บทส่งท้าย: บันไดสู่ความเป็นผู้ใหญ่
หนึ่งคืนผ่านไปนับจากการสารภาพรักที่น่าตกใจ
เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ และต้องเผชิญกับช่วงหลังเลิกเรียนด้วยสภาพพักผ่อนไม่เพียงพอ
ผมยืนเหม่อมองต้นฉบับที่เครื่องถ่ายเอกสารกำลังออกมาในห้องพิมพ์
…เทียร่าซังเมื่อวานนี้ ดูยังไงก็จริงจังสินะ
มาคิดดูแล้ว ทำไมตอนนั้นผมถึงไม่ตอบตกลงทันทีนะ?
ถ้าผมตอบว่า [ ครับ ] กับการสารภาพรักนั้น ตอนนั้นผมก็คงมีแฟนแล้ว
แฟนเลยนะ แฟนที่ผมคิดว่าเป็นแค่ตัวละคร 2 มิติ กำลังจะปรากฏตัวในโลกแห่งความเป็นจริง
เทียร่าซังก็น่าจะรุกหนักกว่านี้อีกหน่อย โดยไม่สนความรู้สึกของผมเลยแท้ๆ…
[ นุ… นุคุมิซึคุง เครื่องถ่ายเอกสารหยุดแล้วนะ ]
คนที่ทำลายภวังค์ความคิดของผมคือโคมาริ
เธอกำลังจัดกระดาษต้นฉบับที่พิมพ์เสร็จแล้วให้เรียบร้อย พร้อมกับส่งสายตาเป็นห่วงมาให้
[ อะ… โอเคมั้ยเนี่ย ตาดูไร้ชีวิตชีวามากกว่าปกติอีก ]
[ อ่า… โคมาริก็อยู่ด้วยเหรอเนี่ย ]
[ ปะ… ไปตายซะ ]
ก็ไม่แปลกหรอกที่ผมจะโดนด่า หลังเลิกเรียน ผมกับโคมาหริกำลังช่วยกันพิมพ์วารสารชมรมอยู่
ผมถอนหายใจพร้อมกับเงยหน้ามองเพดาน
[ …นี่โคมาริ ]
[ อะ… อะไร ]
[ เธอเคย… ชอบใครบ้างมั้ย ? ]
โครม! โคมาหริทำปึกกระดาษที่ถืออยู่หล่นลงพื้น
[ เป็นอะไรไป โคมาริก็เหนื่อยเหรอ ]
[ ปะ… ไปตายซะ! ตรงนี้เลย! ]
ทำไมถึงโกรธขนาดนั้นนะ ไม่เข้าใจเลย
ขณะที่ผมก้มลงเก็บกระดาษ โคมาริก็มานั่งข้างๆ แล้วเอื้อมมือช่วยเก็บ
[ นุ… นุคุมิซึคุง นิยายของยานามิซัง ลำดับหน้ามันสลับกันนะ ]
อ้าว จริงด้วยแฮะ หน้าบทสรุปดันมาอยู่หน้าแรก
[ แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าเรายืนกรานว่านี่เป็นเทคนิคการนำเสนอแบบหนึ่ง… ]
[ หะ… หุบปากไปแล้ว ทำใหม่สะ ]
[ …ครับ ]
นิยายของยานามิได้เข้าสู่บทใหม่แล้ว
ชีวิตในโรงเรียนมัธยมของผมก็กำลังจะก้าวไปสู่ขั้นต่อไป… แต่ผมเองนั่นแหละที่หยุดยั้งความเป็นไปได้นั้นไว้
[ ว่าแต่โคมาริ ครั้งนี้ก็ยังไม่ได้เขียนอะไรเลยสินะ ติดอยู่ในช่วงตันรึเปล่า? ]
[ อึ๊ก?! ]
โคมาริแสดงท่าทางกระสับกระส่ายด้วยเหตุผลบางอย่าง
อ่า… นี่คงกำลังเขียน BL อยู่สินะ ต้องเป็นอะไรที่คนอื่นเห็นไม่ได้แน่ๆ
ผมยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยื่นกระดาษที่เก็บได้ให้โคมาริ
[ อืม ยุ่งอยู่สินะ เข้าใจๆ ]
[ อะ… อะไร น่าขนลุกชะมัด ]
การแสดงออกที่พยายามซ่อนความเขินอายแบบนั้น ตอนนี้สำหรับผมแล้วมันน่ารักไปหมด
เพราะผมคือผู้ชายที่เกือบจะมีแฟนแล้วนี่นา
