วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 122 เครื่องหมายการจูบ
ตอนที่ 122 เครื่องหมายการจูบ
“วัจสา พอได้แล้ว ให้ฉันมารับใช้เธอ ชาติที่แล้วเธอได้รับบุญวาสนาขนาดไหนเนี่ย?”
น้ำเสียงของธัชชัยมีความเอ็นดูแฝงอยู่อ่อนๆ แม้กระทั่งเขาเองก็ไม่รู้สึก
วัจสาหันมองเหลือกตาขาวใส่ธัชชัย บุญวาสนาอะไรกัน เวรกรรมชัดๆ! ฉะนั้นวันนี้ถึงได้พบเจอผู้ชายแบบนี้อย่างเขาไง!
“ขอโทษนะ ขอบคุณความหวังดีของคุณชายรอง นายออกไปเถอะ บุญวาสนานี้ฉันไม่ต้องการ”
วัจสาแค่บอกไปทางธัชชัย จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก แล้วหันหน้าไป
ธัชชัยโมโหเพราะความเย็นชาของผู้หญิง แต่กลับกันเขานั่งลงยังเก้าอี้ข้างๆโต๊ะที่วัจสานั่งอยู่ ริมฝีปากที่สวยงามช่างดึงดูดใจจริงๆ
“ตอนนี้โมโหขนาดนี้ เพราะเรื่องเมื่อวานหรอ? หืม?” เขาพูดคำว่าหืมด้วยเสียงลากที่ยาว เหมือนมีความเอ็นดูอยู่
มาอีกแล้วผู้ชายคนนี้ เป็นเหมือนที่แวววัยบอกเลย ผู้ชายคนนี้ ขอแค่ของที่อยากได้ เพียงแค่ใช้ใจนิดหน่อย ก็สามารถเอามาได้เลย
แต่ว่าวัจสาไม่มีทางคิดถึงเรื่องเมื่อคืนเพราะคำนี้ของเขาหรอก……ใบหน้าที่เนียนขาวของเธอจู่ๆก็แดงขึ้น ผู้ชายคนนั้นแม้แต่เสื้อก็ไม่ถอด จู่ๆก็โจมตีเธอเข้ามาเลย……
เทียบกับสองครั้งก่อนแล้ว วัจสาแทบจะนึกว่าตัวเองจะสลบไปแล้ว ผู้ชายเป็นเพศที่ต้องใช้ส่วนล่างมาคิดหรอ? วัจสาไม่พอใจเขามาก!
เธอจ้องไปทางผู้ชาย ไม่อยากเปิดปากเถียงกับผู้ชายคนนี้ ยังไงสุดท้ายแล้วเขาก็มีเหตุผล สุดท้ายเธอก็แพ้ตลอด แบบนี้ไม่มีความหมายเลย สู้เหลือแรงให้ตัวเองหน่อยยังดีกว่าอีก ไม่ได้กินข้าวเธอเองก็ถือว่าหิวอยู่
ผู้ชายเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร จึงเปิดปากพูดอีกรอบว่า “วัจสา เธอเป็นนักศึกษาแล้ว เธอทำไม่รักษาสัญญา? เมื่อคืนฉันยอมตกลงไปนัดบอด เธอบอกว่าฉันต้องการอะไรก็จะให้หมด เมื่อคืนฉันก็แค่มาทวงข้อดีของฉันคืนแค่นั้น”
เล่ห์เหลี่ยมของธัชชัยก็ไม่รู้ว่าสร้างขึ้นยังไง ยังไงเขาก็มีเหตุผลมากมาย ทำให้เธอไม่สามารถต่อต้านได้ ราวกับว่าเขาพูดอะไรก็ถูกหมดทั้งนั้น
ผู้ชายจับขนมเผือกในกับข้าวที่ป้าอ้อยเตรียมไว้ขึ้นมา เพราะวัจสาชอบกินที่สุด ฉะนั้นในขนมนี้มีความหอมหวานอยู่ เขาจับใส่ปาก แล้วขมวดคิ้ว จากนั้นก็ยื่นไปทางปากของวัจสา
วัจสาค่อยๆหันหลังกลับ
“ผู้หญิงหลังจากที่ทำแล้วก็ไม่อยากยอมรับใช่ไหม? เมื่อคืนยังอ่อนโยนอยู่เลย ทำไมวันนี้มารังเกียจฉันล่ะ?” ธัชชัยหัวเราะอย่างมีเสน่ห์ น้ำเสียงแหบ ทำให้ผู้คนหวั่นไหว
