บทที่ 4 ศัตรูของผู้หญิงนี่หมายถึงใครกันนะ ?
วันนี้เป็นวันกีฬาสีของโรงเรียนสึวะบุกิ และเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ซึ่งสวนทางกับความปรารถนาของผม
การเลือกตั้งประธานนักเรียนก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และเมื่อกีฬาสีครั้งนี้จบลง สภานักเรียนชุดปัจจุบันก็จะถูกยุบ
แน่นอนว่าสำหรับนักเรียนส่วนใหญ่ของสึวะบุกิ เรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย และสำหรับผมเอง เมื่อการเลือกตั้งสิ้นสุดลง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงอีกต่อไป—
ขณะที่คิดเช่นนั้น ผมก็มองดูพวกกลุ่มป็อปๆที่กำลังวิ่งโดยมีเสียงเชียร์ให้กำลังใจ
ผมลงแข่งวิ่งแข่งและชักเย่อที่ทุกคนต้องเข้าร่วมไปแล้ว และตอนนี้ก็รู้สึกเหนื่อยเต็มที
โดยเฉพาะสำหรับการวิ่งแข่ง ผมคิดว่าถ้าเป็นผมที่วิ่งได้เร็วกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กผู้ชาย ม.ปลายปี 1 ตั้งแต่เดือนมีนาคม ก็น่าจะทำได้ดีเหมือนคนทั่วไป แต่ผมกลับประเมินผิดไปอย่างหนึ่ง
—ทุกคนกลายเป็นเด็ก ม.ปลายปี 2 ไปแล้วน่ะสิ
แถมเพื่อนร่วมวิ่งทั้งห้าคนยังเป็นข้อยกเว้น เพราะพวกนั้นเป็นพวกที่อยู่ในชมรมกีฬา รวมทั้งชมรมกรีฑา และฮาคามาดะ โซสุเกะด้วย
ฮาคามาดะ หมอนั่นได้ที่ 1 เหนือกว่าพวกชมรมกรีฑาชายซะอีก พลังเสริมของตัวละครเอกนี่น่ากลัวจริงๆ แน่นอนว่าผมได้ที่โหล่
รู้สึกเจ็บไหล่ขึ้นมาด้วย ชักเย่อทำเอาผมสะบักสะบอมขนาดนี้ ผมคงไม่ไหวแล้วใช่มั้ยเนี่ย…
[ เฮ้ นุคุมิซึ ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ ]
[ อ่า รู้แล้ว ]
ผมกับอายาโนะสบตากัน แล้วหันกลับไปมองสนามอีกครั้ง
ตอนนี้กำลังแข่งวิ่งผลัดผสมชายหญิงระหว่างห้อง
เป็นกีฬาที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของพวกป็อปๆซึ่งไม่เกี่ยวกับผมเลย แต่คราวนี้ผมจะเมินเฉยไม่ได้
เพราะยากิชิโอะจากห้อง 2-E จะลงแข่งเป็นไม้สุดท้าย
ขณะที่เราปักหลักอยู่ใกล้หัวโค้งที่ 4 ก็มีการส่งไม้ให้ยากิชิโอะ
[ ดูสิเลม่อน ได่ที่หนึ่งแน่ๆ ! ]
[ ดูอยู่ๆ ไม่ต้องดึงเสื้อกันขนาดนั้น ]
ไม้สุดท้ายวิ่งระยะ 400 เมตร ซึ่งยาวกว่าคนอื่น
ทันทีที่ยากิชิโอะเริ่มวิ่ง เสียงฮือฮาก็ดังก้องไปทั่วสนาม
