เฉียวชูเฉี่ยนเป็นเพราะนอนท่าเดียวเป็นเวลานานจึงทำให้รู้สึกไม่สบายกายเป็นอย่างยิ่ง จึงได้พลิกตัวจากนั้นก็นอนต่ออย่างสบาย
ทันใดนั้นเองสายตาของเฉินเป่ยชวนก็เปลี่ยนเป็นลึกมืดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ผู้หญิงคนนี้ กำลังยั่วยวนเขาอยู่เช่นนั้นหรือ !
เมื่อนึกย้อนถึงครั้งสุดท้ายของพวกเขา เป็นตอนที่อยู่ในโรงแรมซึ่งเธออ้อนวอนเพื่อลู่ฉี สีหน้าที่เพิ่งฟื้นกลับมาดีได้เล็กน้อยจึงได้เปลี่ยนเป็นดำทมิฬขึ้นมา จากนั้นสายตาก็เคลื่อนมาอยู่ตรงที่ที่เฉินจิ้นถงนอนลงเมื่อสักครู่นี้ เฉินเป่ยชวนจึงคิดอยากจะกระชากคนที่นอนอยู่บนเตียงขึ้นมาแล้วโยนลงจากเตียงเต็มทน
เขาอึดอัดเป็นเวลาเนิ่นนาน จึงถอนหายใจออก จากนั้นก็เดินขึ้นเตียงไปเสียงเบาที่สุด
เฉียวชูเฉี่ยนนอนหลับใหลไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่ทราบโดยสิ้นเชิงว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องตนเองอยู่ด้วยความรู้สึกสับสนวุ่นวาย สักพักก็อยากจะกินเธอเข้าไป สักพักก็มีความอ่อนโยนและรู้สึกผิดผุดขึ้นมา
“ผู้หญิงคนนี้ ฉันควรทำยังไงกับเธอดีนะ ?”
เฉินเป่ยชวนจ้องมองใบหน้าที่กำลังตกอยู่ในห้วงนิทราของเธอ ถ้าหากไม่เป็นเพราะตนเจอรายงานผลเลือดของเฉียวจิ่งเหยียนที่โรงพยาบาลแล้วนั้น คงไม่รู้ว่าที่แท้เขามีลูกชายกับเธอจริง ๆ
เมื่อนึกถึงภาพเมื่อเจ็ดปีก่อนที่เขาถามเธอด้วยความสงสัยว่าพ่อของลูกของเธอเป็นลู่ฉีหรือไม่ สันคิ้วก็ขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง ภายในแววตาอันเย็นชาจึงมีความโมโหและความหงุดหงิดผุดขึ้นมา เมื่อเจ็ดปีก่อน เขาดันโง่เขลาทำเรื่องผิดพลาดที่ให้อภัยไม่ได้เช่นนี้ขึ้นมา ครั้นสิ่งที่สมควรตายยิ่งกว่าคือ เธอไม่มีความตั้งใจว่าจะอธิบายเลย
ช่วงเวลาเจ็ดปี ถ้าหากเขาไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น หรือเธอจับผู้ชายคนอื่นได้ เช่นนั้นลูกของพวกเขาก็ต้องกลายเป็นลูกที่อยู่ในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ตลอดไป
“เฉียวชูเฉี่ยน ผู้หญิงและลูกชายของฉันเฉินเป่ยชวนต้องเป็นของฉันไปทั้งชาติ”
ราวกับเป็นการข่มขู่ และราวกับกำลังประกาศ เขาทำผิดมาแล้วสองคราแล้วจะไม่มีทางมีครั้งที่สามเป็นแน่
แรงลมที่พัดกระทบเข้ามาบนใบหน้าของเฉียวชูเฉี่ยนทำให้ปอยผมบนหน้าผากของเธอขยับ อาจเนื่องจากรู้สึกจั๊กจี้เนื่องจากปอยผม คิ้วของเธอจึงขมวดขึ้นมา จึงต้องการที่จะหาของมาขจัดออกไปตามสัญชาตญาณ และดันไปจับนิ้วมืออันเรียวยาวของเฉินเป่ยชวนที่กำลังยื่นเข้ามาเพื่อที่จะจัดการกับผมของเธอไว้พอดี
“เฉียวชูเฉี่ยน คุณยั่วผมก่อนนะ”
