วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 6 ความวุ่นวายในการเยี่ยมบ้าน(1)
ตอนที่ 6 ความวุ่นวายในการเยี่ยมบ้าน(1)
ตอนเช้าเจ็ดโมง วัจสาตื่นขึ้น รอบตัวคือที่คุ้นเคยและให้ที่ที่หวาดกลัว
วันนี้คือวันที่กลับไปเยี่ยมบ้านของฝ่ายหญิง แต่เธอไม่มีการรอคอยอะไรเลย กระทั่งไม่อย่าจะกลับบ้านเลย
เมื่อคืนเธอนอนที่เรือนหอ แต่วรพลไม่อยู่ จนถึงเธอนอนหลับแล้ว วรพลก็ไม่ได้มาเลย ตื่นมาก็ไม่ยินว่าเขาไปห้องกายภาพบำบัด ในใจตะลึงมาก รู้สึกเหมือนว่าอาการจะหนักขึ้น
เหตุการณ์แบบนี้ ยิ่งทำให้วัจสาไม่อยากกลับ ถ้าอยู่วงศ์ตระกูลศรีทอง ไม่แน่อาจได้ดูแลวรพลแป๊บนึง อีกอย่างถ้ากลับไป ก็ต้องเจอใบหน้าคนพวกนั่น ยี่สิบปีมานี้ ตาเธอบอดถึงเชื่อว่าคุณอาเป็นคนดี
ป้าอ้อยเข้าห้องแล้วเตือนว่า “คุณผู้หญิงค่ะ ของขวัญเตรียมเสร็จแล้วค่ะ”
วงศ์ตระกูลศรีทองเป็นตระกูลที่ร่ำรวย พวกมารยานี้ก็จะเยอะ ไม่น้อย
ในห้องรับแขกวางยาบำรุงร่างกายอย่างดี ได้ข่าวว่านายท่านของวงศ์ตระกูลเดิมขุนทดชอบสะสมภาพวาด วรพลเตือนพ่อบ้านภูษิตให้สะสมภาพวาดที่เป็นผู้เชี่ยวชาญวาด เป็นของขวัญที่เยี่ยมบ้าน ยังมีเครื่องประดับสวยงามทั้งหลาย วัจสาเห็นแล้วจมูกจะเปรี้ยว วรพลตั้งใจทำเรื่องพวกนี้มาก เขาคงเอาเธอเป็นภรรยาของเขาจริงๆ แต่ว่าคนเป็นภรรยาอย่างเธอรังเกียจใบหน้าของสามี อย่างนี้มันเกินไปแล้ว
ทันใดนั้นอารมณ์ของวัจสาก็ตกต่ำขึ้นมา
”พ่อบ้านภูษิต เดี๋ยวรถของพวกเธอออกไปพร้อมกับฉัน” เสียงที่อวดดีและเสน่ห์ร้ายส่งเสียงมา ต่อมารูปร่างที่สูงยาวก็มาถึงในสายตาวัจสา
วันนี้ธัชชัยใส่เสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มฟ้า ไหล่แคบสะโพกกว้าง เสื้อผ้าที่ตัดต่อได้เหมาะกับตัวทำให้เธอดูแน่หนารูปร่างเค้าโครงยิ่งดูสูงใหญ่และเสน่ห์คู่กับหน้าที่เสนียดจัญไรทำให้ผู้คนเห็นแล้วต่างหลงรัก ยิ่งเบิกบานใจ
พอดีวันนี้วัจสาก็ใส่เสื้อแซ็กที่เป็นสีฟ้างดงามมาก ดุนให้เธอเด่น ใบหน้าสวยงามอย่างกับตุ๊กตาที่น่ารัก
แต่ว่าดูธัชชัยแล้ว เหมือนว่าพวกเขาทั้งสองใส่เสื้อคู่ แต่วัจสาไม่ได้สังเกตเรื่องนี้ แค่เห็นใบหน้าที่เหมือนน้ำแข็งของเขาแล้วก็ไม่มีอารมณ์เลย
ธัชชัยดูเสื้อของวัจสา เสื้อนี้เหมาะสมกับเธอมาก ทำให้เธอยิ่งดูน่ารักและใสสะอาดสดชื่น แต่เพิ่งนึกได้ว่า เสื้อของตัวเองคือพ่อบ้านภูษิตเลือกให้
แววตาของเขาก็มองไปที่พ่อบ้านภูษิต เหมือนถามแบบไม่มีเสียงว่านี่มันหมายความว่าอะไร
พ่อบ้านภูษิตยิ้มเหยๆ ในใจตะโกนว่า นี่มันเป็นคำสั่งของท่านชายใหญ่ บอกว่ากลับไปเยี่ยมบ้านทั้งสองคน เลยให้ป้าอ้อยจับเสื้อคู่ให้พวกเธอ
เวลาไม่ช้าแล้ว รองท่านชายเราไปกันเถอะ พ่อบ้านภูษิตคิดว่าที่ธัชชัยพูดว่าจะไปพร้อมกันนี่ก็คือจะส่งพวกเขาไปเยี่ยมบ้าน ใครบอกว่าฉันจะไปกับพวกเธอ?