เธอพุ่งเข้าสู่หัวโค้งที่ 1 อย่างรวดเร็ว ดูไม่ใช่ความเร็วของคนถนัดวิ่งระยะกลางเลย
…เร็วมาก แน่นอนว่าปีที่แล้วก็เร็ว แต่ปีนี้ดูน่าเกรงขามขึ้นเยอะเลย
ขณะที่ผมมองอย่างน่าทึ่ง อายาโนะก็กอดอกพยักหน้าหงึกๆ
[ รู้อะไรมั้ย ? ที่จริงแล้วเลม่อนน่ะ เวลาวิ่งระยะสั้นก็ดีขึ้นด้วยนะ ]
[ เอ๋ จริงเหรอ ]
[ อ่า ก่อนวิ่งผลัด ลองจับเวลาดูแล้วทำลายสถิติส่วนตัวด้วยแหละ ]
ผมยักไหล่อย่างจงใจใส่อายาโนะที่ดูภาคภูมิใจไม่รู้เรื่อง
[ สถิติส่วนตัวนั่นน่ะ เป็นเวลาอย่างเป็นทางการก่อนที่จะแข่งกับผมใช่มั้ย? เสียใจด้วยนะ นั่นน่ะเลม่อนทำลายสถิติไปตั้งแต่เดือนมีนาคมตอนที่แข่งกับผมแล้วล่ะ ]
เมื่อได้ยินอย่างนั้น อายาโนะก็แว่นตาเปล่งประกายวับ
[ งั้นนี่ล่ะรู้มั้ย? เลม่อนน่ะ วันแข่งจะไม่กินอาหารแข็งนะ เขาบอกว่าพวกเยลลี่หรือเครื่องดื่มจะปรับร่างกายได้ง่ายกว่า ]
โอ้โห อย่างนั้นเหรอเนี่ย ยานามิทำไม่ได้แน่นอน
ว่าแต่คนที่คบกับคนอื่นแล้วมาทำเป็นรู้ใจคนรักเก่าอย่างนี้น่ะมันยังไงกันนะ
[ อายาโนะ นี่รู้มั้ย ยากิชิโอะน่ะก่อนแข่งจะฟังเพลงเพื่อรวมสมาธินะ ]
[ อ่า แน่นอน รู้สิ ]
[ ก็คงงั้นแหละ แล้วนี่คือเรื่องสำคัญเลยนะ ในการแข่งขันครั้งก่อนไม่ได้ใช้หูฟังแต่เสียงมันออกมาจากตัวเครื่องเลยนะ แล้วเลม่อนก็อายมากเลยแหละ ]
[ หืม สมกับเป็นเลม่อนจริงๆ ]
[ ใช่มั้ยล่ะ? ]
ขณะที่เรากำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ยากิชิโอะก็เข้าสู่หัวโค้งที่ 4 แล้ว
วินาทีที่ผมรู้สึกเหมือนสบตากับเธอ—แล้วในชั่วพริบตาถัดมา ยากิชิโอะก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาทางผม แล้ววิ่งผ่านหน้าผมไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็เร่งความเร็วอีกครั้งในไม้สุดท้าย สลัดผู้ชายที่ไล่ตามมา แล้วเข้าเส้นชัย
ยากิชิโอะกระโดดเข้าไปในวงของสมาชิกทีมวิ่งผลัดห้อง 2-E โดยมีเสียงเชียร์ดังกึกก้องอยู่เบื้องหลัง
เราที่เคยถูกยากิชิโอะวิ่งแซงไปนั้น มองหน้ากันแล้วพูดว่า
[ [ —เมื่อกี้เธอส่งสัญญาณให้ผมใช่มั้ย? ] ]
ทำไมต้องพูดพร้อมกันด้วยนะ
ผมถอนหายใจอย่างอ่อแรง แล้ววางมือบนไหล่อายาโนะ
[ ใจเย็นๆ แล้วคิดดูนะ ถึงจะเป็นเพื่อนกัน แต่ยากิชิโอะคงไม่ทำอย่างนั้นกับผู้ชายที่มีแฟนแล้วหรอก ดังนั้นใช้วิธีตัดตัวเลือกแล้วคิดว่าเธอทำสัญญาณให้ผมต่างหาก ดูเป็นธรรมชาติดี ]
