วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 49 สร้างโอกาสให้กับพวกเขา
ตอนที่ 49 สร้างโอกาสให้กับพวกเขา
วัจสาทรมานกับความคิดแบบนี้มามากพอแล้ว รู้ดีว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ที่อยู่บนรถเมื่อกี้นี้ เธอสามารถออกมาได้แล้ว ทำไมถึงยอมรับการกระทำที่สนิทสนมของผู้ชายคนนั้นได้ล่ะ?
วัจสาไม่กล้าคิดถึงความรู้สึกที่คลุมครือที่อยู่ส่วนลึกเข้าไปในหัวใจ เหมือนกับว่าไม่อยากให้มันรำดงอยู่ในใจ
ธัชชัยผู้ชายคนนี้ช่างหน้ากลัวเกินไปแล้ว ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป ตัวเองคงถูกเขาบังคับให้เป็นบ้าแน่นอน ไม่ได้ ไม่ได้ จะต้องอยู่ห่างเขาเข้าไว้!
ป้าอ้อยเห็นวัจสากลับมาคนเดียว มองดูด้านหลังของเธอ ไม่มีแม้แต่เงาของคุณชายรองจริงๆ แต่เมื่อครู่ได้ยินเสียงรถของคุณชายรองขับออกไป อดไม่ได้สงสัยไม่ได้ จึงถามขึ้น “คุณผู้หญิง ทำไมถึงกลับมาคนเดียวล่ะคะ? คุณชายรองล่ะ?”
วัจสารู้สึกตัวได้ก็เม้มปากยิ้ม กลัวว่าป้าอ้อยจะจับพิรุธได้ “เมื่อครู่นี้เขาคุยโทรศัพท์ เหมือนจะมีเรื่องรีบร้อนอะไรสักอย่าง ก็เลยออกไปค่ะ”
“แบบนี้เองเหรอคะ” แต่ว่าใบหน้าที่เป็นสีแดงสวยงามของวัจสาดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น
ป้าอ้อยจึงพูดว่า “คุณผู้หญิง อันนั้นของคุณยังอยู่ไหม? ของใช้ส่วนตัวของคุณพอใช้หรือไม่คะ?”
ที่ป้าอ้อยพูดอย่างนี้ก็เพราะอยากจะทดสอบอะไรสักหน่อย วัจสายังมีเวลาเท่าไหร่กว่าจะถึงประจำเดือนรอบถัดไป ถึงตอนนี้ แผนการที่เธอวางไว้กับคุณชายใหญ่ก็ควรจะดำเนินการได้แล้ว ถึงแม้ว่าแผนการในตอนนี้จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง
วัจสาพูดขึ้น “คิดว่ายังมีอีกสองวัน ของยังเหลืออยู่ค่ะ ครั้งที่แล้วธัชชัยซื้อให้ฉันไม่น้อย”…
“ใช้พอก็ดีแล้ว” ป้าอ้อยกำลังคิดคำนวณเวลาอยู่ในใจอย่างเงียบๆ
วัจสากำลังพูดถึงธัชชัยกับป้าอ้อย หัวใจที่กำลังสบายใจก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายขึ้นมา
ริมฝีปากก็ร้อนผะผ่าวขึ้นมาทันที แขนขาไม่มีแรงขึ้นมาเล็กน้อย ไม่เหมือนกับคำถามที่รุนแรงของเธอ เหมือนกับเท้าเล็กๆ แมวน้อยตัวหนึ่งที่กำลังรู้สึกสะเทือนใจ วัจสาเก็บซ่อนหัวใจที่เต้นถี่กระชั้นของเธอเอาไว้ พูดกับป้าอ้อยอย่างเหน็ดเหนื่อย อยากจะขึ้นไปข้างก็รีบวิ่งขึ้นไปข้างบนเลย
เดิมทีป้าอ้อยคิดอยากจะเรียกให้เธอไปกินซุปพุทราอีก แต่วัจสาก็ดูเหมือนกับถูกคนไล่ตามอยู่ด้านหลัง ดังนั้นเธอจึงไม่อยากถามอะไรอีก
ก็ไม่รู้ว่าระหว่างคุณผู้หญิงกับคุณชายรองเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอจึงทอดถอนหายใจอยากเงียบๆ