“อีกอย่าง มูสที่เธอเหลืออยู่ที่บ้านพักอากาศ ฉันกินแทนเธอหมดแล้วนะ เธอล่ะ ตอนนี้ยังรังเกียจของที่ฉันกินไป”
น้ำเสียงของธัชชัยกำลังบอกว่าตัวเองมีบุญคุณต่อวัจสา หรือว่าจะให้เธอไปคุกเข่าหรอ?วัจสาทนกับความอวดดีของผู้ชายคนนี้ไม่ไหวแล้ว ช่างเป็นนกยูงที่หลงตัวเองจริงๆ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกินมูสที่เหลือของตัวเอง? ใช่แล้ว ต้องเป็นเพราะว่ามันเป็นรสกีวี่เขาถึงกินต่างหากแต่ว่ากินของเหลือจากเธอต่อหน้าภาวินี จะเข้าใจผิดกันไหมเนี่ย……ก็ไม่รู้ว่าทำไม นึกไม่ถึงเลยว่าวัจสาจะไม่เปิดปาก ธัชชัยผลักมือเข้าไป นำขนมที่เหลือยัดเข้าไปในปากของเธอวัจสาไม่ได้จะทะเลาะกับผู้ชายคนนี้ เธอแค่จะทำตามแผนการของเธอแต่ว่าก็แค่กินขนมเผือก วัจสากินไปก็ได้แล้วไม่ใช่หรอ?“อร่อยมากใช่ไหม? เป็นเพราะมีน้ำลายของฉันไงล่ะ” ธัชชัยยิ้มอ่อนๆ แต่ในแววตากลับช่างน่าหวั่นไหวจริงๆ ราวกับวิญญาณที่จะมาดึงดูดผู้คนแต่ว่าวัจสาไม่มีทางหลงอยู่ในการกระทำปลอมๆแบบนี้ เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาที่สวยงามของผู้ชาย “ฉันจะพบวรพล”“จะพบพี่ชายใหญ่อีกแล้ว? หรือว่าเมื่อวานที่ฉันทำยังไม่พอใจสำหรับเธอหรอ?!” ทันใดนั้นสีหน้าของธัชชัยก็แย่ลง ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงอยากเจอแต่พี่ชายใหญ่?น้ำเสียงของเขาทำให้วัจสาเกือบพูดไม่ออก “ใครพอใจ……หยาบคาย!”“สงสัยเธอจะลืมผลงานที่ลำบากลำบนของฉันในเมื่อวานแล้วสินะ จะให้ทำซ้ำให้อีกรอบไหม?” ผู้ชายเดินก้าวไปข้างหน้า เหมือนจะจับหน้าของวัจสาวัจสาพยายามอดทน จึงไม่ได้ปัดโจ๊กถ้วยนั้นลงบนหน้าของธัชชัย เพื่อนแผนการของตัวเอง โจ๊กถ้วยนี้กินไปก็ยังดีกว่าฟุ่มเฟือยอยู่บนหน้าเขา ห้ามทำให้เขาโมโห ไม่งั้นก็จะไม่ได้เจอ ‘วรพล’ ที่เขาปลอมตัวแล้วฉะนั้นวัจสาจึงพูดตอบกลับไปว่า “ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องได้เจอวรพล ถ้าไม่เจอ……”“ทำไม? จะอดอาหารต่อหรอ? ฉันจะรอดูว่าชีวิตของเธอจะหิวซักกี่วัน!”“ไม่ ฉันจะไปศาล ฟ้องหย่า” น้ำเสียงของวัจสาออกเย็นชา จู่ๆเสียงก็ดังขึ้นโดยไม่รู้ตัวธัชชัยขมวดคิ้ว พูดด้วยเสียงต่ำว่า “เธอกล้า? ถึงแม้เธอจะหย่าขึ้นมาจริงๆ เธอคิดว่าตระกูลเดิมขุนทดจะให้เธออยู่อย่างอิสระหรอ? ฉันแค่กลัวว่าถ้าเราเจอกันอีกครั้ง เธอจะถูกส่งมาขณะที่อยู่ในกรง”ใช่แล้ว คนอย่างปยุต ถ้าเทียบระหว่างสิ่งรอบข้างกับบริษัทของเขาจริงๆแล้วก็นับอะไรไม่ได้เลย“ใช่สิ ในสายตาของพวกนาย คิดว่าฉันน่ารังแกมาโดยตลอดสินะ? ถ้าตอนมีชีวิตอยู่ไม่สามารถข่มขู่ได้แล้ว งั้นฉันก็คงทำได้แค่ไปตาย บ้านศรีทองก็จะมีสิ่งของที่ล้ำค่าที่ชื่อว่าวัจสาไง!”