แต่ทำไมผมถึงไม่ตอบตกลงทันทีนะ…
ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิด โคมาริก็มองผมด้วยสายตาสงสัย
[ มะ… ไม่สิ วันนี้นายแปลกๆ ปะ… เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ]
[ ไม่เป็นไรหรอกน่า พูดอีกอย่างคืออาจจะแตกต่างจากตัวผมคนเดิม หรืออะไรทำนองนั้นก็ได้ ]
โคมาริถอนหายใจอย่างเอือมระอา ก่อนจะชี้ไปที่ประตูห้องพิมพ์
[ ฉะ… ฉันจัดการที่เหลือเองก็ได้ ไปรอที่ห้องชมรมไป]
[ อ๊ะ ครับ ]
ไม่มีทางเลือกอื่น ผมพยักหน้ายอมรับคำสั่งปลดประจำการที่แสนเยือกเย็นนั้นอย่างว่าง่าย
◇
รายงานกิจกรรมชมรมวรรณกรรม ~ < อรุณสวัสดิ์แด่เธอ > โดย ยานามิ อันนะ
ร้านสะดวกซื้อที่มาประจำทุกเช้าซ่อมแซมเสร็จแล้วค่ะ ใช้เวลานานมาก
ฉันนั่งอยู่บนม้านั่งหน้าอาคาร เปิดถุงขนมปังแกงกะหรี่ที่แปะสติกเกอร์ลดราคา
ฤดูเปลี่ยนไปใกล้จะถึงหน้าร้อนแล้ว แม้จะเป็นหน้าร้อนแต่ก็ไม่มีแผนอะไรเป็นพิเศษ
ขณะที่ฉันกำลังถอนหายใจอย่างอ่อนไหว XXคุง ก็มายืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของม้านั่ง
[ เอโกะซัง ที่นี่ซ่อมเสร็จแล้วเหรอ ]
XXคุง พูดพลางเงยหน้ามองป้ายร้าน
ฉันเมินเฉยแล้วกินขนมปังต่อไป แต่ XX คุงก็ยังไม่ละความพยายามที่จะพูดคุยกับฉัน
[ เธอตื่นเต้นเคยพูดว่าจะรอให้ร้านเสร็จปรับปรุงไม่ใช่เหรอ ]
ใช่ ฉันพูด แล้วยังไงล่ะ
ฉันยังคงเมินเฉยต่อไป XXคุง เงยหน้ามองป้ายอาคารอีกครั้ง
[ แล้วสุดท้าย มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ]
เป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจจริงๆ สมควรแล้วที่ไม่มีเพื่อน
ไม่มีเพื่อนแท้ๆ แต่กลับชอบไปคลอเคลียกับผู้หญิงอยู่เรื่อย ฉันว่าเขาควรเลิกทำแบบนั้นได้แล้วนะ
ฉันอมขนมปังแกงกะหรี่พลางเงยหน้ามองป้ายบ้าง
ป้ายที่เขียนว่า <สวรรค์แห่งการซักผ้า>ตัวใหญ่ๆ
ใช่ค่ะ ร้านสะดวกซื้อที่มาประจำนั้นปรับปรุงใหม่กลายเป็นร้านซักผ้าหยอดเหรียญ
รู้สึกผิดหวังมากที่คิดว่าจะเปิดเป็นร้านสะดวกซื้อแห่งใหม่
เป็นความผิดของ XX คุงแน่ๆ แม้จะไม่รู้สาเหตุก็ตาม
[ เอโกะซัง ชอบร้านซักผ้าหยอดเหรียญเหรอ ]
เปล่าค่ะ ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ
XXคุง ทำเสียง ‘อืม’ กับคำตอบของฉัน แล้วก็นั่งลงที่มุมม้านั่งเริ่มกินขนมปังเมล่อน
เป็นคนที่ไม่ละเอียดอ่อนเอาเสียเลย
เพราะอะไรน่ะเหรอ ? ช่วงนี้ฉันกำลังหลีกเลี่ยงของหวานค่ะ เหตุผลเป็นความลับ
ฉันเบือนสายตาออกไป แล้วป้ายใหญ่ริมถนนก็เข้ามาในสายตา
ทำไมป้ายที่นี่ถึงมีรูปทานุกิด้วยนะ?