แต่ถ้าเกิดว่าเธอรู้ว่าจิตใจของวัจสาตอนี้กำลังสับสนวุ่นวาย ป้าอ้อยจะต้องดีใจมากแน่ๆ เธอไม่รู้เลยว่าความหวังที่ทั้งสองจะพัฒนาไปได้อีกขั้นมีมากเท่าไหร่ สิ่งที่วัจสากังวลที่สุดก็คือคนในตระกูลศรีทองอยากเห็นอะไรมากที่สุด
วัจสากำลังอาบน้ำอุ่นๆ อยู่ข้างบนตก รู้สึกสบายไปทั้งตัว ภายในใจชั่วขณะนั้นก็รู้สึกสงบลงมา เธอนั่งลงสักครู่ คิดถึงวรพล จึงรู้สึกอยากจะไปเยี่ยมเขาสักหน่อย เธอไม่ได้ลืมว่าตัวเธอเป็นภรรยาของเขา ก็เลยลงตึกไป
ป้าอ้อยยังอยู่ในครัวจัดการกับอาหารที่เหลืออยู่ เห็นวัจสาเดินลงมา ก็ถามขึ้นว่า “คุณผู้หญิงหิวหรือคะ?”วัจสาส่ายหน้า “ไม่ค่ะ แค่อยากดูว่ามีของอะไรที่สามารถบำรุงร่างกายของวรพลได้บ้าง เขาคงจะเพิ่งกินข้าวเย็นไปใช่ไหมคะ? ฉันอยากจะต้มซุปให้เขาหน่อย”“อ่อ ไม่แน่คุณชายใหญ่ตอนนี้อาจจะนอนไปแล้วนะคะ” ป้าอ้อยพูดอย่างลำบากใจ เธอรู้ว่าคุณหมอภาคินและคุณชายใหญ่ต่างไม่ให้คุณผู้หญิงเข้าไป ไม่อยากจะเห็นเธอโดยปฏิเสธกลับมาอีก“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอเยี่ยมเขาอยู่นอกประตูก็พอแล้ว” ประโยคนี้ของวัจสาแฝงไปด้วยความเสียใจและรู้สึกผิด ฑูตสวรรค์ต่างประฌามเธออยู่ภายในใจไม่หยุด ดังนั้นมีเพียงการได้เห็นวรพลเท่านั้น อย่างน้อยก็ได้รับรู้ถึงลมหายใจของเขาก็ยังดี วัจสาถึงจะสามารถเตือนตัวเองได้ตลอดเวลา ว่าเธอคือภรรยาของวรพล เป็นพี่สะใภ้ของธัชชัย!เป็นป้าเตือนตัวเองตลอดเวลา จะได้ไม่ต้องเป็นผู้หญิงที่ไม่เข้าท่าแบบนั้นอีก อีกอย่างก็ไม่ควรเป็นผู้หญิงแบบนั้นด้วยป้าอ้อยรู้สึกแปลกใจกับความดื้อรั้นของเธอ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอก็ต้มซุปกระดูกหมูที่บำรุงร่างการให้วรพลพอดี ก็ไม่อยากให้คุณผู้หญิงต้องลำบาก“คุณผู้หญิง ตรงนี้ป้าก็ตุ๋นซุปให้คุณชายรองหน่อยแล้ว คุณเอาไปให้คุณชายใหญ่ก็ได้นะ ถึงอย่างไรในหม้อก็มีอีกเยอะ อย่างนั้นก็จะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองเวลา” ป้าอ้อยพูดวัจสามองป้าอ้อยด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณนะคะป้าอ้อย”ขอบคุณที่ป้าไม่ได้ถามอะไรมาก ขอบคุณที่คิดเพื่อฉันทว่าในตอนที่วัจสายกถ้วยซุปไปถุงชั้นสองแล้ว ก็โดนขวางเอาไว้ เป็นพ่อบ้านภูษิต เขาพูดขอโทษว่า “คุณผู้หญิง คุณชายใหญ่หลับไปแล้วครับ โปรดอย่าได้รับกวนการนอนของเขาเลยนะครับ”วัจสามองดูประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิท ปิดตาลง มือเธอก็บวางลงที่ลูกบิดประตูที่เย็นเยือก พ่อบ้านภูษิตกลัวว่าจะขวางเธอไม่ได้ จึงตรงเข้าไปขวางตรงหน้าเธอเอาไว้วัจสาลืมตาขึ้นมายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง พ่อบ้านภูษิต ฉันไม่พุ่งเข้าไปหรอก และก็ไม่ทำให้คุณลำบากใจด้วย”เธอแค่อยากจะใช้ของที่เหมือนกันกับวรพลสักชิ้นหนึ่งเพื่อเป็นการยับยั้งจิตวิญญาณที่บาปหนักของตัวเองเอาไว้ ไม่ควรมีความรู้สึกพวกนั้น ต้องบีบคอให้ตายตั้งแต่อยู่ในเปลให้หมดเธอพูดกับตัวเองไม่หยุด: ต้องห่างจากธัชชัยผู้ชายคนนี้ ไม่อย่างนั้นตกลงไปยิ่งลึกเท่านั้น เขาเป็นใคร? เขาเป็นน้องชายของวรพล คือน้องชายที่วรพลใช้ชีวิตแลกมา เป็นน้องชายของสามีตัวเอง ความรู้สึกแบบนี้มันพิกลพิการอย่างไม่ต้องสงสัยเลย และมันยิ่งทำร้ายทั้งสามคนด้วยพ่อบ้านภูษิตเห็นท่าทางของวัจสาดูไม่เป็นสุข ในใจก็รู้สึกไม่ดี ตั้งแต่ที่เห็นเด็กคนนี้วันแรก พ่อบ้านภูษิตก็รู้สึกว่าเธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่ดีมากแน่นอน และสามารถที่จะเป็นคุณผู้หญิงแห่งตระกูลศรีทองได้สำเร็จแต่ว่าตระกูลศรีทองซับซ้อนเกินไป คนที่ต้องมาแบกรับภาระนี้ไม่ควรเป็นเด็กผู้หญิงอย่างเธอ อีกอย่างท่าทีแบบนี้ของท่านชัยก็ยิ่งทำร้ายเธอ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรถึงจะดีพ่อบ้านภูษิตในที่สุดก็อดไม่ได้ เข้าไปถามว่า “คุณผู้หญิงเป็นอะไรไปครับ? ไม่สบายหรือคุณชายรองรังแกคุณผู้หญิงหรือครับ?”วัจสายิ้มขมขื่น “ไม่คะ ฉันสบายดี ถ้าหากว่าวรพอยากเจอฉันหรือว่าเขารักษาตัวหายแล้ว ขอให้ลงบอกฉันหน่อยนะคะ ฉันแค่อยากเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ ค่ะ”เห็นท่าทางวัจสาพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีแต่อย่างใด ในใจของพ่อบ้านภูษิตก็รู้สึกผิดขึ้นมา เพราะว่าตัวเองก็ช่วยโกหก เพราะว่าทำให้เด็กผู้หญิงคนนี้รู้สึกเหมือนต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นในการดำรงชีวิตไม่สามารถเป็นอิสระได้ เรื่องต่างๆ พวกนี้ ไม่ควรเป็นเธอที่ต้องมาแบกรับ“ได้ กระผมจะแจ้งให้คุณผู้หญิงทราบ เวลานี้ก็ดึกแล้ว คุณผู้หญิงกลับไปพักผ่อนเถอะครับ” พ่อบ้านภูษิตพูดเสียงเบาๆวัจสาเอาถ้วยซุปกระดูกหมูนี้ส่งให้พ่อบ้านภูษิต “พ่อบ้านภูษิตคะ นี่เป็นซุปกระดูกหมู ลุงอยู่ดูแวรพลตรงนี้ก็เหนื่อแล้ว ดื่มเข้าไปสักหน่อยก็จะหลับสบายนะคะ บำรุงร่างกายอีกด้วย”พ่อบ้านภูษิตรับมา “ครับ ขอบคุณคุณผู้หญิงนะครับ ฝันดีนะครับ”วัจสาจึงค่อยๆ ออกไปจากประตูเย็นเยือกบานนั้นความรู้สึกแบบนั้นที่ไม่ได้ให้ใครเห็นมันช่างเป็นทุกเหลือเกิน ตัวเองเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลศรีทองแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ต่างจากคนนอกคนหนึ่งเลย