เสียงของวัจสายิ่งอยู่ก็ยิ่งแหลม บวกกับน้ำเสียงที่ดูถูกตัวเองอีก จู่ๆเธอก็เศร้าขึ้นมา ดวงตาเริ่มแดง แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาจากดวงตา“มากที่สุด ฉันก็แค่ไปพบคุณพ่อคุณแม่ฉันล่วงหน้าเท่านั้นเอง……”ธัชชัยมองดูน้ำตาของผู้หญิงด้วยความอึ้ง จู่ๆเขาก็ไม่พูดอะไรแล้ว ความวู่วามในตัวหายไปทั้งหมด ในดวงตาเหลือเพียงแต่ความอ่อนโยนเขาถอนหายใจ แล้วจูบเธอตอนแรกแค่อยากปลอบใจเธอ แต่ว่าการจูบนี้กลับค่อยๆหอมหวานมากขึ้นริมฝีปากของวัจสามีเวทมนตร์อย่างหนึ่ง ทำให้ธัชชัยไม่สามารถปล่อยได้ เขาอยากจะลองลึกลงไป ธัชชัยทั้งกัดทั้งจูบริมฝีปากที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของผู้หญิง เหมือนจะบังคับแต่แฝงความอ่อนโยน หวาดเสียวแต่กลับไม่โจมตีวัจสารู้สึกแค่ว่าริมฝีปากเธอชาไปหมด แล้วร่างกายของเธอก็อ่อนตัวลงโดยไม่รู้ตัวลิ้นของเขาทั้งร้อนและมีพลังมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือมีชีวิต วัจสารีบเปิดปากออก ยอมรับการโจมตีที่มีแรงมากขึ้นของเขาวัจสาเกือบจะรู้สึกว่าตัวเองจะขาดลมหายใจแล้วทักษะการจูบของผู้ชายคนนี้สูงจริงๆ เคยลองมาแล้วกี่คนเนี่ย?เขาก็เหมือนกับดอกไม้ที่เบิกบานในที่มืด แล้วปรากฏในชีวิตของวัจสา ทำให้เธอไม่ได้ต่ำต้อยอีกต่อไป จนกระทั่งตกลงไปในส่วนที่ลึกที่สุด……แต่ว่าจู่ๆสมองของวัจสาก็มีอะไรบางอย่างผ่านมา ใช่แล้ว เป้าหมายในคืนนี้ห้ามลืมเด็ดขาด ต้องทำเครื่องหมายบางอย่างบนตัวของผู้ชายคนนี้ อย่างนี้เธอก็สามารถแยกแยะได้แล้วว่าใช่เขาหรือเปล่าเธอกัดลงบนลิ้นของธัชชัยอย่างแรง ในไม่ช้าวัจสาก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นคล้ายสนิมของเลือด นั่นเป็นเลือดของลิ้นธัชชัยในส่วนอื่นๆ เธอไม่สามารถทำร้ายเขากะทันหันได้ ทำได้แต่กัดลิ้น ถึงจะเหลือเครื่องหายไว้โดยไม่รู้ตัวได้ ผู้ชายจะคิดว่าเธอแค่ต่อต้าน ไม่เกิดความสงสัยเธอไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร แต่ไม่ได้แปลว่าเธอไม่มีสมอง แผนการอย่างนี้เธอเองก็สามารถทำได้ในตอนที่ผู้ชายปล่อยเธอออก เธออ้อนวอนธัชชัยด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา จากนั้นก็ค่อยๆเขย่าแขนที่แข็งแกร่งของเขา“ธัชชัย ขอร้องล่ะ ให้ฉันพบพี่ชายใหญ่ของนายได้ไหม ฉันมีเรื่องจะพูดกับเขาจริงๆ……ได้ไหม?”