วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 363 ให้ผมได้กอดคุณดีๆ หน่อย 2
ตอนที่ 363 ให้ผมได้กอดคุณดีๆ หน่อย 2
วรพลเตือน กล่องไม้พยูงนั่นมันแตกอีกไม่ได้แล้ว ถ้าแตกไปอีกทีนี้ก็หมดทางที่จะซ่อมแล้ว
ธัชชัยยังเล็กมาก ในช่วงเวลาที่ได้ดั่งใจ มีนู่นมีนี่ เขาก็จะยังคงไม่เข้าใจมัน หากเมื่อถึงเวลาคิดได้ก็จะสายเกินไปแล้ว
ทุกอย่างในบ้านตระกูลศรีทองยังคงดำเนินไปตามปกติ มันไม่ได้เป็นเพราะอำเภอพัดรักอะไรนั่นปรากฏตัวขึ้นมาเลย
อะไรที่ควรศึกษาก็ควรจะศึกษาอะไรที่ควรรักษาก็ควรที่จะรักษาไว้
ธัชชัยกังวลว่าอำเภอพัดรักนั่นจะทำอันตรายวรพล ดังนั้นเขาจึงยานไผ่ไปประจำอยู่ที่หน่วยรบพิเศษเก่าของเขา แม้ว่าอำเภอพัดรักจะครอบคลุมทั่วฟ้าและน้ำก็ตามที แต่เขาไม่สามารถที่จะเข้าไม่ยุ่มย่ามกับหน่อยรบพิเศษนี้ได้ เขาจึงนำทัพเข้าเมืองSไม่ได้
วรพลกลับทำท่าทีไม่ได้สนใจอะไรนัก “ชัย ถ้าแกเลี่ยงได้ในครั้งแรก ยังไงครั้งที่สิบห้าก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดีนะ วันหนึ่งสุดท้ายแล้วเราทั้งสองก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน”
วรพลไม่กลัวตาย คนอย่างเขาการมีชีวิตอยู่ไปอีกวันนั่นก็ทรมานแล้ว หากอำเภอพัดรักนั่นอยากจะฉวยเอาชีวิตเขาไปนั่นก็ดีเลยหล่ะ ยังไงเสียตำรวจและกฎหมายในเมืองนี้ก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน
มันเป็นสังคมที่ปกครองโดยกฎหมาย!
นักสู้ที่แท้จริงจะไม่กลัวกลับภัยที่จำต้องเผชิญ กล้าที่จะสละเลือด ลูซวิ่นกล่าวเอาไว้ได้ถูกต้องทีเดียว
เพื่อให้วรพลได้มีจิตใจที่สงบแล้ว ธัชชัยก็ยินดี เขากอดไหล่พี่ชายของเขาเอาไว้ และก้มลงเอาแก้มทาบนานแสนนาน
ห้าโมงเย็นเข้าไปแล้ว วรพลให้หมอภาคินรักษาเขาจนเสร็จ เพื่อเตรียมตัวจะไปหาวัจสาในคืนนี้นำกล่องไม้พยูงนั่นไปบอกความจริงให้เธอได้รู้บอกกับเธอ ว่าเธอเป็นภรรยาของธัชชัย เป็นสะใภ้ของแม่เขา และมอบสิ่งที่แม่ของธัชชัยได้ให้เอาไว้ ให้แก่เธอเมื่อได้รับโทรศัพท์จากวรพล วัจสาก็เพิ่งจะถึงหอพอดี เธอจึงรีบวิ่งอีกครั้งรถคันคุ้นตาจอดอยู่ริมฝั่งถนน“วรพล คุณมาทำไมละคะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันนั่งรถกลับเองได้” วัจสาเกิดความน่าสงสารวรพลจริงๆ ที่พอรักษาบำบัดเสร็จยังจะต้องมาเสียเวลารับเธอด้วย แค่การรักษาก็กินพลังงานของเขาไปมากโขแล้ววรพลแตะริมฝีปากของวัจสาเบาๆ “สา เธอควรเรียกฉันว่าพี่ใหญ่เหมือนกับธัชชัยนั่นแหล้ะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รังเกียจเลยที่เธอจะเรียกฉันว่าวรพลก็ตาม”วัจสาหน้าเรื่อเป็นสีแดงเล็กน้อย จริงๆ ตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าวรพลไม่ใช่สามีของเธอนั้น เธอก็รู้สึกเขินอายทุกครั้งที่ต้องเรียกเขาว่าวรพลวัจสาจึงเรียกออกมาตามที่เขาบอก “พี่ใหญ่”ใบหน้าของเธอทอประกายดั่งแสงสว่างของพระอาทิตย์อุทัยวรพลพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดถึงสิ่งที่วันนี้ตั้งใจมาพูด“สา ก่อนอื่นรฉันคงต้องขอโทษเธอก่อน” วรพลอยากที่จะทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เขาจึงเลือกที่จะพูดออกไปเป็นบทเริ่มต้นสนทนาวัจสาชะงักไป จริงๆ เธอรู้อยู่แล้วหล่ะว่าวันนี้เขาจะมาพูดกันเธอด้วยเรื่องอะไร คำขอโทษนั้นทำให้เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้“พี่ใหญ่ พี่อย่าพูดแบบนั้นเลย ฉัน ฉันรับมันไม่ได้หรอก”“เธอต้องรับนะ มันเป็นเพราะพี่ไม่ดีเอง .มันเพราะฉันเอาแต่ใจ บังคับให้เธอต้องแต่งเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลศรีทอง ทำให้เธอต้องเจ็บปวด ขอโทษนะสา ขอให้เธอรับคำขอโทษจากฉันด้วย”วรพลอยากที่จะโค้งตัวเพื่อขอโทษวัจสา แต่เธอกลับกึ่งคุกเข่าต่อหน้าเขา“พี่ใหญ่ อย่าทำแบบนั้นเลยค่ะ..ฉันรับมันไว้ไม่ได้จริงๆ ฉันขอร้องหล่ะ”“ฉันไม่โทษคุณเลยจริงๆนะ ถ้าจะโทษที่ฉันเอง ที่ไม่ดีพอให้ใครต้องมาชอบ”ตาของเธอแปรเป็นสีแดงไปหมด รีบจับเขาที่พยายามจะก้มหัวลง“จริงๆ แล้ววันนี้ฉันอยากที่จะบอกความจริงกับเธอเรื่องหนึ่ง”วรพลกระชับมือของวัจสาเอาไว้ เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะบอกไป “จริงๆ แล้วคนที่เธอแต่งงานด้วย สามีของเธอควรที่จะเป็นชัย คุณชายรองตระกูลศรีทองไม่ใช่ฉัน”วัจสาด้วยเพราะรู้มาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เธอจึงเพียงแค่รับฟังเขาไปอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาอื่นใดมันสายเกินไปแล้วหล่ะ ความจริงในข้อนี้มันสายเกินไปมากแล้ว ความจริงที่แสนจะโหดร้ายนี้ มันจะดีกว่าที่จะไม่พูดมันออกมา หลายเดือนที่เธอจำต้องทุกข์ทมทรมาน นี่คือสิ่งที่เขาตอบแทนชดเชยให้เธอกันเหรอ?“สา….เธอคงไม่เชื่อใช่มั้ยหล่ะ? ”วรพลเห็นปฏิกิริยาที่เรียบเฉยของวัจสาก็แปลกใจเล็กน้อย แม้แต่พ่อบ้านภูษิตที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยังงงงันไป“ใบทะเบียนสมรสของพวกเธออยู่ที่เซฟนี่ ฉันเลยเอามันออกมาไม่ได้….แต่ว่าหากเธอไม่เชื่อ เราไปดูที่อำเภอกันก็ได้นะ” ด้วยเพราะคิดว่าเธอคงไม่เชื่อแน่ๆ ดังนั้นวรพลจึงรีบพูดเสริมขึ้นทันทีวัจสานิ่งเงียบไม่หือไม่อือ ราวกับกำลังรวบรวมอะไรบางอย่าง เวลาผ่านไปพักใหญ่เธอถึงพูดขึ้นมา “ไม่ต้องไปหรอก ฉันไปมาแล้วหล่ะ”“หา? ”ครั้งนี้ทั้งพ่อบ้านภูษิตและวรพลต่างก็ตกใจไปพร้อมๆ กัน “คุณผู้หญิง คุณกำลังจะบอกว่าคุณรู้ว่าคุณชายรองเป็นสามีมานานแล้วเหรอครับ? ”“ก็ไม่ได้นานมากหรอก”วัจสาค่อยๆ พูดขึ้น “ก่อนวันที่ฉันจะไปหมู่บ้านแจ่มใสหน่ะ”พ่อบ้านภูษิตจึงกวดถามขึ้นมาอีก “คุณชายรองเป็นคนบอกเหรอครับ? ”