[ ไม่เกี่ยวกันเลยนะ การทำสัญญาณให้เพื่อนที่มาเชียร์น่ะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ]
[ ถ้าอย่างนั้น สัญญาณนั้นจะให้ผมก็ได้ไม่ใช่เหรอ? นายนั่นแหละที่บอกว่าผมเป็นเพื่อนของยากิชิโอะ ]
อายาโนะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งกับคำพูดของผม แล้วดันแว่นขึ้นด้วยปลายนิ้ว
[ …แว่นตา ]
[ หมายความว่าไง? ]
[ ก็แว่นตามันสะท้อนแสงไง เลม่อนเลยสังเกตเห็น ไม่อย่างนั้นคงหานายท่ามกลางคนเยอะขนาดนี้ไม่ได้หรอก ]
[ นั่นมันคงรบกวนสายตาจนน่ารำคาญมากกว่ามั้ย ? รู้สึกเหมือนเมื่อกี้เธอชูนิ้วกลางให้ผมด้วยซ้ำ ]
ผมกับอายาโนะสบตากันโดยไม่พูดอะไรเลย กำลังจะเริ่มยกที่ 2 อยู่แล้วเชียว
[ มิตสึกิซัง! ]
คนที่ปรากฏตัวคืออาซากุโมะซัง เธอโค้งคำนับให้ผมเล็กน้อย แล้วยิ้มให้อายาโนะ
[ เลม่อนซังวิ่งเป็นไงบ้างคะ ? สุดยอดไปเลยใช่มั้ยคะ ]
[ อ่า จิฮายะก็ดูอยู่เหมือนกันเหรอ? หมอนั่นสุดยอดจริงๆ นั่นแหละ ]
[ ใช่แล้วค่ะ นุคุมิซึซังคะ ฉันขอยืมมิตสึกิซังไปหน่อยได้มั้ยคะ? มีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อยน่ะค่ะ ]
เมื่อผมพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร อาซากุโมะซังก็คว้าแขนอายาโนะไว้ด้วยสองมือ
[ จิฮายะ มีเรื่องอะไรเหรอ? ]
[ ค่ะ มีอะไรคะ? เราไปคุยกันตรงนั้นดีกว่าค่ะ ]
ผมประสานมือไปทางด้านหลังของอายาโนะที่ถูกพาตัวไป
…บทสนทนาเมื่อกี้คงถูกได้ยินสินะ
แต่ก็นั่นแหละ คนที่มีแฟนแล้วแต่ยังไปเอาอกเอาใจผู้หญิงที่เคยหักอกตัวเองก็ผิดเองอยู่แล้ว ต้องสำนึกผิดซะบ้าง
เอาล่ะ การแข่งขันช่วงเช้ากำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
เหลืออะไรอีกบ้างนะ…
ขณะที่ผมกำลังควานหาตารางการแข่งขันในกระเป๋า ยานามิก็วิ่งเข้ามาหาผม
[ อยู่นี่เอง! ]
[ มีอะไรเหรอ รีบร้อนขนาดนั้น ]
ยานามิซังหอบหายใจให้เป็นปกติ แล้วยื่นมือทั้งสองข้างให้ผมด้วยดวงตาที่สดใส
[ นุคุมิซึคุง ขอข้าวกล่องหน่อย! ]
[ ไม่ให้หรอก ]
ผมตอบทันควัน ยานามิซังยักไหล่อย่างอ่อนใจ
[ ช่วยไม่ได้นะ งั้นจะอธิบายให้นุคุมิซึคุงเข้าใจนะ ]
[ คำตอบก็ไม่เปลี่ยนหรอกนะ ]
ยานามิพูดต่อไปโดยไม่สนใจผมที่ยืนยัน
[ การเชียร์น่ะมีตอนแรกของช่วงบ่ายใช่มั้ยล่ะ? พวกเราน่ะพอพักเที่ยงก็จะรีบไปเปลี่ยนชุด แล้วก็ประชุมไปกินข้าวกล่องไปน่ะ ]
