วิถีไลฟ์สตรีมของโอนิสาวสายอัดกระแทก - ตอนที่ 55
“เป็นยังไงบ้าง?”
“เหวะ…สบายมาก…”
“ไม่ต้องฝืนตัวเองไปหรอกนะ ถึงฉันจะออมแรงไปบ้างแต่หมัดนั้นก็ยังมีพลังพอจะทำลายบาเรียรอบๆอยู่ดีน่ะ”
การฝึกซ้อมต่อสู้ที่สถานฝึกจบลงที่ความพ่ายแพ้อย่างหมดสภาพของฉันเอง และฉันก็ถูกพาไปนอนพักบนเตียงในบริเวณพักผ่อน
อย่างที่เจ้าตัวได้บอกมา มันคือสกิล[สันดาบ(มิเนะอุจิ)] เทคนิคขั้นสูงที่ไม่อาจเรียนรู้ได้จนกว่าจะเพิ่มเลเวลของสกิล[ต่อสู้มือเปล่า]ไปเยอะมาก…ดูเหมือนว่าอย่างนั้นล่ะนะ
ผลก็คือตัวฉันที่เหลือค่าHPอยู่เพียงแค่1แต้มพอดี และจากแรงปะทะอันรุนแรงของหมัดที่รู้สึกเหมือนกับถูกรถชนเข้าจังๆ ฉันจึงล้มลงไปนอนกับพื้นอีกครั้ง
รู้สึกเหมือนถูกจับเขย่าไปมาทั้งตัวเลย ลำบากสุดๆเลยล่ะ
ถึงแม้ว่าจะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไร มันกลับมีเพียงความรู้สึกเหมือนกับว่าฉันกำลังเมารถอย่างหนักอยู่อย่างนั้น
ถึงฉันจะคิดว่าอีกไม่นานก็หายก็เถอะ
“ซุคุนะ ฉันคิดว่ากลยุทธ์ของเธอไม่เหมาะกับสกิล[ต่อสู้มือเปล่า]ล่ะ”
“ฟุเอ๋?”
ฉันส่ายหัวไปมาจากความมึนงงในขณะเดียวกันกับที่โคฮาคุพูดขึ้น
ในตอนที่ฉันเอียงคอสงสัยในสิ่งที่โคฮาคุบอกมา เธอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“เมื่อวันก่อนจากที่ฉันได้เห็นเธอสู้กับมนุษย์ผู้หญิงอยู่ แล้วก็รวมๆแล้วเวลาที่เธอสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า เธอน่ะมักจะสู้ด้วยวิธีการสร้างความเสียหายสะสมทีละเล็กน้อยจากการโจมตีทีละครั้งสินะ จริงๆแล้วก็ไม่ผิดหรอกนะแต่เมื่อคู่ต่อสู้เป็นอย่างฉันที่มีสกิลหรือความสามารถในการฟื้นฟูและกับพวกศัตรูที่เน้นด้านความทนทานและเชื่องช้า ผลจากกลยุทธ์ของเธอจะลดลงไปอย่างมากเลยล่ะ”
เป็นเหมือนกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นไป พอเธอพูดถึงมันขึ้นมาฉันก็นึกไปถึงตอนที่ฉันลำบากเพื่อทำความเสียหายเพื่อที่ให้มันถูกฟื้นฟูไปต่อหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ได้เห็นการโจมตีที่ในที่สุดก็ส่งไปถึงสลายกลายเป็นความพยายามที่สูญเปล่าเองก็เป็นเรื่องแย่ต่อกำลังใจแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นถ้าทุ่มสุดกำลังแล้วยังเจอแบบเดิมอีก…
“คู่ต่อสู้ที่เธอเจอมาเองก็ไม่ดีเหมือนกันแต่นั่นก็ยังคงเป็นเรื่องจริง ทั้งหมาป่าแดง เด็กผู้หญิงคนนั้น มังกรบริสุทธ์ รวมถึงฉันเอง ทั้งหมดล้วนเป็นศัตรูที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่เธอจะชนะได้ง่ายๆ…แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเอาชนะหมาป่าแดงได้และสืบทอดพลังของมันมา รู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไรถึงทำให้เธอชนะ?”