“เอ๋?”
มือธัชชัยเอามือใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วยิ้มอย่างเย็นชา “ฉันบอกฉันไม่มีเวลาว่างไปกับพวกเธอ อีกอย่าง คนของวงศ์ตระกูลเดิมขุนทด แค่อยากได้เงินกับของขวัญเอง พวกเขาไม่สนใจว่าวงศ์ตระกูลศรีทองจะไปหรือไม่ไป”“ แต่ว่า…… พ่อบ้านภูษิตยังอยากพูดว่า มันไม่เหมือนกันหรอก มีคนไปเป็นคู่กับคุณผู้หญิง มันก็จะได้ให้พวกเขารู้ว่าเธอมีฐานะในวงศ์ตระกูลศรีทอง แต่คำพูดพวกนี้ยังไม่ได้พูดออกมา ก็ถูกวัจสาตัดหน้าไปว่า “พ่อบ้านภูษิต ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันกลับไปเองคนเดียวก็ได้ อย่างไงก็ไม่ได้อยู่นาน ตอนเย็นฉันจะกลับมากินข้าวอยู่””เธอดู คุณผู้หญิงศรีทองก็พูดแบบนี้แล้ว ยังจะไงอีก?”วัจสาได้ยินเสียงที่หัวเราะของธัชชัยแล้วก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “ฉันเป็นพี่สะใภ้เธอนะ ไม่เรียกพี่สะใภ้ก็มีความเคารพหน่อยมารยาของเธอถูกหมากินไปแล้วหรอ?ตาดำของธัชชัยเริ่มไม่ดีขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้กล้าดียังไงถือมาต่อว่าเขา ? เขาก้าวขาไปยาวๆ ค่อยๆเข้าใกล้ เข้าใกล้จนถึงซอก“เธอมาดูสิว่าถูกหมากินหรือยัง?”เหตุการณ์นี้เหมือนเคยเจอตรงไหนมาก่อน เหมือนเมื่อคืนก่อนก็กดขี่อย่างนี้ ไม่รู้ว่าวัจสาคิดมากไปหรือเปล่าธัชชัยเห็นผู้หญิงคนนี้กำลังคิดโน่นคิดนี่ เลยก็เลยก้มหัวลงไป มาอยู่ที่หูที่อันขาวของวัจสา แล้วเกือบจะจุ๊บลงไป ทำไมเธอถึงใจลอยแล้ว ลมหายใจที่ใสสดของเขาพุ่ง ช่วงเวลานั้นสติของวัจสาก็คืนมา สังเกตเห็นว่าเธอถูกธัชชัยคุมขังไว้ในแขนสองข้าง แก้มที่น่ารักของเธอก็เริ่มแดงก่ำเหมือนแอปเปิล ให้คนทนไม่ไหวอยากกัดสักคำธัชชัยตกตะลึงในความคิดนี้ สงบจิตใจลง คิ้วดาบยุ ช่างเหอะ“เธอ…… เธอมันอันธพาล ! วัจสาถูกบังคับพูดคำนี้ออกมา อยากผลักก็ผลักไม่ไหว แววตามองไปที่สายตาที่ทั้งลึกทั้งสว่างเหมือนดวงดาว หัวใจเกือบจะหยุดเต้นสายตาของธัชชัยค่อยๆมองไปที่วัจสา ริมฝีปากก็ค่อยยิ้มอย่างเสน่ห์ชั่วร้าย “ช่างเหอะ พวกเธอไม่ไป ฉันขอไปก่อนล่ะประชุมที่บริษัทจะเริ่มแล้ว ช้าจริงๆเลย””นี่ !”พ่อบ้านภูษิตนึกเรื่องที่ท่านชายใหญ่เตือนไว้ ค่อยๆถอนหายใจ รองท่านชายเป็นคนแล้วแต่อารมณ์ ไม่เคยสนใจความรู้สึกของคนอื่น เสียดดายเรื่องพวกนี้เขาไม่กล้าพูด ดูหน้าเฉยๆของวัจสา ในใจเขาก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันวัจสาเพิ่งจะสงบอารมณ์ลงมา เธอไม่อย่าให้พ่อบ้านภูษิตลำบากใจ เลยพูดไปว่า “พ่อบ้านภูษิต กลับไปคนเดียวก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”“ได้ ถ้าเป็นแบบนี้เราออกเดินทางกันเลย”วัจสามองขึ้นไปข้างบน แล้วตัดสินใจว่าขึ้นไปบอกให้เขาก่อน “พ่อบ้านภูษิต ฉันขึ้นไปบอกกับวรพลก่อน”พ่อบ้านภูษิตพยักหน้า แต่ในใจคิดไว้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงต้องทรมานขนาดนี้ เขาก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ ได้แต่ถอนหายใจวัจสาเดินขึ้นไปชั้นสอง ห้องกายภาพบำบัดก็อยู่ตรงข้างเรือนหอ เธอเดินไปอย่างนุ่มนวล แล้วเคาะประตูหมอภาคินดูจากกระจกเล็กๆที่ติดอยู่ประตู แล้วหันหลังไปพูดกับวรพลว่า “เป็นคุณผู้หญิงรอง น่าจะมาดูเธอ”วรพลตกตะลึง แล้วจับใบหน้าของตัวเองที่เต็มไปด้วยลายพร้อยแผลเป็น “ไม่ต้องให้เธอเข้ามา ฉันไม่อยากให้เธอตกใจ”หมอภาคินยิ้ม “งั้นฉันไล่เธอไปแล้วนะ””อืม“คุณผู้หญิงใช่ไหมครับ”หมอภาคินถามผ่านประตูวัจสารู้สแปลกใจ ทำไมไม่ให้เธอเข้าไป?“ใช่ค่ะ ฉันมีเรื่องอยากบอกกับวรพล”“ขอโทษจริงๆครับคุณผู้หญิง ตอนนี้ท่านชายใหญ่กำลังรักษาตัวอยู่ครับ คนในข้างนอกเข้ามาข้างในไม่ได้ อย่างงั้นจะพาเชื่อโรคเข้ามา คุณมีอะไรที่จะพูด ฉันช่วยคุณพูดต่อก็ได้”หมอภาคินพูดอย่างเหลวไหลเป็นเหตุเนี่ยเอง ใจของวัจสาปล่อยวาง “ฉันแค่อยากกับเขาว่า ฉันจะกลับไปเยี่ยมบ้านเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”หมอภาคินพูดว่า “ได้ ฉันจะช่วยเธอบอกต่อให้”แล้ววัจสาจึงตอบด้วยเสียงหวานว่า “ขอบคุณค่ะ” แล้วก็เงียบไปเลยวัจสาเดินลงไป แล้วคิด ที่จริงวรพลเป็นแบบนี้ก็ลำบากเหมือนกัน เมื่อก่อนยอดเยี่ยม งดงามขนาดนั้น แค่แป๊บเดียวก็สูญเสียอะไรไปหมด สูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตต้องใช้ใบหน้าที่ทำให้ตัวเองตกใจ ร่างกายก็ไม่ค่อยดี เธอเองก็รังเกียจเขา วัจสารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องเลย คืนนี้ต้องขอโทษเขาดีๆพ่อบ้านภูษิตเห็นวัจสาลงมา รีบวางโทรศัพท์“คุณผู้หญิง เมื่อกี้ท่านชายใหญ่สั่งไว้แล้ว ให้พวกเราส่งคุณกลับบ้าน”วัจสายิ้มแล้วตอบไปว่า “ขอบคุณพ่อบ้านภูษิต”“คุณจะเกรงใจอะไรกับฉัน?พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”พ่อบ้านภูษิตอยากให้วัจสาไม่รู้สึกเหงาเกินไป ถึงอย่างไรก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ที่นี้ โดดเดี่ยวไม่มีใครช่วยได้ เสียใจจริงๆ ใจเขาสงสารเธอมากที่จริงโทรศัพท์ที่พ่อบ้านภูษิตโทรไปเมื่อกี้คือวรพล บอกให้เขาว่าธัชชัยไม่ยอมไปเยี่ยมบ้านกับวัจสา วรพลโกรธมาก”มันเล่นละครตบตาฉันจริงด้วยๆ มัน มัน…จะบ้าตายจริงๆ มันต้องตั้งใจที่จะอ้อมค้อมวัจสาแน่ๆพ่อบ้านภูษิตถอดหายใจ“แต่ว่าท่ายชัยให้ฉันใบเช็คใบหนึ่งที่เป็นสามสิบล้าน