วิถีไลฟ์สตรีมของโอนิสาวสายอัดกระแทก - ตอนที่ 30
วันต่อมาคือวันจันทร์ซึ่งถือเป็นวันทำงานสำหรับส่วนใหญ่บนโลก
เหมือนเช่นเคยที่ฉันไม่ได้คาดหวังว่าจะมีผู้คนมาชมกันตั้งแต่ในเช้าวันจันทร์ ฉันจึงล็อกอินเข้าไปในWLOแต่ไม่ได้ไลฟ์สตรีม
โทวกะจังเองก็ไปโรงเรียนแล้วเมื่อเช้านี้
ตั้งแต่เช้าตรู่เลยที่มีบอดี้การ์ดหญิงมารับเธอไป เธอได้กลับไปพร้อมกับรอยยิ้มสดชื่น
ฉันจำไม่ได้ว่าเคยเจอพวกบอดี้การ์ดมาก่อนแต่พวกเขาดูเหมือนจะจำฉันได้นะ “ยังมีชีวิตอยู่จริงๆสินะ” พวกเขาว่างั้นล่ะ
ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะดีกว่านี้ถ้ารินจังปฏิเสธเรื่องข่าวลือพวกนั้นสักหน่อยเหรอ?
พอฉันพูดออกไปแบบนั้น เธอก็ถอนหายใจแล้วตอบกลับมา “มันจำเป็นนะรู้ไหม”
ยังไงซะในยุคสมัยที่ทุกคนมีโทรศัพท์ติดตัวอยู่ ฉันเองก็มีส่วนผิดด้วยที่ไม่ได้ติดต่อคนอื่นๆ จะโทษแต่รินจังก็คงจะไม่ได้
หลังจากนี้ทุกครั้งที่ฉันเจอคนที่เคยรู้จักจากสมัยมัธยมต้น พวกเขาจะเอาแต่พูดว่า“ยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”หรือเปล่านะ?
ฉันไม่รู้จักคนอื่นนอกจากคนรู้จักของรินจังกับโทวกะจังหรอกนะ แต่นานครั้งก็มีบ้างที่ฉันได้เจอกับพ่อแม่ของรินจัง
กลับเข้าสู่ประเด็น
สาเหตุที่ฉันกลับมายังดูอัลลิสอีกครั้งเป็นเพราะเด็กผู้หญิงตัวเล็กจาก[ถนนร้านค้า] ฮารูรุ ที่ฉันลืมไปจนถึงตอนนี้
แน่นอนว่ามีโอกาสที่เธอจะไม่อยู่ที่นี่ แต่นี่เป็นเรื่องที่ฉันอยากจะมาตรวจสอบทันทีที่มีเวลา อีกอย่างฉันเองก็อยากจะดูถนนร้านค้าอีกครั้ง
ฉันใช้เวลาไปกับการเดินไปยังถนนร้านค้าที่ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน อาจเป็นเพราะกลุ่มผู้เล่นใหม่ๆที่เพิ่มขึ้นเริ่มมาถึงกัน แม้ว่าจะไม่ใช่วันหยุดก็ตาม
หนึ่งในร้านค้าที่สะดุดตาฉันคือแผงลอยที่ขายไอเท็มที่ชื่อว่าโพชั่นน้ำหวาน
ตามปกติแล้วโพชั่นจะมีรสชาติพอดื่มได้–ละมั้งนะ เพราะฉันเองก็ยังไม่เคยดื่มเลยสักขวด – แต่เจ้าของแผงลอยสร้างโพชั่นที่มีรสชาติเฉพาะตัวขึ้นมาไดงั้นเหรอ…
“คุณหนู อุปกรณ์สวมใส่แปลกตาจังเลยนะ”
สตรอเบอรรี่ เมล่อน บลูฮาวาย- …ขณะที่ฉันกำลังไล่ดูชื่อรสชาติที่มักจะเห็นได้บ่อยๆในช่วงเทศกาล ฉันก็ถูกเจ้าของแผงลอยเรียกเข้า
