วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 86 สิ่งที่ต้องการคือความอ่อนโยน
ตอนที่ 86 สิ่งที่ต้องการคือความอ่อนโยน
วัจสาที่เพิ่งตื่นนอนก็ต้องชามหนึ่งที เธอกำลังคิดอยู่ว่าตัวเองเป็นหวัด? หรือมีคนกำลังนินทาเธอลับหลังอยู่?
อันที่จริงไม่ใช่ แค่คนบางคนคิดอะไรเกินเลยกับเธอก็เท่านั้น
เหตุผลที่ตื่นเช้ามากในวันนี้ก็เพราะต้องไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเปิดเธออยู่ปีสี่พอดี เมื่อทราบว่าใกล้จะต้องอำลาชีวิตมหาวิทยาลัย วัจสาก็รู้สึกทำใจไม่ได้นิดหน่อย
เธอกระตุ้นตัวเองให้สดชื่น เพื่อใช้เวลาช่วงสุดท้ายให้ดีที่สุด เพราะเด็กรุ่นใหม่จะเป็นผู้พลิกหน้าประวัติศาสตร์ของโลกต่อไป แต่ก็มีบางคนที่ค้นหาความสุขของชีวิตเจอแล้วด้วย
ปกติวัจสาเป็นเด็กผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความรักในการใช้ชีวิต หากพูดตามตรงก็คือตอนนี้เธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว
เมื่อหยิบพัสดุที่อยู่บนพรมขนนุ่มๆ วัจสาก็เหม่อลอยอีกครั้ง
วันนั้นก็เป็นตอนรุ่งเช้า ตัวเองอีกคนที่ไร้การควบคุมขอร้องให้ผู้ชายเอาตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า คิดไม่ถึงว่าจะยังจำได้ว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้าง แล้วยังกล้าพูดว่าอยากกลายเป็นผู้หญิงของเขา
เมื่อหวนนึกถึงยังคงรู้สึกอับอายขายขี้หน้า แต่พอเอากลับมาคิดอีกทีก็รู้สึกว่าไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเอง เพราะตัวเองถูกวางยา เลยเปลี่ยนเป็นอีกคน
วัจสาดึงผ้าห่มมาปิดหัวตัวเอง และหลอกตัวเองว่าไม่จริง
ผ่านไปไม่กี่นาที วัจสาก็ดึงสติกลับมาออกจากในภาพจินตนาการ แล้วถอนหายใจออกมา ทำไมตัวเองถึงชอบคิดเรื่องนี้? ในเมื่อมันเกิดมาแล้วก็อย่าได้กดดันตัวเอง จนกักขังตัวเองไม่สามารถทำอย่างอื่นได้
แต่พอคิดสักพัก ผู้ชายในวันนั้นอ่อนโยนมาก ตอนแรกนึกว่านิสัยแบบนี้ของเขาน่าตะบุ่มบ่าม แต่ผู้ชายที่นอนทับตัวเองกลับเป็นอีกคน และยังปลอบโยนเธอด้วย….
ชั่วพริบตาเธอก็นึกว่าผู้ชายคนนั้นรักเธอ…
โอ้มายก็อต! ทำไมตัวเองถึงคิดอีก?อาจจะเป็นเพราะตื่นเช้าแต่ไม่ได้อาบน้ำสติเลยยังไม่มา หรืออาจจะเป็นความฝันของเมื่อคืนติดตา
เมื่อคืนในความฝันเธอเจอธัชชัย ดังนั้นเลยมาคิดเรื่อยเปื่อยตั้งแต่เช้า ไม่ได้ล่ะ ต้องไปล้างหน้า ไม่เช่นนั้นคงไม่รู้แน่ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
วัจสารีบเดินลงไปเข้าห้องน้ำ เมื่อใบหน้าถูกล้างด้วยน้ำเย็น ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาเสียที
เธอต้องการนำสภาพจิตใจที่สดใสเผชิญหน้ากับสภาพสังคมและชีวิต