ไม่ เทียบกับคนนอกยังเทียบไม่เลย อย่างน้อยพวกเขาจะปฏิบัติต่อคนนอกอย่างเกรงใจ และที่นี่บางครั้งแต่ละคนก็ดูเหมือนมีอะไรปิดบังเอาไว้อยู่ ช่างทำร้ายมากจริงๆวัจสาเดินมาถึงหน้าบันได คิดครู่หนึ่ง ก็เปลี่ยนไปอีกทาง และเดินไปทางห้องหอ เธอต้องการของที่ชัดเจนของวรพลสักหน่อยเพื่อเอามาปลอบใจหัวใจที่กระวนกระวายเต้นตุบๆ ไม่หยุดของตัวเองตำแหน่งการจัดวางของห้องหอยังเหมือนวันแรกไม่มีเปลี่ยน ผ้าแพรไหมสีแดงผืนใหญ่ถูกพับเอาไว้อย่างดี ราวกับว่าตั้งแต่ที่เธอไปนอนห้องพักแขกแล้ว ตรงนี้ก็ไม่มีกลิ่นอายของคนอยู่เลยแม่แต่น้อย ไม่ว่าบรรยากาศจะน่าปีติยินดีมากเท่าไหร่ หากไม่มีคนอยู่ก็เหมือนกับไม่มีความหมายอะไรวัจสาค่อยๆ นอนลงไปบนเตียงนอนขนาดใหญ่นี้ เธอเอาหน้าของตัวเองซุกเข้าไปในหมอน เหมือนกับว่าทำอย่างนี้จะสามารถได้กลิ่นของวรพล ครั้งที่แล้วอยู่ที่นี่ เธอก็วิ่งหนีเขาไปแล้วครั้งหนึ่งคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่า:ทำไมบอกว่าอาการป่วยของวรพลร้ายแรงขนาดนั้น ร่างกายของเขาสามารถมาอยู่ตรงหน้าฉันได้ยังดูแข็งแรงดี? นอกจากว่าหน้าตาที่ดุร้ายแล้ว ก็ไม่มีตรงไหนที่ไม่ดี ลมหายใจและการเต้นของหัวใจก็ดูปกติมาก ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะยังมีความต้องการและสัญลักษณ์ด้านนั้นไหมวัจสายิ่งไม่เข้าใจ วรพลตั้งใจโกหกเธอหรือโกหกคนทั้งตระกูลศรีทองที่เป็นห่วงเขา แต่ว่าที่นี่ใครบ้างที่ไม่ดีกับเขา? โกหกพวกเขาก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรหรือว่าป้าอ้อยกับพ่อบ้านภูษิตโกหกเธอเหรอ? ห่วงว่าฉันข้ามาด้วยเจตนาที่ไม่ดี ก็เลยไม่ให้ฉันรู้สถานการณ์ของความจริงวัจสาคิดเรื่องพวกนี้แล้ว จิตใจก็พลันเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ตระกูลที่มีเงินและอิทธิพลช่างเหมือนกับมหาสมุทรจริงๆ! คนอื่นอิจฉา ภายนอกไม่จำเป็นต้องดูสวยสดงดงามก็ดีแล้วเป็นเวลานานมากเธอก็ได้รู้ถึงเหตุผลนี้ รอจนตัวเองตกหลุมพรางถึงได้ค้นพบ ช่างไม่มีความารถที่เพียงพอจริงๆ อาศัยเพียงตัวเองคนเดียว จะเปลี่ยนสถานการณ์ตอนนี้ได้ยังไงล่ะ?และในเวลานี้ สถานที่บันเงที่ใหญ่ที่สุด ณ ตลาดเอส—Richbabyวิวทิวทัศน์มนฤดูใบไม้ผลินั้นต่างก็มองไม่เห็นแล้ว ผู้ชายที่สวมเสื้อสีดำร่างหนึ่ง หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพเซียนมือยัดลงในกระเป๋ากางเกงยืนอยู่หน้าประตู เหมือนกับกำลังรอใครและก็มีผู้ชายแบบเดียวกันที่สวมเสื้อสีดำหน้าตาหล่อเหลาเป็นธรรมชาติลงมาจากรถเฟอรารี่ ก้าวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปใน Richbabyคนที่ยืนอยู่ตรงประตูแน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าของของที่นี่ โสธรที่มีความรู้สึกที่ดีกับธัชชัยที่สุดใบหน้าที่หล่อเหลาของธัชชัยเต็มไปด้วยความเย็นชา ท่าทางที่เย็นชาจนหนาวเข้ากระดูก “ที่อยู่ของผู้หญิงคนนั้นนายหาเจอหรือยัง?”