รูปร่างภายนอกของเขาคือชายหนุ่มหล่อเหลาผมแดงที่มีสีเงินปนอยู่ด้วย แต่ว่าพอได้ยินเสียงแล้วก็รู้ได้ว่าเป็นเสียงของผู้หญิงอย่างแน่นอน
“น่าจะยังมีผู้เล่นไม่มากที่สามารถสร้างชุดแนวตะวันออกได้…ถ้าไม่รบกวนอะไรฉันขอรู้ชื่อหน่อยได้ไหม”
“ฉันซุคุนะ ส่วนคนที่สร้างชุดนี้คือโคเนกะมารุซังล่ะ”
เพราะว่าฉันเป็นสตรีมเมอร์ และโคเนโกะมารุซังเองก็โผล่มาให้เห็นในสตรีมอยู่ด้วย ถ้าหากจะตามสืบชื่อของพวกเราจริงๆก็เป็นเรื่องง่ายเลย ฉันเลยบอกมันออกไปเพราะไม่มีเหตุผลที่จะซ่อนไว้
แล้วเขา(?)ก็พยักหน้ายอมรับง่ายๆ
“อ่า เนโกะซังเป็นคนสร้างนี่เอง…โอ๊ะ ฉันน่าจะแนะนำตัวเองก่อนจะถามชื่อเธอสินะ ชื่อของฉันคือดิออน อย่างที่เธอได้ยินนั่นล่ะ ตัวจริงฉันก็เป็นผู้หญิง”
ดูจากปฏิกิริยาตอบรับแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนรู้จักกับโคเนโกะมารุซัง คนนั้นมีคนรู้จักที่กว้างขวางจังเลยนะ
แล้วคนนี้ก็คือคนประเภทที่ถูกเรียกว่าเนคามะ(ชายที่เล่นเป็นหญิบนอินเตอร์เน็ต)หรือให้ถูกคือเนนาเบะ(หญิงที่เล่นเป็นชายบนอินเตอร์เน็ต) ซึ่งไม่จำกัดแต่ในวงการVRเท่านั้น เป็นคนที่ใช้รูปร่างในเกมเพื่อโกหกเพศของตนเอง…แต่พูดแบบนั้นก็หยาบคายเกินไปหน่อย
ง่ายๆก็คือผู้เล่นประเภทที่ว่า “ไหนๆก็เป็นแค่เกมแล้ว ใช้อวาตาร์เป็นตัวละครต่างเพศไปเลยละกัน”
ถึงแม้ว่าในVRนั้น การใช้อวาตาร์เช่นนั้นจะทำให้เคลื่อนไหวได้ลำบากมากขึ้น…แต่ว่าถ้าชินแล้วก็ไม่ต่างจากปกติเท่าไหร่หรอก
ปัญหาก็คือ[เปลี่ยนเสียงของตัวเองไม่ได้] –ฉันคิดว่าถ้าปลอมท่าทางหรือเสียงตัวเองไม่ได้ก็คงหลอกเรื่องเพศของตัวเองไม่ได้อยู่ดี
ในช่วงยุคเริ่มต้นของVR เหมือนว่าจะมีบุคคลจำพวกหนึ่ง และพวกเขาก็ได้ทำกิจกรรมบางอย่างคล้ายๆกับไอดอล
แม้ว่าเขาจะเป็นชายฉกรรจ์ที่เล่นเป็นสาวจิ้งจอกโลลิก็ตาม
ก็นะ ธรรมเนียมการเล่นเนคามะเนนาเบะก็มีมาอย่างยาวนานอยู่แล้ว และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในทุกวันนี้อีกด้วย
“แล้ว สนใจสิ่งไหนกันล่ะ? บอกตามตรงนะอย่าไปขาดหวังเรื่องผลเอฟเฟคมากนักเลย นี่ก็เป็นแค่สินค้าที่สร้างมาจากรทดลองว่าฉันจะสร้างเครื่องดื่มจากเจ้าพวกนี้ได้หรือเปล่าน่ะ ถึงตอนนี้จะมีสินค้าแค่[ชุดน้ำแข็งไส]วันนี้ก็เถอะ…”
“ถ้าขายพร้อมน้ำแข็งด้วยเลยน่าจะขายดีกว่านี้นะ?”