“หืม…เพราะว่าฉันไม่บุกเข้าโจมตีล่ะมั้ง”
พอถูกถามถึงสาเหตุที่ฉันชนะหมาป่าแดงได้ ฉันเลยยกเหตุผลที่ฉันนึกออก กลยุทธ์สวนกลับ จวบจนจุดสุดท้ายของการต่อสู้ ถ้าไม่นับมีดเดียวที่ฉันขว้างออกไปแล้ว ฉันไม่ได้เริ่มโจมตีก่อนเลยสักครั้งหนึ่ง
“ฉันมั่นใจว่าเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าฉันได้เห็นเธอสู้กับหมาป่าแดงกับตาของตัวเองหรอกนะแต่ว่าหลังจากที่ได้สู้กับเธอในวันนี้แล้วฉันก็ได้รู้ถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมา…ซุคุนะ การมองเห็นของเธอน่ะดีเกินไป”
“การมองเห็นของฉัน?”
“ซุคุนะ เธอน่ะ มองเห็นทุกอย่างไปโดยไม่ตั้งใจ ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่เธออาจจะได้รับการโจมตีเธอก็จะมุ่งไปในการหลบการโจมตีนั้น โดยเฉพาะเวลาที่เธอสู้ 1 ต่อ 1 นิสัยนั้นก็ยิ่งโดดเด่นขึ้นมา”
ฉันไม่ได้คิดมากในเรื่องนั้นแต่ฉันก็ไม่อาจแย้งอะไรในเรื่องที่โคฮาคุพูดขึ้นมาได้เลย
ในการต่อสู้กับโรวก็ด้วย ฉันลังเลที่จะโจมตีเธอ ถึงเธอจะมีเลเวลสูงกว่าฉันมากแต่ก็มีบางโอกาสที่ฉันสามารถฝ่าการป้องกันของเธอได้ถ้าฉันไม่กลัวที่จะเจ็บตัว
มีทั้งความต่างของเลเวล ความต่างของความว่องไว ความต่างของความแข็งแกร่ง ความต่างของสกิล และความต่างของประสบการณ์
แต่ระหว่างการต่อสู้กับโรว ฉันมัวแต่พึ่งพาสกิล[หมาป่าผู้หิวโหย]ในการปกปิดช่องว่างนั้น
“แก่นกลางของ[ต่อสู้มือเปล่า]คือการโจมตีต่อไปถึงแม้เลือดของตัวเองจะต้องหลั่ง ถ้าจะใช้กลยุทธ์โจมตีแล้วหนีเธอควรจะใช้อาวุธแทนดีกว่า ยังไงซะอาวุธก็มีพลังโจมตีที่มากกว่าล่ะนะ”
“อุมุมุมุ…”
“ยังไงก็เถอะ จากที่ฉันสังเกตเธอน่ะเป็นประเภทคอยโอกาสสวนกลับมากกว่า ฉันคิดว่าสไตล์โจมตีแล้วหลบหนีคงไม่เหมาะกับเธอหรอกนะ”
ถ้าย้อนนึกไปถึงชัยชนะที่ได้มาอย่างไม่คาดคิดจากอาเรีย ฉันคิดว่าฉันคงเห็นด้วยอย่างจริงใจว่าฉันเหมาะกับกลยุทธ์ในการสวนกลับจริงๆ
แม้แต่ตอนที่ฉันสู้กับโรว ถ้าฉันมุ่งสมาธิทั้งหมด บางทีฉันอาจจะสามารถเอาชนะเธอได้ด้วยการสวนกลับเพียงอย่างเดียวก็ได้ แม้แต่ในสถานการณ์ก่อนหน้านี้ ถ้าฉันไม่โลภพยายามสวนกลับ บางทีฉันอาจมองออกถึงแผนของโคฮาคุที่เล็งไปยังฐานเท้าของฉันแล้วหาทางรับมือก็ได้
ถ้าฉันไม่มัวแต่คอยกังวล ถึงแม้โคฮาคุจะฟื้นตัวด้วยสกิลรีเจนของเธอก็เถอะ แต่ใช่ว่าฉันอยากจะเอาชนะเธอเสียที่ไหนกัน
สุดท้ายก็เป็นเพราะความใจร้อนของฉันที่ทำให้ฉันตัดสินใจผิดพลาดสินะ
ถึงจะได้ใช้งานเพียงแค่สองวัน ฉันก็รู้สึกผูกพันกับสกิล[ต่อสู้มือเปล่า]ไปแล้ว …ซะเมื่อไหร่ล่ะ
“เธอน่ะสายตาดีนะ สัญชาตญาณและการตอบสนองเองก็เข้าขั้นอัจฉริยะด้วย แล้วยังมีร่างกายที่เคลื่อนไหวได้ดั่งใจนึก หลังจากนี้ถ้าเธอสั่งสมประสบการณ์และเตรียมพร้อมรับมือกับทุกอย่าง คงมีสิ่งมีชีวิตเพียงหยิบมือบนโลกใบนี้ที่พอจะสามารถโจมตีถึงตัวเธอได้นะ”
“หยิบมืเหรอ? อย่างอะไรน่ะ?”
