วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 125 ฉันควรทำอย่างไรดี
ตอนที่ 125 ฉันควรทำอย่างไรดี
“ไม่บอกฉัน แล้วให้ฉันถูกยัดอยู่ในกรงตลอดหรอ? งั้นนายก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับพวกเขาแล้ว!” พอพูดถึงเรื่องนี้วัจสาก็เริ่มโมโหอีกแล้ว เธอยังไม่ได้เดินออกมาจากการกระตุ้นของธัชชัย ตอนนี้แค่อยากได้ที่ระบาย
สิ่งที่ทำให้ปรมะตกใจไม่ใช่เธออารมณ์เสียใส่เขา แต่เป็นพวกเขาในปากของเธอ “พวกเขาที่เธอพูด ยังมีใครอีกหรอ?”
สมองของวัจสาค่อยๆหันกลับมา รู้ว่าตัวเองไม่ควรพูดอะไรเยอะ แต่ว่าในใจเธอรู้สึกโมโหมาก
พวกเขาในที่นี้ก็คือป้าอ้อยและคุณภูษิต พวกเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังปกปิดให้ธัชชัย ไม่แน่วรพลที่นอนอยู่ในห้องรักษาก็รู้เรื่องนี้!
เจ้าเล่ห์ทั้งบ้านเลยจริงๆ! น่ารังเกียจ!
ทุกคนในบ้านร่วมมือกันแกล้งผู้หญิงคนหนึ่ง มีข้อดีอะไร? อีกอย่างไม่รู้สึกว่าเหนื่อยหรอ?
พอเห็นว่าวัจสาไม่ได้พูดอะไร ปรมะก็รู้ว่าเธอไม่อยากตอบ แน่นอนว่าเขาจะไม่บังคับ แค่พูดอย่างยืนหยัดว่า “วัจสา จำไว้ ต่อจากนี้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะเป็นผู้สนับสนุนที่ยืนหยัดที่สุด มีเรื่องอะไรก็มาหาฉันได้ตลอด”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก ราวกับวัยรุ่นที่นุ่มนวล กำลังประกาศสิ่งที่ตัวเองจะยืนหยัด
วัจสารู้สึกซึ้งใจมาก แต่ว่าเธอไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับอย่างไรดี ปรมะยังมีความคิดนั้นกับเธออยู่ เธอรู้ เป็นเพราะว่าเธอเป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีทางบังคับเธอ เธอถึงยิ่งรู้สึกผิดต่อเขา
ไม่มีความรู้สึกก็คือไม่มีความรู้สึก อีกอย่างในนามของตัวเองยังเป็นภรรยาของวรพลด้วย นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
จู่ๆปรมะก็ลุกขึ้น แล้วยื่นมือไปดึงวัจสาขึ้นมา “วัจสา เราขึ้นตึกก่อนเถอะ พื้นเย็นมาก ขึ้นไปแล้วฉันไปชงชาให้นะ”
วัจสาอึ้งไปเลย จะไปอพาร์ตเมนต์ของเขาหรอ? ที่จริงแล้วไม่ใช่ตัวเองไม่เคยไป แต่ว่าตอนนั้นพวกเขายังเป็นแฟนกัน ทุกครั้งที่ไปยังพาแวววัยไปด้วย ฉะนั้นเธอก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
แต่ว่าฐานะในตอนนี้ของตัวเอง ยังเป็นชายหญิงที่ยังไม่มีครอบครัวอีกด้วย พูดยังไงดีล่ะ ถ้าถูกแพร่ออกไปคงจะไม่น่าฟัง ถึงแม้เธอจะรู้ว่าปรมะไม่ทำอะไรกับเธอก็ตาม
วัจสาคิดไปสักพัก สุดท้ายก็ปฏิเสธ “ไม่ต้องรบกวนนายแล้ว ฉันกลับไปอยู่หอมหาลัยดีกว่า”
ปรมะขมวดคิ้ว “ดึกขนาดนี้แล้ว ประตูหอน่าจะปิดแล้วแหละ?”