ภายในความฝัน เธอรู้สึกเพียงว่ามีคนหนึ่งกำลังขึ้นคล่อมตนอยู่
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
เธอไม่ได้อยู่กับผู้ชายมาเนิ่นนานและอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ จึงทำให้เธอฝันถึงเรื่องอันน่าอับอายเช่นนี้
จึงคิดที่จะผลักผู้ชายที่ต้องการจะเอารัดเอาเปรียบเธอในฝันออกโดยเร็ว
“หึ ๆ”
ทันใดนั้นข้างหูของเฉินเป่ยชวนก็มีเสียงอันแปลกประหลาดดังขึ้นมา หัวเราะจนทำให้เขาหยุดการกระทำของตนเอง
“หึ ๆ ปรนนิบัติดี ๆ นะ พี่มีเงินนะจะบอกให้”
เฉียวชูเฉี่ยนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองฉลาดมาก จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาด้วยความลำพองใจ แถมยังไม่ลืมที่จะเอ่ยสถานะของตนเอง ครั้นกลับไม่รู้เลยว่าสีหน้าของผู้ชายข้าง ๆ นั้นเขียวปั๊ดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ผู้หญิงบ้านี่ !”
แสดงพระอาทิตย์ยามเช้าในวันถัดมาทะลุผ่านร่องผ้าม่านสาดส่องเข้ามา เฉียวชูเฉี่ยนจึงต้องลืมตาขึ้นมาโดยไม่เต็มใจนัก ความฝันอันสวยงามทำให้เธอไม่อยากตื่นขึ้นมาตลอดไปจริง ๆ
เธอพลิกตัว จากนั้นความเมื่อยล้าทั้งเนื้อทั้งตัวรวมถึงความปวดศีรษะอย่างรุนแรงทำให้เธอตื่นขึ้นจากห้วงความฝันชั่วพริบตา จึงยื่นมือไปนวดบริเวณท้ายทอย เมื่อคืนนี้เธอดื่มเหล้าไปเยอะเท่าไรกัน ?
ดื่มเหล้าก็ไม่เป็นอะไร ครั้นคิดไม่ถึงว่าจะคิดเรื่องใคร่ ๆ อยู่ในความฝันหลังจากดื่มเหล้าไป ซึ่งเป็นความฝันอันหอมหวานทั้งคืน
เมื่อนึกถึงผู้ชายที่คลุกคลีกับเธอในฝัน สีหน้าจึงเปลี่ยนเป็นสับสนขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะเป็นที่อเมริกาเมื่อเจ็ดปีก่อนนั้นหรือว่าเมื่อคืนนี้ ผู้ชายที่อยู่ในฝันอันหอมหวานไม่ใช่ผู้ชายที่ดุร้ายทารุณเลย และไม่ได้เป็นดาราชายที่หล่อเหลาเหมือนอย่างในทีวี ครั้นเป็นคนคนเดียวกัน
เฉินเป่ยชวน !
สายตาของเธอกวาดมองรอบ ๆ หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าไม่มีสิ่งของที่น่าสงสัยอันใดแล้ว เธอจึงก้มหน้าตรวจสอบเสื้อผ้าบนเนื้อตัวตนเองอีกครา เมื่อเห็นชุดที่ตนเองสวมใส่เมื่อคืนนี้จึงโล่งใจขึ้นมาทันที ค่อยยังชั่วที่เป็นเพียงความฝันเท่านั้น มิเช่นนั้นเธอจะต้องเป็นบ้าแน่ ๆ
เธอลงจากเตียงด้วยขาอันไร้เรี่ยวแรง มุมริมฝีปากของเฉียวชูเฉี่ยนจึงผุดเป็นรอยยิ้มอันข่มขื่นขึ้นมาเต็มไปหมด แม้จะบอกว่าความฝันเช่นนี้ไม่ต้องจ่ายเงิน ครั้นก็ทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บอยู่ดี หลังจากที่ฝันแล้วสองขาจึงรู้สึกราวกับจะพิการไปเลย
ก๊อก ๆ
“พี่ตื่นหรือยังครับ ?”
