วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 846 ขอให้เธอมีลูกไวๆ
ตอนที่ 846 ขอให้เธอมีลูกไวๆ
ลูกชายไม่ได้รับความรักจากคนเป็นพ่อ แต่มิ้นกลับได้รับมันถึงสองเท่า อย่างไรซะเธอก็เป็นเจ้าหญิงแห่งบ้านตระกูลศรีทอง
มันก็เหมือนกับตอนนี้ ตะวันลูกของเธอกับตัวเธอผู้เป็นแม่นั้นก็ยังคงซัดเซพเนจรไปด้วยกันอยู่
ซึ่งเธอก็ทำได้เพียงโทษตัวเองที่ไม่ได้เรื่อง ที่ทำให้ลูกชายต้องมาเผชิญอะไรแบบนี้
โทษที่เธอเป็นตัวถ่วงให้กับชีวิตลูก
บางครั้งเธอก็ได้แต่คิดว่าทำไมชีวิตของเธอถึงได้ล้มเหลวถึงเพียงนี้ ในขณะที่กนิษฐาที่จิตใจชั่วร้ายแต่กลับมีชีวิตที่ดี
วัจสาอุ้มเอากระบอกเก็บความร้อนคิดที่จะเดินผ่านครอบครัวนี้ไปอย่างเงียบๆ แต่มิ้นกลับเห็นเธอเข้า
“หม่ามี๊พี่ตะวัน หนูมิ้นไงคะ หนูอยู่ตรงนี้….เห็นหนูมั้ย?”
มิ้นที่ซ่อนตัวเองอยู่หลังของวรพลทำให้ง่ายต่อการเห็นวัจสา ทั้งยังตะโกนเรียกชื่อเธอเสียงดัง
วัจสาจึงต้องหันไปหาอย่างเสียไม่ได้
“สาเหรอ?” วรพลพึมพำก่อนจะตามหลังลูกสาวที่เดินมาหาเธอ
“สา ทำไมเธอมาที่โรงพยาบาลหล่ะ?” แน่นอนหละว่าวรพลมองเห็นกระบอกเก็บความร้อนในมือของเธอ
วัจสาจึงทำได้เพียงตอบ “เพื่อฉันคนหนึ่งป่วยหน่ะค่ะ ฉันเลยต้มซุปไก่มาให้เธอ”
มิ้นพูดขึ้นด้วยเสียงหวานหู “หม่ามี๊พี่ตะวันคะ พี่ตะวันฉีดยาแล้วรึยัง? มิ้นฉีดแล้วนะคะ ไม่ร้องไห้ด้วย มิ้นเก่งมั้ยคะ? ”
เมื่อได้ยินดังนั้นวัจสาก็พอจะเดาได้ทันที ว่าสามคนพ่อแม่ลูกมาที่นี่เพื่อพามิ้นมาฉีดยา
“มิ้นกล้าหาญมากเลยค่ะ พี่ตะวันยังไม่ได้ฉีดเลย” เดิมทีวัจสาอยากที่จะจบบทสนทนาไปเพราะว่าเธอจะต้องไปหาแวววัยต่อ
ใครจะรู้หล่ะว่ากนิษฐาที่อยู่ด้านหลังวรพลอยู่ๆ จะพูดกับเธอ
“สา เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว อย่าทำเหมือนเป็นคนอื่นคนไกลสิ”
คำพูดของกนิษฐานั่นแหล่ะที่ดูเหินห่าง นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ชอบกล
วัจสาจึงพูดกลั้วหัวเราะ “คุณแม่น้องมิ้น ผิดแล้วหล่ะ เราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันสักหน่อย ฉันกับธัชชัยเราหย่ากันแล้ว เราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันอีก”
“ดูเธอพูดเข้า ทำไมจะไม่มีหล่ะ? ธัชชัยเขาก็เป็นน้องเขยฉัน ดังนั้นตะวันก็เป็นหลานฉัน ดังนั้นเธอจะไม่มีเกี่ยวข้องกับครอบครัวเราได้ยังไงหล่ะ…ยังไงซะความสัมพันธ์ของเรา ก็ตัดกันไม่ขาดหรอก”
ใบหน้าสวยของกนิษฐาฉายรอยยิ้มงาม แต่เสียงของเธอทำให้คนฟังรู้สึกขนลุก
ยังไงซะความสัมพันธ์ของเรา ก็ตัดกันไม่ขาดหรอก…นั่นทำให้วัจสาฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ
เดิมทีเธอก็ไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับกนิษฐาอยู่แล้ว จู่ๆ จะมาเปลี่ยนความคิดอะไร
