรอก ช่วยไปด้วยกันหน่อยนะ?」
「อืม ได้เลย」
สรุปแล้ว ก็แค่ชวนไปซื้อของนั่นแหละ
ถ้าเธอเริ่มทำงานบ้านอย่างจริงจัง การซื้อของก็จำเป็นอยู่แล้ว
「……ซูเปอร์หรูชื่อดังเลยนี่นา」
「แถวบ้านฉันก็มีซูเปอร์แค่ที่นี่แหละ ที่อื่นก็ไกลไปหน่อย ถึงแม้ร้านสะดวกซื้อจะซื้อวัตถุดิบได้ แต่ถ้าจะซื้อจริงจัง ก็ต้องที่นี่ล่ะ」
คฤหาสน์เก่าคิโยมิยะตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยสุดหรู
ไม่ใช่แค่ซูเปอร์ ร้านรอบ ๆ ก็มีแต่ร้านหรูเท่านั้น
「…………」
「หือ? ไม่เข้าเหรอ คิซายากะ?」
「คิโยมิยะคุง เดินเข้าไปก่อนสิ ถ้าคนธรรมดาอย่างฉันเดินเข้าไปก่อน อาจจะโดนไล่ออกมาก็ได้」
「ยุคนี้แล้วจะมีซูเปอร์ที่เลือกปฏิบัติขนาดนั้นได้ไงกัน!」
โดนถ่ายรูปไปลง SNS ได้ดราม่าแน่ ๆ
「จริง ๆ ฉันเองก็ยังไม่เคยเข้าร้านนี้นะ ทุกครั้งที่ซื้อของก็แค่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อนั่นแหละ」
「คนรวยก็ซื้อของจากร้านสะดวกซื้อด้วยเหรอเนี่ย」
「พูดแบบนั้นมันก็ลำเอียงไปหน่อยนะ พวกเพื่อน ๆ ในโรงเรียนเราก็เข้า 7-11 กันทั้งนั้นแหละ ร้านกาแฟแฟรนไชส์หรือฟาสต์ฟู้ดก็เหมือนกัน」
「ถ้าคนรวยพากันประหยัดล่ะก็ เศรษฐกิจก็คง――หะ!?」
ทันใดนั้น ซายากะที่ยืนอยู่ด้านหลังก็จับไหล่ฉันแน่น…
「ธ…เธอทำอะไรน่ะ อยู่ดี ๆ !?」
「หรือว่า…ไม่มีเงินเหรอ? มะ…ไม่จริงใช่ไหม ว่าไม่มีเงินจ่ายฉัน…หลอกกันใช่ไหม!?」
「เดี๋ยวก่อน! ใจเย็นก่อน!」
ทันใดนั้น หญิงสูงวัยที่ดูภูมิฐานซึ่งกำลังจะเดินเข้าไปในซูเปอร์ มองผมด้วยสายตาคมกริบ
「แบบนั้นมันทำให้คนเข้าใจผิดนะ ไม่สิ ฉันไม่ได้คิดจะจ้างเมดหรอก…แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเงินจ้างนะ ค่าดูแลคฤหาสน์หลังใหญ่ที่นั่นน่ะ ตระกูลคิโยมิยะเป็นคนออกให้ ฉันมีเงินพอจ่ายค่าจ้างแน่นอน」
「เฮ้อ…นึกว่าจะถูกล่อลวงซะแล้ว อย่างน้อยก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้แน่ ๆ ล่ะ」
「ก็เพราะวิธีพูดของเธอนั่นแหละ!」
หญิงคนนั้นหยิบมือถือขึ้นมาแล้ว! จะโทรแจ้งตำรวจรึไง!?
