ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! - ตอนที่ 25 แกคิดว่าแกเป็นใคร
บทที่ 25แกคิดว่าแกเป็นใคร
เจียงนวลนวลสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเขา จึงถามไปด้วยความสงสัยว่า “พี่ซือเฉิน เป็นอะไรไปคะ?”
สายตาที่วุ่นวายของหลานซือเฉินกำลังมองไปข้างหน้า “ฉันเห็น……เจียงสื้อสื้อ”
“อะไรนะ?”
คนที่เหลือพอได้ยินอย่างนั้นต่างพากันตกใจ แล้วจึงมองตามไป แล้วก็ได้เจอกับคนๆ หนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่ได้เจอกันห้าปี เธอเปลี่ยนไปมากเลย
หน้าตาดูดีขึ้นมาก ตัวก็สูงขึ้นมาก ไม่ได้ดูไร้เดียงสาเหมือนตอนนั้น รอบตัวปลดปล่อยบรรยากาศของความเงียบสงบออกมา ความรู้สึกเหมือนเห็นดอกบัวที่บานอยู่ในบึงกว้าง มันสวยงามแต่ก็อยู่ไกลเกินเอื้อม
ผู้ใหญ่ทั้งสองของบ้านหลานได้แสดงแววตาที่ซับซ้อนออกมา
ในปีนั้น เธอคนนี้เคยเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ที่พวกเขาเลือก เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายเธอจะไปทำเรื่องที่น่าขายหน้าแบบนั้นได้
ส่วนเจียงเจิ้น พอเห็นหน้าลูกสาวที่ไม่ได้เจอมานาน เขาก็ไม่ได้มีการตอบสนองอะไรมากนัก แค่ทำหน้าเคร่งขรึม แต่ก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
แต่ว่าเสิ่นซูหลันนั้น ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินลูกสาวพูดถึงมาบ้างแล้ว พอมาเจอหน้า เธอก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรมาก แค่รู้สึกแปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงของเธอเท่านั้นเอง
นังตัวดีนั่น ยิ่งนับวันหน้าตาก็ยิ่งเหมือนกับแม่ที่อายุสั้นของมันเข้าไปทุกที
คือสวยจนน่าขนลุก!
เธอโกรธเกลียดอยู่ในใจ ถึงแม้ว่าต่อหน้าจะทำเหมือนตกใจมากก็ตาม แล้วพูดว่า “พระเจ้า นี่คือสื้อสื้อจริงๆ เหรอ! หลายปีมานี้ ในที่สุดก็ได้เจอกัน” เธอแสร้งทำเป็นดีใจแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอ จับมือของเธอไว้อย่างสนิทสนม แล้วพูดว่า “สื้อสื้อ เธอเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ? ตัวสูงขึ้น แถมยังสวยขึ้นด้วย หลายปีมานี้ เธอเอาแต่หลบซ่อนพวกเรา ฉันกับพ่อของเธออยากจะตามตัวเธอกลับมาแต่ก็หาเธอไม่เจอสักที”
เจียงสื้อสื้อถึงจะได้ยินอย่างนั้น แต่กลับรู้สึกขยะแขยงกับน้ำเสียงของเธอ
หลายปีที่ไม่เจอผู้หญิงคนนี้เล่นละครเก่งขึ้นเยอะเลย
ในตอนนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็ทำต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง จนทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อต้องถูกทำลายไป
ต่อมาพอถูกไล่ออกจากบ้าน ถึงแม้มันจะเป็นฝีมือของเจียงนวลนวล แต่ก็มีผู้หญิงคนนี้เนี่ยแหละที่ค่อยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง
เจียงสื้อสื้อชักมือออกอย่างไม่ปรานี แต่เหมือนจะใช้แรงมากไปหน่อยจนทำให้เสิ่นซูหลันถูกกระชากมาข้างหน้าสองก้าว
พอเจียงนวลนวลเห็นอย่างนั้น จึงรีบก้าวมารับตัวแม่เอาไว้ แล้วสีหน้าที่อาฆาตให้ เจียงสื้อสื้อ “พี่ค่ะ ไม่เจอหลายปี แม่ก็เป็นห่วงพี่มาก แล้วพี่ทำอย่างนี้กับแม่ได้ยังไง?”
เจียงสื้อสื้อไม่มีกะจิตกะใจจะที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ
จิ้นเฟิงเฉินกับเสี่ยวเป่าก็รออยู่เธอจึงอยากรีบกลับไป
แล้วเธอก็ได้ขำออกมา “เป็นห่วง? นี่เราสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ? หลบไป อย่าขวางทาง!”