[ เหรอ ]
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ
ยานามิจ้องผมเขม็งเมื่อผมตอบแบบไม่ใส่ใจ
[ ก็เนี่ย พอออกกำลังกายตั้งแต่เช้ามันก็หิวใช่มั้ยล่ะ แล้วก็— ]
[ …กินข้าวกล่องล่วงหน้าไปแล้วสินะ ]
[ แค่ชิมนิดหน่อยเองนะ ข้าวกล่องน่ะมันไม่ค่อยมีแรงใจเลย ]
แรงใจ ข้าวกล่องมีค่าสถานะลับแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย
ผมเข้าใจสถานการณ์แล้ว แต่ผมให้ข้าวกล่องสุดพิเศษของคาจูกับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของมันไม่ได้หรอก
[ ไปซื้อขนมปังที่ร้านค้าก็ได้นี่ ]
[ เดี๋ยวฉันต้องไปแข่งวิ่งกินขนมปังแล้ว ไม่มีเวลาไปซื้อหรอกนะ ไปซื้อมาให้หน่อยสิ ]
[ เอาขนมปังนั่นเป็นข้าวกลางวันไปเลยก็ได้นี่? ]
[ คิดว่าพอเหรอ? ]
อืม ไม่พอจริงๆ นั่นแหละ ผมผิดเอง
เมื่อผมพยักหน้า ยานามิซังก็กล่าวขอบคุณแล้วกำลังจะจากไป
[ เดี๋ยวก่อน เงินค่าขนมปังน่ะ เป็นหนี้ไม่ดีนะ ]
[ …ฉันดูเป็นผู้หญิงที่ไม่คืนเงินเหรอ? ]
เรื่องนั้นผมขอไม่แสดงความคิดเห็น
ยานามิซังควานหาอะไรในกางเกงขาสั้นแล้วหยิบเหรียญ 500 เยนออกมา
[ งั้นเอาขนมปังที่มีแรงใจหน่อยนะ ]
ผมมองส่งยานามิซังที่โบกมือและวิ่งจากไป แล้วก็เอียงคอ
ขนมปังที่มีแรงใจ…มันเป็นยังไงกันนะ?
◇
ระหว่างทางกลับจากร้านค้า ผมแบกขนมปังเต็มสองมือ
ผมได้ขนมปังแกงกะหรี่ลดราคาพิเศษ 7 ชิ้น ซึ่งจะหมดอายุวันนี้
ถ้าเป็นขนมปังแกงกะหรี่ก็น่าจะมีแรงใจดีนะ ยานามิงคงดีใจ
ผมเดินฮัมเพลงเบาๆไปตามทางเดินข้างสนามหญ้า มีนักเรียนหญิงน่ารักคนหนึ่งเดินสวนมา
นั่นคือชิราทามะซัง เธอสังเกตเห็นผมก็เดินกะเตงๆ เข้ามาใกล้ น่ารักจริงๆ
ไม่มีข้อโต้แย้งเรื่องความน่ารักของเธอ แต่ว่าวันนี้เธอดูน่ารักเป็นพิเศษ
เธอสวมที่คาดผมหูสัตว์ ชุดสัตว์มีหางฟูๆ ยิ่งเพิ่มความน่ารักเข้าไปอีก
ชิราทามะซังยกมือสองข้างขึ้นตรงหน้าผม แล้วพูดว่า
[ ประธานคะ ‘กรร ‘! ]
เธอก็ทำท่าทางล้อเลียนอย่างน่ารักให้ดู
[ นี่มันชุดสำหรับเชียร์ใช่มั้ย? ]
[ ใช่ค่ะ ที่ห้องจะเต้นคอนโปโกะของสุนัขจิ้งจอกกับทานุกิค่ะ ฉันเลยกลายเป็นทานุกิ ]
ชิราทามะซังแลบลิ้นออกมาอย่างออดอ้อน เจ้าเล่ห์จัง แล้วก็น่ารักด้วย
ชิราทามะซังมองขนมปังแกงกะหรี่ที่ผมอุ้มมาแล้วตาโต