พอฉันพูดแบบนั้น XXคุง ก็ทำหน้าเหมือนเอือมระอา
[ นี่มันแรคคูนต่างหากล่ะ ลายมันต่างกันลิบลับเลยนะ ]
เรื่องนั้นฉันรู้ดีอยู่แล้ว ก็ถ้าพูดถึงการซักผ้าก็ต้องนึกถึงแรคคูนอยู่แล้วนี่คะ
แค่เพิ่งตื่นนอนก็เลยเผลอพูดผิดไปหน่อยเท่านั้นเอง
คนที่ทนอยู่กับคนที่ไม่เข้าใจหัวใจผู้หญิงแบบนี้ได้ คงมีแค่ฉันคนเดียวแน่ๆ
ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมากินขนมปังที่นี่ แต่คงจะเหงาสินะ
นานทีๆจะกินอาหารเช้าด้วยกันก็ได้
พอฉันกินขนมปังแกงกะหรี่เสร็จ แล้วแอบมองเล็กน้อย XXคุง ก็หันหลังให้ฉัน
[ อะไร ? ไม่ให้หรอกนะ ]
เป็นคนไร้มารยาทอะไรอย่างนี้
ฉันดูเหมือนผู้หญิงที่อยากได้ของกินของคนอื่นขนาดนั้นเลยเหรอ
แต่ผู้ชายที่ฉลาดน่าจะให้ฉันลองชิมคำหนึ่งโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรเลยไม่ใช่เหรอ
เฮ้อ… ยังเป็นเด็กจริงๆ คงต้องดูแลเขาไปอีกนานเลยสินะ…
◇
เมื่อผมถูกไล่ออกจากห้องพิมพ์ ผมก็เดินไปตามทางเดินมุ่งหน้าไปยังห้องชมรม
แน่นอนว่าวันนี้ผมอาจจะอารมณ์แปลกๆ เพราะนอนไม่พอ
เมื่อคืนผมนอนไม่หลับจนดึก แถมยังมีเรื่องวุ่นวายเล็กน้อย อย่างคาจูที่ละเมอพยายามจะเข้ามานอนในเตียงผมด้วย…
คาจูก็เป็นเด็กขี้ลืมจริงๆ กลับจากห้องน้ำแล้วยังจะเข้าห้องผิดอีก
ผมกำลังจะเดินผ่านบอร์ดประกาศ แต่ก็รีบหยุดเท้ากะทันหัน
สิ่งที่ติดอยู่ตรงนั้นคือ—หนังสือพิมพ์โรงเรียนฉบับล่าสุด
ฉบับนี้มีเนื้อหามากมาย ทั้งเรื่องการเลือกตั้งสภานักเรียนและเทศกาลกีฬาสี
แน่นอนว่าหัวข้อหลักคือเรื่องการเลือกตั้งสภานักเรียน
ภาพเทียร่าซังที่กรีดร้องโดยไม่สนใจเลือดกำเดาที่ไหล ถูกตีพิมพ์ขนาดใหญ่
เทียร่าซังคงได้อ่านแล้วสินะ…
เมื่ออ่านบทความต่อไป ก็พบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการปราศรัยครั้งนี้ แท้จริงแล้วเป็นเรื่องวุ่นวายที่เกี่ยวกับนักเรียนชาย A ที่เป็นศัตรูของผู้หญิง
การบุกรุกของชิกิยะซังเป็นการจัดฉากของนักเรียนชาย A และการปราศรัยอันลึกลับของ A-ซังนั้นเป็นเพียงการประชดประชันแก้แค้นที่โดนบอกเลิก ช่างเป็นนักเรียนชาย A ที่แย่จริงๆ
ถึงกระนั้นก็เป็นข่าวลือที่รุนแรงมาก เรื่องที่คนในสภานักเรียนชอบผมเนี่ย—
…
…………ไม่สิ ไม่ใช่แค่ข่าวลือทั้งหมดนี่นา
เทียร่าซังชอบผม
เมื่อย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ต่างๆ โดยตั้งสมมติฐานนี้ไว้ ผมรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องแย่ๆ ไว้ไม่น้อยเลย..
ขณะที่ผมกำลังจัดเรียงความทรงจำในอดีตลงบนชั้นวางในหัวใจ สายตาผมก็ไปสะดุดกับโฆษณาชิ้นหนึ่งในหนังสือพิมพ์โรงเรียน
…เปิดเผยภาพลับสุดยอดของยากิชิโอะซังที่ผ่านเข้ารอบระดับประเทศแบบเสียเงิน ?