“ไม่หรอก น้ำหวานจับตัวกันเป็นก้อนเวลาที่ราดบนน้ำแข็ง แถมรสชาติยังไม่เข้มข้นพออีก”
“เคยลองแล้วสินะ”
หลังจากที่คิดอย่างกังวลว่าจะเลือกรสชาติอะไรดี ฉันก็ซื้อโพชั่นกลิ่นบลูฮาวายมาสองขวด ราคา2,000ไอริส แพงอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
รสชาติก็…เหมือนบลูฮาวายที่เจือจางผสมกับรสมิ้นท์
ขณะที่ฉันดื่มทีละนิดพร้อมกับพูดคุย จู่ๆฉันก็นึกถึงเรื่องสิ่งที่ต้องทำขึ้นได้ ฉันเลยถามดิออนซัง
“จะว่าไปแล้ว ดิออนซังเคยเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแถวนี้บ้างไหม? ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้เล่นที่ชื่อว่าฮารูรุ แล้วเธอก็มักจะอยู่แถวๆนี้ด้วยน่ะ”
“อ่า แน่นอนอยู่แล้ว ก็อยู่ข้างหลังเธอนี่นา”
มองตามปลายนิ้วที่ดิออนซังชี้มาทางด้านหลังของฉัน ก็มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กยืนอยู่โดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว
“ฮี้”
“อุฟุฟุ ไม่ได้เจอกันตั้งแต่เมื่อวานเลยนะคะ…ซุคุนะซัง”
“โอ้วฮารูรุ เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“สำหรับตอนนี้ก็ยอดเยี่ยมที่สุดเลยค่ะ…ในเมื่อคนที่ฉันรอคอยได้มาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว…”
“ในเมื่อใจตรงกันขนาดนี้ก็ถือโอกาสอุดหนุนกันสักหน่อยสิ”
“ขอรสน้ำผึ้งค่ะ…”
“ขอบคุณที่อุดหนุนกันนะ”
ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะรู้จักกันอยู่แล้วเพราะฉันสัมผัสได้ถึงความสบายใจในบทสนทนาที่พวกเขามี
เด็กผู้หญิงจากเมื่อวานนี้โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ ราวกับนินจาที่ปิดบังตัวตนได้เลย หรือบางทีเธออาจจะเป็นซาชิกิวาราชิก็ได้(โยวไคที่มอบโชคดีให้แก่คนในบ้านนั้น มักถูกตีความเป็นโลลิตามมังงะ อนิเมะ)
“ถ้าอย่างนั้น…มีเรื่องอยากจะคุยกับฉันสินะคะ?”
