วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 94 เรื่องเล่ารักสมัยป็อปปี้เลิฟ
ตอนที่ 94 เรื่องเล่ารักสมัยป็อปปี้เลิฟ
แต่ถ้าธัชชัยไม่ได้กลับมาในวันพรุ่งนี้ ก็คงจะต้องให้วรพลทนกับเสียงรบกวนแล้วหล่ะ
เพราะนี่เพิ่งจะเปิดเทอม เธอก็ไม่เข้าเรียนไปแล้วหลายวัน เทอมสุดท้ายกลับทำให้ตัวเองถูกบันทึกไว้หลายครั้ง นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอเต็มใจเลยจริงๆ และก็ยังมีแวววัยเธอไม่อาจทิ้งเพื่อนของเธอไปได้ แล้วก็ไม่เคยทิ้งด้วย แต่นี่เธอยังไม่ได้โทรศัพท์หาแวววัยเลย
วันนี้ป้าอ้อยก็คอยส่งอาหารให้เธอตลอดทั้งวัน “คุณผู้หญิงคะ คุณอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ อย่าทำให้ตัวเองหิวเลย กลางวันก็ไม่กินอะไรมาแล้ว ตกเย็นก็ยังจะไม่กินอีกหรอคะ?”
ซึ่งในความเป็นจริงป้าอ้อยเป็นกังวลมากที่ว่าท้องของวัจสาอาจจะมีคุณชายน้อยของเธอ ถ้าโภชนาการไม่ถึงมันก็จะไม่ดีต่อคนทั้งคู่
แต่ก็นะ จะให้วัจสากินมันลงได้ยังไงหล่ะ ในเมื่อเธอติดอยู่ในสถานที่แบบนี้ เธอไม่ใช่สัตว์ที่ถูกขังไว้เพื่อความบันเทิงเหมือนในสวนสัตว์นะ ที่พอชอบใจก็ให้อาหาร เธอไม่ชอบและไม่อยากให้ตัวเองถูกทำเหมือนเป็นสัตว์แบบนั้น
ยิ่งวัจสาคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ของเธอ เธออยู่ที่ตระกูลศรีทองเธอมีตำแหน่งที่ชัดเจนมาก แต่พอเทียบกับตระกูลเดิมขุนทดแล้วเธอไม่เคยถูกขังแบบนี้ แม้ว่าปยุตจะไม่ได้ดีกับเธอมากนักแต่ก็ให้อิสระกับเธอ จะไปไหนมาไหนก็ไม่ได้โดนห้ามปรามอะไร
แต่ว่าที่นี่นี่มันอะไรกัน? ขังเธอไว้เหมือนนักโทษจากนั้นก็ส่งอาหารกับเครื่องดื่มให้เธอผ่านช่องประตูเล็กๆ
วัจสาได้แต่คิดว่าถ้าหากว่าวรพลแข็งแรง เขาคงไม่ให้น้องชายของเขามารังแกภรรยาของเขาแบบนี้แน่นอน
แต่เธอจะโทษใครได้หล่ะ โทษธัชชัยอย่างนั้นหรอ?
