วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 833 กนิษฐามีแผนในใจหรือเปล่า
ตอนที่ 833 กนิษฐามีแผนในใจหรือเปล่า
“คุณก็รู้สึกแปลกใจและตกใจใช่ไหม!”
ธัชชัยกระตุกคิ้วหล่อๆของเขาขึ้น แล้วค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง “คุณลองพูดดู เกิดเป็นผู้หญิง ถ้าคุณเป็นกนิษฐา คุณจะคิดยังไง”
วัจสาได้ยินแบบนี้ จึงนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นก็มองใบหน้าที่หล่อเหลาของธัชชัย แล้วกัดริมฝีปากล่างเบาๆ “ถ้าคุณได้ยินว่าวัจสาจะแต่งงานกับพี่คุณ คุณก็คงจะเจ็บใจ และรู้สึกเสียใจใช่ไหม?”
ยังไม่ทันรอให้ธัชชัยตอบกลับ เธอก็พูดขึ้นต่อ “คุณวางใจเถอะ กนิษฐาเทให้คุณหมดใจขนาดนั้น แค่คุณกระดิกนิ้วของคุณ เธอก็คงจะกลับมาอยู่ในอ้อมกอดคุณ พี่ชายของคุณจะเป็นคู่แข่งคุณได้ยังไง? อีกอย่าง ตอนนี้คุณยังโสดอีก ทุกอย่างก็ได้เตรียมพร้อมแล้ว เหลือแค่เหยื่อที่เข้ามาหาคุณ!”
ทีแรก ใบหน้าอันหล่อเหลาของธัชชัยก็ดูจริงจัง ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของวัจสา ก็ค่อยๆเผยยิ้มออกมา จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างกวนประสาท “ตะวัน ผมได้กลิ่นเปรี้ยวของน้ำส้มสายชูไหม?”
ได้ยินแดดดี้ถามแบบนี้ เด็กน้อยจึงรีบวางดินสอลง แล้วทำจมูกเหมือนหมาที่ไล่ดมไปทั่ว
สุดท้ายก็พูดขึ้นตามความจริง”ไม่มีหนิครับ กลิ่นน้ำส้มสายชูมาจากไหนหรอ?”
“ไม่ได้กลิ่นหรอ? เป็นน้ำส้มสายชูที่ทำมาเกือบร้อยปีเลยนะ!”
เด็กน้อยไม่รู้ว่านี่เป็นคำพูดที่แดดดี้ใช้แกล้งหม่ามี๊อยู่ จากนั้นก็ดมขึ้นต่ออย่างตั้งใจ สีหน้าเล็กๆที่หล่อเหลานั้นดูน่ารักและตลกมากๆ
“ตะวันไม่ได้กลิ่นจริงๆ มี๊ได้กลิ่นไหม?”
“……” วัจสารู้สึกอึดอัดมากๆ จากนั้นก็เบิ่งตากว้างมองธัชชัย
จากนั้นก็หันไปพูดกับตะวันด้วยสีหน้าที่จริงจัง “รีบเขียนหนังสือของผมไป ไม่งั้นคืนนี้ห้ามนอน!”
สีหน้าที่ดูเบิกบานของเด็กน้อย ตอนนี้ก็เหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม ดูเศร้าขึ้นมาทันที จากนั้นก็จับดินสอขึ้นใหม่ แล้วนอนพิงอยู่โต๊ะและเขียนตัวหนังสือบ้าบอนั่นต่อ
“ธัชชัย คุณพอเถอะ! ลูกยังเด็กขนาดนี้ ถ้าคุณยังสอนเขาในทางที่ผิดแบบนี้อีก ฉันจะให้คุณไสหัวออกจากห้อง แล้วไม่ต้องมาเจอหน้าฉันกับลูกอีก!”
และน้ำส้มสายชูร้อยปีที่ว่า เธอมีสิทธิ์อะไรไปหึงเขาด้วย?
ตอนที่เธอเป็นสะใภ้คนรองของบ้านศรีทอง ก็ไม่มีสิทธิ์หึงแล้ว ตอนนี้ยิ่งเธอหย่ากับผู้ชายคนนี้ไปแล้ว…… ก็ยิ่งไม่มีสิทธิ์นั้นอีก?
“แค่จะปรึกษาหารือกับคุณ คุณก็หึงผมขนาดนี้แล้ว มันดีจริงๆหรอ? ถ้าได้แต่งงานกันแล้ว ทั้งคู่ก็ต้องเกี่ยวข้องกันไม่ว่าเวลาสุขหรือเวลาทุกข์……”
“ถ้ามาพูดอะไรแบบนี้กับฉันเลย ตอนนี้ฉันหย่ากับคุณแล้ว ฉันไม่ได้เป็นภรรยาคุณนานแล้ว!”