「ช่างมันเถอะ รีบเข้าไปกันเถอะ ซายากะ!」
「จริงสิ เรามาซื้อของกันนี่นะ」
เราสองคนเดินเข้าไปในร้าน พร้อมกับแซงหญิงคนนั้นเข้าไป หวังว่าคงไม่เป็นไรนะ…
「เข้าใจล่ะ ด้านในก็เหมือนซูเปอร์ทั่วไปเลยนะ」
「…………」
ถึงจะพูดเบา ๆ ก็เถอะ แต่อยากให้พูดให้เบากว่านี้หน่อย…
ซายากะถือตะกร้าเดินเข้าไปในโซนขายของ
「เอ่อ เดี๋ยวฉันถือให้เอง」
ผมคว้าตะกร้าจากมือของซายากะมา
เธออาจจะบอกว่า “เมดต้องเป็นคนถือ” ก็ได้ ผมเลยต้องรีบชิงไว้ก่อน
「ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นร้านเล็ก ๆ ซะอีก แต่ใหญ่เหมือนกันนะ」
「อา อาจจะเป็นภาพจำแบบนั้นก็ได้」
ร้านใกล้บ้านผมที่ใช้ชื่อเดียวกันก็ดูเล็ก ๆ ไม่กว้างมากเท่าไหร่
「สินค้าก็หลากหลาย ของก็ดี แต่ราคาไม่น่ารักเอาซะเลย」
「คนรวยต้องช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไงล่ะ แต่ก็เถอะ ฉันไม่บ่นเรื่องค่าอาหารหรอก ถึงจะไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็เถอะ」
「งะ…งั้นหมายความว่าฉันซื้ออะไรก็ได้เหรอ?」
「หือ? อา เอาเลย ไม่เป็นไรหรอก」
ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่เงินนี่ก็ไม่ใช่เงินที่ผมหามาเอง
ซายากะดูเหมือนจะตื่นเต้นเล็กน้อย ขณะจ้องมองสินค้าที่วางอยู่
ทั้งที่ที่โรงเรียนตาเธอนี่เหมือนนางพญาหิมะแท้ ๆ…
「คิโยมิยะคุง ชอบเนื้อหรือปลามากกว่ากัน?」
「เอ? อา…อืม…ฉันก็ชอบทั้งคู่นะ」
「งั้นก็ทำทั้งเนื้อและปลาก็แล้วกัน」
「ดะ…เดี๋ยวก่อน! วะ…วันนี้ขอกินเนื้ออย่างเดียวน่าจะพอแล้ว!」
ยัยนี่ ไม่รู้จักคำว่า ‘พอเหมาะ’ เลยแฮะ!
ให้ทำอาหารหลักสองอย่างมันเกินไปแล้ว…ว่าแต่――
「ซายากะจะทำอาหารให้ฉันน่ะ เอาจริงดิ?」
「ถือว่าเป็นการแสดงความสามารถเพื่อสมัครงาน ไม่คิดค่าจ้างหรอก」
「ไม่ใช่แค่เรื่องค่าจ้างน่ะสิ การให้เพื่อนร่วมชั้นทำอาหารให้นี่มัน…」
「ก็ถือว่าเป็นการขอบคุณที่ให้ฉันพักอยู่ด้วยสิ หลังจากนั้นก็ตัดสินใจจากการทำงานของฉันแล้วค่อยว่ากันเรื่องเงินเดือน」
「นี่มันข้ามขั้นไปเรื่องสวัสดิการแล้วนะ!」
ถ้าเผลอเมื่อไหร่ ผมอาจโดนลากเข้าไปในข้อตกลงแปลก ๆ โดยไม่รู้ตัวก็ได้
「เนื้อพวกนี้…แพงมากเลยนะ ฉันไม่เคยเห็นของแบบนี้มาก่อนเลย」
「จริงด้วย ปกติซูเปอร์ทั่วไป ราคาน่าจะเหลือแค่หนึ่งในสามของที่นี่」
「ก็ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ได้ซื้อของเท่าไรก็ได้จากร้านแบบนี้ ต้องสนุกให้คุ้ม!」
「ส…สนุกเหรอ?」
นักเรียนหญิงมอปลายจะสนุกกับการซื้อของในซูเปอร์จริง ๆ เหรอ?