“ก็อะไรอย่างผู้ที่สามารถใช้เวทมนตร์ทำลายล้างวงกว้างได้น่ะสิ”
“ฮิเอ๋…”
ว่าแล้วเชียว พวกนั้นสินะ
ชูเท็นเล่าว่าเวทมนตร์แห่งสัจธรรมที่อโพคาลิพส์ใช้มันผิดจากสามัญ แต่ต่อให้เป็นเวทมนตร์ที่มีผลเพียงหนึ่งในสิบของผลคล้ายๆกันก็ทำให้คิจินอย่างพวกเราตายได้ง่ายๆ
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าความเสียหายทางเวทมนตร์คิดคำนวณยังไง แต่หลังจากนี้คงมีการต่อสู้ที่มีเวทมนตร์มากกว่านี้อีก รวมถึงเวทที่ว่องไวสุดๆอย่างหอกแห่งแสงนั่นด้วย
“ในส่วนของเวทมนตร์ เธอจะเตรียมรับมือแบบเดียวกับฉันก็ได้ หรือจะบดขยี้พวกมันก่อนที่จะร่ายเวทเสร็จก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังสามารถใช้ระบำยักษากระบวนท่าที่สามได้ด้วยนะ ถึงจะมีวิธีรับมือหรือไม่ ยังไงก็ควรระวังเรื่องเวทมนตร์ไว้ตลอดเวลาด้วยนะ”
“[ท่ารำที่สาม กระจกวารี]…สินะ? สงสัยจังว่าต้องมีค่าความแข็งแกร่งแค่ไหนถึงจะเรียนรู้ได้กัน?”
“ฟุฟุ นั่นสินะ”
โคฮาคุเพียงแค่ยิ้มให้ ไม่ว่าจะเรื่องที่ว่าฉันจะเรียนรู้ได้เมื่อไหร่หรือผลของมันคืออะไร เธอก็ไม่ยอมบอกเลยสักนิด
ท่ารำกระจกวารี ท่ารำอสูรร่ำไห้ ท่ารำโดวจิ ถึงแม้ว่าเธอจะสอนถึงชื่อของท่ารำที่เหลืออีกสามท่า ฉันก็ไม่รู้เลยว่าพวกมันมีผลอะไร
สิ่งเดียวที่ฉันรู้ก็คือพวกมันส่งผลเสริมพลังให้ผู้ใช้เช่นเดียวกับ ท่ารำอสูรร้าย และ ท่ารำสองคม
“ยิ่งเธอสู้มากขึ้น ก็ยิ่งมีท่าที่เธอสามารถใช้ได้เพิ่มขึ้น และยิ่งสะสมประสบการณ์มากขึ้น การตัดสินใจของเธอก็จะดีขึ้น เธออาจจะรู้แล้วแต่ช่วงหนึ่งในการซ้อมต่อสู้ฉันก็ใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเสริมค่าสถานะอื่นเช่นกัน นั่นเองก็เป็นผลมาจากประสบการณ์การฝึกซ้อมหลายสิบปียังไงล่ะ”
วางมือของเธอไว้บนหัว โคฮาคุก็ได้แสดงสีหน้าอ่อนโยนขณะที่มองมาที่ฉัน
มันก็รู้สึกเขินๆหน่อยนะ แต่ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเธอก็รู้สึกดีเหมือนกัน
“ถึงแม้ว่าเธอจะสัญญากับฉันแล้วยังมีสัญญากับท่านคิชินอยู่ก็อย่าได้เร่งรีบไป ค่อยๆพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น แม้แต่ตอนนี้ฉันเองก็ยังเยาว์วัย ท่านคิชินเองก็ถูกผนึกมาหลายร้อยปีแล้ว ต่อให้ต้องรออีกสักหน่อยก็ไม่มีใครจะลงโทษเธอหรอกนะ”
น่าประหลาดใจแต่นั่นก็เป็นสิ่งเดียวกับที่ชูเท็นบอกกับฉันมาเหมือนกัน