เสิ่นซูหลันแสร้งทำสีหน้าที่เจ็บปวด “สื้อสื้อ นี่เธอยังโกรธฉันกับพ่ออยู่อีกเหรอ? ตอนนั้นพ่อของเธอแค่ใจร้อนไปหน่อย จึงเผลอไล่เธอออกจากบ้านไป เธอกลับมาอยู่บ้านได้ไหม?”
เจียงสื้อสื้อไม่แม้แต่จะสนใจ จึงเดินอ้อมพวกเธอไป
ไม่คิดจะหันมามองหน้าผู้เป็นพ่อเลยด้วยซ้ำ
เจียงเจิ้นรู้สึกโกรธมาก รอในจังหวะที่เจียงสื้อสื้อเดินผ่านตัวเขาไปจึงได้พูดขึ้นมาว่า “เจียงสื้อสื้อ ไม่เจอหลายปี ปีกแข็งแล้วสินะ? เจอหน้าพ่อแล้วไม่คิดจะทักทายหน่อยเหรอ?”
พอเจียงสื้อสื้อได้ยินอย่างนั้น จึงต้องหยุดเดินแล้วมองมายังผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าที่เย็นชาและเยาะเย้ย “พูดถึงเรื่องอะไรกัน? พ่อเหรอ? ขอโทษนะคะ พ่อของหนูตายไปตั้งแต่ห้าปีที่แล้วแล้วค่ะ”
ตายจากใจของเธอไปแล้ว!
เจียงสื้อสื้อไม่มีวันที่จะลืมว่าห้าปีที่แล้วพ่อของเธอนั้นทำอะไรกับเธอไว้บ้าง
ตอนนั้น ในตอนที่เธอไม่เหลือใคร สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือกำลังใจจากพ่อ แต่เขากับไล่เธอไปอย่างไม่ไยดี ทำเหมือนกับว่าเธอเป็นสิ่งอัปยศที่สุดในชีวิตของเขา
แต่สิ่งที่น่าขำคือ เธอยังคงตั้งหน้าตั้งตารอเพราะคิดว่าพ่อไม่น่าจะทิ้งเธออย่างไม่ไยดีแบบนี้ได้ลงคอ
แต่สุดท้ายเธอก็ถูกความเป็นจริงตบหน้าเข้าอย่างจัง!
พอเจียงเจิ้นได้ยินเจียงสื้อสื้อตอบมาอย่างนั้นก็โกรธยิ่งขึ้นกว่าเดิม ยกมือขึ้นมาก็อยากตบมาที่เธอ “นังลูกไม่รักดี ผ่านมาตั้งหลายปียังไม่รู้จักปรับปรุงตัวอีก!”
หลานซือเฉินตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขารีบเข้ามาคว้ามือของเขาเอาไว้ “คุณอาครับ ใจเย็นๆ ก่อน”
เจียงนวลนวลเห็นหลานซือเฉินทำอย่างนั้นก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ไม่เข้าใจว่าเขาจะห้ามเจียงเจิ้นทำไม
แต่เธอก็แสดงออกมาตรงๆ ไม่ได้ จึงได้ทำทีเดินเข้าไปอย่างใจเย็น แล้วตบหลังพ่อเบาๆ พร้อมกับปลอบใจไปว่า “พ่อคะ ใจเย็นๆ ค่ะ โกรธมากมันไม่ดีต่อร่างกาย เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไงคะ?”
เสิ่นซูหลันก็รีบเข้ามา “ใช่คะ นานๆ จะได้เจอลูกสาวที ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้”
เจียงสื้อสื้อเห็นแบบนั้นยิ่งรู้สึกขยะแขยงขึ้นไปอีก
ช่างเป็นภาพครอบครัวที่รักใคร่กันดีเหลือเกิน
แล้วเธอก็ได้ยิ้มเยาะเย้ยไปว่า “ทำไมดูกระตือรือร้นกันจัง? หรือหนูพูดอะไรผิดไป?”
“นี่แก…………” เจียงเจิ้นสีหน้าดูไม่ได้เลย
ผู้ใหญ่ทั้งสองของบ้านหลานเห็นถึงพฤติกรรมต่อต้านของเจียงสื้อสื้อ ต่างก็รู้สึกไม่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก ลึกๆ แล้วก็รู้สึกดีใจอยู่เหมือนกัน ที่ตอนนั้นได้ตัดสินใจยกเลิกงานแต่งของเธอกับลูกชายไป
ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงต้องเครียดตายไปแล้วแน่ๆ
“สื้อสื้อ ไม่ว่ายังไงพ่อของหนูก็เป็นผู้อาวุโสกว่า ที่หนูพูดแบบนี้มันก็ออกจะเกินไปหน่อยนะ มีอย่างที่ไหนแช่งให้พ่อตายกัน?”