“ถ้าอย่างนั้น…พี่สะใภ้กับพี่เขย ฉันไม่มีเวลาที่จะไปแสดงความยินดีด้วยเลย ดังนั้นฉันขออวยพรตรงนี้ ว่าขอให้ทั้งสองคนมีความสุข อยู่ด้วยกันจนแก่ และมีลูกด้วยกันไวๆ นะ”
วัจสาตั้งใจจะพูดแบบนั้น เพราะอยากจะให้กนิษฐาโมโหแต่ดูเหมือนว่าเธอยังไม่ได้ตามจุดประสงค์ วัจสาพูดเสริมเข้าไปอีก “ฉันหมายถึงว่า อยากให้มิ้นมีน้องชายหรือน้องสาวเพิ่มอีกสักคน เพื่อที่จะได้ให้พี่ใหญ่ได้ประสบการณ์ในการเป็นพ่ออีกครั้งหนึ่ง”แน่นอนหล่ะว่าใบหน้าของกนิษฐาหมองไปด้วยความเย็นชาทันที“มิ้นไม่อยากได้น้องชาย แล้วก็ยิ่งไม่อยากได้น้องสาวเลยค่ะ…..มิ้นอยากได้พี่ตะวัน”เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าผู้ใหญ่กำลังพูดอะไรกัน เธอจึงเข้าใจตามที่วัจสาพูด“มิ้นอยากได้พี่ตะวันเป็นพี่เหรอคะ? งั้นเดี๋ยวหม่ามี๊ตะวันจะไปถามพี่เขาให้ ว่าเขาตกลงรึเปล่า”วัจสาจับกำปั้นน้อยๆ ของเด็กหญิงเพื่อเป็นการพูดคุยทักทายสายตาที่เย็นชาของกนิษฐาค่อยๆ กลับเป็นปกติอีกครั้งดูเหมือนเธอจะรอให้ตัวเองได้คิดบัญชีกับวิศาลให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ถึงจะมาจัดการกับเธอ“สา….เพื่อนที่เธอบอกนั่นใช่แวววัยรึเปล่า? ” ท้ายสุดวรพลก็พยายามที่จะโยกสองสาวให้ไปคุยเรื่องอื่น เพื่อไม่ให้เกิดสงครามระหว่างกันวัจสาพยักหน้า เมื่อคิดได้ว่าแวววัยนั้นอยู่ด้านบนห้องคนเดียว เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะต่อล้อต่อเถียงกนิษฐาอีก“พี่ใหญ่ งั้นฉันไปก่อนนะคะ”“อื้ม ไปเถอะ”เขาพูดแบบนั้นแม้จะไม่อยากให้เป็นก็ตามที“หม่ามี๊พี่ตะวันคะ เมื่อไหร่จะพาพี่ตะวันมากินข้าวที่บ้านหล่ะคะ? พ่อเล็กไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว มิ้นคิดถึงทั้งพี่ตะวันทั้งพ่อเล็กเลย”เสียงนุ่มนวลน่ารักของเด็กน้อยนั้นทำให้วัจสาไม่อาจปฏิเสธที่จะไม่ตอบได้“ถ้ามิ้นคิดถึงพ่อเล็ก ก็โทรหาเขาได้นะคะ”“โทรแล้วค่ะ…แต่พ่อเล็กยุ่งมาก ไม่มีเวลามาอยู่กับมิ้นเลย ตอนนี้พ่อเล็กคงจะรักแต่พี่ตะวัน ไม่รักมิ้นแล้ว”เด็กน้อยฟ้องวัจสาอย่างน่าเอ็นดู“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงหล่ะคะ? มิ้นเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อเล็ก ไม่มีทางที่จะไม่ระ….”“มิ้น กลับบ้าน! ”วัจสายังพูดไม่ทันจะเสร็จ กนิษฐาก็ปรี่เข้ามาอุ้มมิ้นก่อนจะหันตัวเดินกลับไปพอพูดถึงธัชชัย ไม่ว่ายังไงกนิษฐาก็ต้องเสียอาการ เพราะยังไงซะมันก็เป็นเหมือนจุดอ่อนของเธอเมื่อเห็นสามคนพ่อแม่ลูกเดินจากไปอย่างรวดเร็วแล้ว วัจสาก็ยืนถือกระบอกเก็บความร้อนยืนอยู่กับที่พักนึ่ง เพื่อที่จะมองพวกเขาเดินจากไป จู่ๆ เธอก็รู้สึกขึ้นมาว่าวรพลนั้นดูเหมือนจะไม่มีความสุขเอาซะเลยแต่ทำไมเขาถึงไม่เอาตัวเองออกจากพันธนาการนี้ซะหล่ะ? หรือเพราะการมีอยู่ของมิ้นเป็นได้ทั้งเสายึดหลักของจิตใจเขา