ชูเท็นกล่าวว่า “โคฮาคุก็คิดเช่นเดียวกัน” แต่ความคิดของคิจินทั้งสองคล้ายกันเสียจนฉันคิดว่าพวกเขาแอบไปติดต่อกันไว้ก่อนแล้วเลยล่ะ
ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนที่ฉันจะสามารถไปยืนอยู่ในจุดที่พวกเขายืนอยู่ได้
แต่ดูเหมือนว่า ทั้งสองต่างไม่ต้องการให้ฉันเร่งรีบอะไร
ถ้างั้นฉันก็ขอเดินตามทางของฉันต่อไปละกัน
“แล้วก็ แค่เธอแกร่งขึ้นคนเดียวก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพื่อทำให้ความปรารถนาของพวกเราสมหวัง พวกเราต้องการสหายร่วมรบมากกว่านี้ ฉันเลยจะไปที่หมู่บ้านคิจินสักพัก ดูเหมือนว่าพวกของเธอเองก็ไปถึงที่นั่นเช่นกัน ฉันคิดว่าฉันจะขอความช่วยเหลือจากพวกเขาอีกครั้งดูล่ะ”
“อืม พวกเขาเป็นคนดีกันทั้งนั้นเลยนะ”
เมื่อวานฉันได้คุยกับผู้เล่นอื่นบนบอร์ดเฉพาะเผ่าพันธุ์ของคิจิน ตั้งแต่เรื่องที่ฉันยังไม่ได้หาข้อมูลไปจนถึงเรื่องที่ฉันไม่ได้คิดอยากรู้ พวกเขาสอนฉันในหลายๆเรื่องเลย
แทนที่จะเรียกว่าเว็บบอร์ด คงต้องเรียกว่ากรุ๊ปแชทกันมากกว่า…เพราะในเมื่อพวกเราก็ไม่ได้ปกปิดตัวตนอะไรกันขนาดนั้น ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
“อ๊ะ….พอมาคิดดูแล้ว พิธีอวสานของโคฮาคุเป็นเทคนิคยังไงงั้นเหรอ?”
เมื่อบทสนทนาหัวข้อที่แล้วจบลง ฉันก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่ชูเท็นบอกฉันไว้ถึงไม้ตายของโคฮาคุ
“แปลกใจจัง ไปได้ยินมาจากไห…ไม่สิ คงได้ยินมาจากท่านคิชินสินะ”
ดูเหมือนว่าโคฮาคุจะคาดไม่ถึงว่าฉันจะพูดถึงเรื่องพิธีอวสาน สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นตกใจก่อนที่จะเข้าใจได้และคลายลง
“แบบว่า ก่อนที่ฉันจะมาถึงที่นี่ พวกเราได้คุยกันนิดหน่อยล่ะ”
“…ให้ตายสิ เหมือนว่าเธอกำลังล้อความฝันที่ฉันพยายามไล่ตามมาตลอดทั้งชีวิตเลยนะ”
“เอะเหะเหะ”
ฮาคุตอบกลับมาได้ตรงจุดเสียจนฉันได้แต่หัวเราะเบี่ยงประเด็น
“พิธีอวสานของระบำยักษาน่ะนะ คือสุดยอดเทคนิคที่ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับท่ารำสุดท้าย ชื่อท่ารำนั้นมักจะเกี่ยวข้องกับผู้ร่ายรำอย่างไม่มีข้อยกเว้นและเธอก็จะไม่รู้ว่ามันคืออะไรจนกว่าเธอจะใช้มัน ถึงกับเรียกได้ว่ามันคือกระจกสะท้อนชีวิตทั้งชีวิตของผู้ร่ายรำเชียวล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ในกรณีของโคฮาคุก็จะเป็น ท่ารำโคฮาคุ อย่างนั้นเหรอ?”