“ดังนั้น คุณเลยให้พวกคุณลุงคุณป้าแนะนำหนุ่มๆที่ทั้งต่ำต้อยและหน้าตาขี้เหร่ให้คุณใช่ไหม? จะได้มีทำร้ายจิตใจผมแบบนี้?”
“ธัชชัย คุณลองครุ่นคิดคำพูดของคุณดูว่าพูดอะไรอยู่? คุณคืออัศวินขี่ม้าขาว คนอื่นเป็นคนที่ทั้งต่ำต้อยและหน้าตาขี้เหร่งั้นหรอ? เขาเป็นตั้งวิศวกร เงินเดือนหลักแสน! ผู้ชายอายุสามสิบห้าที่ไม่เคยแต่งงาน! อีกอย่างเขาบอกยังจะช่วยฉันเลี้ยงลูก ฉันรู้สึกว่าเขาดีมาก!”
“หม่ามี๊ ผมไม่เอาพ่อเลี้ยงที่ขี้เหร่คนนั้น!“
เด็กน้อยบ่นขึ้นทันที
“ไม่ใช่เรื่องของผม รีบเขียนหนังสือไป” วัจสาพูดอย่างเย็นชาธัชชัยยิ้มเยาะขึ้น “แค่สามสิบห้างั้นหรอ? ผมนึกว่าเขาอายุห้าสิบสามซะอีก!”“ใช่ๆๆ แก่ก็แก่ ดูๆแล้วเหมือนมีรอยเยี่ยวย่นทั้งตัว!”“ตะวัน ถ้าผมยังพูดจาไม่มีมารยาทแบบนี้ มี๊จะลงโทษตะวันจดเป็นพันรอบ “ญาติดีกับผู้อื่น!”วัจสาดูเหมือนจะกังวลมากๆ เพราะว่าเด็กน้อยอยู่แต่ฝ่ายธัชชัย และยิ่งอยู่ยิ่งไม่มีมารยาทเด็กน้อยถึงกับโกรธจนหายใจหอบ แต่เพราะนัยน์ตาที่ธัชชัยข่มขู่เขา ไม่ให้เขาเถียงกับหม่ามี๊สามนาทีผ่านไป วัจสาและธัชชัยเปลี่ยนเป็นไปคุยกันที่บันไดธัชชัยพูดขึ้นอย่างจริงจัง “พูดจริงๆนะ สา คุณรู้สึกไหมว่ากนิษฐาแต่งงานกับพี่ชายด้วยความจริงใจ?”วัจสาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี “คนที่กนิษฐาอยากแต่งด้วยความจริงใจ ก็คงมีแค่คุณเท่านั้น!”“นี่มันก็คือความจริง คนที่อยากแต่งกับผม แค่ในเมืองSก็มีคนเข้าแถวยาวจนล้อมรอบโลกได้ แค่ผมรู้สึกตกหลุมรักคุณตั้งแต่แวบแรก……รู้สึกดีใจใช่ไหม?”วัจสามองธัชชัยด้วยสายตาที่ข่มขู่ คุยอะไรที่นี่ก็คงไม่มีอะไรน่าคุยต่อไป ตอนที่เธอกำลังจะหันหลังแล้วเดินออกไป กลับถูกธัชชัยจับเอวของเธอไว้“ผมเห็นคุณเป็นภรรยา ญาติ ผมเลยปรึกษาเรื่องนี้กับคุณ ทำไมตอนนี้คุณกลับไม่สนใจแบบนี้?”คำพูดของธัชชัยพูดแทงใจเธอมากๆ“คุณเข้าใจกนิษฐาขนาดนั้น คุณไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่หรอ? จะมาถามฉันทำไม?”วัจสาพยายามดิ้นหลายรอบ แต่ก็ถูกเขากอดไว้แน่นๆ“แต่ก่อนที่กนิษฐาเป็น ผมอาจจะเข้าใจหน่อยๆ แต่ว่าตอนนี้กนิษฐาไม่เหมือนที่ผมเคยรู้จัก……”ธัชชัยถอนหายใจเบาๆ “ผมคิดว่าตอนนี้ที่เธอเลือกที่จะแต่งงานกับพี่ผม อาจจะเพราะเป็นเธอมีแผนการอันใหญ่หลวงที่จะตามมาข้างหลัง”วัจสาจึงหันมาหาเขา จากนั้นก็สังเกตมองรูปลักษณ์ภายนอกของเขา ใบหน้าดูหล่อเหลาจริงๆ ทำให้คนเห็นใจหวั่นไหวธัชชัยหยุดชะงักไปแล้วถามขึ้นต่อ “ตอนนี้ลองว่ามาว่าคุณคิดอะไรอยู่”หรือว่าผู้หญิงมองผู้หญิงด้วยกัน อาจจะเป็นเข้าใจมากกว่า“ฉันไม่รู้” วัจสาถอนหายใจเบาๆ “แต่ว่าถ้าฉันเป็นกนิษฐา ถูกพวกคุณพี่น้องหลอกกัน แล้วยังหลอกมาตั้งหลายปีแบบนี้…..