และเป็นทั้งโซ่ที่ล่ามตรึงเขาเอาไว้วัจสารู้ว่าที่กนิษฐาแต่งงานกับวรพลนั้นเธอมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร……ธัชชัยกำลังใช้กลยุทธ์ ‘ขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่าพริก’ กับลูกของเขา“ตะวัน เมื่อวานตอนบ่ายลูกกับหม่ามี๊ไปไหนกันมาเหรอ? ”พอตกบ่ายหลังจากที่ธัชชัยไปรับตะวันมาแล้ว เขาก็เริ่มกวดถามลูกของเขาเมื่อวานเขากับแม่ไม่ใช่ไปหาพ่อบุญธรรมมาเหรอ? แต่เด็กน้อยก็รู้ว่าเขาพูดไม่ได้ดังนั้นเด็กชายจึงพูดอย่างใจเย็น “ไม่ได้ไปไหนนี่นา ลูกชายสุดที่รักของพ่อก็เป็นเด็กดีอยู่ที่โรงเรียนหน่ะสิ”“นี่โกหกพ่ออีกแล้วเหรอเนี่ย? แม่ของลูกบอกพ่อหมดแล้วนะ ว่าเธอไปรับลูกออกไป….”ธัชชัยพูดออกมาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพื่อที่จะให้เด็กเติมคำอีกครึ่ง“อ๋า? นี่หม่ามี๊แบไต๋หมดแล้วเหรอเนี่ย? ไม่รักษาคำพูดเอาซะเลย”แม้จะอยู่ภายใต้การหลอกล่อของพ่อ แต่เด็กน้อยก็ไม่พูดอยู่ดี“สนุกไหมหล่ะ?” ธัชชัยถามขึ้นอีกเด็กน้อยพยักหน้า แต่เดี๋ยวๆ ก็ส่ายศีรษะ ก็หุ่นยนต์หน่ะมันก็สนุก แต่เขาเอากลับบ้านไม่ได้นี่สิสายตาของธัชชัยแปลเปลี่ยนเป็นอ่านไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่อาจจะกวดไล่เด็กน้อยได้อีกแล้ว“ก็แค่ไปซื้อของให้ป้าแวววัยไม่ใช่เหรอ? แค่นี้จะต้องมาปิดบังพ่อด้วย จริงๆ เลยนะ”จริงๆ แล้วธัชชัยก็แค่พูดไปเรื่อยเท่านั้นเอง เด็กน้อยแทบจะเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเอง ที่แท้หม่ามี๊ก็แค่หลอกเท่านั้น ดีนะที่ตัวเขาไม่บอกไปว่าตัวเองไปหาพ่อบุญธรรมมาเด็กน้อยหัวใจเต้นรัว ดีนะที่ตัวเขานั้นยังฉลาดมากพอ เด็กน้อยได้แต่คิดภูมิใจในตัวเองเมื่อสองพ่อลูกปรากฏตัวขึ้นที่ไหน ก็จะเกิดความวุ่นวายขึ้นที่นั่น เหมือนกับการที่เขามาโรงพยาบาลตอนนี้ มันเหมือนกับการดึงดูดคนสักโขยงหนึ่งให้มาสนใจ“พ่อเฮงซวย ผู้หญิงพวกนั้นมองพวกเราแหล่ะ”“จริงเหรอ? งั้นก็ให้พวกเธอมองไปเถอะ”การที่ธัชชัยไม่สนใจนั้น ทำให้เด็กสาวน้อยใหญ่ยิ่งสนใจเขามากขึ้น เพราะผู้ชายเย็นชามักจะกร้าวใจเมื่อแวววัยเห็นเด็กจึงเข้ามากอดมาหอมกันครู่หนึ่ง สักพักธัชชัยก็ออกไปรับโทรศัพท์ของฝั่งทางบ้านตระกูลดาราจักร ว่าโสธรนั้นโดนจับตัวกลับมาที่บ้านแล้วแต่ก่อนที่จะไป ธัชชัยจึงถามลูกชายก่อน “ตะวันจะไปกับพ่อมั้ย หรือว่าจะรออยู่ที่นี่เดี๋ยวพ่อกลับมารับ? ”เด็กน้อยเป็นเด็กที่ฉลาดดังนั้นจึงตอบ “เดี๋ยวผมอยู่กับป้าแวววัยก่อนก็ได้ แล้วค่อยมารับผม”เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยอยู่เป็นเพื่อนแวววัยแล้ว ธัชชัยจึงลากวัจสาออกมาจากห้องคนไข้ รอให้ทางเดินไร้ผู้คนเขาก็ดึงเธอเข้ามาจูบได้รับการรักษาจากกรดลเมื่อคืนนี้ ทำให้ร่างกายของเขาดีขึ้นไม่น้อย นั่นทำให้เขาเหมือนจะกลืนกินเธอไปอย่างนั้น