[ ว้าว ประธานกินเยอะจังเลยนะคะ ]
[ ไม่ นี่มัน— ]
[ ของยานามิซังใช่มั้ยคะ ]
ชิราทามะซังหัวเราะคิกคัก แล้วมองตาผมด้วยสายตาอ้อนวอน
[ แข่งเชียร์ของห้อง 1-E ประธานจะมาดูมั้ยคะ? ]
[ เอ๋? อ่า ถ้าไม่ตรงกับห้องผมก็… ]
ชิราทามะซังยิ้มสวยราวกับดอกไม้ให้ผมที่ตอบอึกอัก
[ ว้าว น่าตื่นเต้นจังเลยค่ะ! ตอนเต้น จะส่งสัญญาณให้นะคะ มาดูให้ได้เลยนะคะ ]
[ เอ๋ ให้ผมเหรอ? ]
[ …ให้แค่ประธานคนเดียวนะคะ? ]
ชิราทามะซังกระซิบเสียงแผ่วเบา
เมื่อชิราทามะซังหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว หางทานุกิที่ติดอยู่กับชุดก็พลิ้วไหวในอากาศ
◇
การแข่งขันช่วงเช้าจบลง และเข้าสู่ช่วงพักกลางวันแล้ว
ซากุไรคุงกับอายาโนะไปรวมกลุ่มกับการเชียร์ ผมจึงเพลิดเพลินกับการกินข้าวกล่องคนเดียวที่มุมสนาม
ภายใต้ร่มไม้ เสียงกิ่งไม้เสียดสีกันเบาๆ และบางครั้งก็ได้ยินเสียงนกจากด้านบน
[ นานๆ ทีได้ใช้เวลาสงบๆ ก็ดีเหมือนกันนะ… ]
เอาล่ะ หลังจากไส้กรอกเบคอนแล้วจะกินอะไรต่อดีนะ
มินิโอเด้งเสียบไม้ หรือไก่ทอดสุดคลาสสิกดี—
ขณะที่ผมกำลังมองข้าวกล่องพิเศษของคาจูก็มีเงาทาบทับลงมาที่มือ
เงยหน้าขึ้นไปก็เห็น โคมาริ ถือห่อข้าวกล่องยืนอยู่ตรงนั้น
[ เอ่อ…คะ…คือ… ]
โคมาริซังบิดไปมา เล่นกับผมหน้าม้าของเธอ
[ อ้าว พวกสมาชิกทีมเชียร์ไม่กินข้าวกล่องไปด้วยประชุมไปด้วยเหรอ? ]
[ ฉะ…ฉันน่ะไม่มีอะไรทำในวันจริงหรอกนะ เพะ…เพลงก็คณะกรรมการจะเปิดให้ ]
[ อืม อย่างนั้นเองเหรอ แล้วทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ— ]
[ อ๊ะ?! คะ…คือ… ]
เห็นโคมาริซังมีท่าทางร้อนรน ผมก็พยักหน้าอย่างแรง อ๋อ อย่างนี้นี่เอง
[ เข้าใจแล้ว กำลังหาสถานที่ลับตาคนอยู่ใช่มั้ยล่ะ? ]
[ …เอ่อ? ]
ผมชี้ไปด้านหลังด้วยนิ้วโป้ง
[ แนะนำหลังพุ่มไม้นั่นเลยนะ เงียบสงบดี แถมพื้นยังมีหญ้าขึ้นเหมือนสนามหญ้าด้วย นั่งสบายเลยล่ะ ผมเลือกที่นี่เพราะได้ยินเสียงนก แต่โดยรวมแล้วตรงนั้นดีกว่านะ ]
อ่าฮะ ทำดีแล้วเรา คนประเภทเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือกันสิ
ขณะที่ผมพอใจแล้วคีบไก่ทอดด้วยตะเกียบ โคมาริซังก็พึมพำเสียงต่ำ
[ …ปะ…ไปตายซะ ]
ทำไมถึงด่ากันแบบนั้นล่ะ
ขณะที่ผมกำลังสับสนกับความไม่สมเหตุสมผลที่เกิดขึ้นกะทันหัน กลิ่นหอมของดอกไม้ก็ลอยมาตามลม