ผมไม่ค่อยชอบใจกับการทำเงินแบบนี้นัก แต่ก็ไม่ควรวิจารณ์โดยที่ยังไม่ได้ดูสินะ
เอ่อ… แล้วจะซื้อเวอร์ชันเสียเงินได้ยังไงนะ…
ขณะที่ผมกำลังหันกล้องไปที่ QR โค้ด
[ นุกคุง ทำอะไรอยู่น่ะ? ]
เสียงสดใสและในเวลาเดียวกันยากิชิโอะก็ตบหลังผมอย่างแรง เจ็บชะมัด
[ แค่ดูหนังสือพิมพ์โรงเรียนเอง ยากิชิโอะล่ะ เลิกซ้อมแล้วเหรอ? ]
[ กำลังพักอยู่น่ะ เลยวิ่งเล่นในอาคาร ถ้าวิ่งในสนาม โค้ชจะดุเอาว่าการพักผ่อนก็สำคัญ ]
ยากิชิโอะทำหน้าเจ้าเล่ห์ แล้วก็เอาข้อศอกมาเขี่ยสีข้างผมดุกดิก
[ เอ๊ะ อะไรนะ? ]
[ ไม่มีอะไรจะบอกฉันหน่อยเหรอ? ]
…จริงด้วย ผมยุ่งๆ เลยยังไม่ได้บอกตรงๆสินะ
[ อ่า… ยินดีด้วยที่ผ่านเข้ารอบระดับประเทศ ]
ผมพูดด้วยน้ำเสียงกระด้างเพราะความเขินอาย ยากิชิโอะก็ทำปากจู๋ไม่พอใจ
[ …แค่นี้เหรอ? ]
[ เอ๊ะ? ไม่ใช่เรื่องนี้เหรอ? ]
[ ก็เรื่องนี้แหละ แต่ฉันเข้ารอบระดับประเทศถึงสองประเภทเลยนะ นุกคุงไม่ค่อยดีใจเลยเหรอ? ไม่แบบเย้ ! แล้วกอดกันหน่อยเหรอ? ]
ไม่ทำหรอกน่า คนเก็บตัวใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะ
[ ยังมีต่ออีกนี่นา จะคว้าแชมป์ระดับประเทศไม่ใช่เหรอ? ]
[ ก็นะ ตั้งเป้าไว้อยู่แล้ว ]
ยากิชิโอะแสยะยิ้มอย่างมาดมั่น
[ งั้นถ้าฉันคว้าแชมป์ระดับประเทศได้ นายต้องมากอดฉันนะ ]
อะไรกันเนี่ย ผมได้ประโยชน์เต็มๆ เลยนี่นา
ข้างๆ ผมที่กำลังจินตนาการถึงการกอดกับยากิชิโอะในชุดยูนิฟอร์ม ยากิชิโอะก็มองบอร์ดประกาศด้วยดวงตากลมโต
[ ว่าแต่ นุกคุงกำลังดูอะไรอยู่? หนังสือพิมพ์โรงเรียนเหรอ? ]
[ อ๊ะ ไม่ใช่สิ นี่มัน— ]
ยิ่งอ่านไป ยากิชิโอะก็ยิ่งสีหน้าจริงจังขึ้น
และเมื่ออ่านบทความจบ ยากิชิโอะก็จ้องมองผมด้วยสายตาไร้อารมณ์
[ …อ่า เจอศัตรูของผู้หญิงแล้ว ]
[ มันเป็นข่าวลือต่างหากล่ะ! อีกอย่าง นักเรียนชาย A คนนี้ก็ไม่ได้หมายถึงผมเสมอไปหรอกนะ! ]
[ ก็นุกคุงนั่นแหละ ]
ก็ใช่นะ แต่ก็ไม่ใช่ไง
ขณะที่ผมกำลังลังเลว่าจะอธิบายยังไงดี ยากิชิโอะก็จ้องมองสมาร์ทโฟนของผมตาไม่กะพริบ
[ เอ๊ะ อะไรนะ? ]
[ …นี่ หรือว่านายกำลังจะซื้อรูปฉันเหรอ? ]
อึก! แย่แล้ว ลืมไปเลยว่าเปิดกล้องค้างไว้
[ ไม่สิ คือว่า… บังเอิญนิ้วไปโดนแล้วกล้องมันก็เปิดเอง… ]
ขณะที่ผมแก้ตัวอย่างอ้ำอึ้ง ยากิชิโอะก็ยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์—แล้วก็ตบหลังผมอย่างแรงอีกครั้ง เจ็บมาก
[ อะไร ?! ]
[ นุกคุงก็เป็นศัตรูของผู้หญิงจริงๆ นั่นแหละ เดี๋ยวจะไปฟ้องจิฮะจังเลย ]
[ ทำไมต้องเป็นอาซากุโมะซังล่ะ?! ]
ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็จริง แต่ก็ไม่ชอบเลย น่ากลัวด้วย
ยากิชิโอะตบหลังผมอีกครั้งที่กำลังกระสับกระส่าย ก่อนจะพลิกตัวแล้ววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
◇
เมื่อผมกลับมาที่ห้องชมรม ก็ได้เห็นภาพที่น่าเอ็นดูปรากฏอยู่ตรงหน้า
[ รุ่นพี่ยานามิคะ อ้ามมมม ]
[ อ้ามมม ]
เมื่อยานามิอ้าปากกว้าง ชิราทามะซังก็ป้อนชิกุวะถั่วเหลืองเข้าไปในปาก