ไม่พูดไม่ได้เลยว่า การแสดงของวัจสาเยี่ยมยอดมากจริงๆ เธอรู้จักที่จะใช้จุดเด่นของตัวเอง แต่ถ้าเธอมีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่านี้ ธัชชัยก็จะถูกเธอกินจนตายธัชชัยก็ยังคงมีเหตุผลอยู่ มองดูผู้หญิงตรงหน้านี้ ท่าทางที่น่าสงสาร เหมือนจะเป็นภรรยาของตัวเองด้วยเขาใช้นิ้วนางไปสัมผัสกับริมฝีปากที่บวมของวัจสา “ชอบกัดคนขนาดนี้? งั้นก็ใช้มันมาแลกเปลี่ยนสิ่งที่มีคุณค่าเถอะ”เขาก้มหัวลง ไม่รู้ว่าพูดอะไรที่ข้างหูของวัจสา สุดท้ายวัจสาก็ได้ยินเพียงแค่ว่า “นั่งรอดีๆอยู่ในห้อง” หลังจากพูดจบ ธัชชัยก็เดินออกไปด้วยก้าวเท้าที่ใหญ่แต่ว่าธัชชัยไม่ได้บอกว่าเขาจะมา หรือว่าจะปลอมตัวเป็น ‘วรพล’ มาวัจสารู้สึกว่ากรณีหลังมีความเป็นไปได้สูงกว่าหลังจากผู้ชายจากไปแล้ว หัวใจของเธอก็ไม่เคยหยุดเต้นเลยที่จริงเธออยู่ปีสี่แล้ว เป็นเวลาที่ต้องออกไปฝึกงาน แต่ว่าวัจสาวางแผนการจบการศึกษาของเธอมานานมากแล้ว แม้กระทั่งวิทยานิพนธ์ก็ยังทำไม่เสร็จ ตำแหน่งฝึกงานก็ยังไม่ได้หา ยังมีเรื่องวุ่นวายอีกมากมายรอเธอไปจัดการอยู่แต่เธอกลับไม่อยากขยับ ถ้าเปิดโปงผู้ชายคนนั้นโดยตรง ตัวเองควรจะเผชิญหน้ายังไง? คงจะไม่กลับมาบ้านศรีทองอีกสินะ?เธอจะต้องถามให้ชัดเจน ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่!ก่อนหน้านี้ถึงแม้จะตกลงกับคุณลุงแล้วว่าจะแต่งเข้ามา แต่ว่าได้รับการดูถูกที่ใหญ่ขนาดนี้ เธอยังจะอยู่ที่นี่ต่ออีกได้หรอ? ทุกคนเห็นเธอเป็นตัวตลกแท้ๆ ตัวเองยังจะอยู่ต่อให้อับอายอีกหรอ?! ถ้าตระกูลเดิมขุนทดไม่รับเลี้ยงตัวเอง งั้นเธอก็จะกลับไปอยู่ที่มหาลัย ไม่ใช่ว่าไม่มีที่อยู่สักกหน่อย เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ชีวิตของตัวเองใครก็เข้ามายุ่งไม่ได้ในตอนที่วัจสากำลังคิดหนทางในอนาคตอยู่ รถเข็นก็ค่อยๆเข้าใกล้ เธอรู้ ‘วรพล’ มาแล้ววัจสาสูดหายใจลึก ถึงแม้เธอจะเปิดโปงผู้ชายคนนี้โดยตรง ตัวเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้แล้วเธอปิดตาแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพข้างหน้ากลายเป็นภาพชัดเจนแล้วเธอหันหลัง แล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ‘วรพล นายมาแล้ว’‘วรพล’ ยังคงเป็นรูปร่างที่ถูกเผาครั้งนั้น แต่ก็เป็นเหมือนกับที่ปรมะพูด ร่างกายของเขาแข็งแรงมาก แข็งแรงกว่ารูปภาพนั้น อีกอย่างการกระทำก็ดูมีชีวิตชีวา ยังสามารถเข็นรถที่ตัวเองนั่งอยู่ได้ด้วยวัจสาสังเกตเห็นขาของเธอ ขาของเธอเรียบและใส ช่องโผล่ใหญ่ขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะโง่ถึงขั้นไม่เห็น?! โง่จริงๆ วัจสาอยากจะตีตัวเองตาย!