เสียงเพลงBGMที่เบาแต่ก็ดูสง่างาม ซึ่งค่อยๆ ใกล้เข้ามาคือ—
[ ดีจัง เจอแล้ว! ]
คนที่วิ่งเข้ามาคือ ฮิเมมิยะ คาเรน ในชุดเชียร์ลีดเดอร์
เมื่อฮิเมมิยะซะงเบรกกะทันหันตรงหน้าโคมาริ สิ่งที่เต็มไปด้วยความฝันของผู้ชายก็เด้งขึ้นลงตามแรงเฉื่อย
… สุดยอดเลย ไม่ต้องพูดว่าอะไรแต่ก็สุดยอดมาก
ขณะที่ผมแข็งทื่อด้วยความประทับใจ ฮิเมมิยะซังก็จับมือโคมาริไว้แน่น
[ นี่โคมาริจัง มาช่วยเชียร์ได้มั้ย ! ]
[ เอ๋?! ]
[ เมื่อกี้ทาคานาชิซังข้อเท้าพลิกน่ะ เธอเป็นคนต้องถูกยกขึ้นไปข้างบน เลยต้องหาคนมาแทน! ]
ทาคานาชินี่ถ้าจำไม่ผิดเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่าโคมาริสินะ
ฮิเมมิยะซังรุกไส่โคมาริซังอย่างหนัก
[ โคมาริจังจำท่าเต้นทั้งหมดได้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ? มาช่วยเป็นคนถูกยกแทนคุณทาคานาชิได้มั้ย! ]
[ เอ่อ…คือ… ]
โคมาริซังที่หวาดกลัวขอความช่วยเหลือจากผม ผมก็แอบเบนสายตาไปทางอื่น
[ ขอร้องล่ะนะ มีแค่โคมาริจังเท่านั้นที่ฉันพึ่งได้นะ ! ]
[ ยะ…ยานามิซังก็ได้นี่… ]
[ ก็อันนะหนัก—ไม่ใช่สิ เธอมีพละกำลังเยอะ ฉันเลยอยากให้เธอช่วยยกน่ะ ไม่เป็นไรหรอกนะ ทุกคนจะช่วยกัน! ]
วิ๊ง รอยยิ้มที่เปล่งประกายของฮิเมมิยะซังทำให้เรี่ยวแรงของโคมาริซังหายไป
โคมาริซังคอพับลงอย่างหมดเรี่ยวแรง
ฮิเมมิยะซังที่ตีความว่าเป็นการยินยอม ก็ลากคอมาริซังไปอย่างไม่ลดละ
…ดูจะลำบากน่าดูเลยนะ
ผมถือไม้โอเด้งเงยหน้ามองกิ่งไม้เหนือหัว
อ๊ะ นั่นคือนกจับแมลงอกส้มนะ สงสัยจะบินไปทางเหนือไม่ทัน…
ผมเคี้ยวบุกก้อนที่ซึมซับรสชาติพร้อมกับฟังเสียงนกที่ร้องอย่างโศกเศร้า
◇
ไม่นานจากนั้น กิจกรรมช่วงบ่ายก็เริ่มต้นขึ้น
เสียงเพลงจังหวะร่าเริงดังออกมาจากลำโพงในสนาม ห้อง 2-C เริ่มการแสดงการเชียร์
การแสดงของห้องเราคือเชียร์ลีดเดอร์ และ ชุดนักเรียนชายสไตล์ยากูซ่า
เป็นการเต้นแบบชิล ๆ ที่หาได้เฉพาะในงานกีฬาสี ก็ดูน่ารักดี แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นหลัก
── ฮิเมมิยะ คะเรน ทรวงอกอันรุนแรงและใบหน้าอันงดงาม รัศมีเปล่งประกายของเธอปกคลุมบรรยากาศโดยรอบ
เหมือนว่ากฎฟิสิกส์รอบตัวเธอจะทำให้ความฝันของผู้ชายล่องลอยไปมาในอากาศ
นี่มันเหมาะสมกับงานโรงเรียนมัธยมปลายของรัฐในช่วงกลางวันจริง ๆ เหรอ…?