ซายากะดูเหมือนจะสนุกกับงานเมดอย่างจริงจังเลยล่ะ…
พอเป็นแบบนั้น ผมก็เลยต้องเดินตามเธอไปรอบร้านจนทั่ว――
「หะ…หนัก…!」
「ก็บอกแล้วไง ว่าฉันจะช่วยถือด้วย」
「มะ…ไม่เป็นไรหรอก ผู้หญิงไม่ควรต้องถือของหนัก ๆ แบบนี้」
ถุ้งผ้าสองถุงที่อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบที่หนักสุด ๆ
ดูเหมือนซายากะจะพกถุงผ้าพับเก็บได้สองใบไว้ประจำ และซื้อของให้พอดีกับความจุเป๊ะ ๆ
「สุดยอดเลยนะ เธอคิดคำนวณมาเป๊ะเลย…」
「คิโยมิยะคุง อย่าลืมสิว่าฉันเป็นเมด」
「หะ? โว๊ะ!」
ซายากะจับหูถุงใบหนึ่งที่ผมถืออยู่ แล้วยกขึ้นมาช่วยถือ
มันช่วยได้เยอะจริง ๆ แต่ว่า――
「แค่นี้ก็คงยังไม่เสียศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายหรอกเนอะ? ฉันคิดว่าฉันเป็นเมดที่รู้จักใส่ใจนะ」
「…จะพิจารณาก็แล้วกันครับ」
「ขอบคุณนะ」
ซายากะพูดเสียงเรียบ พร้อมรอยยิ้มนิด ๆ
หืม…รอยยิ้มเหรอ? ไม่สิ ผมคงตาฝาดไป
「แต่ก็นะ」
「อะไรเหรอ?」
「เราสองคนออกมาซื้อของด้วยกันแบบนี้ มันดูเหมือนคู่สามีภรรยามากกว่าความสัมพันธ์นายกับเมดนะ?」
「…………」
ซายากะจ้องผมเขม็ง
『อย่างแกน่ะเหรอ จะกล้ามาพูดว่ากับฉันเป็นเหมือนสามีภรรยา นี่มันไม่รู้จักเจียมตัวเกินไปแล้ว』
ผมรู้สึกเหมือนเธอจะพูดแบบนั้น ใครจะไปรู้ บางทีฉันอาจจะมโนไปเองก็ได้
「คราวหน้าฉันจะออกมาซื้อของคนเดียวก็ได้ ฉันน่ะทั้งเรียนเก่งและกีฬาเก่ง ถือของแค่นี้สบายอยู่แล้ว」
「ว่าแล้วเชียว เธอก็เป็นพวกเก่งกีฬาเหมือนกันนี่นา」
ฮิซากะ ซายากะ ไม่เพียงแต่สอบได้อันดับหนึ่งของชั้น แต่ยังเป็นที่หนึ่งในการสอบสมรรถภาพทางกาย เหนือกว่านักกีฬาทั้งหลายด้วย
แค่ถุงพวกนี้ เธอคนเดียวก็คงแบกไหวอยู่แล้ว
「คำว่า ‘สามีภรรยา’ อะไรนั่น…อย่าพูดเล่นแบบนั้นสิ มันทำให้ฉันลำบากใจ」
「หือ?」
ตอนแรกนึกว่าจะโดนจ้องอีกแล้ว
แต่คิซายากะกลับหันหน้าหนี พร้อมแก้มที่แดงระเรื่อ
บางที…เธออาจจะไม่ถนัดเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิงก็ได้นะ
「รีบกลับกันเถอะ ฉันต้องรีบทำอาหาร จะยัดให้ท้องแตกไปเลย!」
「ของพวกนี้ มันไม่ใช่แค่มื้อเดียวแน่ ๆ ใช่ไหม!?」
ซายากะยังคงถือถุงแล้วเดินนำไปอย่างเร็ว
ไม่รู้ว่าเธอเขินเลยแกล้งแข็ง หรือพูดจริงก็ตาม แต่ดูจากปริมาณแล้ว มื้อเย็นวันนี้ต้องจัดเต็มแน่นอน
ที่สำคัญ――
ได้กินอาหารฝีมือของฮิซากะ ซายากะ…มันก็ดีเกินพอแล้วล่ะ
เพราะความจริงก็คือ――
ผมชอบฮิซากะ ซายากะ มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
Chapters
Comments
- ตอนที่ 5 ซูเปอร์มาเก็ต 22 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 4 เมดในตอนเช้า 22 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 3 จุดเริ่มต้น กรกฎาคม 3, 2025
- ตอนที่ 2 ชีวิตติดอยู่กับเมด กรกฎาคม 3, 2025
- ตอนที่ 1 อารัมภบท กรกฎาคม 3, 2025
MANGA DISCUSSION