“อ-อืม ใช่แล้วล่ะ”
“วิเศษไปเลย…ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาไปยังห้องทำงานของฉันนะคะ…”
ฮารูรุยิ้มอย่างดีอกดีใจโยกตัวไปมาก่อนจะหมุนตัวแล้วก้าวเดินไปยังทิศทางสู่ตรอกถนน
ฉันก้มหน้าเล็กน้อยให้กับดิออนซังที่กำลังเจรจากับลูกค้าอื่นอยู่ก่อนจะเดินตามเธอไป
ดูเหมือนว่าโพชั่นน้ำหวานนั่นจะขายดีเหมือนกันนะ
☆
หลังจากที่เดินตามตรอกซอยทิศเหนือของดูอัลลิสไม่กี่นาที
ฉันก็ได้ถูกพามายังบริเวณที่พักอาศัยหลังจากที่ผ่านซอยมา และท่ามกลางหมู่บ้านเรือนนั้นฉันถูกพาไปยังด้านหลังของบ้านหลังสีเหลือง แล้วก็ถูกเชิญไปยังทางเข้าด้านหลังของห้องทำงานของเธอ
เมื่อฉันเดินเข้าไป พื้นที่ที่กว้างกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ก็ปรากฏในสายตา
เหมือนว่าจะมีสองชั้น และหลังจากที่ได้มองดู ชั้นแรกเป็นที่ที่มีไว้สำหรับการตีเหล็กเท่านั้น
พอเหลือบมองไปยังทางเข้าด้านหน้า แม้ว่าจะมีบางอย่างที่เหมือนประตูอยู่แต่กลับไม่มีลูกบิดหรือคันโยกใดๆ
สรุปก็คือจะสามารถเข้ามาในบ้านได้จากทางประตูหลังอย่างเดียวสินะ
“ขอแนะนำตัวเองอีกครั้งนะคะ ฉันชื่อว่าฮารูรุ…เมื่อวานนี้ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ใช้วิธีการแบบนั้น…”
“ไม่หรอก ลูกทุ่มที่ฉันได้มาเองก็มีประโยชน์มากเลยด้วย”
“ฉันเห็นในไลฟ์สตรีมแล้วค่ะ…ใช้งานได้อย่างชำนาญการอย่างนั้น…ฉันมีความสุขสุดๆไปเลยค่ะ”
ขำคิกคักพร้อมกับที่ยิ้ม ฮารูรุได้นำทางฉันไปยังชั้นสอง
“ถึงแม้ว่าลูกทุ่มพวกนั้นจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์น้อยกว่าผลงานอื่นๆที่ฉันทำ…แม้ซุคุนะซังเองก็ยังใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม…แต่ในฐานะอาวุธขว้างแล้ว ลูกทุ่มเองก็ต่างจากสิ่งอื่นมากเกินไป”
“ก็ใช่ล่ะนะ”
“ไม่ว่าจะมีดขว้าง,ดาวกระจาย,คุไน(มีดขว้างญี่ปุ่น),ลูกเหล็ก,ก้อนหิน…ยังมีอาวุธขว้างดีๆอย่างอื่นอีกมาก…แต่ว่าลูกทุ่มเองก็มีข้อดีอย่างหนึ่งที่สิ่งอื่นไม่มี…ซึ่งก็คือน้ำหนักของมัน…”
ขณะที่ฟังฮารูรุไปด้วยพร้อมกับที่เดินขึ้นชั้นสอง ฉันก็ได้ทึ่งกับอาวุธที่ถูกวางเรียงกันไว้
ถึงจะบอกยากว่าเป็นการเรียงกันอย่างเป็นระเบียบก็ตาม นี่เธอสร้างอาวุธมาแล้วกี่ชิ้นกันแน่ มีทั้งกองดาบมากมายที่ถูกโยนทิ้งเอาไว้ในถังไม้ใหญ่ หรือจะอาวุธขว้างที่ถูกวางไว้ในกล่อง ทั้งยังมีดาบสองมือและไม้เท้าที่ถูกแขวนไว้บนผนังอีกด้วย
ถึงอย่างนั้นภาพลักษณ์ที่ได้ก็มีแต่ความไม่สม่ำเสมอ
“จากที่ฉันเห็น…ฉันเชื่อว่าซุคุนะซังสามารถใช้งานอาวุธแบบไหนก็ได้…แต่เกมนี้มีระบบที่ออกแบบมาทำให้คุณมีสกิลมากขนาดนั้นไม่ได้ซึ่งก็เป็นถือว่าเรื่องดีเหมือนกัน เพราะงั้น…ฉันจะลดประเภทอาวุธที่จะแสดงให้ดูเป็นแค่อาวุธไร้คมกับอาวุธขว้างนะ…”
คงต้องว่าเพราะนี่เป็นเกมจึงทำฮารูรุที่แม้จะรูปร่างอย่างที่เห็นได้มีพละกำลังเหนือมนุษย์และแบกลังไม้ที่มีอาวุธบรรจุอยู่จนเต็มมาวางไว้ข้างหน้าฉัน
“ต่อมาก็ ซุคุนะซังมีสกิล[คฑามือเดียว]ใช่ไหมคะ…?”