ไม่ ไม่ได้หรอก คนที่เธอควรจะโทษมากที่สุดก็คือตัวเธอเองที่ไม่รู้จักเข็ดจักจำเสียที
ถ้าเธอแข็งแกร่งขึ้นอีกหน่อย เข้มแข็งขึ้นอีกสักนิด เธอก็จะไม่โดนดูถูกจากผู้ชายคนนั้น ในใจเขาคงเต็มไปด้วยความเหยียดหยามเธอหล่ะมั้ง
มันก็เลยทำให้วนลูปเดิม ที่เมื่อเขาอยากจะนอนกับเธอเขาก็ได้นอนตามที่เขาต้องการ
ช่างน่ารังเกียจจริงๆ วัจสาเธอนี่นะ แกว่งเท้าหาเสี้ยนจริงๆ นี่แหละมันเลยเป็นแบบนี้ไง
……
หน้าประตูตระกูลเดิมขุนทด มีรถจักรยานคันนึงเข้ามาจอด
คนที่อยู่บนรถจักรยานนั้นเป็นผู้ชาย เขาเอื้อมมือยาวไปหยิบช่อดอกกุหลาบที่สวยงามจากตะกร้าห้าจักรยาน พร้อมที่จะเดินเข้าไปในบ้านตระกูลเดิมขุนทด
พอดีกับที่ภาวินีลูกสาวคนที่สองของบ้านตระกูลเดิมขุนทดกำลังออกจากบ้านพอดี
“วินี สวัสดี วัจสาอยู่บ้านมั้ย? ฉันไปหาเธอที่มหาลัยมา แต่เพื่อนร่วมห้องเธอบอกว่าเธอไม่ได้มามหาลัย เลยห่วงว่าเธอจะไม่สบายรึเปล่าเลยมาเยี่ยมดูสักหน่อย”ผู้ชายที่ถามถึงเธอนั้นคือ ปรมะ เขาไม่ได้มีรูปลักษณ์เหมือนที่วัจสาอธิบายไว้เมื่อครั้งก่อน ที่รูปร่างเต็มไปด้วยความสง่างามสว่างไสวประดุจพระอาทิตย์ยามแรกขึ้นในทางตรงกันข้ามกับเขาผู้สวมแว่นตาเป็นเด็กเนิร์ดที่อ่อนแอ เขามองดูสงบขรึมในมาดที่กำลังอ่านหนังสืออย่างไม่หยุดหย่อนนั้นแล้วก็แน่หล่ะ เขาไม่ใช่ป๊อปปี้เลิฟของวัจสา แต่ก็นะเขาก็ยังคงถือว่าวัจสาเป็นแฟนของเขาเองถึงแม้ว่าภาวินีจะไม่อยากมองหนุ่มแว่นที่ดูเนิร์ด แต่เธอก็ยังวางท่าของผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองเธอยังรักษาภาพของผู้หญิงได้เป็นอย่างดี เธอยิ้มขึ้นและตอบ “อ๋า ที่แท้ก็ปรมะนี้เอง ไม่เจอกันนานเลยนะ สวัสดีจ่ะ มาหาวัจสาหรอ เสียใจด้วยนะ เธอไม่ได้อยู่ที่บ้านของเราแล้วหล่ะ”พอพูดถึงตรงนี้ ลูกสาวคนเล็กของตระกูลเดิมขุนทดก็ออกมาพอดีปรมะจึงถามต่อ “หืมทำไมหล่ะ? นอกจากบ้านตระกูลเดิมขุนทดแล้วยังมีที่ไหนที่วัจสาไปอยู่ได้อีก?”ไม่จำเป็นต้องรอให้ภาวินีเปิดปาก รสรินก็ตอบแทนกลับมาอย่างรวดเร็ว “กลายเป็นคุณผู้หญิงของบ้านตระกูลศรีทองไปแล้วหน่ะสิ ทำไมต้องกลับมาบ้านเก่าๆโทรมอย่างบ้านนี้ด้วยหล่ะ”เมื่อรู้ข่าวจากปากรสรินเข้าก็ตกใจ ปรมะถามอย่างไม่เชื่อ “รสรินคุณ คุณหมายความว่ายังไง? ทำไมต้องเรียกว่าคุณผู้หญิงตระกูลศรีทอง? ใครกัน?”“จะใครได้อีกหล่ะ? ยังไม่เข้าใจอีกหรอ? ก็วัจสา คนที่คุณมาตามหายังไงหล่ะ”รสรินเหลือบมองปรมะกับจักรยานของเขาอย่างดูแคลน แค่นหัวเราะพูด “ดูสภาพโทรมๆจนๆของคุณแล้ว คงจะหาแฟนยากอยู่แหละ และดูเหมือนวัจสาก็ไม่เอาคุณเหมือนกันด้วย เธอเลยไปแต่งงานเข้าบ้านตระกูลศรีทองไปแล้วนั่นหน่ะ ตอนนี้ก็กลายเป็นคุณผู้หญิงองบ้านนู้นไปแล้ว ไม่ไปมหาลัยก็ยังได้ ทำไมจะต้องลำบากมานั่งซ้อนท้ายกับคุณด้วย?” ปรมะก็ยังคงพูดช่วยวัจสา เขาตะโกนว่ารสริน “นี่รสริน ทำปากให้มันสะอาดๆบ้างเถอะ ไม่มีใครทำอะไรน่าเกลียดเหมือนเธอหรอก เธอมันคนหน้าเงิน แต่วัจสาเขาไม่ใช่คนแบบนั้น!”