วัจสาฝืนยิ้ม “งั้นก็คงต้องรบกวนนายใช้สิทธิส่วนบุคคล ให้ รปภ.และคุณน้าที่ดูแลหอปล่อยฉันเข้าไป” เธอไม่อยากอยู่ที่บ้านศรีทอง แต่ก็ไม่อยากสร้างความลำบากให้ปรมะ ถ้าต่อจากนี้ถูกธัชชัยจับได้ว่าตัวเองอาศัยอยู่กับปรมะ ไม่แน่อาจจะไปหาเรื่องปรมะก็ได้
พอเห็นว่าวัจสาจะใช้สิทธิส่วนบุคคลกลับหอ เขาคงทำได้แต่ตอบตกลง
“ได้ งั้นฉันส่งเธอกลับไป”ในค่ำคืนเงียบสงบมาก ถึงแม้อพาร์ตเมนต์ของปรมะจะใกล้กับมหาลัย แต่ก็ต้องใช้ระยะทางช่วงหนึ่ง ปรมะเปิดปากถามว่า “วัจสา คิดเรื่องต่อจากนี้หรือยัง? เธอเตรียมตัวจะทำอะไร?”วัจสาถอนหายใจอีกรอบ ไม่ต้องพูดต่อจากนี้แล้ว ตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรดี เรื่องนี้เกิดขึ้นได้กะทันหันเกินไป ตัวเองก็หนีออกมาแบบนี้อีก แค่อยากรีบผ่านช่วงเวลาหนึ่งไป ตัวเองอาจจะไม่เสียใจขนาดนี้แล้วเธอไม่อยากกลับไปบ้านศรีทองแล้ว การแต่งงานของเธอและวรพลอาจจะแค่ในนามเท่านั้น ยังสู้ขอร้องให้คุณอาของเธอ ปยุตไปช่วยทำเรื่องหย่าให้ยังจะดีกว่าอีก แต่ว่าเธอยังไม่แน่ใจ คุณอาของตัวเองจะยอมช่วยไหม เพราะยังไงแล้วปยุตก็ต้องส่งเธอกลับไปบ้านศรีทอง เกรงว่าเธอน่าจะไม่สามารถคัดค้านได้แล้วในสายตาของคุณอา ผลประโยชน์คงจะมาก่อน นอกจากว่าจะไม่มีวราลีมาคอยพัดไฟให้ คุณอาอาจจะเห็นแก่คุณแม่ แล้วสงสารเธอ เรื่องนี้ถึงจะมีความเปลี่ยนแปลงแต่ว่าตอนนี้เธออยู่ปีสี่แล้ว ควรคิดเรื่องเรียนจบก่อนจะดีกว่า วิทยานิพนธ์ก็ยังไม่สำเร็จเลย “ฉันน่าจะเตรียมเรื่องการเรียนจบก่อน แล้วหาที่ฝึกงานดีๆซักที่”ปรมะฟังแล้วก็พยักหน้า จากนั้นก็พูดว่า “การวางแผนนี้ไม่เลวนิ ฉันว่าน่าจะโอเค” เขาเหมือนกับว่าอยากพูดอะไรต่อ แต่ว่าเปิดปากแล้วก็ปิดต่อปรมะเปิด ‘ประตูหลัง’ ให้เธอ แล้วเข้าไปในหอหญิงได้สำเร็จ เขาส่งเธอจนถึงล่างตึกหอ แล้วมองดูเธอขึ้นบันไดไป ตัวเองถึงจะหันหลังไปแต่ว่าไม่ได้จากไป แต่หลบอยู่ข้างหลังต้นไม้ มองดูวัจสาเดินขึ้นไปถึงชั้นที่ห้องตัวเองอยู่ จนกระทั่งมองเห็นเงาๆนั้นเขาถึงจะยอมจากไปเพราะว่าเมื่อก่อนเป็นปากกระต่าย ฉะนั้นแวววัยถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็ก แต่ว่าเธอเป็นเหมือนต้นหญ้าที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะมีเรื่องราวโหดร้ายขนาดไหน เธอก็สามารถอยู่ต่อได้ ต่อมา หลังจากเติบโตแล้ว ก็ได้ทำการผ่าตัด เธอดูดีขึ้น ถึงแม้ในใจยังมีความต่ำต้อยอยู่ แต่ก็ว่าดีกว่าวัจสาเยอะเลยวัจสานับถือแวววัยมาก เธอทั้งแข็งแกร่งและกล้าหาญที่จะอยู่บนโลกใบนี้ แต่ว่าก็เหมือนกับที่แวววัยพูดว่า ใครไม่อยากได้รับความรักเหมือนกับเจ้าหญิงล่ะ?