“อ่า อืม ถึงฉันจะไม่ค่อยได้ใช้ก็เถอะ”
“อย่างนั้นเองสินะคะ…อ๊ะ เจ้านี้เองก็น่าสนใจนะคะ…”
พูดขึ้นมาอย่างนั้นเธอก็หยิบไม้พลองยาวราว150ซม.ออกมา มันคือสิ่งที่จะเรียกว่าไม้ตะบองสองมือก็ได้นั่นล่ะ
แต่ว่าเจ้านี้กลับดูจะสั้นกว่านั้นนะ ถ้ายาวกว่านี้สัก30ซม.ก็คงจะขนาดพอดีเลย
ปลายสุดของไม้พลองคดกลม ดูเหมือนไม้พลองยืดหดได้จากมังงะสักเรื่องเลย ดีไซน์ของมันเป็นแบบนั้นล่ะ
“นี่คืออาวุธประกอบส่วนที่ฉันคิดค้นขึ้นมาค่ะ [ไม้พลองแตกหัก]…ลองหมุนตรงกลางดูสิคะ”
“แบบนี้เหรอ?”
พอลองหมุนไม้พลองยืดหดจำลองในมือ ก็ได้ยินเสียงกริ๊กพร้อมๆกับที่ไม้พลองแยกออกจากกันจากตรงกลาง
ไม้พลองสองมือได้กลายเป็นไม้คฑามือเดียวสองอันอย่างรวดเร็ว
“ฉันคิดว่าฉันได้สร้างอะไรดีๆขึ้นมาแต่โชคไม่ดีที่…ถ้าคุณถืออาวุธไร้คมที่มือทั้งสองข้าง คุณก็จะไม่สามารถใช้งานสกิลของตัวเองได้”
“นั่นสินะ…”
“อุฟุฟุ ดูเหมือนหนทางในการคิดค้นอาวุธใหม่ๆจะไม่สำเร็จได้ในเร็ววันสินะคะ…”
ฮารูรุยักไหล่ทำท่าทางว่าช่วยไม่ได้ แต่สีหน้าของเธอบ่งบอกได้ว่านั่นเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกสนุกไปกับมัน
การทดลองและเจอกับข้อผิดพลาดพวกนั้นเองก็สนุกเหมือนกัน ฉันเชื่อว่าเธอคงจะเป็นคนประเภทที่มีความสุขไปกับการทำแบบนั้น
“กลับเข้าเรื่องก็คือ…สำหรับตอนนี้แล้วซุคุนะซังไม่ได้ใช้สกิลคฑามือเดียวสินะคะ…ถ้าแบบนั้นเจ้านี้ล่ะ…?”
เธอพูดขึ้นขณะที่ส่งตะบองสองมือสีดำอันหนักให้กับฉัน
อาวุธก่อนหน้านี้หนักพอๆกับอาวุธที่ทำจากไม้ สิ่งนี้ก็คงทำมาจากโลหะสินะ
ความยาวของมันพอๆกับอันที่แล้ว ประมาณ150ซม.
ส่วนปลายทั้งสองด้านก็ต่างจากอันที่แล้วเช่นกัน ด้านหนึ่งมีส่วนประดับอาไว้เพื่อเพิ่มความรุนแรงของการกระแทก ส่วนอีกด้านหนึ่งแบนเรียบ
“กรุณาหมุนบิดเหมือนกับครั้งที่แล้วด้วยค่ะ…”
“หืม…หวา”
พอฉันหมุนด้ามจับก็มีเสียงโลหะดังขึ้นพร้อมกับใบมีดที่ดีดตัวออกมาจากทางด้านเรียบ
ส่วนของตะบองตรงนั้นมันบางอยู่แล้ว ใบมีดเองก็บางเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะทำได้แค่ท่าแทงกับฟันธรรมดาๆด้วยใบมีดนี้
“อาวุธลับผสานกระแทกฟันแทงพัฒนาใหม่ [Kugelschreiber](คูเกลไชรเบอร์)…”
“คู-…อะไรนะ?”