ฉันต้องไม่ให้อภัยพวกคุณแน่นอน! เหมือนก่อนหน้านี้ที่คุณปลอมตัวเป็นพี่ชายคุณมาหลอกฉัน ฉันก็ไม่ยอมให้อภัยคุณเหมือนกัน!”“นี่ อยู่ดีๆ ทำไมต้องพูดถึงเรื่องเก่าๆด้วย? ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ผมจะยอมทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง พอใจหรือยัง?”“ไม่ ผู้หญิงไม่เหมือนผู้ชาย ผู้หญิงรู้สึกการดูถูกที่รุนแรงที่สุด ไม่ใช่เพราะว่าผู้ชายไม่รักเธอ แต่เป็นผู้ชายแกล้งทำเป็นรักเธอ”วัจสาพูดขึ้นอย่างไม่เที่ยงธรรม “ถ้าฉันเป็นกนิษฐา ฉันต้องพามิ้นหนีไปที่อื่น แล้วจะไม่ให้พวกคุณตามหาจนเจอ”หนึ่งชั่วโมงผ่าน บรรยากาศในห้องก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นทันทีศรีษะของธัชชัยและตะวันพิงอยู่ด้วยกัน จากนั้นก็สู้กับคำว่า “ญาติดีกับผู้อื่น”เด็กน้อยอายุห้าขวบเติบโตในประเทศอังกฤษ เรียนภาษาจีนก็ต้องลำบากมากๆ “ญาติดีกับผู้อื่น” คำๆนี้ เขาก็เหมือนกำลังวาดรูปอยู่ตัวหนังสือข้างหน้ายังรู้สึกว่าง่ายหน่อย เขาสามารถวาดตามรูปแบบได้ แต่ตัวข้างหลังนี่สิ มีลวดลายเยอะมากๆ ทำให้ประกอบกันเป็นตัวหนังสือหนึ่งตัวนั้นยากมาก เด็กน้อยเขียนแค่ตัวเดียวก็ต้องเสียเวลาไปหนึ่งนาทีเขียนร้อยรอบ ก็คงต้องเสียเวลาไปสองชั่วโมง ถ้าเด็กน้อยเขียนแบบไม่หยุดวัจสาก็รู้สึกเอ็นดูลูกชายเป็นเรื่องธรรมดา แค่คำพูดที่พูดออกไปแล้ว ถ้าคืนคำพูด วันข้างหน้า ลูกชายก็จะรู้ว่าแม่ของเขามีความอดทนที่สุดขีดจำกัดนั้นจึงขั้นไหน เขาก็จะไม่หวาดกลัวเธออีกดังนั้นเพื่อที่จะคงความเป็นแม่ที่เคร่ง วัจสาจึงลงโทษด้วยการให้ธัชชัยไปรับผิดชอบความผิดนี้ไปกับลูกชายด้วยหลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป สองพ่อลูกก็เขียนจนเสร็จ“หม่ามี๊ๆ ตะวันเก่งใช่ไหมที่เขียนจนเสร็จ!”เด็กน้อยจึงรีบวิ่งมาถามเธออย่างขี้อวด“เก่งสิ งั้นก็อธิบายให้หม่ามี๊ฟังหน่อยว่าอะไรคือ “ญาติกับผู้อื่น?”“อื้ม…..” เด็กน้อยเกร็งตัวไปสักพัก แต่ว่าเขาเป็นคนฉลาด แค่คำถามนี้ไม่ลำบากสำหรับเขา ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาตามความเข้าใจของตัวเอง“ก็คือชมคนอื่นว่าเขาดีเขาเก่ง…..มีน้ำใจ และเป็นที่รักของคนอื่น!”วัจสาได้ยินจึงทำหน้ามืด เสียเวลาจริงๆที่จดไปแบบนี้!ธัชชัยกลับยิ้มและอุ้มลูกชายมาหอมวัจสาที่พึ่งจะรู้สึกโกรธ จึงรีบเอ่ยปากพูดขึ้น “ลูกรัก ฟังแดดดี้อธิบายประโยคนี้นะ “ญาติดีกับผู้อื่น” คือการยอมทำความดีกับผู้อื่น ตอนนี้มันมีความหมายว่าพวกคนดียอมช่วยเหลือผู้อื่น และพูดง่ายๆก็คือ หม่ามี๊ของผมหวังว่าผมจะมีจิตใจที่ดีและไปช่วยเหลือคนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ”เด็กน้อยจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง และเหมือนจะรู้สึกเหนื่อยที่จดหนังสือ ดังนั้นจึงหาวยาวๆ“ต่อให้ต้องเป็นคนดี แต่ผมก็ไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นมาเป็นพ่อเลี้ยงของผม!”