“ปรมะ! คุณพูดอะไรก็ระวังหน่อยเถอะ!” รสรินถูกเขาว่าเสียดสีเจ็บใจจึงตอกกลับไป “ถ้าไม่เชื่อที่ฉันพูด ก็ไปดูเอาเองที่บ้านศรีทองละกัน คุณนี่มันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ อ้อแล้วก็ฉันจะบอกอะไรให้ ถึงฉันรสรินคนนี้จะเป็นคนหน้าเงิน แต่ก็ไม่ได้เหมือนวัจสาที่ขายทั้งตัวทั้งใจของตัวเองแล้วกัน ”ปรมะทำได้เพียงฟังหูซ้ายทะลุออกหูขวาไป เขารู้จักวัจสามานาน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหน?แต่ว่าทำไมถึงไม่อยู่บ้านตระกูลเดิมขุนทดแล้วหล่ะ? หรือว่าแต่งงานกับตระกูลศรีทองไปแล้วจริงๆ?ปรมะคิดในขณะที่ค่อมจักรยานของเขาแล้วปั่นตรงไปยังบ้านตระกูลศรีทองปรมะเป็นเด็กหนุ่มที่มีลักษณะที่สง่างามมาก ซึ่งจริงๆแล้วเขาเรียนเทคโนโลยีชีวภาพที่มหาวิทยาลัย แต่กลับเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องผลิตภัณฑ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆได้รู้จักกับวัจสาเนื่องจากมหาลัยมีจัดการบินยานพาหนะเครื่องจักรกลจำลองขึ้น เขามองเห็นวัจสาจากหมู่ฝูงชน แล้วก็ไม่อาจจะลืมเลือนใบหน้าอันสง่างามของเธอไปได้เลย วันนั้นเขาก็แพ้การแข่งขันด้วย เพราะว่าพาหนะของเขาออกนอกสนาม เหมือนตัวเขาเองที่หลุดโฟกัส ใจเขามัวแต่วิ่งวนๆอยู่รอบตัวของวัจสาต่อมาเขาก็ขอให้วัจสาแกล้งมาเป็นแฟนหลอกๆให้เขา เพื่อความเป็นความสบายใจของแม่เขา นั่นเป็นเพราะการที่เขามีแฟนคอยดูแลก็จะเติมเต็มความปรารถนาของแม่เขาแล้วก็เพราะว่าแม่เขาพอใจกับ “ลูกสะใภ้”คนนี้มากๆเลยทำให้อาการของเธอยิ่งดีวันดีคืนแต่ในระยะสองปีมานี้อาการป่วยของเธอยังไม่คงที่ ดังนั้นวัจสาจึงต้องแกล้งเป็นแฟนหลอกๆต่อมาตลอดสองปีวัจสาพูดกับปรมะชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่มว่าเธอแค่โกหกเพื่อช่วยเขาเท่านั้น ไม่ได้ชอบเขาจริงๆ แต่ในการแกล้งหลอกนั้นเอง ปรมะก็ตกหลุมรักเธอเข้าจริงๆด้วยที่เธอทั้งเป็นหญิงจิตใจดี และสวยสง่าดังนั้นปรมะเลยคิดเกินกว่าแกล้งแล้วเขารู้ดีว่าสำหรับวัจสาแล้ว เขาเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง แต่เขาก็ยังคิดว่าจะเอาชนะใจเธอได้สักวันหนึ่ง และถึงแม้ว่าไม่อาจแปรเปลี่ยนไปทางรักคู่รักได้ อย่างน้อยเขาก็อยากที่จะคอยปกป้องเธอในฐานะพี่ชายคนหนึ่งวัจสาเป็นเจ้าหญิงของเขา