หลานเป่ยชวนทำหน้าบึ้งตอนที่ตำหนิ โดยภาพลักษณ์ที่แสนดีของเธอได้หายไปหมดแล้ว
ฉินซวนเองก็พูดไปด้วยความเหลืออด “ตอนนั้นก็เธอเองไม่ใช่เหรอที่ทำเรื่องที่น่าขายหน้าแบบนั้น? จนต้องถูกไล่ออกจากบ้านไป ที่เธอไม่สำนึกมันก็มากพอแล้ว นี่ยังจะมาทำตัวไร้ศีลธรรมแบบนี้อีก เหมือนกับแม่ของเธอไม่มีผิด ใจร้ายใจดำ คิดเล็กคิดน้อย! ที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ มันก็เป็นผลจากการกระทำของตัวเองตอนทั้งนั้น”
พอเจียงสื้อสื้อได้ยินอย่างนั้น ก็หรี่ตามองไปที่ฉินซวน นอกจากแววตาที่เย็นชาแล้วยังแฝงไปด้วยความโกรธเคืองอีก
แล้วเธอก็นึกถึงเรื่องเรื่องหนึ่ง
ในตอนที่เขายกเลิกงานแต่งของลูกชายกับเธอ ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอไปอุ้มบุญ
แต่เป็นเพราะเธอได้เสียสิทธิในบ้านเจียงไปแล้วต่างหาก
พอเสิ่นซูหลันกับเจียงนวลนวลเข้ามาแทนและยังได้รับถือหุ้นจำนวนมาก เยอะจนท้ายที่สุดมันมากกว่าที่เธอเคยถือเสียอีก ดังนั้นฉินซวนจึงได้เห็นว่าเธอเป็นเหมือนหินขัดขาของลูกชาย หลายครั้งมากที่เธอมักจะทำดีกับเจียงนวลนวลต่อหน้าเธอตลอด
และที่เจียงนวลนวลได้มาคบหากับหลานซือเฉิน ส่วนหนึ่งฉินซวนก็มีความชอบอยู่เช่นกัน
ถึงแม้ว่าเจียงสื้อสื้อจะไม่ได้สนใจผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างหลานซือเฉินก็ตาม แต่ว่ากับการกระทำของฉินซวนในตอนนั้นเธอกลับไม่มีทางลืมมันได้เลย
เธอมองพร้อมรอยยิ้มที่เย็นชา “พวกคุณยังไม่สำนึกเลย แล้วหนูจะสำนึกทำไม? ถ้ายังคิดว่าเป็นผู้อาวุโสของหนูจริงๆ ก็ช่วย……ไสหัวไปไกลๆ หน่อยได้ไหมคะ!”
ฉินซวนไม่คาดคิดว่าเจียงสื้อสื้อจะกล้าพูดแบบนี้กับเธอ
ในชีวิตนี้เธอไม่เคยถูกใครต่อปากต่อคำมากขนาดนี้มาก่อน เธอโกรธจนตัวสั่น “เจียงสื้อสื้อ นี่เธอ…นังคนไม่มีคนสั่งสอน!”
หลานซือเฉินก็เริ่มโกรธแล้ว “เจียงสื้อสื้อ รีบขอโทษแม่ผมเดี๋ยวนี้นะ!”
เจียงสื้อสื้อตอกกลับ “แกคิดว่าแกเป็นใครกัน!”
หลานซือเฉินใบหน้ามืดมนจนแทบจะมีน้ำไหลออกมา
นี่มันครั้งที่สองแล้วนะ!
ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นผู้หญิงที่อดทนกับเขาได้ตลอด แต่มาวันนี้เธอกลับพูดออกมาได้อย่างง่ายดาย แกคิดว่าแกเป็นใครกัน!
เขาทนมันไม่ได้จริงๆ
เขายกมือขึ้นในทันที ตบลงบนใบหน้าของเจียงสื้อสื้อ
เขาเป็นผู้ชาย แรงก็เยอะ บวกกับการที่เจียงสื้อสื้อไม่ทันตั้งตัว จึงถูกตบเข้าไปอย่างจัง หน้าชาไปครึ่งฉีก เสียงดังวิ้งๆ ในหูเหมือนมันหายสาบสูญไปเลย ไม่ได้ยินเสียงไปพักใหญ่เลย
คนทั้งหมดถึงกับอึ้งไปเลย แม้แต่หลานซือเฉินเองพอได้สติกลับมาก็อึ้งไปตามๆ กัน “ผม……”
เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ ไม่มีใครรู้เลย เพราะเขายังไม่ทันได้พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็ได้ตบกลับเขาไปสองทีแล้ว