เพราะไม่ได้จูบเธอธรรมดาชายหนุ่มดูดปากเธออย่างรุนแรงเพื่อสนองความต้องการตน จนวัจสาแทบจะรู้สึกว่าลิ้นและปากเป็นได้เป็นของเธอเองแต่ยิ่งเธอขัดขืน เขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ราวกับตั้งใจ ทั้งยังเหมือนกับทำด้วยความไม่พอใจและแฝงความโกรธอยู่หน่อยๆ“ธัชชัย นี่คุณทำอะไรของคุณเนี่ย”เมื่อถูกทำแบบนั้น หญิงสาวก็จ้องมองชายหนุ่มอย่างกินเลือดกินเนื้อ“จูบคุณยังไงหล่ะ ก็แค่อยากแสดงความรักกับคุณก็เท่านั้นเอง” ธัชชัยเหมือนจะหน้าหนาจนเกินเยียวยาแล้วเหอะ อย่ามาเป็นอันธพาลได้มั้ย เราหย่ากันแล้วนะ! ”วัจสาว่าชายหนุ่ม ด้วยเพราะถูกเขาจูบจนเจ็บไปทั้งปาก เธอจึงโมโหขึ้นมาจู่ๆ ธัชชัยก็เงียบไป ก่อนจะฉวยเอามือของวัจสาไปวางในที่ๆ เขาต้องการ ซึ่งมันกำลังขยายตัววัจสาหน้าแดงขึ้นมา พยายามจะชักมือออก แต่ถูกชายหนุ่มยึดไว้มั่นเธอกัดฟันกรอด "ธัชชัย คุณนี่มัน! ”“สา สาที่รัก เรามาแต่งงานกันอีกครั้งเถอะนะ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะทุ่มเทให้มันมากกว่าเก่า”ชายหนุ่มลูบไซ้ กัดหยอกไปที่หูของหญิงสาว นั่นทำให้เนื้อตัวของหญิงสาวบิดเร่า ทำให้เธอรู้สึกถึงความร้อนและความแข็งขืนของเขา“การที่ได้นอนกับฉัน ก็นับว่าเป็นจุดประสงค์ในการแต่งงานของคุณอย่างนั้นเหรอ?”หญิงสาวมองจ้องไปที่ชายหนุ่ม ดวงตาเบิกกว้าง แต่ความรู้สึกด้านในนั้นยากเกินกว่าที่ใครจะคาดเดามันเหมือนครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน“ถ้าผมบอกว่าเพราะผมรักคุณ และอยากที่จะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ให้กับลูกของเรา ดังนั้นผมเลยอยากจะแต่งงานกับคุณอีกครั้งหล่ะ คุณจะเชื่อผมมั้ย?”ชายหนุ่มมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้งที่วัจสาเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ดูเหมือนเธอจะจมน้ำตายไปกับดวงตาของเขาอย่างไรอย่างนั้นวัจสาถูกแววตาของธัชชัยตก แววตาลูกท้อทอประกายนั้นสามารถสะท้อนให้เธอเห็นใบหน้าของตัวเองได้เลยผู้ชายคนนี้หล่อ แต่นอกจากความหล่อแล้ว เหมือนว่ามันยังมีบางอย่างดึงดูดเธอ นั่นทำให้เธอปล่อยหัวใจไปกับดวงตาที่สื่อความรักของเขา“ฉัน ยังไม่เชื่อ” วัจสาเพิ่มเสียงขึ้นเล็กน้อย ด้วยเพราะเธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะโกหกเธอรึเปล่า เธอยังไม่อยากที่จะเชื่อ ใบหน้าที่เรื่อแดงของหญิงสาว ทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากขึ้นทีเดียว“ผมรู้อยู่แล้วหล่ะว่าคุณจะไม่เชื่อ ทำไมผมจะต้องรักผู้หญิงที่โง่ถึงขนาดที่ว่าผมรักก็ยังซื่อบื้อไม่เชื่อผมอีกด้วยนะ!”คำพูดของธัชชัยมันได้อธิบายความรู้สึกจนหมดสิ้น เห็นได้ชัดว่าวัจสาเข้าใจ แต่เธอก็เขินอายเกินกว่าจะเผชิญหน้ารับโดยตรง“คุณนั่นแหล่ะโง่ ซื่อบื้อด้วย!”