ในดวงตาใสสะอาดของโสธรเต็มไปด้วยความจริงจัง และไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่ชี้ไปในห้องเดิมของพวกเขากับธัชชัย—ห้องVIP“อาชัย เข้าไปก็จะรู้เอง” ระหว่างที่โสธรพูดออกมาไม่ง่ายเลยที่จะสังเกตเห็นความเคร่งเครียด เรื่องที่ทำให้เขาเครียดได้มีไม่มาก แต่หากว่าท่านนี้โกรธขึ้นมาละก็ เขาคงรับผิดชอบไม่ไหวแล้วธัชชัยรู้สึกว่าสีหน้าของโสธรผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร รู้เรื่องนี้อยู่พอประมาณ สีหน้าก็พลันเย็นชาขึ้นมา เดินเข้าไปช้าๆนี่คือธัชชัย โสธร วิศาล สถานที่พิเศษในการรวมตัวของพวกเขาทั้งสามคน น่าเสียดาย เป็นเพราะว่าเรื่องนั้น ความรู้สึกที่ดีขนาดนั้นมาโดยตลอดก็ค่อยๆ เสื่อมลงประตูห้องก็ค่อยๆ ผลักออกไป คนที่นั่งอยู่ในนั้นก็มีอยู่สองคน ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาอย่างยกตนข่มท่าน เสื้อเชิ้ตที่เปิดกระดุมสามเม็ดสีดำดูน่าเชื่อถือมาก เผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อหน้าอกได้อย่างชัดเจน ลายเส้นของใบหน้าช่างดูแข็งแกร่งและเด็ดขาดมาก บางทีอาจจะบอกไม่ได้ว่ารูปหล่อ แต่ก็ดูเป็นชายชาตรีมาก“มาแล้วเหรอ?” คนที่พูดออกมานั้นคือวอศาล ในเวลาเดียวกัน เมืองลี่ในเวลานี้ก็คือที่ที่ของวรพลในเวลานั้นจริงๆ แล้ว ธัชชัยมองเห็นวิศาลแค่ชั่วพริบตาเดียว เดิมทีที่หน้าเย็นชาอยู่แล้วก็เพิ่มความเย็นชาเข้าไปอีก“โสธร ต่อไปถ้าไม่มีข่าวจริงๆ อย่าได้เรียกฉันมา”โสธรรู้สึกว่าคอของเขาเย็นยะเยือกขึ้นมา “เหอะ เหอะ เหอะ นั่งลงลืมเหล้ากันก่อน มีเรื่องอะไรเหล้าแก้วเดียวแก้ไขไม่ได้หรอกกระมัง? ถ้าไม่ใช่หนึ่งขวด สองขวด”…“โสธร นี่แกแกล้งบ้าหรือโง่กันแน่?” ธัชชัยแค่นเสียงเย็นชา โสธรถือขวดเหล้าสองขวดไว้ในมือก็ไม่กล้าขยับอีกวิศาลลุกขึ้นยืน รูปร่างสูงโปร่งราวกับเหล็กที่สูงกว่าธัชชัยไม่กี่เซนติเมตร น้ำเสียงของเขาก็เหมือนกับลำโพงตัวหนึ่ง เมื่อพูดออกไปก็นำพามาซึ่งความเย็นชา “อาชัย เธอไม่ต้องไปโกรธอาธรหรอก เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง แต่ว่าเธอคงไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์ในตอนนั้น เธอรู้สึกว่าฉันสามารถช่วยพวกเธอสองพี่น้องออกมาได้อย่างปลอดภัยไร้โรคาหรือไม่?”