คล้ายกับภาพที่เคยเห็นในการแสดงของสิงโตทะเลที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทาเคชิมะเลย
[ พวกเธอทำอะไรกันน่ะ? ]
เมื่อชิราทามะซังเห็นว่าผมเข้ามา เธอก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน
[ ญาติให้ชิกุวะมาค่ะ เลยเอามาแบ่งให้ประธานจะอ้ามด้วยมั้ยคะ? ]
[ ขอบใจนะ แต่ขอปฏิเสธแล้วกัน ]
ช่วงนี้ทำไมสองคนนี้ถึงได้สนิทกันจังนะ
จุดตัดสินใจน่าจะเป็นเรื่องที่เก็บข้าวปั้นให้แทนยางลบ แต่สถานการณ์เป็นยังไง และยานามิกินข้าวปั้นที่เก็บได้มั้ย คำถามก็ยังไม่หมดไป
[ นุคุมิซึคุง พิมพ์วารสารชมรมเสร็จรึยัง ? พวกเราเตรียมพร้อมแล้วนะ ]
ยานามิกำลังกดเครื่องเย็บกระดาษเปล่าๆ
ผมกับโคมาริมีหน้าที่พิมพ์ ส่วนยานามิกับชิราทามะซังมีหน้าที่เข้าเล่ม
[ ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ แต่โดนโล่มาก่อน ]
อ่า…สองคนนั้นประสานเสียงกัน ดูเหมือนว่าวันนี้ผมจะไร้ประโยชน์ในสายตาทุกคนเลยสินะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ในฐานะศัตรูของผู้หญิง ผมก็จะให้ผู้หญิงทำงาน ส่วนผมจะพักผ่อนสบายๆ
ขณะที่ผมนั่งลงบนเก้าอี้มองผนัง ก็มีเสียงเคาะประตู
เมื่อยานามิพูดว่า “เชิญค่ะ” ประตูก็เปิดออก
[ ขออนุญาตค่ะ นุคุมิซึซังอยู่มั้ยคะ? ]
คนที่เข้ามาในห้องชมรมคือเทียร่าซัง
เมื่อเห็นผมทำท่าทีตกใจหลังจากเหตุการณ์เมื่อวันก่อน เทียร่าซังก็ทำหน้าโล่งใจ
[ เอ๊ะ คือว่า… มาที่ห้องชมรมมีธุระอะไรรึเปล่า ? ]
[ เอาของที่สัญญาไว้มาส่งค่ะ พอดีลืมให้ไปเลย ]
…ของที่สัญญาไว้? เทียร่าซังยื่นถุงกระดาษน่ารักๆ มาให้
เมื่อดูข้างใน ก็พบว่าเป็นชุดรวมป้ายโปรโมตจิกะเปียวหน้าร้าน
[ นี่ผมเอาไปได้จริงๆ เหรอ? จริงๆ นะ? ]
[ ก็ฉันสัญญาไว้แล้วนี่คะ ]
ก็จริงนะ แต่การที่ความพยายามของผมได้รับผลตอบแทนอย่างเป็นปกติเนี่ย ทำเอาตกใจมาก เพราะตั้งแต่เข้าเรียนมาเพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรกเลย
โห นี่มันของหายากสุดๆ ก่อนออกอากาศซีซันแรกเลยนะเนี่ย
ขณะที่ผมยิ้มกับป้ายโปรโมตในมือ เทียร่าซังก็ก้มหน้าลงมามองหน้าผม
[ นุคุมิซึซัง วันนี้จะเลิกดึกมั้ยคะ? ]
[ เอ่อ… คงจะเลิกดึกหน่อย เพราะต้องทำวารสารชมรม ]
[ อาระ น่าเสียดายจัง พอดีธุระของสภานักเรียนเสร็จเร็ว ก็เลยคิดว่าจะกลับพร้อมกันซะหน่อยน่ะค่ะ ]
[ เหอะ? กับผมเนี่ยนะ? ]
แกร๊ก ยานามิกดเครื่องเย็บกระดาษเสียงดัง
[ …เลือกตั้งจบลงแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมสองคนถึงกลับพร้อมกันล่ะ? ]
[ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรลึกซึ้งหรอกค่ะ แค่คิดว่าในฐานะที่เป็นเพื่อนกัน นานๆ ทีจะกลับพร้อมกันก็ได้ ]
เทียร่าซังพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปหาชิราทามะซัง
[ งั้นขอฉันยืมชิราทามะซังไปแทนนะคะ ไปกับฉันได้มั้ยคะ? ]
[ ค่ะ ถ้าแป๊บเดียวก็ไม่เป็นไรค่ะ ]
ชิราทามะซังเหลือบมองผมแล้วก็ลุกขึ้น ทำไมเทียร่าซังถึงเรียกชิราทามะซังล่ะ?