แต่คิดไปคิดมา อย่างน้อยวันนี้ก็เป็นวันดีจริงๆ เพราะธัชชัยจะไม่อยู่บ้าน เธอทราบมาจากป้าอ้อยว่า หลังจากที่เขาออกไปเมื่อคืน แต่ก็ไม่กลับมาวัจสาไม่ได้เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของธัชชัย แต่ในทางกลับกันคือไม่เห็นเขาแล้ว ในใจของตัวเองรู้สึกผ่อนคลายคณภษิตเดินมาถึงข้างโต๊ะอาหาร และหยิบจดหมายสองฉบับ จากนั้นพูดว่า : "คุณผู้หญิงครับ นี้คือค่าเรียนของคุณนะครับ" เขาชี้บนอีกซองและพูดว่า : "นี้เป็นเงินค่าใช้จ่ายของคุณนะครับ ตอนนี้ที่บ้านมีเงินสดไม่มาก คุณใช้ไปก่อนนะครับ ข้างในยังมีบัตรเครดิตหนึ่งใบ หากใช้เงินสดหมด คุณสามารถไปถอนเงินได้ครับ"วัจสามองดูคณภษิตที่รายละเอียดและรอบคอบทุกระเบียบนิ้ว ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกรับรู้ถึงความอบอุ่น และวัจสายังรู้สึกว่าบ้านตระกูลศรีทองให้ความเคารพต่อเธอมากด้วย จนแทบจะไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องเลย"ขอบคุณมากค่ะคณภษิต ถ้าไม่มีคุณ ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงดี"คณภษิตยิ้อย่างอบอุ่น "ไม่ต้องเกรงใจหรอก คุณผู้หญิง เพราะนี้เป็นเรื่องที่ต้องจัดการในบ้านอยู่แล้ว คุณเป็นเจ้าหญิงของบ้านหลังนี้ ดังนั้นพวกเราดูเเลเรื่องการกินนอนถือเป็นเรื่องปกติ เดี่ยวผมไปเรียกภูผาไปส่งคุณให้นะครับ"วัจสารู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีช่วยอะไรเลย หากบอกเป็นเพราะตัวเองเป็นภรรยาของวรพล ถ้างั้นก็คงไม่ใช่ เพราะเธอไม่ได้ดูแลเขาเลย ในทางกลับกันเป็นคนบ้านตระกูลศรีทองดูแลมากกว่าวัจสากล่าวขอบคุณหลายครั้งติดต่อกัน เมื่อเห็นท่าทางขอบอกขอบใจ คณภษิตก็รู้สึกเก้อเขิน เพราะในสายตาเธอ วัจสาเป็นภรรยาที่คุณชายใหญ่มอบให้ท่านชัย ดังนั้นเธอก็มีสิทธิ์ภายในบ้านด้วยหลายๆเรื่องน่าจะถูกกำหนดความไม่แน่นอนแล้วบนรถยนต์ วัจสาเปิดอีกซองหนึ่ง หลังจากนับเสร็จ คิดไม่ถึงว่าเงินการใช้จ่ายจะมีถึงห้าพันหยวน คณภษิตยังกล้าบอกว่าเงินน้อย คิดไปคิดมาแล้วบ้านตระกูลศรีทองก็ใช้เงินฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว เงินเขาไม่ใช้แบบนั้นกันเมื่อวัจสาเห็นเงินมากมาย ความคิดเเรกผุดโผล่ขึ้นคือแวววัย เพราะต้องรีบจ่ายค่าเล่าเรียน วัจสาเลยต้องโทรไปหาเธอเพื่อเดือดร้อนทั้งสองคนนัดเจอกันหน้าประตูมหาวิทยาลัย แต่หลังจากเจอกันก็ไปร้านชาไข่มุกร้านหนึ่งแล้ว แวววัตควักเงินสองพันหยวนให้วัจสา แล้วพูดอย่างจริงจังว่า : "นี่เป็นเงินค่าตอบแทนที่ฉันกับคุณไปแสดงที่บาร์ชื่อเหม่ยเซ่อ!"วัจสาพูดอย่างรีบร้อนว่า : "ไม่ต้องหรอก แวววัย ฉันมีเงินอยู่แล้ว เลยมาถามเงินค่าเล่าเรียนของเธอเป็นยังไงบ้าง"เมื่อเห็นซองหนาสองซองอยู่บนมือของวัจสา แวววัยก็พูดประชดว่า : "คุณนายวัจสา เงินนี่เอามาจากบ้านศรีทองใช่ไหม? พวกคุณน่าจะแบบนั้นแล้วใช่ไหม?"บนใบหน้าของวัจสาแดงระเรื่อ เจ้าแวววัยรู้เรื่องนี้ได้ยังไง! หรือดวงตาของเธอร้อนแรงมากเกินไป เลยรู้ว่าตัวเองกับธัชชัยแบบนั้นกันในแวบเดียว…ไม่คิดเลยว่าทั้งหมดจะเป็นเพราะความใจฝ่อของตัวเอง แวววัยเลยหยอกล้อได้เดิมทีตระกูลศีทองก็มีชีวิตเลื่องลือในเมือง S อยู่แล้ว ดังนั้นเงินไม่กี่หมื่นกี่พันไม่จำเป็นต้องพูดถึง ให้เงินค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายส่วนตัวกับคุณผู้หญิงของตระกูลบ้านศรีทองถือเป็นเรื่องสมควร แต่เงินทองสำหรับบ้านตระกูลศรีทองถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมากแต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ของวัจสา ในใจของแวววัยก็มั่นใจทันทีเลย"คุณคุณ แวววัยคุณพูดจาเหลวไหลอะไร! ไม่ใช่เคยบอกแล้วหรอว่าธัชชัยเป็นน้องชายสามีของฉัน ถ้าหากคุณยังทำตัวแบบนี้อีกฉันจะไม่สนใจล่ะ!ปกติวัจสาเป็นคนไร้เดียงสาและโกหกคนไม่เป็น แค่ตอนนี้เผยท่าทางกระวนกระวายร้อนใจเหมือนนักโทษกำลังแก้ตัว"เอาล่ะเอาล่ะ คุณผู้หญิงแห่งบ้านตระกูลศรีทอง คุณก็อย่าปกปิดฉันได้แล้ว ต่อหน้าฉันเธอยังโกหก รับไม่ได้? เธอยังไม่รู้อีกหรอว่าหน้าของตัวเองเหมือนกับคนขายเพื่อนแล้ว!" แวววัยหัวเราะฮ่าฮ่าฮ่าเสียงดัง แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขามีประสบการณ์ชายหญิงกันเมื่อวัยสาได้ยินคำพูดของเธอ ก็ลูบจับหน้าตัวเอง ทำไมร้อน ทำไมหน้าถึงร้อนแบบนี้! "ครั้งแรกของเธอก็มอบให้กับธัชชัยแล้ว ถือว่าไม่เสียเปรียบ ถ้าหากผู้ชายคนนั้นสนใจฉัน ฉันก็ยินดี"แวววัยที่เดิมทีหยอกเล่นตอนนี้กลับหดหู่ใจแล้ว "แต่ผู้หญิงหน้าตาไม่สวยอย่างฉัน คงไม่มีใครมาสนใจฉันหรอก ต่อให้มีก็คงเป็นคนที่หน้าตาแย่พอๆกับฉัน เป็นอย่างที่เข้าบอกจริงๆนางฟ้าก็ต้องคู่กับเทวดา ผีบ้าก็ต้องคู่กับยมทูต"คิดไม่ถึงว่าตอนที่เธอพูดจะสะอึกสะอื้นด้วย เธอคงน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อเห็นประกายน้ำตาที่ระยิบระยับของแวววัย วัจสาก็พูดอย่างรีบร้อนว่า "แวววัย เธอพูดอะไรของเธอ? ทำไมถึงหดหู่ใจแล้วล่ะ? ปกติเธอก็สวย ตอนนี้เธอก็ยิ่งสวย อย่าสนใจภาพลักษณ์ภายนอกของตัวเองให้มากนักนะ"วัจสารีบร้อนปลอบโยนแวววัยแวววัยสูบลมหายใจเข้า และเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง "ไม่เป็นไร ฉันนี่ไม่ได้เรื่องเลย"เธอกลัวว่าวัจสาจะยังยืนกราน เลยหยิบแผ่นเงินสีแดงสิบใบออกจากถุงบนมือของเธอ "ขอบคุณคุณหญิงตระกูลบ้านศรีทอง ขอให้สุภาพร่างกายแข็งแรงแบบนี้ ส่วนเงินหนึ่งพัน ถือว่าฉันยืมเงินเธอนะ รอให้ฉันทำงานเก็บเงินจะรีบเอามาคืนให้นะ ตอนแรกว่าอยากกลับสถานสงเคราะห์เด็ก แต่ต้องต่อรถสามครั้ง ฉันกำลังลังเลอยู่ โชคดีที่เงินของเธอช่วยฉันได้เยอะมากเลย""คุณต้องพักหอไหม?" เมื่อวัจสาวได้ยินว่าเธอไม่กลับไป เลยคิดอยู่ว่าตัวเองจะกลับบ้านตระกูลศรีทองดีหรือเปล่า เพราะไม่อยากเจอธัชชัย….หากซ่อนได้ไกลก็ยิ่งดี มีเพียงเวลาและความว่างเปล่าที่จะทำให้เธอค่อยๆลืมผู้ชายคนนี้ได้ และลืมความรู้สึกตื่นเต้นหวิวๆแบบนั้นด้วยฉวยโอกาสตอนที่เขายังไม่ได้มีความลึกซึ้งมากในใจ แล้วรีบกำจัดทิ้ง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าผลลัพธ์ของทั้งสองคนจะจบลงไม่สวย ผิดทั้งเรื่องศีลธรรมต่อวรพล และยังผิดบนพื้นฐานของกฎหมายที่สามีภรรยาไม่สามารถมีชู้ได้ ดังนั้นเธอต้องลืมเขาให้ได้! ไม่ใช่ว่าหอพักของมหาวิทยาลัยสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องที่พักที่ข้องใจพอดีหรอกหรอ? "จริงสิ" แวววัยถามขึ้นว่า : "เธอคงไม่อยากพักด้วยใช่ไหม"วัจสาพยักหน้าเบาๆ "ไปกันเถอะ เราไปทำเรื่องขั้นตอนการพักด้วยกัน ถ้าหากสามารถอยู่ห้องเดียวกันคงจะดีไม่น้อย" ขณะที่เธอพูดเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก เลยพูดต่อว่า "จริงสิ ไม่ใช่ว่าเธอรู้จักรองหัวหน้าหรอกหรอ? ขอร้องให้เขาใช้เส้นช่วยหน่อยสิ"แวววัยโดนเธอลากพลาง และพูดพลางว่า : "เธอเป็นบ้าแล้วหรอ? อยู่คฤหาสน์สบายๆของบ้านศรีทองดีๆไม่เอา จะมาทรมานที่ที่หอพักมหาวิทยาลัยทำไม? ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบไปที่ไกลๆหรอ? ถึงจะไม่ไกลมาก แต่อยู่ที่นั่นมีคนขับรถยนต์มาส่งถึงที่"แวววัยที่กำลังมึนงงต้องไม่เข้าใจความลับที่อยู่ในใจของวัจสาอยู่แล้วเพราะถ้าอยู่บ้านตระกูลศรีทองคงต้องเจอผู้ชายคนนั้นทุกเวลาแน่ หัวใจที่เพิ่งแตกหน่อ จะสามารถหนีคนที่มีประสบการณ์ด้านความรักอย่างธัชชัยได้ยังไง? เธอกลัวว่าตัวเองจะยิ่งถลำลึก ดังนั้นเลยพยายามหนีออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนเมื่อนึกถึงท่าทางที่ใกล้ชิดของเขา วัจสาก็รู้สึกหัวใจหวั่นไหวถ้าหากตัวเองไม่หลุดพ้นจากบ้านตระกูลศรีทอง ยังไงก็คงหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเขาแน่ยิ่งไปกว่านั้นวัจสาก็ไม่รู้ว่าธัชชัยคิดยังไงกับเธอด้วย แต่วัจสาก็ไม่แน่ใจว่า เธอเริ่มต้นค่อยๆชอบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือบางทีอาจะเป็นครั้งแรกที่กอดเธอ ครั้งแรกที่หอมหน้าผาก…มีเพียงโอกาสตอนนี้ที่จะทำให้ตัวเองแก้ไขความคิดที่ผิดพลาด และตัดขาดไม่ให้เหลือเยื่อใย"ฉันต้องทุ่มเทเพื่อการเรียน ตอนนี้อยู่ปีสี่แล้ว ยังต้องหาที่ฝึกงาน ต้องเขียนวิทยานิพนธ์ให้จบ…" ในที่สุดวัจสาก็คิดเหตุผลที่สมเหตุสมผลออกกลับถูกแวววัยเปิดเผย "พอได้แล้ว วัจสา เธอยังพูดโกหกกับฉันอีกหรอ? ถ้าหากฉันเป็นคุณ บางทีฉันก็อาจจะลำบาก คนหนึ่งก็สามี อีกคนก็น้องขายของสามี แต่การเลือกมาอยู่ที่หอพักมหาวิทยาลัยถือเป็นทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง ถ้าหากเธอต้องการหนีเขา"แวววัยถอนหายใจลึกๆ "ครั้งนี้ฉันสนับสนุนความคิดของคุณ ความสัมพันธ์แบบนี้ไม่เห็นอนาคต และความรักแบบนี้ไม่สามารถได้พบกับความสงบสุข ถ้าหากยังไม่หลุดพ้นฐานะภรรยาของวรพล พวกคุณสองคนคงอยู่ด้วยกันไม่ได้คำพูดของแวววัยเหมือนทิ่มแทงหัวใจของเธอ เธอรีบยื่นมือออกมากอดแวววัย "ขอบคุณมาก แวววัย มีเธอที่เข้าใจฉันที่สุด ขอบคุณที่สนับสนุนฉัน"แวววัยยิ้มและพูดว่า : "เกรงใจอะไรล่ะ? หรือจะไต่เต้าให้ตัวเองเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลบ้านศรีมองที่สูงส่งดี?"วัจสายื่นมือโอบเอวของเธอ "ร้ายกาจมาก คิดไม่ถึงว่าจะกล้าล้อเล่นกันอย่างนี้!"เด็กผู้หญิงสองคนยิ้มแย้ม ดูเหมือนนี้จะเป็นวิธีการเปิดชีวิตในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