“เข้าใจถูกต้องแล้วล่ะ แล้วก็ตอบคำถามก่อนหน้านี้ พิธีอวสานของฉัน บอกคร่าวก็เป็นท่าไม้ตายปลิดชีพในทีเดียวเลยล่ะนะ”
“อ่า…เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วยสินะ”
คงบอกได้แต่ว่าเป็นท่าไม้ตายที่เหมาะกับโคฮาคุผู้มีความแข็งแกร่งโดดเด่นเพียวๆอยู่แล้ว
นั่นคงจะเป็นที่มาของฉายาโคฮาคุแห่ง[ฮาโจว]
“ไว้ครั้งหน้าจะโชว์ให้ดูนะ ถ้าใช้ในสภาพนี้เลยฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาน่ะ”
“นั่นสิ ฉันว่าดีแล้วล่ะ”
สำหรับคนที่รับการโจมตีของโคฮาคุกับตัวแล้ว ฉันรู้ดีถึงความรุนแรงของหมัดธรรมดาๆที่ดูเหมือนว่ามันจะทำลายได้ทุกสิ่ง ฉันได้แต่ขนลุกขึ้นมาเมื่อจินตนาการถึงท่าไม้ตายของผู้ที่มีพลังขนาดนั้น
อย่างน้อยๆสังเวียนนี้คงกลายเป็นเศษซาก หรือในกรณีเลวร้ายที่สุด ทรีอาทั้งเมืองอาจตกอยู่ในอันตรายเลยก็ได้ เพียงแค่นึกถึงจำนวนผู้คนที่จะได้รับลูกหลงไปด้วยแล้ว…น่ากลัวจริงๆ
“อ๊ะ จริงสิ มีข้อความฝากมาจากท่านคิชินให้เธอด้วยนะ”
“เอ๋?”
เพราะการซ้อมต่อสู้กะทันหัน ฉันจึงลืมมันไปเลย แต่ตอนนี้ฉันก็ได้ระลึกถึงข้อความที่ชูเท็นฝากมา
เพราะว่าฉันพูดชื่อชูเท็นออกมาโดยไม่ให้เกียรติต่อหน้าโคฮาคุไม่ได้ ฉันเลยเรียกเธอว่าท่านคิชิน
“[ข้าจักรอในวันที่จะได้พบกับเธอ] บอกมาแบบนั้นล่ะ”
หลังจากที่ได้ถ่ายทอดคำเหล่านั้นให้กับเธอ ระบบความคิดทั้งหมดของโคฮาคุก็ได้ปิดตัวลง
โคฮาคุเนี่ย มีจุดอ่อนแปลกๆในด้านที่คาดไม่ถึงเลยเนอะ?
☆
หลังจากที่โคฮาคุกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เธอลูบหัวฉันแล้วจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
หน้าของเธอแดงแจ๋ และสีหน้าก็ดูเละเทะ…คงเป็นเพราะเธอดีใจมากเสียจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย
แอบเก็บโมเมนต์เหล่านั้นไว้ด้วยการถ่ายหน้าจอ พร้อมกับคิดไปว่าเธอดูเหมือนแฟนๆที่ได้เจอกกกับไอดอลของตัวเองเลย ฉันก็นั่งลงบนเตียงพยายามฟื้นตัวจากหัวที่โครงเครงไปมาอยู่
โน้ตผู้เขียน
ครั้งแรกที่ได้รู้จักคำว่าปลิดชีพในทีเดียวมาจากโปเกม่อนล่ะ
โน้ตคนแปล ไปอ่านมังงะกันด้วยนะพวกเธอว์