“คูเกลไชรเบอร์ แปลว่าปากกาลูกลื่นในภาษาเยอรมันน่ะค่ะ…ไม่คิดว่าเหมาะกับการที่บิดแล้วใบมีดมันออกมาเหรอคะ…?”
“เข้าใจอยู่หรอกนะ แต่ชื่อมันดันเท่เกินตัวไปได้…”
ไม่รู้หรอกนะว่านี่หมายความว่าเธอมีเซ้นส์ในการตั้งชื่อดีหรือไม่กันแน่ แต่ว่า เจ้านี้อาจจะมีประโยชน์มากจริงๆก็ได้
พอฉันเขยิบออกมายังที่โล่งแล้วลองเหวี่ยงไปมาดู ด้วยความยาวกว่า150ซม.ซึ่งพอๆกับส่วนสูงของฉัน ทำให้มันหมุนแกว่งไปมาในมือง่ายกว่าที่คิดไว้
“เหมือนกับในหนองน้ำลอว์เรส ยังมีพื้นที่อีกหลายแห่งที่เต็มไปด้วยมอนส์เตอร์ที่ต้านทานแรงกระแทกได้สูง…ข้อดีของมันก็คือมันจะเป็นอาวุธไร้คมที่สามารถโจมตีด้วยการฟันและแทงได้บ้าง…ปัญหาก็คือ…ความทนทานในส่วนของใบมีด…ไม่ว่าฉันจะลองวิธีอะไรก็ตามมันก็ยังเปราะบางอยู่ดี…”
ดูเหมือนเธอจะกังวลในส่วนนั้นเป็นอย่างมาก เธอมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขณะที่กำลังอธิบายมัน
แต่ว่าตะบองสองมือนี้ ไม่ว่าจะวัดยังไงความหนาของมันก็ไม่น่าเกิน4ซม.
ฉันเลยคิดว่าช่วยไม่ได้หรอกที่มันจะเปราะบางน่ะ
“ทำอะไรไม่ได้ใช่ไหมล่ะเพราะว่าเจ้านี้มันบางน่ะ?”
“ใช่แล้วค่ะ แต่ว่า…หน้าที่ของฉันก็คือการจัดการสักอย่างในปัญหานั้น…สำหรับตอนนี้ฉันจะขายมันให้กับคุณถูกๆก็แล้วกัน…จะเป็นอะไรไหมถ้าให้คุณลองใช้งานมันดูน่ะ…?”
เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลยนะสำหรับฉันน่ะ แต่ว่า ฉันสงสัยนิดหน่อยเรื่องที่เธอบอกว่าจะขายให้ถูกๆ
“แล้วราคาเท่าไหร่ล่ะ?”
“สำหรับตอนนี้ รวมกับอาวุธขว้างแล้วก็10,000ไอริสก็พอค่ะ…”
“นั่นแทบจะไม่เรียกว่าถูกแล้วนะ!!”
หลังจากที่ต่อรองราคากัน ด้วยเงื่อนไขที่เธอจะไม่คิดค่าซ่อมให้ ฉันก็ได้ซื้ออาวุธลับผสานกระแทกฟันแทง[Kugelschreiber]ในราคา9,900ไอริส
จากที่เห็นว่าเธอมีห้องทำงานคุณภาพดีขนาดนี้ เธอน่าจะไม่มีปัญหาเรื่องเงินหรอก
ขณะที่กลุ้มใจว่าฉันจะมีปัญหาอะไรเรื่องการเงินอีกหรือเปล่าในอนาคต ฉันก็ออกมาจากตรอกซอยโดยมีฮารูรุเป็นคนส่ง
——————————-
อ่านเยอรมันไม่ออกหรอกนะครับ แต่คิดว่าออกเสียงประมาณนั้นนะ
*ห้องทำงาน ในที่นี้หมายถึง workshop นะครับ