ชิราทามะซังขยิบตาอย่างน่ารัก ให้ผมกำลังทำหน้าสงสัยอยู่
[ ประธานคะ ฉันตัดสินใจจะเข้าสภานักเรียนแล้วค่ะ ]
[ หา? ]
สภานักเรียนรับคนทำผิดทำกฎหมายด้วยเหรอ?
แต่ว่า… อดีตประธานนักเรียนก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดนี่นะ บางทีเรื่องพวกนี้อาจจะหยวนๆ กันก็ได้
ขณะที่ผมกำลังคล้อยตามไปคนเดียว เทียร่าซังก็ก้มหัวให้ผมเล็กน้อย
[ ฉันเป็นคนขอให้ไปเองค่ะ แน่นอนว่าจะพิจารณาไม่ให้กระทบกิจกรรมชมรมวรรณกรรมเลยค่ะ ]
ทางนี้ต่างหากล่ะ ต้องคอยให้ช่วยดูแลระเบิดด้านนี้เนี่ย
[ ชมรมเราไม่เป็นไรหรอก งั้นบาโซริซัง ฝากดูแลชิราทามะซังด้วยนะ ]
เทียร่าซังที่กำลังจะออกจากห้องชมรม หันกลับมามองผ่านไหล่
[ อ้าว วันนี้ไม่เรียกชื่อจริงแล้วเหรอคะ ]
[ ก็ไม่ชอบให้เรียกชื่อจริงนี่ ]
คำถามตรงไปตรงมาของผมกลับได้รับ—รอยยิ้มของเทียร่าซัง
[ ถ้าเป็นนุคุมิซึซังล่ะก็ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ จะเรียกชื่อจริงก็ได้ ]
อนุญาตให้เรียกเทียร่าแล้ว… อย่างนั้นเหรอ ?
เทียร่าซังหัวเราะคิกคักอีกครั้งกับผมที่ตัวแข็งทื่อ ก่อนจะจากห้องชมรมไปพร้อมกับชิราทามะซัง
เมื่อแน่ใจว่าประตูปิดแล้ว ผมก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้
วันนี้รอดไปได้ด้วยดีก็จริง แต่จากนี้ไปคงจะลำบากน่าดูเลย…
[ …จ้องงงงงงง ]
ยานามิมองผมพลางพูดออกมาในลำคอ อะไรของเธอเนี่ย
[ มีอะไรอยากจะบอกผมรึเปล่า ]
[ เมื่อกี้อะไรกัน นายกับบาโซริซังสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ ]
[ ขนาดนั้น… หมายความว่าไงนะ ]
[ กับฉันนายยังเรียกนามสกุลแล้วเติม “ซัง” อยู่เลย แต่กับบาโซริซังกลับเรียกชื่อต้นเนี่ยนะ? หืมมม ]
อืม เธอเล่นงานผมตรงนี้สินะ อืมๆๆ…
ผมเท้าแขนทั้งสองข้างแล้วซ่อนปากไว้ด้วยนิ้วที่ประสานกัน
[ เอาล่ะยานามิซัง ฟังผมนะ เรื่องบาโซริซังเนี่ย พูดได้เลยว่าเรามีความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้นจากการหาเสียงเลือกตั้ง การสร้างความสัมพันธ์กับประธานนักเรียนคนใหม่เป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของชมรมวรรณกรรมในอนาคต ซึ่งน่าจะตรงกับจุดประสงค์ของยานามิซังไม่ใช่เหรอ ]
แม้ผมจะอธิบายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยานามิก็ยังคงทำหน้าไม่พอใจ แล้วก็เอาชิกุวะถั่วเหลืองเข้าปาก
[ การเลือกตั้งสภานักเรียนน่ะนะ มันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในการเลือกตัวแทนนักเรียนนะ ? การที่นายใช้ข้ออ้างในการหาเสียงเพื่อไปสนิทสนมกับผู้หญิงเนี่ย มันไม่ค่อยบริสุทธิ์เท่าไหร่เลยนะ? ]