เสียงของเฉินจิ้นถงดังเข้ามาจากด้านนอก ความระมัดระวังบนใบหน้าของเฉียวชูเฉี่ยนจึงผ่อนคลายลงมา จากนั้นก็เดินไปโดยพยายามไม่ทำให้ตนเองเดินอย่างผิดปกติ และเปิดประตูออก
“เมื่อคืนนี้อาจดื่มเยอะไปหน่อย ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ความจริงเหล้าเมื่อคืนนี้พี่ไม่ต้องดื่มก็ได้”
เขามองเข้าไปในห้องนอนแวบหนึ่ง จากนั้นก็ฉีกยิ้มขึ้นอีกครั้ง เมื่อคืนนี้เขาออกไปจัดการธุระ ตอนกลับมาก็ได้ยินในห้องของเธอมีเสียงเล็กน้อย
“ในเมื่อมารับงานต่อ เลยหลีกเลี่ยงการดื่มสังสรรค์ไม่ได้หรอก”
ประเด็นนี้ตั้งแต่ที่เธอเป็นเลขาวันแรก ก็ชัดเจนถึงกฎเกณฑ์ของอาชีพเหล่านี้อยู่แล้ว
“ผมแค่เป็นห่วงว่าพี่ดื่มจนทำร้ายร่างกายน่ะ จริงสิ ตั๋วกลับซั่นเป่ยผมจองเรียบร้อยแล้วนะครับ พวกเราทานข้าวเที่ยงเสร็จแล้วก็กลับเลย”
“วันนี้ก็กลับแล้วเหรอ ไม่ใช่ว่าต้องไปดูซัพพลายเออร์หน่อยเหรอ ?”
ขณะที่มาที่นี่เธอตั้งใจดูรายละเอียดกำหนดการที่เฉินจิ้นถงให้เธอแล้ว วันสองสามวันหลังพวกเขาจะต้องไปเยี่ยมเยียนซัพพลายเออร์วัตถุดิบหลายเจ้า เหตุใดจึงจะกลับไปกะทันหันเช่นนี้ ?
“เฟิงฉิงมีเรื่องด่วนต้องกลับไปจัดการน่ะครับ พี่ใหญ่ไม่อยู่ผมเลยต้องกลับไปดูแลแทนเขาก่อน เห็นทีว่าเรื่องของซัพพลายเออร์คงต้องรอครั้งหน้าแล้วแหละครับ”
เฉินจิ้นถงพูดปลดไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำหัวใจเต้นตุบตับ การที่เขาเร่งรีบกลับไปนั้นไม่ได้เป็นเพราะเรื่องที่เฉินเป่ยชวนจะสืบเรื่องที่หลินเฟยเอ๋อร์โดนยาพิษแต่อย่างใด ครั้นเนื่องจากเขาได้รับข่าวสารมา ว่าเฉินเป่ยชวนปรากฏตัวที่ซั่นเป่ยแล้ว
“ถ้างั้นก็คงทำได้เท่านี้แล้วแหละ”
เฉียวชูเฉี่ยนพยักหน้าด้วยความเสียดาย เธอหวังว่าครั้งนี้ที่มาจะสามารถจัดการเรื่องหลัง ๆ ให้ได้พอสมควร งานช่วงระยะหลังนั้นจะได้แบ่งเบาไปเยอะมาก ครั้นเหตุผลของเขาทำให้เธอไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้
เฉินเป่ยชวนอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่มีทางที่จะจัดการได้อย่างทันท่วงที
เมื่อนึกถึงคนที่ตนจินตนาการถึงแล้วนั้น สีหน้าของเธอจึงเปลี่ยนแปลงไปทันที เทคโนโลยีสมัยนี้พัฒนาไปมาก สามารถคิดค้นวิจัยยาชนิดหนึ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถลบล้างความทรงจำไปจนหมดออกมาได้หรือไม่
ถ้ามี เธอยินยอมที่จะทุ่มเงินมหาศาล ทำให้เฉินเป่ยชวนสามพยางค์นี้ลบล้างออกไปจากก้นบึ้งของหัวใจเธอ
MANGA DISCUSSION