วัจสารู้สึกว่าตัวเองเดินมาถึงทางตันแล้ว ไม่รู้จะไปไหนต่อ เป็นเหมือนน้ำแข็งบางๆที่ให้เธอเดินต่อไม่ก็ถอยหลังหัวใจของหญิงสาวที่น่ารักถูกผู้ชายนั้นดึงดูด แต่กลับล้มเหลวต่อหน้าความจริงที่โหดร้ายตอนแรกก็อยากจะนำความรักที่เจ็บปวดเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจ แต่ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ให้เธอทำอย่างนี้ เพราะว่าเขาทำร้ายเธอ ทำร้ายเธอหนักขนาดนี้วัจสารู้สึกว่าตัวเองเกือบจะหายใจไม่ทันแล้วเธอนอนอยู่บนเตียง อยากจะนอนหลับไปแบบนี้ตลอดชีวิต ไม่มีเจ้าชายอะไรมาปลูกเธอตื่น นอนหลับอย่าเงียบสงบก็พอแล้วตายไป แบบนี้แหละ ……ราตรีที่สับสน คนที่นอนไม่หลับไม่ได้มีเพียงวัจสาคนเดียว ไฟในเมืองนี้ไม่มีวันดับ สว่างไสวตลอดเวลา ส่องให้เห็นถึงชีวิตที่สั้นมากลมเย็นไม่หยุดที่จะพัดผ่านไปยังบนหน้าที่หล่อเหลาของธัชชัย ดวงตาทั้งคู่เจ็บแต่เขาก็ไม่หลบเมื่อกี้ป้าอ้อยยังไม่ทันพูดจบ คุณภูษิตก็เข้ามารายงานว่า วัจสาถูกปรมะขับมอเตอร์ไซค์พาไปแล้ว ให้เขารีบไปตามเธอกลับมาธัชชัยถูกพวกเขาสองคนเร่งจนรำคาญ จึงรีบขับรถออกมา แต่ว่าไม่ได้ไปหาผู้หญิงคนนั้น กลับมาสถานที่ชมวิวตรงยอดเขาครั้งนั้นคืนนี้ไม่มีดวงดาว ไม่เหมือนกับค่ำคืนนั้น ที่ดวงดาวเต็มท้องฟ้าและในอ้อมกอดของเขาก็ไม่ได้มีร่างกายที่นุ่มนวลแล้วหนีไปกับรักแรกแล้ว? ดีเหมือนกัน ก็แค่หนีจากอ้อมกอดเขาไปยังอ้อมกอดของผู้ชายคนหนึ่ง มีเพียงแค่เวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือว่าวัจสาจะเหมือนกับกนิษฐา จะเป็นสุนัขจิ้งจอกดึงดูดผู้ชาย? น่าเสียดายที่ตัวเองไม่ได้มีความสามารถแบบนั้น ไม่สามารถทำให้เขาตกหลุมรักเธอ!พูดได้แค่ว่าวัจสาให้ความสำคัญกับตัวเองมากเกินไปแล้วคนอย่างเขา ธัชชัย จะไปหวั่นไปกับผู้หญิงธรรมขนาดนั้นได้ไงล่ะ ถึงแม้จะเป็นของที่มีคุณภาพดี เขาก็ไม่มีทางหวั่นไหว!แต่ว่าวัจสาหนีไปกับรักแรก ยังไงก็ทำให้ธัชชัยรู้สึกไม่สบายใจตัวเองต่างหากที่เป็นสามีของเขา เธอมีสิทธิ์อะไรที่ทะเลาะกันรอบเดียวก็หนีไปกับผู้ชายอื่นแล้ว?ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ธัชชัยขมวดคิ้ว แล้วนำออกมาดู เป็นเบอร์โทรศัพท์ของคุณภูษิตโทรมาถามว่าหาผู้หญิงคนนั้นเจอหรือยังอีกแล้ว? ช่างน่าเบื่อจริงๆเขาไม่รับ กดวางสายไปเลย ผ่านไปไม่กี่วินาที ก็โทรมาอีก ระเบิดของธัชชัยถูกกระตุ้นออกมาเวลานี้ แต่ก็ยังคงไม่รับ แค่ให้มันออกเสียงต่อไม่หยุด……ในไม่ช้าก็ไม่มีเสียงแล้ว ในตอนที่ธัชชัยก็คิดว่าเรื่องได้จบลงแล้ว โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก ครั้งนี้ที่โทรมาคือโทรศัพท์บ้านของบ้านศรีทองเขาขมวดคิ้ว ยังไม่พอหรอ?