แต่ตัวเขาเองไม่ใช่เจ้าชายในฝันของเธอ สุดท้ายโชคชะตาก็ทำให้เข้าใจได้ว่า มาก่อนก็อาจไม่ใช่ผู้ชนะเสมอไปความสัมพันธ์ของทั้งสองดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงวันที่จะต้องจัดงานแต่งงาน แต่วัจสาก็ตัดสินใจสารภาพความจริงกับแม่ของปรมะทั้งหมด พอเธอรู้เรื่องราวทั้งหมดก็โกรธมากจนบินหนีไปอเมริกา ดังนั้นปรมะเองจึงรีบบินตามไปด้วยกลัวว่าแม่ตนจะเกิดเรื่อง ทำให้ทั้งสองคนไม่ได้ติดต่อกันมาได้สองเดือนแล้วเมื่อมั่นใจว่าแม่ของตนไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ปรมะก็รีบกลับมาเรียนต่อ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เขาอยากกลับมาเจอวัจสานั่นเอง เดิมทีตัวเขามีมหาลัยให้เลือกเข้าได้เป็นโหล แต่เพื่อได้อยู่ใกล้ๆวัจสาแล้ว เขาจึงทิ้งคำเชิญของมหาลัยอื่นๆไปเขาต้องการที่จะได้ปกป้องเธอ มันไม่มีเหตุผลในการกระทำของเขาเลย เขาเพียงแต่ปรารถนาที่จะอยู่ข้างๆเธอเพราะเขามีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าสุดท้ายเธอก็จะหันกลับมารักเขาแต่ตอนนี้หญิงสาวก็ดันแต่งงานไปซะแล้ว เขาจะไม่ร้อนใจได้ยังไง? มันแค่ช่วงเวลาสองเดือนสั้นๆเองนะ มันต้องมีเรื่องผิดแปลกไปแน่ๆวัจสาไปรักชายอื่นจริงๆหรือว่าเพียงแค่ต้องการออกจากบ้านตระกูลเดิมขุนทดที่เหมือนกับนรกบนดินนี่กันแน่ปกติปรมะก็ไม่ใช่คนที่จะเชื่ออะไรก่อนจะเห็นด้วยตาอยู่แล้ว เขารู้ดีว่าวัจสาที่อยู่บ้านเดิมขุนทดนี้ลำบากแค่ไหนแม้ว่าเขาจะไม่ต้องเห็นกับตาก็ตามที ดังนั้นเขาจึงอยากจะแต่งงานเพื่อที่จะพาเธอออกมาจากที่นั่นน่าเสียดายที่เธอไม่ยินยอมตามวิธีของเขา สุดท้ายเลยสารภาพความจริงทั้งหมดกับแม่ของเขาเองแค่เวลาเพียงสองเดือนที่จะชอบผู้ชายสักคนแล้วก็แต่งงานนั้น พูดให้ตายยังไงปรมะก็ไม่เชื่อหรอก เขารวบรวมกำลังทั้งหมดที่เขามี ก้าวเดินเข้าไปที่บ้านตระกูลศรีทองบ้านตระกูลศรีทองหาไม่ใช่ยากนัก เนื่องจากเป็นที่โด่งดังของเมืองSมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งมีเรื่องประสบอุบัติเหตุร้ายแรงของวรพลเมื่อไม่กี่เดือนก่อน บ้านนี้ก็กลายเป็นประเด็นท็อปของเมืองsไปโดยปริยายการเข้าออกของบ้านนี้จำต้องแลกบัตรเข้าด้วย ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะบ้านร่ำรวยขนาดนี้ก็ต้องเข้มงวดเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยเป็นธรรมดา ดังนั้นเขาจึงแลกบัตรนักศึกษาเอาไว้ปรมะกดกริ่งหน้าประตู คนที่มาเปิดเป็นหญิงวัยกลางคน แม้ว่าจะดูใจดี แต่ปรมะก็ดูออกว่าเธอค่อนข้างรอบคอบและช่างสังเกตทีเดียว“สวัสดีครับ วัจสาอยู่ที่นี่รึเปล่า?” ปรมะดูสง่างาม ที่ใครมองก็ไม่เบื่อ อีกทั้งยังมีมารยาทมากๆอีกด้วยป้าอ้อยพินิจชายสูงใส่แว่นที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด น่าจะอายุราวๆ24-25ปี รูปร่างสูง แถมผิวก็ขาวละเอียด สวมแว่นกรอบดำ และดูสุภาพมากๆ“ขอถามได้มั้ยคะ คุณเป็นใคร?” ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ป้าอ้อยก็ไม่อาจจะตัดสินคนแค่เพียงภายนอกได้“ผมเป็นรุ่นพี่ของวัจสาหน่ะครับ เห็นว่าวันนี้ไม่ได้ไปมหาลัย เพื่อนนักศึกษาจึงให้ผมมาเยี่ยมเธอสักหน่อย”ปรมะตอบได้อย่างเหมาะสม นั่นทำให้ป้าอ้อยไม่สงสัยหรือลังเลใจอีก ถ้าวัจสาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้เหมือนที่รสรินบอกไว้จริงๆ การที่บอกไปโต้งๆว่าเป็นแฟนเธอนั่นมันไม่ใช่ผลดีเท่าไหร่ ตรงกันข้ามเขาอาจจะไม่ได้เจอวัจสาก็ได้“อย่างนี้นี่เอง” ป้าอ้อยตอบอย่างสุภาพ “คุณผู้หญิงของเราไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นะคะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะคะ น่าจะอีกสักสองสามวันถึงจะไปมหาลัยได้ รบกวนคุณไปบอกเพื่อนๆที่เป็นห่วงเธอแทนทีนะคะว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวก็หายแล้วละคะ” “คุณผู้หญิง” เพียงสามคำเท่านั้นก็ทำใจของปรมะเย็นวาบ และเต้นแทบไม่ตรงจังหวะ สิ่งที่รสรินพูดมันเป็นความจริงหรอเนี่ย? วัจสาแต่งเข้ามาที่บ้านตระกูลศรีทอง กลายเป็นคุณผู้หญิงของที่นี่ไปแล้วจริงๆหรอ?ปรมะพยายามกลืนความขมขื่นภายในของเขาไปและบังคับให้ตัวเขาเองยิ้มให้อย่างเหี่ยวแห้ง “ถ้าอย่างนั้น….ผมเข้าไปดูเธอได้มั้ยครับ?ป้าอ้อยรู้สึกนิดๆว่าผู้ชายคนนี้ดูแปลกหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะก็ไม่อยากให้เขาเข้าไปเห็นคุณผู้หญิงของเธอในสภาพตอนนี้ คนภายนอกไม่ควรที่จะรู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นอยู่ “เกรงว่าจะไม่สะดวกนะคะ…..คุณผู้หญิงหลับไปแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ” ป้าอ้อยตอบอย่างสุภาพเมื่อได้ยินที่ป้าอ้อยบอก ปรมะก็แทบไม่อาจทนรอต่อไปได้ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะบุกรุกเข้าไป เลยทำได้เพียงมองขึ้นไปด้านบน เผื่อจะโชคดีได้เห็นเรือนร่างของหญิงที่จนคิดถึงแต่เมื่อมองดูความโอ่อ่าหรูหราของตัวบ้านเขาก็ลอบถอนหายใจอย่างลับๆ เป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงอย่างท่วมท้นสมแล้วหล่ะที่จะได้รับชัยชนะ“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รบกวนแล้วหล่ะครับ ขอให้วัจสาหายไวๆนะครับ ถ้าหายดียังไงก็บอกด้วยนะครับ” พอปรมะพูดจบ ก็หมุนตัวกลับไป