บอกว่าเป็นค่าเยี่ยมบ้าน””ความโกรธของวรพลค่อยๆลดลงไปหน่อย“ยังถือว่ามันมีน้ำใจหน่อย ถ้ามันอะไรก็ไม่ให้ ดูมันกลับมาฉันไม่ตีขามันขาดไม่รู้ว่าศัตรูคู่แค้นนี้เมื่อไรจะอยู่ด้วยกันได้ วรพลเธอกลัวเธอรอไม่ถึงวันนั้นแล้ว ถ้าอย่างไงก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว เธอคิดแล้วก็ค่อยๆนอนลงไป เหนื่อยจังเลย กนิษฐา รอฉันอีกหน่อย อีกไม่นานฉันก็จะได้ไปอยู่กับเธอแล้วในสมองของเขาโผล่หน้าของผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยสดงดงามขึ้นมา รอยยิ้มของเธอจารึกอยู่ในใจของเธอรถขับไปอย่างเร็วและปลอดภัย หนึ่งชั่วโมงก็มาถึงมาวงศ์ตระกูลเดิมขุนทดตอนที่พวกเขามาถึงหน้าบ้าน วราลีก็รู้แล้ว แต่เขาก็ไม่ออกไปเปิดประตู เขาอยู่ชั้นสองเห็นพ่อบ้านคนหนึ่งส่งวัจสากลับมา สีหน้าก็ไม่ค่อยดีแล้วพอดีว่าปยุตไม่อยู่ เหลือแต่แม่ลูกทั้งสามอยู่บ้าน จะทำยังไงก็ยังไง จงใจให้รออย่างนาน วราลีค่อยบิดเอวลงม“ ไอ๊หยาโทษที่นะ ให้พวกเธอรอนานเลย ตายจริงวัจสา ทำไมเธอไม่พาพ่อบ้านภูษิตเข้ามาข้างในก่อน” ในปากพูดว่าเกรงใจ แต่ท่าทีเหยียดหยามมาก หางตามองก็ไม่มองของขวัญล้ำค่าพวกนั้น อย่างไงวงศ์ตระกูลเดิมขุนทดก็มีกินมีใช้ ก็ไม่ขาดของพวกนี้“ เหอๆ” พ่อบ้านภูษิตยิ้มแล้วยื่นใบเช็คใบหนึ่ง “นี่คือนายท่านของผมให้น้ำใจเล็กน้อย ไม่ต้องเกรงใจ”ที่จริงวราลีรับไปอย่างเฉยชามองกวาดไป แล้วตาก็เปิดกว้างเลยสามสิบล้าน!!!ปฎิกิริยาก็เปลี่ยนอย่าง360องศา “ตายจริง ท่านชายของวงศ์ตระกูลศรีทองก็เกรงใจจัง ยังส่เงินมาเยอะขนาดนี้ ยังอุตส่าห์ส่งวัจสาของเรากลับมาอย่างดี พวกเธอเดินทางมาอย่างลำบาก เข้าไปนั่งก่อน” “ไม่ต้องแล้วครับ เดี๋ยวฉันยังมีธุระที่ต้องไปทำ ไปก่อนแล้วครับ” พ่อบ้านภูษิตพูดกับวราลีอย่างเย็นชา แล้วหันหน้าไปพูดกับวัจสาว่า“คุณผู้หญิงครับ ตอนเย็นผมค่อยมารับคุณครับ”วัจสาฝืนยิ้ม ทันใดที่วัจสาเห็นวราลีเห็นเช็คใจของเธอก็เย็นไปแล้ว จริงอย่างที่ผู้ชายคนนั้นพูด?วงศ์ตระกูลเดิมขุนทดสนใจแต่เงิน ไม่สนใจเธอ วงศ์ตระกูลศรีทองจะมาไม่มาก็ไม่เป็นไร“ฉันกลับเองได้”พ่อบ้านภูษิตยิ้ม“ทำอย่างนี้ได้ไง?คุณเป็นคุณผู้หญิงที่ล้ำค่าของวงศ์ตระกูลศรีทองเรา คุณผู้หญิงของวงศ์ตระกูลศรีทอง”การที่พ่อบ้านภูษิตเรียกวัจสาอย่างนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอยากให้วัจสาฐานะสูงขึ้นและเป็นน้ำตุ้มน้ำหนัก ให้วงศ์ตระกูลเดิมขุนทดรู้ว่า พวกเขาให้ความสำคัญต่อคุณผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน เชื่อว่าพวกเขาจะไม่อ้อมค้อมต่อเธอ