สามวันต่อมา ดลกรก็มาส่งมัทนาที่สนามบิน ร้องห่มร้องไห้ราวกับเพื่อนชะนีสาวจะลาไปตาย
“เดินทางปลอดภัยนะแก…”
“ขอบใจแก แต่ไม่ต้องร้องไห้ขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวฉันก็กลับมา”
ดลกรยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ “ก็ฉันเป็นห่วงแกนี่ ไม่อยากให้แกเดินทางไปไหนไกลๆ”
“เดี๋ยวฉันก็มาแล้ว แกไม่ต้องร้องแล้วนะนัตตี้”
“อืม”
มัทนาเองก็น้ำตาซึม แต่พยายามฝืนยิ้มแย้มทำเหมือนกับว่าตัวเองไม่เป็นไรเอาไว้
“ถ้าพ่อกลับมาจากต่างจังหวัด ฝากแกดูแลให้หน่อยนะ”
“อืม ฉันจะดูแลให้อย่างดี แกก็สู้ๆ นะ ขอให้สมหวังกับคุณแมทธิวสุดหล่อเร็วๆ”
พอได้ยินชื่อของแมทธิว มัทนาก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ “ฉันก็ยังไม่รู้ชะตากรรมเลยว่าผลมันจะออกมาแบบไหน”
“ไม่เป็นไรแก แค่แกพยายาม ผลมันจะออกมาบวกหรือลบก็ช่างมันเถอะ แกจะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจไง”
“อืม” คราวนี้เป็นมัทนาบ้างที่ผงกศีรษะตอบรับ “งั้นแกนั่งรอฉันตรงนี้ เดี๋ยวฉันไปเช็กอินก่อน”
“โอเค งั้นฉันนั่งรอตรงนี้แหละ”
ว่าแล้วดลกรก็เดินไปทรุดนั่งบนเก้าอี้ที่ทางสนามบินเตรียมไว้บริการ และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่นเพื่อฆ่าเวลา ในขณะที่มัทนาเดินตรงไปต่อแถวยังเคาน์เตอร์เพื่อเช็กอิน
หญิงสาวถอนหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน ความลังเลผุดขึ้นกลางหัวใจอีกครั้ง เมื่อถึงเวลาที่จะต้องบินไปอิตาลีจริงๆ มากมายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอก
‘หรือว่าหล่อนจะหยุดดี…’
เสียงหนึ่งในสมองร้องบอก แต่อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นคัดค้าน
‘ไม่…ห้ามหยุด ต้องเดินหน้า เพราะรักแมทธิวหมดหัวใจ’
แล้วนี่หล่อนจะทำยังไงดี หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะทอดสายตามองไปรอบๆ ตัว และก็ต้องยกมือขึ้นขยี้ตาแรงๆ เมื่อเห็นร่างคุ้นตาเดินผ่านไปในระยะไกลลิบ
“แมทธิว…”
แม้จะไกลมาก แต่หล่อนไม่มีทางจดจำเขาผิดพลาด นั่นมันแมทธิวจริงๆ นี่ แล้วเขามาอยู่ที่สนามบินนี้ได้ยังไง เขาไม่ได้อยู่อิตาลีอย่างที่หล่อนเข้าใจหรอกเหรอ
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หล่อนรีบหยิบออกมากดรับ เป็น เมสันที่โทรเข้ามา
“น้องมัท…แมทธิวเดินทางกลับตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว น่าจะถึงเมืองไทยเช้านี้แหละ พี่ขอโทษนะ พี่ก็เพิ่งรู้จากคุณแม่เมื่อเช้านี้เอง”
คนฟังกำโทรศัพท์มือถือแน่น และก้าวออกมาจากแถวที่ยืนรอคิวเช็กอิน ดวงตายังคงจับจ้องไปยังจุดที่เห็นแมทธิวเดินผ่านไปตลอดเวลา
“มัทว่า…มัทเห็นแมทธิวแล้วล่ะค่ะ”
“จริงหรือน้องมัท”
“จริงค่ะพี่ไมค์ แค่นี้ก่อนนะคะ มัทจะรีบตามแมทธิวไปน่ะค่ะ”
หญิงสาวตัดสายสนทนาจากเมสัน ก่อนจะรีบร้อนวิ่งตามร่างของผู้ชายที่ตัวเองคิดถึงตลอดเวลาไปทันที
หัวใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ยินดี และหวาดกลัว มันผสมผสานกันอย่างมากมายจนหล่อนไม่รู้ว่าความรู้สึกใดในตอนนี้มีมากมายกว่ากัน รู้เพียงแค่ว่ายังไงก็ต้องบอกความในใจกับเขาให้จงได้
“แมทธิว…”
ในที่สุดหล่อนก็วิ่งตามมาจนทัน ผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดสูทเรียบหรูหยุดเดิน แต่ยังคงหันหลังให้หล่อน
มัทนาน้ำตาซึม ยิ้มอย่างยินดี หล่อนรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง ชายหนุ่มเกร็งไปทั้งตัวจนหล่อนสัมผัสได้ ก่อนที่เขาจะดันหล่อนออกห่าง และหันมาเผชิญหน้า
สีหน้าของเขาเย็นชา ดวงตาคมกล้าที่มองมายังหล่อนว่างเปล่าจนน่าใจหาย
“ฉัน…ดีใจที่เจอนายที่นี่”
“แต่ความรู้สึกของฉันในตอนนี้มันห่างไกลจากคำว่าดีใจมาก”
กรามแกร่งของแมทธิวขบกันแน่นจนขึ้นสันนูน ดวงตาคมกริบเย็นชาและห่างเหิน
“ฉันไม่อยากเจอหน้าเธออีกแม้แต่วินาทีเดียว”
“แมทธิว…”
คนตัวเล็กน้ำตาร่วง ในขณะที่ชายหนุ่มเมินหน้าหนี
“ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมีเวลามาเดินเล่นที่สนามบิน ทั้งๆ ที่เวลาทั้งหมดของเธอคือการตามตื๊อขอความรักจากพี่ไมค์”
“ฉันไม่ได้ไปตามตื๊อพี่ไมค์แล้ว ที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะกำลังจะบินไปอิตาลี”
คิ้วดกหนาของแมทธิวเลิกสูง “ไปอิตาลี? เธอจะไปทำไม หรือว่าไปเที่ยว”
หล่อนกัดฟันแน่น เดินเข้าไปหาเขา ในขณะที่เขาก้าวถอยหลังหนี แสดงท่าทางรังเกียจหล่อนสุดพลัง
“ฉันก็จะไปตามนายไง”
เขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา “ตามมาทำไม เราสองคนจบกันไปแล้วนี่”
หล่อนอยากจะขยี้ความเย็นชาของเขาให้แหลกด้วยฝ่าเท้าเหลือเกิน
“จะไม่เกี่ยวได้ยังไง ในเมื่อฉัน…ฉัน…”
“เอาล่ะ ฉันมีธุระต้องรีบไปจัดการ ขอตัว”
แล้วคนตัวโตก็หมุนตัวเดินหนีไป มัทนาอยากจะยอมแพ้เพราะแมทธิวใจร้ายเหลือเกิน แต่ก็อยากจะพยายามต่อสู้อีกครั้ง
“ฉันท้อง!”
หล่อนตะโกนตามหลัง และมั่นใจว่าเขาต้องได้ยิน แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวหรอกที่ได้ยินคำพูดของหล่อน เพราะทุกคนที่อยู่รอบๆ ตัวก็ได้ยินชัดเจนเช่นกัน
“นายจะไม่รับผิดชอบฉันหรือไง”
แมทธิวหันกลับมาอีกครั้ง มองหล่อนอย่างโมโห “อย่ามาพูดบ้าๆ ยังไม่ถึงเดือนเธอรู้ได้ยังไงว่าท้อง”
หล่อนพยายามที่จะไม่อับอายทั้งที่หน้าตาแดงก่ำไปหมดแล้ว สองเท้าก้าวเข้าไปหาเขา
“ก็นายไม่เคยใส่ถุงยางสักครั้ง แล้วแบบนี้ฉันจะไม่ท้องได้ยังไงล่ะ ไม่รู้ล่ะ ยังไงนายก็ต้องรับผิดชอบฉันกับลูกในท้อง” หล่อนคว้ามือใหญ่ไปกุมที่หน้าท้องแบนเรียบของตัวเอง
“นายต้องรับผิดชอบฉัน”
แมทธิวสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ มองหญิงสาวอย่างรู้ทัน เขากัดฟันแน่น
“ไปคุยกันที่อื่น”
แล้วเขาก็กระชากแขนเรียวให้ตามไปที่รถ
มัทนาลอบระบายยิ้มอย่างผู้ชนะ
ในรถเงียบกริบอยู่พักใหญ่ ก่อนที่แมทธิวจะเป็นฝ่ายหันมาถามเสียงดุกระด้าง
“ที่เธอบอกว่าเธอ…ไม่จริงใช่ไหม”
“คุยที่นี่ไม่สะดวกหรอก นายขับรถไปเรื่อยๆ ก่อนเถอะ”
มัทนาลอบอมยิ้ม ขณะหยิบโทรศัพท์มาส่งข่าวบอกดลกรว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ไหน
“ในรถก็ไม่มีใครได้ยินแล้ว ไหนบอกมาซิ เธอพูดจริงหรือโกหก”
แม้จะยังไม่ถึงเดือนที่เขากับมัทนานอนด้วยกัน แต่มันก็มีสิทธิ์ที่หญิงสาวจะตั้งครรภ์
“ไม่ได้…ฉันต้องการที่มิดชิดกว่านี้”
แมทธิวถอนหายใจแรงๆ
“แต่ฉันมีงานต้องรีบไปเคลียร์ เธอบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าอะไรเป็นยังไง”
“ก็บอกว่ายังพูดไม่ได้ ต้องหาที่มิดชิดก่อน นายก็ขับรถไปเรื่อยๆ เถอะน่า รับรองว่าไม่นานหรอก”
ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ก่อนจะขับรถไปเรื่อยๆ และเมื่อเห็นร้านกาแฟก็หักพวงมาลัยรถเข้าไปเทียบจอด
“ที่นี่เงียบดี”
“เงียบที่ไหนกันล่ะ คนชงกาแฟก็อาจจะได้ยินนะ”
“เธอ…จะเอายังไงกันแน่ มันมีลับลมคมในอะไรนักหนา”
แมทธิวทั้งรำคาญทั้งหัวเสีย
“ไปห้องนอนของนายไง”
แมทธิวตวัดตามองเขม็ง เลือดในกายหนุ่มเดือดพล่านทันที แต่ก็พยายามควบคุมมันเอาไว้
นี่หล่อนจะรู้ไหมว่าเขาต้องทรมานแค่ไหน เมื่อเห็นหน้าหล่อนแต่แตะต้องไม่ได้แบบนี้
ปวดร้าวอึดอัดจนแทบจะขาดใจ!
“ฉันต้องไปที่บริษัท”
“งั้นฉันไปนั่งรอนายในรถ จนกว่านายจะทำงานเสร็จก็ได้นี่”
“เธอยอมสละเวลาอันมีค่าของตัวเองเพื่อนั่งรอผู้ชายที่เธอเกลียดขี้หน้านักหนาด้วยหรือ”
เขาเหน็บแนมเสียงเย็นชา ก่อนจะขับรถไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปยังบริษัทของตัวเอง
“ถ้าฉันจะบอกว่ามีเวลาให้นายทั้งชีวิตเลยล่ะ”
แมทธิวชะงักค้าง ความรู้สึกที่พยายามซ่อนเอาไว้เริ่มออกฤทธิ์ แต่ก็รีบข่มมันสุดฤทธิ์
“ฉันไม่เชื่อ”
“ก็ตามใจนายแล้วกัน”
หญิงสาวทำหน้าย่นใส่ รู้สึกอ่อนอกอ่อนใจไม่น้อยเมื่อแมทธิวยังคงเย็นชาใส่ตลอดเวลา นี่หล่อนต้องทำถึงขนาดไหนนะ เขาถึงจะหายโกรธหายเคือง
แมทธิวขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของบริษัท เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วหันมาหาหล่อน
“กลับไปได้แล้ว ฉันจะขึ้นไปทำงาน”
“ไม่เอาหรอก ฉันจะอยู่รอ”
แมทธิวแค่นยิ้มหยัน เพราะคิดว่ามัทนาพูดเล่น เขาก้าวลงไปจากรถ และปล่อยหล่อนเอาไว้ในนั้นอย่างไม่ไยดี
มัทนานั่งน้ำตาซึม แต่ก็พยายามที่จะเข้มแข็งเอาไว้ มือกำชายกระโปรงเอาไว้แน่น
“ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด แล้วถ้ามันยังไม่เวิร์ก ฉันก็จะเดินไปจากนายตลอดกาล แมทธิว…”
MANGA DISCUSSION