รู้ตัวอีกที เหล่าผู้ชมก็มากมายเต็มไปหมด ชายหนุ่มทั้งโรงเรียนคงมารวมตัวกันอยู่ตรงนี้แล้วแน่ ๆ ──
ยานามิที่กินขนมปังแกงกะหรี่ไปตั้ง 7 ชิ้น ก็ยังดูสดใสเหมือนเดิม
ชุดเชียร์ลีดเดอร์ที่แอบเผยให้เห็นหน้าท้องเล็กน้อย ทำให้ผมแอบเป็นห่วงหน้าท้องของยานามิอยู่เหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะไม่เด่นออกมาเลย หลังจากที่ถูกครอบครัวชิราทามะว่า ‘อ้วนขึ้น’ ยานามิก็ตั้งใจลดน้ำหนักอยู่
แต่ขนมปังพวกนั้นมันหายไปไหนหมดนะ……?
ผมกังวลเรื่องหน้าท้องของยานามิไปพลาง สอดสายตาหาตัวโคมาริ
ชักเป็นห่วงว่าเธออาจจะหนีไปแล้ว แต่พอหันไปมองหลังก็เห็นโคมาริยืนโบกพู่เชียร์เล็ก ๆ อย่างกลมกลืนอยู่ด้านหลังเหล่าสาว ๆ
……ยัยนั่น ซ่อนตัวเก่งจริง ๆ อ้าว หายไปอีกแล้ว
กำลังมองเธอด้วยความรู้สึกเหมือนดูสัตว์ป่าอยู่เพลิน ๆ เพลงก็มาถึงจุดไคลแมกซ์
เชียร์ลีดเดอร์เปลี่ยนฟอร์เมชั่น ทุกคนล้อมใครบางคนเอาไว้
คนที่ถูกล้อมก็คือ──โคมารินั่นเอง
เมื่ออายาโนะจากฝั่งเชียร์เป่านกหวีดดังขึ้น เชียร์ลีดเดอร์ทั้งหมดก็ยกโคมาริที่พยายามขัดขืนแบบแผ่ว ๆ ขึ้นไปสูงจนถึงระดับไหล่
โคมาริที่โดนมองจากทุกทิศทาง หน้าซีดเผือด ยกพอมพอมทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัวเหมือนหุ่นยนต์
ในจังหวะนั้นเอง เพลงก็ดับลง
เสียงนกหวีดดังอีกครั้ง เชียร์ลีดเดอร์ก็พร้อมใจกัน──โยนโคมาริขึ้นฟ้า
เสียงกรีดร้องของโคมาริดังก้องทั่วสนาม และในที่สุด เหล่าเชียร์ลีดเดอร์ก็รับตัวเธอได้อย่างงดงาม
ทันที──เสียงปรบมือดังสนั่น เป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
มองดูโคมาริที่ถูกสาว ๆ รุมล้อม ผมได้แต่พยักหน้าด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง
โคมาริ เธอเติบโตขึ้นมากเลยนะ… ถึงตัวเองจะหมดสติไปแล้วก็ตาม
MANGA DISCUSSION