เขาก็เลยรับ ตอนแรกจะใช้น้ำเสียงโมโหกดทับ เพราะว่าเสียงที่ส่งผ่านมาเป็นเสียงที่กำลังร้องไห้ของป้าอ้อย “คุณชายรอง……คุณ……ในที่สุดคุณก็รับโทรศัพท์……คุณชายใหญ่……คุณชายใหญ่ท่าน……ฮือๆ”ป้าอ้อยยังไม่ทันพูดจบก็ร้องไห้ขึ้นมา ทั้งตัวของธัชชัยตื่นเต้นขึ้นมาทันที เรื่องที่เกี่ยวกับพี่ชายใหญ่เขาใส่ใจมากอีกทั้งครั้งนี้ป้าอ้อยก็ร้องไห้ด้วย “รีบเอาโทรศัพท์ให้คุณภูษิต!” ธัชชัยพูดด้วยความรุนแรงคุณภูษิตรับโทรศัพท์จากป้าอ้อยที่กำลังร้องไห้ “คุณชัย เป็นอย่างนี้ครับ คุณชายใหญ่……ตอนนี้อารมณ์ไม่คงที่ คุณรีบกลับมาเถอะ เขาร้องไห้ตลอดเวลา และหายใจไม่ทัน ตัวเองยังไม่ยอมใช้เครื่องช่วยหายใจอีก”“ปรับอารมณ์พี่ฉันให้คงที่ก่อน! ฉันจะรีบไป!” ธัชชัยรีบพูดให้จบ จากนั้นก็รีบวิ่งไปทางรถเฟอร์รารี่สีดำของเขา ระหว่างทางไม่ทันระวังสะดุดก้อนหิน โดนขา แต่ว่าเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้วพี่ชายใหญ่เกิดเรื่องแล้ว เขาคิดว่าเป็นเพราะป้าอ้อยนำเรื่องของตัวเองกับผู้หญิงคนนั้นบอกเขา ฉะนั้นก็เลยโมโหจนอารมณ์ไม่คงที่ ถ้าเขากลับไปยอมรับผิดก็น่าจะโอเคแล้ว……ต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ……ความเป็นจริงแล้ว ในโทรศัพท์ คุณภูษิตแค่บอกเหตุผลที่ที่ทำให้เขาตกใจวรพลเสียการควบคุมแล้ว และไม่ได้ทำให้ตัวเองสกปรกอย่างเดียว ยังติดไปที่หน้าและมือของคุณหมอภูวิศด้วยธัชชัยรู้มาตลอดว่าพี่ชายของเขาเป็นคนที่รักความสะอาดมาก เขารู้สึกว่าการที่ตัวเองมีชีวิตอยู่อย่างนี้ ตายไปยังดีกว่าอีกที่จริงแล้วตั้งแต่ที่เขาโดนเผามา ร่างกายส่วนใหญ่ต่างก็ถูกทำลาย ต้องใช้สายหลอดในการขับถ่าย ในเวลาส่วนใหญ่ เขาไม่เห็นด้วยที่จะเสียบ มีแค่บางเวลาที่ต้องการเท่านั้น คุณหมอภาคินและคุณหมอภูวิศจะช่วยเขาจัดการเขาเป็นถึงผู้ชายคนหนึ่ง มักจะรักษาศักดิ์ศรีไว้ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาเองก็ไม่สบายใจ หลายครั้งมานี้ ก็สามารถกระตุ้นความรู้สึกเขาได้ แต่ไม่สามารถหายไปเร็วขนาดนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองให้ความร่วมมือดีมาก ไม่มีเหตุการณ์ที่ผิดพลาดเลยแต่ว่า วันนี้คุณหมอมีธุระจะต้องกลับบ้าน และอาการของวรพลก็ถือว่าคงที่อยู่ เขาก็เลยนำเรื่องส่งต่อให้คุณหมอภูวิศ ตอนออกจากบ้านบอกว่าตัวเองอาจจะกลับมาวันที่สอง ให้เขาระวังหน่อย ดูแลอาการให้ดี ถ้ามีอะไรให้โทรหาเขาตอนที่คุณภูษิตดูแลเรื่องอาหารของวรพลในห้องรักษา ก็ได้ยินเสียงทะเลาะของป้าอ้อยและคุณผู้หญิง เขาจึงออกไปดูแต่คิดไม่ถึงว่าข้างหลังจะกลายเป็นแบบนี้