[ ถ้าพูดอย่างนั้น ยานามิซังเองก็ไม่ใช่เหรอ ]
[ อะไรเหรอ? ]
ยานามิทำหน้าสงสัยกับคำพูดที่หลุดปากผมไปโดยไม่ตั้งใจ
[ ยานามิซังน่ะ อยู่กับซากุไรคุงตลอดช่วงหาเสียงเลยนี่ เขาก็เป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงด้วยนะ ผมว่าอะไรแบบนั้นมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก ]
[ ซากุไรคุงเหรอ? คนนั้นน่ะงานสภานักเรียนยุ่งจะตาย ไม่ได้อยู่ด้วยกันขนาดนั้น— ]
ยานามิที่กำลังพูดอยู่ก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก
[ ยานามิซัง เป็นอะไรไปน่ะ ]
เธอไม่ตอบคำถามนั้น ยานามิก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผม
…เอ๊ะ อะไรน่ะ น่ากลัวนะเนี่ย
ยานามิพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังสนุกกับผมที่ตัวสั่นงันงก
[ นุคุมิซึคุง—นายอิจฉาเขาจริงด้วยสินะ ]
…หือ? อิจฉา? ผมเนี่ยนะ?
ยานามิพูดอะไรออกมาน่ะ ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
[ ไม่ใช่หรอก แค่ผมไม่ชอบให้ซากุไรคุงโดนพูดถึงเรื่องไม่จริงเท่านั้นเอง ]
[ …ทำไมถึงพูดถึงซากุไรคุงตอนนี้ล่ะ? ]
ยานามิหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
[ ทำไมเหรอ? ก็พูดถึงเรื่องนั้นมาตั้งแต่แรกแล้วนี่นา ]
[ ไม่ใช่ซะหน่อย ?! เรื่องที่ฉันสนิทกับซากุไรคุงแล้วนุคุมิซึคุงอิจฉาต่างหากล่ะ! ]
ก็เหมือนกันนั่นแหละ เอ้อ… คือว่า ผมควรจะเปลี่ยนคำพูดสินะ?
[ คือว่านะ ถ้ามีข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับยานามิซังขึ้นมา ซากุไรคุงจะน่าสงสาร— ]
[ ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?! ]
แปลกมากเลยนะยานามิซัง ดูเหมือนว่าผมจะฝากซากุไรคุงไว้กับคนนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ…
ยานามิถอนหายใจอย่างเอือมระอา แล้วล้วงมือเข้าไปในถุงชิกุวะถั่วเหลือง
[ ก็เป็นซะแบบนี้ไง นุคุมิซึคุง… อ่ะ นี่อร่อยนะ ]
ยานามิยื่นชิกุวะถั่วเหลืองมาตรงหน้าปากผม
ผมเผลอกินเข้าไป กลิ่นชิกุวะก็หอมอบอวลอยู่ในปาก
[ อ๊ะ นี่มีขิงด้วยเหรอเนี่ย ]
[ ดีใช่มั้ยล่ะ ช่วงนี้ฉันชอบมากเลยนะ ]
ยานามิที่อยู่ดีๆ ก็อารมณ์ดีขึ้นมา ก็เอาชิ้นสุดท้ายเข้าปาก
ขณะที่ผมมองภาพนั้นอย่างเลื่อนลอย ผมก็คิดถึงคำพูดของยานามิ
…ดูเหมือนว่าในสายตาของเธอ ผมกำลังอิจฉาอยู่
ซากุไรคุงเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทผู้ชายไม่กี่คนของผม และเป็นเรื่องจริงที่ผมรู้สึกถูกทอดทิ้งเมื่อเห็นเขาไปสนิทกับยานามิ
การใช้คำว่าอิจฉาก็อาจจะไม่ใช่เรื่องผิดนัก
กล่าวคือ ผมรู้สึกถูกทอดทิ้งมากขึ้นก็เพราะอีกฝ่ายคือยานามิที่เป็นเพื่อนสนิทของซากุไรคุงนั่นเอง—
เมื่อผมรู้สึกโล่งใจที่สามารถอธิบายความรู้สึกตัวเองได้ ยานามิที่กินชิกุวะเสร็จแล้วก็ถามพลางพันผมด้วยปลายนิ้ว
[ …ว่าแต่ว่า โจทย์วิ่งผลัดหาของของบาโซริซังคืออะไรเหรอ? ]
[ ทำไมถึงอยากรู้เรื่องนั้นล่ะ? ]
[ ก็บาโซริซัง จูงมือนักเรียนชายไปเข้าเส้นชัยต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนเลยนะ ! ในหนังสือพิมพ์โรงเรียนก็เขียนกันยกใหญ่เลย ถ้าไม่บอกอาจจะถูกเข้าใจผิดได้นะ ]
เข้าใจผิด… ก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก
โจทย์ที่เทียร่าซังจับได้คือ—คนที่ชอบ
ข่าวซุบซิบไร้สาระในหนังสือพิมพ์โรงเรียน มีเพียงข้อเดียวที่พูดความจริงออกมา
[ เรื่องแบบนี้ ถ้าโต้แย้งโดยไม่จำเป็นก็จะยืดเยื้อนะ เมินไปเลยดีที่สุดแล้ว ]
เอาล่ะ ตกลงตามนี้ ยานามิจะต้องเข้าใจแล้วแน่ๆ
[ นั่นก็จริงนะ แล้วโจทย์คืออะไรเหรอ? ]
…อืมม์ ไม่เข้าใจสินะ
สายตาน่ากลัวจัง หลบเลี่ยงไปเรื่อยเปื่อยดีกว่า
[ เพื่อน—ใช่ เพื่อนผู้ชายไง! ]
[ หืมม์ โจทย์ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะจับได้ ดันเป็นเพื่อนผู้ชายเนี่ยนะ ]
ยานามิบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วก็เท้าคางมองผมด้วยสายตาไร้อารมณ์
[ กะ… ก็ใช่นะ… ]
[ ช่างเถอะ ก็ส่งชิราทามะจังเข้าไปในสภานักเรียนแล้วนี่นา ]
[ นั่นหมายความว่าไง?]
[ เอาล่ะ หมายความว่ายังไงกันนะ ]
ยานามิพูด ด้วยน้ำเสียงราวกับเล่นละคร แล้วก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของยานามิที่เดินไปที่หน้าต่างนั้น ผมมองไม่เห็น
—ตอนที่เทียร่าซังสารภาพรักกับผมบนสะพาน
สารภาพตามตรงว่าผม สับสน
ไม่ใช่กับการสารภาพรัก แต่เป็นกับตัวผมเองที่ลังเลกับคำตอบ
และที่สำคัญที่สุด—ในวินาทีที่ผมกำลังจะตอบ [ ครับ ] กับการสารภาพรักนั้น มีร่างเงาที่แวบเข้ามาในสายตาของผม
ความหมายของสิ่งนั้นและความรู้สึกของผมเอง เพียงแค่คืนเดียว ผมยังไม่เข้าใจอะไรเลย
เทียร่าซังใช้เวลาไปกี่คืนกันนะ กว่าจะตัดสินใจสารภาพรักกับผมได้—
[ ใกล้จะมืดแล้วนะ ]
ยานามิที่มองออกไปนอกหน้าต่างก็ปิดม่าน
[ …อะไรน่ะ? จ้องผมอยู่นั่นแหละ ]
ยานามิทำสีหน้าผสมผสานระหว่างความไม่พอใจ
ความเอือมระอา และอารมณ์อื่นๆ อีกหลายอย่าง จ้องมองผมเงียบๆ
เป็นความเงียบที่น่าอึดอัด
เมื่อผมหมดความอดทนและกำลังจะอ้าปากพูด จู่ๆ ยานามิก็—หัวเราะ
[ —นุคุมิซึคุง ยังไงก็เป็นศัตรูของผู้หญิงจริงๆ นั่นแหละ ]
—-
จบเล่ม 8 แล้วครับ จะมี ส่วนเรื่องสั้นจะอยู่ในเพจ Monica モニカ นะครับ
MANGA DISCUSSION