“ลูกรักวางใจเถอะ แดดดี้ได้จัดการกับปัญหานี้แล้ว ดี้จะจีบหม่ามี๊ให้ติด แล้วพวกเราสามคนจะได้มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขด้วยกัน!”“คำพูดของธัชชัยเต็มไปด้วยอนาคตที่สวยงาม และยิ่งไปกว่านั้นก็คือความดีงามและความอบอุ่นในชีวิตวัจสาไม่ได้คิดตามไปกับพวกเขา เพราะตอนนี้เธอคิดถึงผู้หญิงคนอื่นทำไมกนิษฐายอมที่จะแต่งงานกับวรพล?เธอไม่ได้รู้จักกนิษฐาอย่างลึกซึ้ง แต่ก็รู้นิสัยที่หยิ่งยโสอย่างเธอ เธอจะยอมง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง? เวลาตั้งห้าปีเต็มๆ วรพลไม่ได้ทำให้เธอหวั่นไหว ทำไมตอนนี้แค่ไม่กี่วันก็ทำให้เธอกลับตัวกลับใจ?เพราะว่ามิ้นเลยทำให้กนิษฐายอมทำแบบนี้?นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้! วัจสาเชื่อว่ากนิษฐาน่าจะเอามีดตัดหัวสองพี่น้อง ทำไมถึงยอมแต่งงานกับวรพล?อีกอย่างดั่งที่ธัชชัยบอก กนิษฐายอมตกลงแต่งงานกับวรพล ก็คงจะเป็นแผนการแก้แค้น?ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นก็คงจะน่าเชื่อมากๆ!วัจสาจึงหันไปมองสองพ่อลูกที่ใกล้ชิดกันแบบนั้น จึงถอนหายใจเบาๆจนถึงตอนนี้ วัจสายังคงไม่วางใจ เธอกลัวว่ากนิษฐาจะถึงเวลาตอนที่ระเบิดจะระเบิดตู้ม จากนั้นก็ปรากฎต่อหน้าพวกเขาวัจสาเชื่อว่าธัชชัยต้องปกป้องพวกเขาสองแม่ลูกแน่นอนแต่ยากที่จะประกันว่าเขาจะดูความเคลื่อนไหวของกนิษฐาตลอดเวลา หรืออาจจะจัดการกับกนิษฐาก็ได้ยิ่งไปกว่านั้นก็คือความรักที่วรพลมีให้กับกนิษฐา เป็นความรักแบบโง่ๆและถ้ากนิษฐาแต่งงานกับวรพลจริงๆ งั้นเธอต้องทำเพื่อตะวัน เธอห้ามคืนดีกับธัชชัยเด็ดขาดแต่การกระทำชองกนิษฐา ก็คงจะทำให้พวกเขาสองแม่ลูกหวาดกลัวและกังวลและคงจะมีชีวิตอยู่ภายใต้เงาของกนิษฐา ไม่ได้เป็นสิ่งที่วัจสาต้องการพูดความจริง เธอไม่มีที่จะทำได้ก็คือไปอวยพรวรพลและกนิษฐา แต่ว่าเธอก็คงจะยับยั้งในสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ นี่เป็นสิ่งที่วรพลเลือกและเป็นความสุขที่เขารอคอยมานานแสนนานวัจสาไม่มีทางที่จะไปขัดขวางด้วยจิตใจที่อำมหิตธัชชัยพาลูกชายไปอาบน้ำเสร็จ ในห้องก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของวัจสาแค่ทิ้งโน๊ตไว้ฝันดีนะครับตะวัน หม่ามี๊ไปหาคุณน้า“ธัชชัย คุณนี่มันแย่จริงๆ หม่ามี๊หนีไปแล้ว! นี่คุณได้เรื่องหรือเปล่าเนี่ย? ทำให้เขาไม่มีหม่ามี๊ให้กอดแล้ว!”แต่ธัชชัยเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง